:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องอ้อ ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องอ้อ ::
ปัญญา กับ ศรัทธา คนละอย่างกันไม่ใช่เหรอคะ ถ้าปลูกปัญญาก็ขึ้นเป็นปัญญา ปลูกศรัทธาก็ขึ้นเป็นศรัทธา
มีศรัทธาแรงกล้าแต่ไม่มีปัญญา กับมีปัญญาล้ำเลิศแต่ไม่มีศรัทธา แบบไหนน่ากลัวกว่ากัน
ห้ามตอบว่าน่ากลัวเท่ากันเพราะอ้อไม่เชื่อเรื่องความเท่ากัน อ้อเป็นคนที่มีศรัทธาแรงกล้าในเรื่องเอ แต่ขาดปัญญาในเรื่องเอเช่นกัน และบางครั้งอ้อก็เป็นคนที่มีปัญญาในเรื่องบี แต่ขาดศรัทธาในเรื่องบีเช่นกัน
เรื่องเดียวกันจะให้มีทั้งปัญญาและศรัทธาคงยาก แต่ก็พอจะมี แต่มันยากที่จะให้มีทั้งสองอย่างในเรื่องเดียวกัน เพราะงั้นบอกหนทางที่จะมีทั้งสองอย่างสิคะ
คำถามโดย : ~ ริมน้ำ_voUฟ้า ~ (rimnam_kobfa )
ความรู้ กับ ปัญญา ไม่เหมือนกัน
ความรู้ คือ สิ่งที่เราแสวงหามาเพิ่มเติม จากสิ่งต่างๆรอบตัว จากการอ่าน การเขียน การทำ การดู ยิ่งรับมากเท่าไหร่ สิ่งที่รู้ก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เปรียบเสมือนกองไฟที่เราเติมเชื้อฟืนเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเติมฟืนหรือความรู้ใหม่เข้าไปมากเท่าไหร่ ไฟก็ยิ่งโหมแรงมากขึ้นเท่านั้น
ส่วน ปัญญา เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวเรามาตั้งแต่ต้น เปรียบเหมือนแสงอาทิตย์ที่สว่างไสวอยู่ตลอดเวลา แม้ตกกลางคืนจะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ แต่ดวงอาทิตย์ยังคงทำงานอยู่เวลา
...............................
ความศรัทธา คือ ความเชื่อ ความเชื่อ ทำให้เรา รู้สึก มนุษย์ทำทุกอย่างไปตามความรู้สึก รู้สึกชอบจึงรู้สึกรัก รู้สึกเชื่อในตัวคนๆนั้น จึงยกย่องเชื่อถือ รู้สึกกลัวจึงสร้างผีขึ้นมาในความรู้สึกหรือจินตนาการ ฯลฯ
ความเชื่อ คือ สิ่งที่ถูกหล่อหลอมมาจากการรับรู้ของตัวเรา รับข้อมูลมา แล้วแปลงข้อมูลนั้นเป็น ความคิด ความคิดนี้เป็นตัวกำหนดท่าทีที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ
ศรัทธา ก็แทบไม่ต่างอะไรกับ ความเชื่อ เพียงแต่ศรัทธาจะลึกซึ้งกว่า เชื่อมั่นกว่า เหมือนคนเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เขาย่อมเชื่อว่าพระเจ้ามีตัวตน อยู่เคียงข้าง และคอยดลบันดาลทุกสิ่งให้เขาได้ตามแต่ใจต้องการ
จะความเชื่อหรือความศรัทธา ล้วนแล้วแต่เริ่มต้นที่ ความคิด ของเราเองทั้งสิ้น
ถ้า ไม่เชื่อ เสียแล้ว ศรัทธาก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้
.................................
