กุมภาพันธ์ 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
10 กุมภาพันธ์ 2550

ชื่อเรียกของมันมิใช่... “ความรัก” ภาค 11









นั่งคุยกับตัวเอง : ชื่อเรียกของมันมิใช่... “ความรัก” ภาค 11
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
11 กุมภาพันธ์ 2550



อะไรทำให้ภาพหนึ่งตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเรามาโดยตลอด
แม้ไม่ได้ถูกบันทึกเป็นภาพนิ่ง หรือแม้แต่จดจารเป็นตัวอักษร
แต่เธออยู่ตรงนั้น.....
และวันเวลาก็ไม่เคยลบเลือนเธอไป


…………………………………


ต้นไม้ที่เธอให้ไว้ยังไม่ตาย...


...................................


เพื่อนในสมัยเรียนให้ต้นไม้เล็กๆกระถางหนึ่งกับผม
ตอนแรกมันมีต้นเต็มกระถาง
กระบองเพ็ชรที่ใครๆว่าเลี้ยงง่าย
กลับตายลงไปทีละต้นทีละต้นอย่างรวดเร็ว
จากสิบกว่าต้นในตอนแรก เหลืออยู่เพียงสามต้นเท่านั้น
นั่นเป็นบทเรียนแรกของการเรียนรู้ที่จะดูแลต้นไม้
เมื่อคุณดูแลมันมากเกินไป ดีเกินความพอดีก็ไม่ได้
ไม่เหลียวแลทิ้งขว้างมันก็เหี่ยวเฉาตาย
จุดที่พอดีก็ไม่ง่ายที่จะหาพบ
คุณต้องเรียนรู้อุปนิสัยของต้นไม้นั้นๆ
ชอบแดดหรือร่ม ชอบน้ำหรือชอบแล้ง
โรคของมันมีอะไรบ้าง ชอบปุ๋ยแบบไหน
ฯลฯ


............................................


ผมพามันกลับบ้านมาด้วย หลังจากเรียนจบ
เมื่อเวลาผ่านไป มันเริ่มแทงหน่ออ่อนขึ้นมาใหม่
ไม่นานนักก็อวดดอกสวย...สีสันแปลกตา


..........................................


ระยะทางไกล ทำให้เราห่างกัน
เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ตั้งแต่ต้น
ว่าความสัมพันธ์ที่ขีดคั่นไว้ให้หยุดตรงคำว่า “เพื่อน”
ไม่อาจงอกงามเป็นอย่างอื่นอย่างใดไปได้
ไม่มีคำว่า “มากกว่าเพื่อนสนิท แต่ไม่ใช่คนรัก”
สำหรับผม เพื่อนคือเพื่อน คนรักคือคนรัก...
ทุกอย่างตรงไปตรงมา
คำตอบในใจผมไม่เคยเปลี่ยน....


.........................................


วันนี้ผมมองดูเจ้าต้นไม้ที่เคยทำท่าจะล้มหายตายจากกันไป
กลับเติบโต แตกกิ่งก้านสาขาและหน่ออ่อนอยู่เรื่อยๆ
ผิดกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเจ้าของต้นไม้นี้ที่ห่างหาย
และห่างเหินตามวันเวลาที่ผ่านไป

เมื่อนั่งย้อนมองกลับไป...
ผมไม่แปลกใจว่าทำไมตอนแรกถึงดูแลต้นไม้กระถางนี้ได้ไม่ดี
เพราะผมไม่เข้าใจมันดีพอ รดน้ำมากเกินไป วางไว้ในร่ม
ทั้งๆที่มันเป็นไม้ที่ชอบแดดและความแล้ง

