จาก “ดาวล้อมดอย” ถึง “คำขอสุดท้าย” ...
บันทึกนอกรอบ
จาก “ดาวล้อมดอย” ถึง “คำขอสุดท้าย” ... เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
ผมเคยพูดถึงเพลงดาวล้อมดอยที่ผมเคยแต่งไปครั้งหนึ่ง (คนที่ไม่เคยฟังสามารถกลับไปอ่านเรื่องราวได้ครับที่บล็อกเก่าในเดือนพฤษภาคมของผม)
....................................
ดาวล้อมดอย
เนื้อร้อง – ทำนอง – ร้อง และเล่นกีตาร์โดย : กะว่าก๋า
เย็นลมเย็นตะวันรอนๆ กลางเทือกหมู่ภูเขาเนาไพร บ้านหลังน้อยนี้อยู่แสนไกล สร้างขึ้นไว้ด้วยใจผูกพัน
แสงตะวันกำลังจะลับลา นั่งมองดูเงาฟ้ายามเย็น ชีวิตดำเนินไปอย่างที่เป็น เช่นทุกวันที่เคยผ่านไป
* ให้ดาวล้อมดอย คอยแสงจันทร์ส่องฉาย ให้ดาวล้อมเดือน เตือนว่าใจผูกพัน แน่นหนัก และรักเรา จะนำทางไปสู่ฝัน
และรักเรา ที่ผูกพัน ดั่งดาวล้อมดอย เคียงคู่กัน....ตลอดไป
...........................................
และถ้าคุณยังจำได้ ผมสัญญากับเจ้าของบ้านทั้งสองคนไว้ว่า ผมจะแต่งเพลงให้ทั้งคู่อีกเพลง
และนี่คือเพลงนั้นครับ......
..............................................
คำขอสุดท้าย
เนื้อร้อง – ทำนอง – ร้อง และเล่นกีตาร์โดย : กะว่าก๋า
ชีวิตที่ผ่านไป ย้อนมองกลับหลังดู บางครั้งก็ผิดพลั้ง แต่ทำได้เพียงเรียนรู้
อยู่มากี่ร้อนหนาวผ่าน เรื่องราว มากมาย สิ่งเดียวที่หัวใจต้องการ ก็คือ...
* แค่เพียงเธอ อยู่กับฉัน เป็นความหวังและทุกๆอย่าง เป็นดังแสงสว่าง ในคืนที่มันมืดมน
** แค่เพียงเธอ อยู่กับฉัน แค่เท่านั้น ที่ใจต้องการ ใครจะพูดถึงเธอยังไง ไม่เคยสนใจ
ขอแค่เพียง...ให้เธอ ยังรักฉัน....มั่นคง ตลอดไป ฮืม....ฉันหวังเท่านี้เอง
ฮืม...ฉันขอเท่านี้เอง ขอแค่นี้เอง เท่านี้เอง แค่นี้เอง ฉันขอแค่นี้เอง
..........................................................
ผมไม่แน่ใจว่า บาดแผลที่เจ็บปวดทางธุรกิจ จะลดทอนความรัก ความห่วงใยที่คนสองคนมีต่อกันเพียงใด แน่นอน...ในภาวะที่ชีวิตพันพัวไปด้วยหนี้สิน เราไม่อาจหลีกเร้นความเป็นจริงที่โหดร้ายนี้ไปได้
ความรัก...ช่วยเยียวยาทุกสิ่งได้จริงหรือ ?
..........................................
ถ้าดาวล้อมดอย คือ การมองความเป็นจริงของชีวิตในแง่งามและความหวังอันเต็มปรี่ คำขอสุดท้าย....อาจเป็นมุมมองของคนนอกอย่างผม ที่มองผ่านเข้าไปยังความรักของทั้งคู่ ที่ต้องก้าวผ่านความยากลำบากในชีวิตที่ง่อนแง่นด้านฐานะทางการเงิน
บ่อยครั้งที่ชีวิตไม่เหลือทางเลือกให้เรามากนัก อีกยังสาดซัดความเศร้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน
เราจะฝ่าข้ามเมฆหมอกหนาทึบที่ห่มคลุมชีวิตนี้ได้อย่างไร ?
..............................................
คำขอสุดท้าย....
ผมเก็บความรู้สึกจากถ้อยคำของพี่ผู้หญิง ที่พูดขึ้นมาท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บกลางดอย
“พี่ยอมทิ้งทุกอย่าง ขอแค่ได้อยู่ที่นี่กับอาจารย์”
ผู้หญิงที่ยอมทิ้งทุกอย่างที่ตนมีอยู่ในเมืองกรุง แล้วมุ่งเข้าสู่บ้านหลังเล็กกลางหุบเขากลางดอย ซึ่งวันที่เริ่มต้นลงหลักปักฐาน ที่นี่....ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าและน้ำประปา
.............................................
ผมไปที่บ้านหลังนี้เกือบทุกปี ไปเยือนยามหน้าหนาว นั่งเล่นกีตาร์ และร้องเพลงให้เจ้าของบ้านและเพื่อนๆฟัง ค่ำคืนและอากาศอันหนาวเหน็บคงมีส่วนช่วยหนุนเนื่อง ให้เพลงมีความไพเราะลึกซึ้งกินใจคนฟังมากขึ้น
หลังสุด...ข่าวคราวที่ได้รับ ทั้งสองอยากขายบ้านกลางดอยนี้ เพื่อใช้หนี้สินที่มี แล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่ในเมือง
ผมไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อบ้านหลังนี้ได้ แม้ใจจะรักและหลงใหลทุกสิ่งที่นี่มากเพียงใดก็ตาม
............................................
ความหวัง ความฝัน และโลกแห่งความเป็นจริง เดินสวนทางกันตลอดเวลา กี่ครั้งกี่หนในชีวิต ที่น้ำตาต้องเกลื่อนกล่นหล่นร่วง
กี่คราวกี่หนที่ต้องทนหม่นหมอง แล้วปล่อยให้ความหวังเดียวที่มีอยู่แหว่งวิ่นหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา
“พี่ยอมทิ้งทุกอย่าง ขอแค่ได้อยู่ที่นี่กับอาจารย์”
อาจเป็นถ้อยคำที่กระตุ้นให้ผมซึมซับความรู้สึกที่คนสองคนมีต่อกัน
ใช่....
แค่เพียงเธอ อยู่กับฉัน เป็นความหวังและทุกๆอย่าง เป็นดังแสงสว่าง ในคืน ที่มันมืดมน
แค่เพียงเธอ อยู่กับฉัน แค่เท่านั้น ที่ใจต้องการ ใครจะพูดถึงเธอยังไง ไม่เคยสนใจ
ขอแค่เพียง...ให้เธอ ยังรักฉัน....มั่นคง ตลอดไป ฮืม....ฉันหวังเท่านี้เอง
……………………………………………
ฉันหวังเท่านี้เอง ฉันขอแค่นี้เอง.
Create Date : 18 กรกฎาคม 2550 |
|
74 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 7:28:42 น. |
Counter : 1082 Pageviews. |
|
|