ประเพณีทิ้งกระจาด






ประเพณีทิ้งกระจาดของชาวจีน 



สืบเนื่องมาจากมีเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง

มีบุตรชายซึ่งต่อมาบวชเป็นพระและสำเร็จเป็นพระอรหันต์

มีนามว่าพระอรหันต์ "มู้เหลี่ยง" (หรือ หมกเลี้ยง)



บิดาของท่านเป็นผู้ที่ชอบปฏิบัติธรรม

มีใจเป็นกุศลชอบทำบุญทำทาน

และเชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ


แต่ทว่ามารดาของท่านกลับตรงข้ามไม่ชอบเรื่องเหล่านี้

และไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ



ในเวลาต่อมาบิดาของท่านถึงแก่กรรมลง

พระมู้เหลี่ยงก็จัดพิธีงานศพตลอดจนพิธีกงเต็กให้บิดา

โดยท่านนิมนต์พระคณาจารย์จีนซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่ฉันแต่อาหารเจ

ในขณะเดียวกันเทพจี้กง จำพรรษาอยู่ในวัดที่พระมู้เหลี่ยงไปนิมนต์

มาในพิธีงานศพของบิดา



ครั้นก่อนถึงวันที่จะทำพิธีกงเต็ก คืนนั้น

เทพเจ้าจี้กงเตือนให้พระที่ได้รับกิจนิมนต์ว่า

ในพิธีกงเต็กที่ได้รับนิมนต์จะพบกับคนใจดำอำมหิตเป็นมาร

จะมากลั่นแกล้งพระที่ได้รับนิมนต์ไปในงานนี้ให้ระวังให้ดี

พระที่ได้รับนิมนต์ไปเรียนถามว่าจะมีวิธีป้องกันอย่างไร



เทพจี้กง แนะนำว่าสิ่งที่มองไม่เห็น อย่าได้ฉัน

ให้ฉันแต่สิ่งที่มองเห็นก็พอ

ครั้นถึงวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันทำพิธีกงเต็ก



มารดาของพระอรหันต์มู้เหลี่ยงต้องการ แกล้งพระ

และต้องการทดสอบปฏิปทาของพระไปในตัว

เพราะตลอดเวลาตนก็ไม่มีใจศรัทธาอยู่แล้ว

จึงสั่งให้คนครัวนำเอาสุนัขที่เลี้ยงไว้ไปฆ่า

แล้วนำเนื้อสุนัขมาหมักรวมกับต้นหอมผักชี และกระเทียม

แล้วนำมาทำเป็นไส้ซาลาเปา



พอถึงเวลาฉันเพล

จึงให้คนนำซาลาเปาไส้เนื้อสุนัข ที่ทำไว้ออกมาถวายพระ

เมื่อพระที่ได้รับนิมนต์เหล่านั้นเห็นซาลาเปา

ทุกรูปก็จำคำเตือนของเทพจี้กงจึงหยิบซาลาเปา

แล้วซ่อนไว้โดยไม่ยอมฉัน



พอได้เวลาพักผ่อนพระได้ชมบ้าน

และสวนดอกไม้ทางหลังบ้านของเศรษฐี

ในขณะที่ชมสวนอยู่นั้น

พระท่านนำเอาซาลาเปาไส้เนื้อสุนัขที่ซ่อนไว้ออกมาหักดู

ก็เห็นไส้ซาลาเปามีเนื้อสัตว์ผสมอยู่

จึงโยนทิ้งลงในบริเวณสวนดอกไม้นั้น

ทันใดก็เกิดอาเพศฝนฟ้าคะนอง และตกลงมาอย่างหนัก



หลังจากที่พระทำพิธีกงเต็กเสร็จแล้ว

มารดาของพระมู้เหลี่ยงจึงถามพระที่ทำพิธีว่า

ต้องการฉันอาหารเนื้อสัตว์อะไร(หมู เห็ด เป็ด ไก่)

