:: โรงเรียนของหมิงหมิง ::
:: โรงเรียนของหมิงหมิง ::
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางคำตำหนิติเตียน เขาจะกลายเป็นคนที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางความรุนแรง เขาก็จะกลายเป็นคนที่ก้าวร้าว
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางความเย้ยหยัน เขาก็จะกลายเป็นคนขี้อาย
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางความรู้สึกที่ทำให้ต้องละอาย เขาก็จะกลายเป็นคนที่รู้สึกผิดอยู่เสมอ
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางความยากลำบาก เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความอดทน
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางการให้กำลังใจ เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางความชื่นชม เขาก็จะกลายเป็นคนที่เห็นคุณค่าของตัวเองและผู้อื่น
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางความเสมอภาค เขาก็จะกลายเป็นคนที่รักความยุติธรรม
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางความมั่นคงปลอดภัยของชีวิต เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความศรัทธา ไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเองและผู้อื่น
ถ้าเด็กเจริญเติบโตขึ้นอย่างเป็นอิสระ เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง
ถ้าเด็กเจริญเติบโตท่ามกลางการยอมรับและความเป็นมิตร เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความรักในหัวใจให้แก่ทุกๆคน
: เจย์ มาร์
หนังสือ : ความรักสุดขอบฟ้า เขียนและเรียบเรียง : เกียรติวรรณ อมาตยกุล
หมิงหมิงเริ่มไปเรียนที่โรงเรียนต้นกล้าตั้งแต่ต้นเดือนเมษา คอร์สแรกเป็นคอร์สซัมเมอร์ให้เรียนเกี่ยวกับยานพาหนะ คอร์สสองชื่อ are you ready เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอมจริง
ทั้งสองคอร์สใช้เวลาคอร์สละ 10 วัน สองคอร์ส 20 วัน หมิงหมิงร้องไห้ไปซะ 19 วัน 555 อีกวันที่ไม่ร้องนั่นคือป่วยอยู่บ้าน
ลูกรู้ไหมว่าการศึกษาคืออะไร ? ทำไมพ่อถึงเลือกโรงเรียนต้นกล้าให้ลูก ?
ครั้งแรกที่ไปดูโรงเรียน พ่อชอบสนามหญ้าของโรงเรียน พ่อชอบบรรยากาศของโรงเรียน
พ่อคิดว่า “บรรยากาศในการเรียนรู้” สำคัญกว่า “การเรียนรู้” เสียอีก
“การศึกษา” ในความหมายของพ่อ จึงไม่ต่างอะไรกับการที่คนเราตกหลุมรักใครสักคน
ไม่มีใครหรอกที่เจอหน้ากันแล้วก็บอกว่า “ฉันรักเธอ” ในทันทีที่พบกัน การศึกษาก็เช่นกัน ไม่มีโรงเรียนไหนเลยที่มาถึงห้องเรียน แล้วผู้สอนกับผู้เรียนก็เริ่มต้นเรียนกันได้
ต้องมีระยะเวลาในการปรับตัว เพื่อสร้างความคุ้นเคยระหว่างครูกับนักเรียน ต้องมีเวลาให้เด็กได้ปรับตัวกับโรงเรียนและสิ่งแวดล้อม
พ่อคิดว่ามันมีกระบวนการเรียนรู้อยู่ในขั้นตอนการศึกษา สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อม
ความพร้อมทั้งด้านบรรยากาศ สถานที่ ครู ผู้ปกครองและนักเรียน ทั้งหมดต้องทำหน้าที่และทำงานของตนเองไปพร้อมๆกัน
เมื่อทุกสิ่งพร้อม...ผู้เรียนพร้อม เด็กจะเรียนรู้ด้วยความสุข ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พ่อปรารถนาจะให้เกิดขึ้นกับหมิงหมิง
ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสองภาษา สามภาษา โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียน English Program หรือจะเป็นโรงเรียนรัฐ โรงเรียนวัด พ่อคิดว่าทุกแห่งต้องใช้แนวคิดนี้ในการสอน นั่นคือ ให้ความรู้เมื่อเด็กมีความรักที่จะเรียนรู้
การศึกษาจึงไม่ใช่การยัดเยียดชุดความคิด ความเชื่อให้เด็ก โดยไม่ดูความพร้อมในการเรียนรู้