ศรัทธาหรือปัญญา ไม่ได้มีอะไรดีกว่าหรือด้อยกว่า ทั้งหมดมาพร้อมกัน
เหมือนความสุขและความทุกข์ มันไม่ได้แยกกันอยู่ อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เหมือนพระจันทร์และพระอาทิตย์ที่ไม่ได้ทำงานแยกกัน เพียงแต่แบ่งหน้าที่ไปตาม จังหวะ และ เวลา ของตน
เราเห็นความสว่าง ไม่ได้แปลว่า ณ ที่นั้นไม่มีความมืด เมื่อเราปิดแสง ความมืดก็ทำงาน เมื่อเราเปิดไฟสว่าง แสงนั้นก็ทำหน้าที่ของมัน
ศรัทธาและปัญญาก็เช่นกัน อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเราจะใช้อะไรทำงาน
บางเรื่องในชีวิตเราต้องรู้อย่างถ่องแท้ ว่าจะใช้อะไรทำงานอะไร
ปัญหาที่ต้องแก้ด้วยเหตุผล ความคิด ต้องใช้สมองคิด
ปัญหาที่ต้องใช้ความรู้สึก ใช้อารมณ์รับรู้ ก็ต้องใช้หัวใจในการทำงาน
อย่าใช้สลับที่สลับทาง ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้องถูกธรรม
................................
เหมือนมีคนบอกว่าเวลาปฏิบัติธรรมต้องมีศีล สมาธิ ปัญญาครบถ้วน เราจะเลือกปฏิบัติอันไหนก่อน อะไรสำคัญที่สุด พี่ก๋าคิดว่าทั้งสามสิ่งคือสิ่งเดียวกัน ไม่มีความจำเป็นต้องไปแยกหรือลำดับความสำคัญเลย
เหมือนกินก๋วยเตี๋ยว ไม่จำเป็นต้องไปแยกว่าจะต้องกินเส้นก่อน แล้วค่อยกินเนื้อ ตามด้วยลูกชิ้น แล้วถึงจะซดน้ำซุป
ถ้ากินอย่างมีสติ ค่อยๆคีบ ค่อยๆเคี้ยว ค่อยๆกลืน ทั้งหมดในชามก๋วยเตี๋ยว สุดท้ายมันก็ลงไปรวมอยู่ในร่างกายทั้งหมดทั้งสิ้น จะไปแยกทำไมว่าต้องกินอะไรก่อน อะไรอร่อย หรืออะไรสำคัญที่สุด ทุกส่วนประกอบมีความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งสิ้น
.......................................
ศรัทธาที่มากเกินไป ทำให้เราไม่เชื่อในเหตุผล ปัญญาที่มากเกินไป ทำให้ชีวิตแห้งแล้งเพราะไม่เชื่อถือในสิ่งใด
อะไรน้อยไป...ไม่ดี มากไปก็ไม่ดี
ความพอดี สร้าง ความดีพอ
ทั้งปัญญาและศรัทธามีอยู่ในตัวเรา เพียงแต่เรามีหน้าที่รู้ทันสิ่งที่มีอยู่ รู้ว่ามีแค่ไหนถึงพอ รู้ว่ามีแค่ไหนถึงดี
เจ้าความพอดีนี้เอง ที่เรียกว่า ธรรมะ คือเป็นไปตามธรรมชาติ รู้ทันตามความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี รู้ว่าอะไรพอ อะไรขาด
สุดท้ายแล้ว... อยู่กับความรู้นี้อย่างเป็นธรรมชาติ รู้การได้มาเสียไป รู้การมีอยู่และหายไป รู้ตัว รู้ตน ตลอดเวลา
นี่คือสิ่งที่พี่ก๋าคิดว่าคนทุกคนควรรู้
สิ่งนี้ไม่ใช่ ความรู้ ไม่ใช่ ความเชื่อ
แต่มันคือ ปัญญา และ ความศรัทธา ที่จะนำพาเราไปพบกับ ความจริงแห่งชีวิต ที่แท้จริง และสวยงามที่สุดนั่นเอง
Create Date : 01 ตุลาคม 2557 |
|
30 comments |
Last Update : 1 ตุลาคม 2557 6:12:04 น. |
Counter : 1347 Pageviews. |
|
|
ว่าแล้วคิดถึงน้องอ้อ