ตนจะได้จัดถวายให้



พระท่านบอกว่าโยม อาตมาฉันแต่อาหารเจ

ไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์

มารดาของพระมู้เหลี่ยงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยหยัน

พร้อมกล่าวว่าซาลาเปาที่ท่านฉันตอนเพลนั้น

มันเป็นไส้เนื้อสุนัขท่านฉันแล้วไม่รู้หรือว่ามีเนื้อสัตว์ผสมอยู่

ไม่เห็นท่านว่ากล่าวอะไรออกมาเลย



เมื่อได้ฟังดังนั้นพระก็บอกว่าโยม

อาตมาไม่ได้ฉันซาลาเปานั้นเลย

ตามอาตมาไปที่สวนหลังบ้านดูสิ

เมื่อมารดาของพระอรหันต์มู้เหลี่ยงไปถึง

ก็เห็นต้นหอม ต้นผักชี และ ต้นกระเทียม งอกขึ้นมาในสวน

เป็นที่แปลกและอัศจรรย์ใจมาก

จึงเกิดความรู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นเป็น

บาปอันมหันต์



และด้วยเหตุนี้เองเมื่อถึง เทศกาลกินเจเดือนเก้า

ชาวจีนนอกจากจะไม่รับประทานเนื้อสัตว์แล้ว

ยังไม่รับประทานผัก๓ ชนิดนี้ด้วย



ต่อมามารดาของพระมู้เหลี่ยงถึงแก่กรรม

ขณะเดียวกันพระลูกชายก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์

มีอยู่ครั้งหนึ่งพระอรหันต์มู้เหลี่ยง

ลงไปท่องเที่ยวยังเมืองนรก

ได้พบกับวิญญาณของมารดา

ซึ่งถูกล่ามโซ่ตรวนไว้และกำลังจะถูกนำไปเกิดใหม่




พระอรหันต์มู้เหลี่ยง ได้ถาม ท้าวเวสสุวรรณ ว่า

จะนำวิญญาณดวงนี้ไปไหน ?

ท้าวเวสสุวรรณตอบว่า จะนำไปเกิดเป็น สุนัข

เพราะตอนมีชีวิตอยู่ทำบาปไว้มาก

เคยสั่งให้คนฆ่าสุนัขแล้วนำมาทำเป็นอาหารเลี้ยงพระ



พระอรหันต์มู้เหลี่ยงมีความกตัญญูต่อมารดามาก

คิดที่จะช่วยมารดาจึงกล่าวขอท้าวเวสสุวรณไว้

ท้าวเวสสุวรรณก็ไม่ยอม

เพราะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ในเรื่องบาปบุญคุณโทษ

ทำให้เกิดการประลองฝีมือกันขึ้นระหว่างพระอรหันต์มู้เหลี่ยงกับท้าวเวสสุวรรณ



ความได้ทราบถึงพระพุทธเจ้า

พระองค์เสด็จลงมายังเมืองนรก

และตรัสห้ามพระอรหันต์มู้เหลี่ยงว่าอย่ากระทำเช่นนั้นเลย

ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม



พระอรหันต์มู้เหลี่ยงตรัสพ้อว่า

ตนบวชเป็นพระจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว

แต่ไม่สามารถที่จะช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณของมารดาได้

รู้สึกบั่นทอนจิตใจเหลือเกิน



พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า

ท่านสามารถที่จะช่วยปลดปล่อยทุกดวงวิญญาณในขุมนรกนี้ทั้งหมดไหม ?



พระอรหันต์มู้เหลี่ยงตอบว่าได้

แล้วจึงได้กำหนดพิธีทิ้งกระจาด ขึ้น

เพื่อที่จะช่วยดวงวิญญาณในขุมนรกนั้น

โดยในพิธีนี้จัดให้มีการสวดพระคาถา

และบริจาคสิ่งของต่างๆที่ต้องใช้

เช่นหับ เสื้อผ้า ภูเขาเงิน ภูเขาทอง เป็นต้น



โดยกำหนดให้เริ่มพิธีตั้งแต่วันที่ 1 เดือน 7ถึงวันที่ 30เดือน 7 ของจีน(ชิกหง้วย)

เป็นระยะเวลา1 เดือน เพื่อให้ดวงวิญญาณที่อยู่ในนรกออกมารับกุศลผลบุญต่างๆ

และเป็นอานิสงส์ส่งไปเกิดในภพต่อไป



ชาวจีนจึงถือปฏิบัติเป็นประเพณีงานทิ้งกระจาด

ตามสถานปฏิบัติธรรม(โรงเจ) และมูลนิธิต่างๆ รวมทั้งในเมืองไทย

เพราะถือเป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์สูงส่ง

รวมทั้งเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพชนอีกด้วย



.

.





Create Date : 01 กันยายน 2555
Last Update : 1 กันยายน 2555 15:53:21 น.
Counter : 1735 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

thaithinker
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กตัญญู ขยัน ซื่อสัตย์
เป็นคุณธรรมพื้นฐาน ของการดำเนินชีวิต
ที่เราทุกคนเกิดมาเป็นคน
พึงรักษาไว้








JAVA counter clicks
กันยายน 2555

 
 
 
 
 
 
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30