เหมือนความสัมพันธ์...ที่วันหนึ่งทำให้ผมได้รู้ว่า
ความสัมพันธ์ระหว่างกัน ก็เหมือนต้นไม้
ถึงแม้อยากสานต่อ อยากทักทอความรู้สึกเท่าใด
หากอีกฝ่ายไม่เปิดใจ ย่อมไม่มีประโยชน์
เพราะความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จักวิธีดูแลรักษา
ย่อมเหี่ยวเฉาและยืนต้นตายไปในที่สุด
ต่างกับการถอยออกมามองดูไกลๆ เข้าใจตัวเองให้มาก
ต้องรู้ให้ได้ว่าตัวเองต้องการอะไร
ต้องมองตัวเองให้ขาดว่าเราทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายได้แค่ไหน
ปล่อยพื้นที่ว่างให้ต่างได้หายใจ
วันหนึ่ง...เมื่อ “ความรู้สึก” ที่มี เติบโตขึ้น
ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่ต่างจะให้ร่มเงาซึ่งกันและกัน.



..............................................................


หมายเหตุ :


ดอกเฮลิโคเนียกำลังบานอวดดอกสวย
รูปไม่ตรงกับบันทึกที่เขียน เพราะแพ้ความงามของต้นนี้ครับ









 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2550
9 comments
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2550 16:56:34 น.
Counter : 1869 Pageviews.

 

ต้นไม้ไม่อาจเติบโตเต็มที่ได้ในร่มเงาของกันและกัน
แต่ละชีวิตย่อมมีที่มีทางที่เป็นหนทางเฉพาะของตน

รักย่อมไม่ต้องการการครอบครอง
หากแต่เคียงข้าง ประคับประคองและค้ำจุนซึ่งกันและกัน

 

โดย: ชิงดวง 10 กุมภาพันธ์ 2550 23:30:17 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณกะว่าก๋า และคุณชิงดวง

ชอบที่คุณบอกว่า ต้องถอยออกมาดูตัวเอง และเข้าใจตัวเอง

ชอบความเห็นของคุณชิงดวงด้วยค่ะ

 

โดย: ปอ (O_Sole_mio ) 10 กุมภาพันธ์ 2550 23:50:51 น.  

 


เคยสงสัยตัวเองว่า
คงจะไม่มีพรสวรรค์ในการปลูกต้นไม้
เพราะเพื่อนให้ตะบองเพชรมากี่ต้นก็ต้นก็ตายหมด
เพื่อนให้กุหลาบหินมาปลูก
เพราะเข้าจว่าปลูกง่ายตายยาก
แต่ฉันก็ทำมันตายง่ายอีกเช่นกัน

ทำให้รู้สึกว่าตัวเองจะปลูกต้นไม้ไม่ขึ้นจริงๆ เหรอ
ก็เลยไปลองซื้อมาปลูกเองบ้าง ซื้อมา 3 ต้น
ตายไปแล้ว 2 ต้น เหลือ เดฟแคระต้นเดียว
และไปซื้อกระบองเพชรมาอีก 3 ต้น

เดฟแคระที่เหลือก็เกือบตายมะล่อมมะล่อ
แต่ฉันพยายามดูแลเขาเป็นพิเศษ
เอาใจใส่ในการรดน้ำมากขึ้น และบอกกับเขาว่า
อย่าเพิ่งตายนะ ฉันอยากเห็นเรามีดอกเยอะๆ
และเลื้อยเต็มเส้นลวดที่แขวน
จากอาการที่จะไม่รอด
ตอนนี้มันออกดอกให้ฉันชื่นใจบ้างแล้ว
รอเพียงว่า มันจะเติบโตมากขึ้นๆ ดังที่ฉันหวัง

ส่วนตะบองเพชร ฉันก็พยายามเฝ้าดูและเฝ้ารอ
เพราะอยากเห็นดอกสวยๆ ของมัน
แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสได้เห็นหรือไม่
ตอนนี้ขอเพียงมันไม่ตาย ฉันก็ดีใจแล้ว

ที่ฉันพยายามประคับประคองต้นไม้พวกนี้ไว้
เพราะฉันอยากพิสูจน์ตัวเองว่า
ฉันจะสามารถดูแลต้นไม้ให้มันงดงามได้หรือไม่
เพราะถ้าฉันทำไม่ได้
ฉันก็ไม่กล้าจะไปดูแล "ใคร" เช่นกัน

 

โดย: sunny-low (sunny-low ) 11 กุมภาพันธ์ 2550 6:58:47 น.  

