:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - สุดทางทุกข์ ::
:: สุดทางทุกข์ ::เขียน : Claude A. Thomas แปล : อมร แสงมณี และ อัฐพงศ์ เพลินพฤกษา
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าวัยเยาว์อันแสนเจ็บปวดรวดร้าว เต็มไปด้วยความรุนแรงในครอบครัว หลวงพ่อธอมัสผ่านสงครามเวียดนามในวัยหนุ่ม กลับมาสู่ความแปลกแยกในบ้านเกิดที่สหรัฐอเมริกา ก่อนพบความจริงว่า “สงครามเวียดนาม” ยังไม่ได้จบสิ้นลง แต่กลายเป็นว่ามันกลับมาเป็น “สงครามภายในใจ” ของตัวเอง ส่งผลยาวนานนับสิบปี สร้างความล้มเหลวให้กับชีวิตในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะกลายเป็นคนล้มเหลวในหน้าที่การงาน ความสัมพันธ์อันไม่ยั่งยืนกับคนรัก กลายเป็นพ่อที่ไม่กล้าอุ้มลูก อารมณ์เหวี่ยงไปมาด้วยฤทธิ์ยาเสพติด
จนวันหนึ่งซึ่งหลวงพ่อได้หยุดความสับสนทั้งมวลของชีวิต ด้วยการสำรวจตรวจสอบความคิดของตนเองผ่านการฝึกฝนธรรม เริ่มต้นจากการไปปฏิบัติธรรมกับสังฆะของท่านติช นัท ฮันห์ ราว 3 ปี ก่อนกลับมายังสหรัฐอเมริกาอีกครั้งเพื่อบวชเป็นพระเซ็น
หนังสือแบ่งออกเป็นสองภาค ภาคแรกบอกเล่าชีวิตประวัติของตัวท่านเองตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงช่วงที่กลับมาจากสงครามเวียดนาม และมีชีวิตตกต่ำดำดิ่งนานหลายปี
ภาคสองบอกเล่าการค้นพบตัวเองผ่านการเดินทางอันแสนยาวไกล ข้ามเมือง ข้ามประเทศเพื่อทำกิจกรรมทางสังคม ปฏิบัติธรรมในรูปแบบคล้ายการเดินธุดงค์ เพื่อสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับทุกคนโดยไม่เลือกชนชาติและศาสนา สวดให้กับทุกดวงวิญญาณซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามตามสถานที่ต่าง ๆ
การเดินเพื่อเดิน ทำให้ท่านได้ค้นพบความจริง พบความยากลำบาก เจอะเจอทั้งการปฏิเสธและการช่วยเหลือ ทำให้ท่านเห็นแง่งามของความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างหลากหลาย
“เมล็ดพันธุ์แห่งความทุกข์” งอกเงยและงอกงามอยู่ในใจของคนผู้ไม่มีสติ มันคอยบงการความคิด เลือกและตัดสินใจให้เราต้องทำในสิ่งผิด กระทำในสิ่งที่เป็นทุกข์ ทำให้เราต้องกลายเป็นคนที่ไม่อยากเป็น ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
หนึ่งในความผิดพลาดของคนทั่วไปเวลาฝึกสติ คือ การสร้างภาพพจน์ผิด ๆ คิดว่า คนที่มีสติ คือ คนที่ไม่มีความกลัว หรือต้องสงบเย็นตลอดเวลา แต่ในมุมมองของหลวงพ่อธอมัส สติ คือ ความสงบในใจท่ามกลางสภาวะที่ไม่สงบ คือการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด สถานการณ์ใด เพราะในชีวิตคนเราย่อมประสบพบเจอทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย เจอะเจอทั้งความสงบและความวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา
การมีสติ คือ การรับมือทุกเหตุการณ์ โดยรู้ว่ามันจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทุกข์หรือสุขในชีวิตก็ไม่ต่างกัน ... มาแล้วก็ไป --- มาแล้วก็ไป ไม่มีอะไรคงอยู่คงทนถาวรตลอดไป
สติระลึกรู้จะทำให้เรามองเห็นความงามของสายฝนท่ามกลางพายุ สามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริง เห็นสุขและทุกข์อย่างที่เป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้มันเป็น
การเยียวยาบาดแผลในใจตนเอง ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทุกข์เกิดขึ้นอีก ความเจ็บปวดและความทุกข์ในชีวิตอาจไม่ได้หายไปไหนเลย แต่การเยียวยา คือ การเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทุกข์ที่มี ในมุมมองซึ่งแตกต่างออกไปจากเดิม เพื่อไม่ให้ทุกข์เหล่านั้นครอบงำความคิด ควบคุมชีวิตของเรา
“การตื่นรู้ในความจริงแห่งชีวิต” เป็นหนทางที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ เป็นการกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะของตนเอง โดยไม่ต้องไปยุ่งกับอดีตซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ไม่ต้องไปกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ดั่งการผลักก้อนหินซึ่งขวางทางเดินให้เคลื่อนที่ออกไป โดยไม่จำเป็นต้องทำลายหรือระเบิดก้อนหินนั้นทิ้ง
หนังสือเล่มนี้งดงามและบอกเล่าเรื่องราวของภิกษุรูปหนึ่งอย่างตรงไปตรงมา มีหลายเรื่องราวในเล่มที่หลวงพ่อเขียนได้อย่างน่าสะเทือนใจ น่าประทับใจ
ฝากบางประโยคที่ผมชอบมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันด้วยครับ
Create Date : 01 ตุลาคม 2562 |
|
19 comments |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2563 22:50:25 น. |
Counter : 427 Pageviews. |
|
|
รินไม่มีแบบเป็นเล่มมากนัก ส่วนใหญ่อาศัยติดตาม
ทาง fb อ่านแล้วก็เข้าใจชีวิตมากขึ้นค่ะ
ขอบคุณที่แนะนำนะคะ ^^