เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
16 เมษายน 2550

รู้..ไม่รู้....รู้ไม่จริง


นั่งคุยกับตัวเอง : รู้..ไม่รู้....รู้ไม่จริง
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
19 เมษายน 2550



เราให้ความสำคัญกับการมีชีวิตอยู่
มากกว่าครุ่นคิดถึงการใช้ชีวิต

เราให้ความสำคัญกับความสำเร็จ
มากกว่าวิธีที่ได้มันมา

เรามุ่งแสวงหาความรักลวงๆ
มากกว่าเลือกที่จะแสดงออกซึ่งความรักที่จริงใจ

เราแสวงหาคำตอบ
โดยไม่แยแสต่อคำถาม

เราจึงรู้...เท่าที่เรารู้
เราจึงไม่รู้...ว่าเราไม่รู้
หรือหากเรารู้....ก็รู้ไม่จริง


3 กรกฏาคม 2542


……………………………………


หลายปีก่อน
ยุคหนึ่งเราเชื่อว่าหากใครได้เป็นหนึ่งใน Baby Boom
หรือ Yuppy ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในชีวิต
กลุ่มคนเหล่านี้ต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้

- เรียนจบจากสถาบันมีชื่อเสียง ด้วยคะแนนที่เป็นเลิศ
- สร้างตัวเองจากงานเท่ห์ๆ เงินเดือนสูงๆ
- มีบ้านหลังใหญ่ คอนโดหรูกลางเมือง
- มีรถเก๋งคันใหญ่
- มีบัตรเครดิตการ์ดหลายใบ
- มีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจที่กว้างขวาง
- มีคู่ควงที่สวยเริ่ด หรือหล่อ เป็นคนดังในวงสังคม


ผมไม่รู้การศึกษาแบบไหนที่หล่อหลอมวิธีคิดแบบนี้
ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเป็นแนวคิดแบบ “ทุนนิยม” หรือ แบบ”พอเพียง”
แบบไหนก็แย่พอกัน...ถ้าสอนให้คิดแบบเอาชีวิตไปผูกติดกับ
ความสำเร็จทางด้านวัตถุ
เพราะยิ่งคนอยากรวยด้วยวิธีแบบแปลกๆ แบบเร่งร้อนมากเท่าไหร่
เรายิ่งได้เห็นอาการตะกลุมตระกรามในความอยากประสบความสำเร็จ
และผลของมันก็จบลงแบบไม่สวยงามทุกครั้งไป

เราถึงได้เห็นนักเล่นหุ้นยิงตัวตายพร้อมเมียและลูกอีกสามคน เพียงแค่หุ้นตกสามวัน

แล้วเราก็ได้เห็นหญิงสาวที่พร้อมจะแก้ผ้า
เพื่อแลกกับความดังชั่วข้ามคืน

เราถึงได้มีนักศึกษาที่ยอมนอนกับชายแปลกหน้า
เพียงเพื่อจะได้มีสิ่งของเครื่องใช้ไว้ประชันขันแข่งกับเพื่อน

การศึกษาแบบไหนหนอ...ที่ผลิตคนออกสู่สายพาน ป้อนเข้าสู่สังคมด้วยวิธีคิดแค่ว่า
“ใครเป็นไงกูไม่สน ขอกูดัง ขอกูรวยก็พอ”

วิธีคิดแบบนี้หรือเปล่า
ที่ทำให้เด็กต้องเรียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสร็จแล้วก็ต้องพาตัวเข้าสู่คอกของการกวดวิชา
เรียนจบต้องไปเรียนบัลเล่ท์ เรียนศิลปะ เปียโน ขี่ม้า ฯลฯ
เพียงเพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของพ่อแม่
เตรียมเป็นหัวข้อสนทนาในการประชันขันแข่งระหว่างพ่อแม่กับพ่อแม่ด้วยกัน
เราถึงได้มีแต่เด็กที่ทำทุกอย่างไปตามสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ
จากนั้นก็รีบ เร่ง เรียนให้จบ
ออกจากสายพานเพื่อเข้าสู่สังคม......

