มกราคม 2565
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
23 มกราคม 2565

เรื่องสั้นและนิยายของกะว่าก๋า


เรื่องสั้นและนิยายของกะว่าก๋า







ผมเขียนเรื่องสั้นไว้จำนวนหนึ่ง
ส่วนใหญ่เขียนร่วมในโครงการถนนสายนี้มีมิตรภาพ
และโครงการถนนสายนี้มีตะพาบ
ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นการร่วมสนุกกับเพื่อนบล็อก
ที่ช่วยกันคิดหัวข้อในการเขียนงานเดือนละ 2 บล็อก
เพื่อน ๆ และตัวผมช่วยกันตั้งโจทย์แล้วเขียนงานกันอย่างอิสระ
ไม่บังคับรูปแบบการนำเสนองาน

ผมเขียนนิทาน เรื่องสั้น ไว้จำนวนหนึ่ง
ได้นิยายมาสามเรื่อง

นำเรื่อง “ซิปต้า” มาให้ลองอ่านกันดูครับ



...............................................




ซิปต้า

เด็กชายซิปต้าอายุห้าขวบ
แม่ของเด็กคนนี้เป็นชาวไทยใหญ่ซึ่งหนีร้อนมาพึ่งเย็น
พ่อของซิปต้าเป็นเพียงช่างก่อสร้าง
เป็นแรงงานราคาถูกที่ไม่มีค่ามีความหมายอะไรมากมายนักในสายตาคนทั่วไป
แม่ของซิปต้าเป็นเพียงเด็กหญิงที่พ้นวัยสาวมาไม่นาน
ดิ้นรนจากถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน
เพื่อวาดหวังอนาคตที่ดีกว่า


.............................


วันหนึ่ง
เมื่อตอนที่ซิปต้าอายุ 3 ขวบ
โลกเล่นตลก และชะตากรรมเริ่มโบยตีชีวิต
พ่อของซิปต้าถูกรถชนอย่างแรงจนเป็นอัมพาต
ชนแล้วหนี...ดีที่ไม่ถอยรถมาทับซ้ำอีกรอบ
เมื่อคนหนึ่งไม่สามารถทำงานได้
ชีวิตที่ยากลำบากอยู่แล้ว
ยิ่งยากลำบากแสนเข็ญ
บนแผ่นดินซึ่งมิใช่แผ่นดินเกิด
บนแผ่นดินที่ชีวิตถูกตีค่าราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริง
ชะตากรรมช่างโหดร้ายทารุณต่อชีวิตน้อย ๆ
ถูกเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความปราณี
วันที่ทุกอย่างดูเลวร้ายที่สุดในชีวิต
สามีเป็นอัมพาต
ลูกไม่มีข้าวกิน
ในบ้านไม่มีเงิน
ไม่มีอนาคต ไม่มีวันพรุ่งนี้
มีแต่ “ความจริง” อันโหดร้ายเถื่อนทารุณจิตใจ


..............................


เรื่องราวของคนชายขอบซึ่งยืนหมิ่นเหม่อยู่ตรงขอบปากเหว
ถูกรับรู้ด้วยชายคนหนึ่งซึ่งมิได้เกี่ยวดองข้องเกี่ยวอันใด
เป็นคนซึ่งเกิดมาคนละผืนแผ่นดิน คนซึ่งแตกต่างด้านฐานะ
และรู้จักกันแค่ในนามของ “เพื่อนร่วมโลก” เท่านั้น