เด็กเก่งในความหมายของพ่อ จึงไม่ใช่เด็กที่ต้องเร่งในการอ่านเขียน ไม่ใช่เด็กที่รีบเร่งในการหัดคัด หัดอ่านเขียน ก.ไก่ ข.ไข่ หรือท่องเอบีซีดี นับตัวเลขได้เร็วๆ
พ่ออยากเห็นลูกมีความสุข เมื่อลูกมีความสุข ลูกจะอยากเรียนรู้ เมื่อลูกอยากเรียนรู้ นั่นคือลูกจะเรียนรู้อย่างมีความสุข
“ความสุขในการเรียนรู้” เป็นสิ่งสำคัญมาก มีคนนับล้านที่เรียนด้วยความไม่รู้ ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนรู้ไปทำไม สุดท้ายได้แต่อ่าน ท่องจำ สอบแล้วก็ลืม โดยความรู้เหล่านั้นกลายเป็นความรู้ที่ตายซาก และนำไปต่อยอดพัฒนาชีวิตและความคิดของตนเองไม่ได้เลย
พ่ออยากจะบอกว่าโรงเรียนต้นกล้าเป็นโรงเรียนในฝันของพ่อด้วยซ้ำ สมัยพ่อไม่มีโรงเรียนแบบนี้ ไม่มีครูใจดีแบบนี้ ไม่มีแนวคิดแบบนี้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน
หมิงหมิงร้องอยู่ 19 วันเต็มๆ
10 วันแรกของคอร์สแรกครูขอให้ไปรับตอน 11 โมงหรือเที่ยงวัน เพื่อจะได้ให้ลูกค่อยๆปรับตัว เพราะช่วงนี้ลูกร้องเยอะมาก และไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดใดเลยในห้อง
10 วันต่อมาร้องน้อยลงเรื่อยๆ เข้าร่วมเฉพาะกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ
สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ หมิงหมิงเริ่มทานข้าวได้มากขึ้น ทานนมได้มากขึ้น และพูดคุยกับครูในเรื่องที่หมิงหมิงสนใจ
(และขอชมเชยว่าคุณครูพัดชาของลูกใส่ใจและน่ารักมาก คุณครูถามพ่อกับแม่ว่าลูกสนใจอะไร ชอบอะไรเป็นพิเศษ เพื่อจะได้มีข้อมูลเอาไว้คุยกับหมิงหมิง)
ลูกร้องไห้... แต่พ่อไม่ได้สงสารเลย ไม่ได้ชะโงกดูด้วยความห่วง พ่อไว้ใจครู พ่อไว้ใจโรงเรียน เชื่อมั่นว่าครูที่นี่น่ารัก ใจดีและเข้าใจดีว่า นี่เป็นช่วงเวลาในการปรับตัว นี่เป็นช่วงเวลาเหมือนที่หนุ่มสาวกำลังลอบมองตากันด้วยความสนใจ นี่คือช่วงเวลาที่ลูกกำลังเดินเข้าไปเพื่อพูดคุยกับคนที่ลูกสนใจ นี่คือการเริ่มต้นความผูกพันทั้งกับครู บรรยากาศแวดล้อม และเพื่อนร่วมชั้น เป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่จะปรับตัว ทำความคุ้นเคยกับผู้คนและสิ่งต่างๆรอบตัว ก่อนจะถึงช่วงเวลาแห่งการบอกรัก....
หมิงหมิงเปิดเทอมวันที่ 18 พฤษภาคม 2554 นี่คือวันแรกของการเป็นนักเรียนเต็มตัวในชั้น K-1/1 คุณครูพัดชา ครูประจำชั้นของลูกคงหนักใจไม่น้อย ที่วันแรกหมิงหมิงก็ร้องไห้ไปครึ่งวัน
แต่พอวันรุ่งขึ้นและวันต่อๆมา พ่อดีใจที่คุณครูเล่าให้ฟังว่าหมิงหมิงมีความสุขมากขึ้น เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในชั้นเรียนด้วยสนใจและความสนุก
เวลาพ่อไปรับลูกกับแม่ตอนบ่ายสาม ลูกยิ้มมีความสุขและวิ่งเล่นต่อในสนามเด็กเล่นของโรงเรียน อย่างมีความสุขโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย.....
ดูเหมือนหมิงหมิงจะตกหลุมรักโรงเรียนแล้ว
Create Date : 06 มิถุนายน 2554 |
|
127 comments |
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2563 7:43:33 น. |
Counter : 6308 Pageviews. |
|
|
วันนี้อ่านข้อความของอ้ายก๋า ที่เขียนถึงโฮงเฮียน
และเขียนถึงน้องหมิงหมิง..
เขียนได้ดีขนาดเลยเจ้า..
..
ชอบประโยคนี้จัง..
ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสองภาษา สามภาษา
โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียน English Program
หรือจะเป็นโรงเรียนรัฐ โรงเรียนวัด
พ่อคิดว่าทุกแห่งต้องใช้แนวคิดนี้ในการสอน
นั่นคือ ให้ความรู้เมื่อเด็กมีความรักที่จะเรียนรู้
...
วันนี้ขอกดโหวต หื้อแฮงๆ เลยเจ้า..