เพราะวิธีคิดแบบนี้หรือเปล่า
สังคมถึงได้พิกลพิการแบบนี้
เพราะแบบนี้หรือเปล่า สังคมถึงได้เต็มไปด้วย พวกความฝันพิกลพิการ
พวกที่มีบาดแผลในวัยเด็ก
แล้วต้องมานั่งเติมเต็มด้วย
“วัตถุสิ่งของ หน้าตาทางสังคม ความร่ำรวย ทรัพย์สินเงินทอง”

นี่เป็น “ความรู้” ที่ใครจัดให้กับคนในสังคมของเรา
นี่คือ “ความเชื่อ” ที่ใครยัดเยียดให้กับเด็กของเรา
นี่คือ “ตัวตน” ที่ใครกำหนด

ถ้าการศึกษายังทำหน้าที่ของตัวเองได้เท่านี้
ผมคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะหวังให้สังคมของเรา “ดีงาม” ขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
หรือว่าทำได้เพียงแค่พึมพำว่า
“แค่สังคมไม่เลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ ก็ดีถมถืดแค่ไหนแล้ว”

หรือด้วยความเป็นคนไทย
เราทำได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วนั่งฝันกันไปว่า
ถึงวันหนึ่งเดี๋ยวการศึกษาของเรามันก็ดีขึ้นเอง

“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง....”
ถ้าถึงตอนนั้นแล้วผมยังไม่ตาย
คุณช่วยสะกิดบอกผมให้รู้ตัวด้วยก็แล้วกัน
...ขอบคุณล่วงหน้า







......................................


รูปนี้แอบถ่ายหนุ่มน้อย ไปเจอกันที่งานบุญ
ทอดผ้าป่าถวายระฆังให้วัดในดอยแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่




 

Create Date : 16 เมษายน 2550
21 comments
Last Update : 16 เมษายน 2550 19:07:44 น.
Counter : 1144 Pageviews.

 

การศึกษาแบบไหนหนอ...ที่ผลิตคนออกสู่สายพาน ป้อนเข้าสู่สังคมด้วยวิธีคิดแค่ว่า
“ใครเป็นไงกูไม่สน ขอกูดัง ขอกูรวยก็พอ”
.................................................................................................
ตรงใจเลยค่ะ เพื่อนบางคนยังคิดแบบนี้เลย

แล้วเด็กรุ่นหลังๆจากเราจะเป็นอย่างไร

ระบบการศึกษาของเราเหมือนถอยหลังไปเรื่อยๆจริยธรรมทางการศึกษาไม่มีแล้วหรือ???

แล้วจะมาเฝ้าบ้านให้นะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ

 

โดย: เพียงแค่เหงา 16 เมษายน 2550 19:59:53 น.  

 


การศึกษาหรือสภาพสังคม???

ระบบการศึกษาอาจไม่ได้ทำให้เกิดลักษณะแบบดังกล่าวก็ได้ แต่สภาพสังคมต่างหากทำให้เกิดความเชื่อว่าจะต้องเรียนโน่นเรียนนี่ จึงจะเป็นที่ยอมรับของสังคมที่ตัวเองอยู่ หรือไม่ก็เรียนเพื่อฆ่าเวลาเพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกๆ

ระบบการศึกษาปัจจุบันดูอ่อนแอไม่เข้มแข็ง
จึงดูเหมือนว่าชีวิตการเรียนต้องเรียนแล้วเรียนอีกซ้ำไปมา
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนรุ่นปู่ย่าตายายของเรา หรือแม้แต่รุ่นเราเอง ซึ่งไม่เห็นต้องเรียนกวดวิชาอะไรมากมาย ทำไมยังดำรงชีวิตอยู่ได้

เรียนมากเลยดูฟุ้งเฟ้อมาก เพราะสังคมมากขึ้นล่ะมั้ง

บ่นแต้เช้าเลยเรา

 

โดย: sunny-low 17 เมษายน 2550 6:23:44 น.  