ชายคนนี้เรียกหญิงสาวเข้าพบ
เธอเดินเข้ามาด้วยตัวสั่นงันงก ไม่ทราบเจตนาของชายแปลกหน้า
“กูได้ข่าวมาจากลูกน้องว่าผัวมึงถูกรถชนเหรอ”
“ค่ะ” สำเนียงไทยแปร่งหูดังขึ้น
“แล้วมึงอยู่กันยังไง มีอะไรกินรึเปล่า ตอนนี้ทำอะไรอยู่?”
เสียงพูดดังก้องในห้องทำงานเล็ก ๆ นั้น
คล้ายค้อนที่กระหน่ำทุบหญิงสาวให้ตัวยิ่งหดเล็กลงไปอีก
“หนูยังไม่มีงานอะไรทำเลยค่ะ”
“เอ้า...กูให้มึง” ชายแปลกหน้ายื่นเงินจำนวน 5000 บาทให้
หญิงสาวทำหน้าตื่นตระหนก ไม่เชื่อสายตาตัวเองกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
เธอได้แต่นั่งนิ่งบนพื้นห้องเย็นเยียบด้วยระบบปรับอากาศเย็นฉ่ำ
เหงื่อเม็ดโต ๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้า
“มึงเอาไป กูช่วยมึงกับครอบครัวของมึง”
เสียงนั้นคล้ายเสียงตะคอกของเจ้าหน้าที่รัฐ
มากกว่าเสียงของพ่อพระซึ่งกำลังช่วยชุบชูชีวิตครอบครัวของเธอ
หญิงสาวลังเลอย่างรู้สึกได้ ชายคนนี้หวังอะไรจากตัวเธอ
จะว่าหวังในร่างกาย เธอย่อมไม่ใช่สาวสวยในแบบที่ผู้ชายพึงหวัง
เนื้อตัวดำเมี่ยมซกมกมอมแมม
ครอบครัวญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ แล้วเขาช่วยเราทำไม
เธอคงตั้งคำถามที่หาคำตอบไม่ได้กับตัวเองอยู่
เสียงพูดคุยเหมือนเสียงตะโกน
กระชากดึงให้เธอกลับมายืนรับรู้ “ความจริง” ตรงหน้า
“มึงเอาไปกินไปใช้จ่าย ไม่พอก็เข้ามาบอกกู… กูจะช่วย”

เธอยื่นมืออันสั่นเทารับเงินก้อนโตที่สุดในชีวิต
เงินที่ดูว่าไม่มากสำหรับคนรวยเหลือกินเหลือใช้
แต่มันคือเงินมหาศาลที่อาจประคับประคองสามชีวิตอันทุกข์ยาก
ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายไปได้สักระยะ
“ขอบคุณค่ะ” น้ำตาไหลพรากสองแก้ม
ไม่มีคำพูดใดมากกว่านั้น
แล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไป


.......................................


วันนี้ซิปต้าอายุ 5 ขวบ
2 ปีที่ผ่านมาหลังจากวันอันเลวร้ายที่สุดในครอบครัวผ่านพ้น
เด็กชายตัวน้อยเติบโตขึ้นในผืนแผ่นดินไทย
ทุกครั้งที่ยื่นขนมให้
เจ้าหนูพูด “ขอบคุณครับ” แล้วยกมือไหว้
ไม่มีสักนิดที่บ่งบอกว่าเป็นสำเนียงของเด็กต่างถิ่นต่างภาษาต่างเชื้อชาติ
แม่ของซิปต้ากลายเป็นคนขายดอกไม้ ขายพวงมาลัย
ทุกเช้าเธอจะปั่นจักรยานมาขายดอกมะลิให้กับชายคนนี้
ชายคนที่เคยหยิบยื่นเงินและช่วยเหลือเธอ
ทั้งที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งที่เธอไม่ใช่คนไทย
ทั้งที่เธอและครอบครัวเป็นอะไรก็ไม่รู้บนแผ่นดินที่ไม่ใช่แผ่นดินเกิดของตัวเอง
เธอเคยหวังจะมอบดอกมะลิพวงใหญ่ให้โดยไม่คิดเงิน
ชายคนนี้ด่าเปิงจนเธอหน้าเสีย
“กูจะไปเอาของมึงฟรีได้ยังไง สองสามวันมึงเอามาขายให้กูที่ร้านนี่แหละ
กูจะเอาไว้ไหว้พระ”

หลายครั้งที่เธอพยายามอาสาขอเข้ามาช่วยทำนู่นทำนี้
ไม่ว่าจะเป็นการทำสวน หรือทำความสะอาดร้านของชายผู้นี้
ด้วยความสำนึกในบุญคุณ
“มึงไม่ต้องยุ่ง กูมีคนเยอะแยะ”
นั่นคือคำตอบที่ทำให้เธอไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำเซ้าซี้อันใดอีก
“มึงเลี้ยงลูกให้ดีดีก็แล้วกัน”


.........................................