 

ขอโทษนะคะ สงสัยมานานแล้วว่าจะถามก็ไม่ได้ถามซะที คืออยากทราบว่า สิงห์โตหมอบนี่ใช่นามแฝงของคุณ กะว่าก๋ามั้ยคะ

 

โดย: printcess of the moon 11 กุมภาพันธ์ 2550 9:43:54 น.  

 

สิงห์โตหมอบ
กะว่าก๋า
ธันยา จุฬาลักษณ์
วีระ กิจไพศาล
เมฆาเคลื่อนคล้อย

ทั้งหมดคือคนเดียวกันครับ.....
ต่างสถานการณ์ ต่างอารมณ์ความรู้สึกกันไปเวลาทำงาน

สวัสดีทุกคนด้วยครับ
กลับมารายงานตัวตอนเย็นย่ำ
วันนี้พักผ่อนจริงๆทั้งวันเลย

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 11 กุมภาพันธ์ 2550 17:51:32 น.  

 


เมฆาเคลื่อนคล้อย ใช้กับอารมณ์ไหนเหรอ

ชื่อดูน่าสนใจดี

สงสัยมานานแระ ชื่อ กะว่าก๋า เนี่ย

ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นภาษาเหนือ เพราะอยู่เชียงใหม่
แต่พออ่านไปนานๆ ชักคิดว่าเป็น ภาษากลาง

ประมาณว่า กะว่าจะก๋ากั่น อะไรประมาณเนี้ย
เป็นความเข้าใจของตัวเองนะ
อิอิ...

แวะมาบอกว่าไปนอนแระ
(เกี่ยวตรงไหนหว่า)

 

โดย: s (sunny-low ) 11 กุมภาพันธ์ 2550 21:23:06 น.  

 

เข้ามาอีกที ตอนแรกคิดว่าจะไม่คอมเมนต์เพราะกะมาอ่านเฉย ๆ
แต่สะดุดกับคำถามของคุณ S sunny-low ข้างบนเนี้ย เออ...นั่นซี เราก็ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน อยากรู้

เฉลยหน่อยน่า...นะ

 

โดย: ชิงดวง 11 กุมภาพันธ์ 2550 21:45:52 น.  

 

เฉลยแบบไม่มีปิดบังเลยนะครับ
เพราะมันไม่ใช่ความลับอะไร

เมฆาเคลื่อนคล้อย คิดว่าจะใช้กับงานเขียนแนวธรรมมะ
ตอนนี้กำลังร่างโครงเรื่องไว้ในใจ รอให้เข้าใจลึกซึ้งขึ้นอีกนิด
เก็บข้อมูลอยู่ อาจต้องใช้เวลา

ธันยา จุฬาลักษณ์ กับ วีระ กิจไพศาล
เคยใช้เขียนเพื่อส่งนิตยสารแบบสมัครเล่น (ตอนนี้เลิกใช้แล้ว...)

สิงห์โตหมอบ ใช้กับงานเขียนทั่วไป

กะว่าก๋า...เป็นนึกได้แบบ ปิ๊งขึ้นมาเองตอนตั้งบล็อก
คิดแค่ว่าอยากได้ชื่อที่ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่
ตอนแรกว่าจะใช้ กะว่า ก.ไก่ แต่มันฟังแปลกๆ
ก็เลยเป็นกะว่าก๋านี่แหละ (แต่ก็แปลกอยู่ดี มีแต่คนถามว่ามันแปลว่าอะไร )

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 12 กุมภาพันธ์ 2550 7:38:12 น.  

 

Chob blog nii mak mai kha

Chob kwam hen kong K'ชิงดวง duay kha

raern roo a rai dee dee mak mai kha...kob kun jing jing kha



Chob mak kha kub kum wa'

รักย่อมไม่ต้องการการครอบครอง
หากแต่เคียงข้าง ประคับประคองและค้ำจุนซึ่งกันและกัน

 

โดย: CSULB@FineArt 9 กันยายน 2550 15:07:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]