 

เราจึงรู้...เท่าที่เรารู้
เราจึงไม่รู้...ว่าเราไม่รู้
หรือหากเรารู้....ก็รู้ไม่จริง

ที่สำคัญก็คือ ไม่รู้จักตัวเอง ด้วยอีกหนึ่งกระทง ยิ่งแย่กันเข้าไปใหญ่

 

โดย: floral_flory 17 เมษายน 2550 8:48:10 น.  

 

มันน่าเศร้ามากที่การศึกษา ไม่สามารถช่วยให้เด็กเอาตัวรอดได้จากค่านิยมบ้าบอเหล่านั้น เมื่อก่อนมันยังฟุ้งอยู่ในระดับนักศึกษามหาวิทยาลัย (เท่านี้สังคมไทยก็ป่วยพอแล้ว) แต่ดูเหมือนตอนนี้มันลามลงมาถึงระดับมัธยมปลาย มอต้น จนถึงประถม

หลานเพื่อนเด็กปอห้า มีมือถือไว้ใช้แล้ว เพราะเพื่อนๆก็มีเหมือนกัน หรือเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงก่อนวัยอันควร...

เรื่องเสียๆแย่ๆมันลามเร็วชั่วข้ามคืน และแก้ยาก ถ้าเราเริ่มแก้ไขเสียแต่วันนี้ เราอาจต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วอายุคน เพื่อทำให้เด็กตาสว่างตั้งแต่เด็กๆ แต่ดูเหมือนว่า..ตอนนี้ยังไม่มีใครลงมือแก้ไขอย่างจริงจังเลย

 

โดย: renton_renton 17 เมษายน 2550 9:33:45 น.  

 

วีกลับจากเชียงใหม่แล้วค่ะ
คนน้อยกว่าที่คาดไว้
แต่บังเอิญป่วย
เลยทำให้เที่ยวไม่สนุกเท่าไร

สงกรานต์วันสุดท้ายแล้วละ

วีขอสาดน้ำหน่อยนะคะ

ขอให้

เปียกไปด้วยโชคดี

เปียกไปด้วยความสุข


 

โดย: โสดในซอย 17 เมษายน 2550 9:42:04 น.  

 

เอ.. วันนี้เพิ่งวันที่ 17 เมษา ไม่ใช่เหรอคะ

วันนี้อ่านแล้วเครียดจัง
เคยมีเพื่อนคนหนึ่งส่งบทความหนึ่งมาให้อ่าน
คล้ายๆกะบทความของคุณกิจ
อ่านแล้วเศร้าใจค่ะ

 

โดย: printcess of the moon 17 เมษายน 2550 13:17:35 น.  

 

“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง....”
ถ้าถึงตอนนั้นแล้วผมยังไม่ตาย
คุณช่วยสะกิดบอกผมให้รู้ตัวด้วยก็แล้วกัน
...ขอบคุณล่วงหน้า

.............................................................................

ได้ใจค่ะ

"เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง" คุณกิจอย่าคิดมากเสิคะ อ่ะ...ย้อเย่น (ถ้าอยู่ๆทุกอย่างมันดีขึ้นเองของมันได้อ่ะนะ)

เปิดโรงเรียน สอนให้เปลี่ยนวิธีคิดและค่านิยมแบบนี้กันดีไหมคะ ร่วมหุ้นกัน สอนกันเป็นเรื่องเป็นราว ให้เปลี่ยนจากคิดแค่เพื่อตัวเองมาเป็นคิดเพื่อสังคมมากขึ้น ป้อนเด็กที่ผ่านการเรียนการสอนแบบนี้เข้าสู่สายพานบ้าง

คนพิการทางความคิดในสังคมเรามีเยอะ คนทุนนิยม วัตถุนิยมมีเยอะ พวกนี้รวยๆมีเงินทั้งนั้น เปิดโรงเรียนสอนวิธีคิดแบบใหม่นี่ซะ เอาคนพวกนี้มาเรียน เก็บเงินค่าสอนแพงๆ รับรองกำไรชัวร์ ไม่กี่ปีคืนทุน อีกไม่กี่ปีเป็นเศรษฐีบ้าง ถ้าเขาจะมาเรียนกันอ่ะนะ (อ้าว...ไหงงั้น) ขำๆนะคะ

ออกแนวประชดประชันตามคุณกิจ ที่บอกว่า "ถ้าถึงวันนั้นแล้วผมยังไม่ตาย ช่วยสะกิดบอกให้ผมรู้ตัวด้วย)

สบายใจอิ่มบุญกลับมานะคะ

 

โดย: บรรณภรณ์ 17 เมษายน 2550 13:23:52 น.  