หลายครั้งที่ผมเคยคิดว่า

“โลกนี้น่าเบื่อและแล้งน้ำใจ”

เรื่องราวของซิปต้าก็วนเวียนกลับมาในห้วงความคิดทุกครั้ง
โลกนี้มีเรื่องราวมากมายซึ่งเราไม่รู้และไม่เคยเชื่อว่ามีอยู่จริง
ถ้าคุณกำลังคิดว่าโลกนี้ช่างน่าหดหู่ สิ้นหวัง และน่าเบื่อหน่ายสิ้นดี
ลองมองเข้าไปในดวงตาของ “แม่ของซิปต้า”
ดูสิ บางที....คำตอบของคุณอาจเปลี่ยนไป..ตลอดกาล








 




 

Create Date : 23 มกราคม 2565
12 comments
Last Update : 23 มกราคม 2565 6:55:43 น.
Counter : 934 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณกิ่งฟ้า, คุณThe Kop Civil, คุณทนายอ้วน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณcomicclubs, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse

 

คนรักเขียนรักอ่านดีค่ะ เรานานๆได้จับปากกามาเขียนหนังสือที มือแข็งมากๆเลยค่ะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 23 มกราคม 2565 7:54:36 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องก๋า อ่านเพลินเลยค่ะเสียดายจบแล้วน่าจะต่ออีกหน่อยนะคะ อิอิ เขียนได้ดีค่ะ พี่กิ่งโหวตงานเขียนนะคะ

 

โดย: กิ่งฟ้า 23 มกราคม 2565 8:06:41 น.  

 

เดาว่า base on true story แหงๆเลยนะครับ
ชายใจดี เสียงดุ น่าจะเคยไปญี่ปุ่น นั่งดูสวนหินมาแล้ว
ว่าแต่ว่า ชายใจดี วันนี้ทำอะไรกินละครับ เย้ย 555

ปล.เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกแล้วครับ
เมื่อวานทะเลาะกับ ผึ้ง โดนผึ้งต่อยเข้าให้
ต่อยที่ไหน ก็ไม่ต่อย ดันมาต่อยแขนข้างฉีดวัคซีนซะอีก
ตอนนี้แขนบวม ห้อยเหมือนเดิมเลยละครับ 555

 

โดย: multiple 23 มกราคม 2565 8:48:31 น.  

 

เหมือนจะมีดราม่าด้วยใช่มั๊ยครับคุณก๋า
อ่านซิปต้าตอนแรกแล้ว สะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่างในสังคมบ้านเราได้เยอะเลยนะครับ บ้านเราคนไม่มีจะกิน คือ ไม่มีจริง ๆ ความเป็นอยู่นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย คนรวยก็รวย กอบโกยเอา
อยากติดตามต่อละครับ 555
แมนซิฯ พลาดเมื่อคืน ค่อยเบาใจหน่อยนะครับ ว่ายังมีสิทธิ์อยู่ คืนนี้ห้ามพลาดละกัน

 

โดย: The Kop Civil 23 มกราคม 2565 11:51:35 น.  

 

อ่านตอนแรกยอมรับว่าคิดไม่ดีกับผู้ชายคนนั้นเรยอ่า อิอิอิ

 

โดย: ทนายอ้วน 23 มกราคม 2565 12:20:57 น.  

 

โลกนี้ไม่สิ้นหวัง
มีคนพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ให้มีกำลังใจ

นี่แตงเพิ่งเริ่มเขียนไฮกุนิยายจากโจทย์งานตะพาบเดจาวู ตอนต่อไปก็มิจฉาชีพ ตั้งใจจะเขียนจากโจทย์งานตะพาบไปเรื่อยๆ แต่งสดๆ ด้นๆ ไป แล้วแต่โจทย์จะพา แต่กลัวเจอโจทย์ยากเหมือนกัน แต่จะพยายามค่ะ โจทย์ไหนที่อยากเขียนบันทึก ก็จะเขียนบันทึก

ก็เขียนสนุกๆ ไปค่ะ

 

โดย: comicclubs 23 มกราคม 2565 13:31:47 น.  