 

จำได้สมัยนั้น อิจฉาพวก yuppy นี้จริง ๆ

ตอนนี้ก็ยังอยากเป็นแบบนั้น แต่ทีนี้มันไม่มีทางเป็นได้ เลยปลงตกแระ

 

โดย: ทาสบอย 17 เมษายน 2550 14:36:22 น.  

 

อยากให้ทุกคนมีวิธีคิด ที่สามารถอยู่เหนือระบบเหล่านั้นได้มากๆ อย่างคุณน้าจังเลย

กลับมาแล้วค่ะ ว่าแต่น้าวีระเที่ยวสงกรานต์หนักเกินไปจนลืมวันที่ หรือว่าหัวใจเดินเร็วเกินไปกันแน่คะเนี่ย

 

โดย: คนเลวที่แสนดี 17 เมษายน 2550 14:36:27 น.  

 

ไม่รู้จริง ๆ
ไม่รู้จะแก้ตรงไหน
ไม่รู้ว่าใครต้องเป็นคนแก้

....ทุกคนสิคะต้องช่วยกันแก้ อย่ามัวแต่หา"ตัวการ"อยู่เลย มันเป็นหน้าที่ของทุกคน
เริ่มแต่วันนี้ เริ่มจากที่นี่
การจัดการศึกษา ทุกคนมีส่วนร่วมอยู่แล้วละค่ะ

อ้อ...อยากถามตั้งแต่เข้ามาแล้วละค่ะว่าเขียนไว้ล่วงหน้ารีเปล่าคะ

 

โดย: ชิงดวง 17 เมษายน 2550 16:49:41 น.  

 

สายพานชีวิตมักเป็นเช่นนี้

มองโลกให้เห็นอย่างที่มันเป็น แล้วจะเข้าใจ

 

โดย: Kala_mydog 18 เมษายน 2550 1:59:25 น.  

 


เข้ามาอ่านความคิดเห็นดีๆ ที่ผมก็เป็นบางอย่าง อย่างที่คุณว่าเอาไว้

 

โดย: yyswim 18 เมษายน 2550 9:43:39 น.  

 


หรือบางที
สังคมอาจรอใครบางคน
ซึ่งอาจจะเป็นคุณหรือใครๆก็ได้ที่จะโอบอุ้มให้ความรักความใส่ใจ และเติมเต็มสังคม
ใครๆก็ไม่รักสังคม

 

โดย: รุ้งสีที่แปด 18 เมษายน 2550 16:31:15 น.  

 

"ใครเป็นไงกูไม่สน ขอกูดัง ขอกูรวยก็พอ”+555 ใช้ๆ

************

ตามอ่านเก็บไปได้หลายเรื่องแล้วคะ เขียนไว้เยอะมากๆ
ตอนนี้ไปเจอเรื่องหนึ่งมา ไม่ค่อยดีเท่าไร
คุณกะว่าก๋าเขียนว่า เราจึงรู้...เท่าที่เรารู้
เราจึงไม่รู้...ว่าเราไม่รู้
หรือหากเรารู้....ก็รู้ไม่จริง
เอามาใช้ปรับกับเรื่องของตัวเองได้ดีเลยคะ
เพราะอยากให้สิ่งที่เรารู้มามันไม่จริง

 

โดย: li_goro 18 เมษายน 2550 16:53:04 น.  

 

ฮืมมมม

ดีใจจัง มีคนคิดเหมือนกันกับเราเลย

 

โดย: สายลมอิสระ 18 เมษายน 2550 17:54:05 น.  

 


แวะมาเยี่ยมตามที่ฝากฝังไว้

แต่ยังไม่ได้กลบนะ

รอเจ้าของบล้อกมากลบเอง

อิอิ

เป็นไงบ้างน๊อ

เดี๋ยวคงกลับมาเล่าให้ฟังมั้ง

 

โดย: sunny-low 18 เมษายน 2550 19:46:20 น.  

 

แวะมาอ่านบทความดี ๆ เหมือนเดิมค่ะ

งิงิ ไม่อยู่หลายวัน ฝากไว้หลายเรื่องเชียวนะ

แต่ะจะบอกว่าเค้าอ่านหมดแล้วล่ะ หุหุ

 

โดย: Beee (Beee_bu ) 19 เมษายน 2550 2:41:19 น.  

 

ตัวเราเองที่กำหนด...ทุกอย่าง

เคยเห็นเด็กมัธยมสองคนเดินมาดว้ยกัน...ดูท่าทางก็น่าจะเป้นเพื่อนสนิทและเรียนโรงเรียนเดียวกัน(ดูจากเครื่องแบบ)

เด็กคนหนึ่งหยิบเศษตังค์ใส่ขันขอทาน...1บาท...
เมื่อเดินห่างมาสักหน่อย...เพื่อนอีกคนก็ถามแกไปให้มันทำไม...มันเป็นแก็งนะโว้ย...บร้าๆๆๆๆ (พูดสอนเพื่อนยืดยาว)

...บาทเดียว...ฉันไม่เดือดร้อน...

ก็ถ้าทุกคนให้ 1 บาท...ล้านคนมันก็ได้ล้านบาทนะแก

...ชั่งเค้าซิ...ก็ฉันใหเค้าแค่บาทเดียว...

ป้าเดินฟังเด็กสองคนพูดกันจนเดินแยกมาอีกทาง...แล้วแอบเหลียวหลังกลับไปมองขอทานแก่ๆ...ที่มีความพิการปนอยู่ด้วย...

...เอ...เมื่อกี้ป้าให้แกไป 3 บาท...รวมกับของเด็กเมื่อกี้แกก็รวยขึ้นอีก 4 บาทดิเนอะ...อิอิอิอิ...ป้าสบายใจจัง

เด็กที่ให้แก 1 บาทบอกไม่เดือดร้อน

ป้าให้แก 3 บาทป้าก็ไม่เดือดร้อน...

ส่วนขอทานก็มีตังค์ มากขึ้น 4 บาท...
...เอ...ถ้ามีคนให้แกอีก20คน..แกจะไปกินไอติมที่ราคาเพียง 59 บาท ...ที่เด็กคนที่เดือดร้อนแทนเพื่อน...และคนอื่นๆที่ตั้งใจทำทาน...กำลังชวนเพื่อน ที่ทำทาน 1 บาทไปกิน...ได้ใหมนะ......

อ่านเรื่องน้แล้วคุณจเของบล็อกคิดไง...บ้างค่ะ

ตัวป้าเองก็อยากเป็นครูที่ดี...แบบที่คุณเจอบ้างจัง...เพราะป้าก็เจอะครูดีๆไม่น้อยเหมือนกัน...และครูดีเหล่านั้นก็มีส่วนที่ทำให้ป้ามาเป็นครูในวันนี้......ก็จะพยายาม...อดทนและทนอดต่อไป...

 

โดย: nong_taky 19 เมษายน 2550 9:25:43 น.  

 

ชอบรูปน้องจังน่ารัก น่าหยิก น่ารังแก

 

โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) 19 เมษายน 2550 10:39:16 น.  

 

แวะเวียนมาหา วันนี้วันที่ 19 จริง ๆ แล้วค่ะ
กลับเข้าบล็อกเมื่อไร บอกด้วยนะคะ

 

โดย: ชิงดวง 19 เมษายน 2550 15:18:05 น.  

 

แอบอู้งานมาอ่านแป๊ปนึงครับ อิอิ

 

โดย: พีทคุง (redistuO ) 19 เมษายน 2550 16:01:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]