 

สวัสดีครับน้องแตง

พี่ก๋าตามอ่านไฮกุของน้องแตงทุกอันเลยครับ
ที่บล็อกก็อ่านจบแล้ว
แล้วก็ตามมาอ่านในเม้นท์ต่อครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 23 มกราคม 2565 14:20:22 น.  

 

บ่ะเดี่ยวคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานที่เชียงใหม่ ขยันและเก็บเงินเก่งเจ้า
มีคนไทยน่ะที่มักจ่มว่าบ่มีงานทำ

 

โดย: tuk-tuk@korat 23 มกราคม 2565 16:42:03 น.  

 

ชีวิตไทยราคาถูกครับ โลกเรามันเป็นแบบนี้แหละ

ผมนึกถึงร้านขายข้าวแกง อันนี้เพื่อนมันเล่าให้ฟัง พอดีเลิกงานดึก ก็เพราะคำว่าแปบเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ รอเดี๋ยวนี่แหละ กว่าจะเสร็จจริงก็ดึกแล้ว ร้านค้าเก็บกันหมดแล้ว มันเดินไปร้านข้าวแกงที่กินประจำ ร้านก็เก็บของเกือบหมดแล้ว กับข้าวก็ไม่เหลือแล้วเหลือแต่พวกน้ำของแกง ถามแม่ค้าแม่ค้าก็บอกหมดแล้ว

มันจะเดินกลับปรากฏว่าแม่ค้าถามว่า "รอได้มั้ยลูก เดี๋ยวป้าทำอะไรให้กิน อยากกินอะไรว่ามา" มันแทบร้องไห้เลยวันนั้นเพราะเหนื่อยมาก เหมือนชีวิตพัง จะกินข้าวก็ไม่ได้กิน

เรื่องดีๆ ในโลกที่บิดเบี้ยวแห่งนี้มันก็ยังพอมีอยู่บ้าง มันบอกเลยว่าถ้าพระเจ้าจะทำลายประเทศนี้กูจะเอาเรื่องนี้ไปต่อลองกับพระเจ้า ให้พระเจ้าเห็นว่าในประเทศบิดๆ เบี้ยวๆ นี้ก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้เห็นบ้าง แต่ทว่ายิ่งประเทศไหนมีเรื่องดีๆ แบบนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นเครื่องหมายของการที่รัฐดูแลประชาชนได้แย่มากเท่านั้น อันนี้แม้ไม่เกี่ยวกับภาครัฐ แต่เรื่องลักษณะแบบนี้มักเกิดกับประเทศที่ดูแลประชาชนได้แย่

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 23 มกราคม 2565 17:36:32 น.  

 

สวัสดีครับ

คุณก๋าเขียนได้กินใจดีครับ อ่านแล้วมีความรู้สึกหลากหลายรวมอยู่
และรู้สึกว่าบางทีเราก็คิดแทนใครต่อใครไปเสียหมดไม่ได้ครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 23 มกราคม 2565 21:02:13 น.  

 

ถนนสายนี้ มีตะพาบ ก็ร่วมเขียนด้วยเหมือนกัน พยายามเขียนให้ออกแนว555เหมือนคุณเป็ดสวรรค์เพื่อนบล็อก
นานๆไป คุณเป็ดสวรรค์เงียบไป เจอโจทย์แบบไม่กำหนดรูปแบบงานเขียน
กลายเป็นภาพถ่ายไป

 

โดย: สองแผ่นดิน 23 มกราคม 2565 23:53:21 น.  

 


สวัสดีค่ะน้องก๋า

อ่านเรื่องนี้แล้ว สะท้อนใจจัง

 

โดย: newyorknurse 24 มกราคม 2565 4:39:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]