กรกฏาคม 2558

 
 
 
1
2
4
5
7
11
12
14
18
19
21
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
"ข้าว-ปลา-ปาล์ม” ศูนย์เรียนรู้เกษตรทันสมัย รับการเกษตรอนาคต
เครือเจริญโภคภัณฑ์ “ข้าว-ปลา-ปาล์ม” ศูนย์เรียนรู้เกษตรทันสมัย รับการเกษตรอนาคต


นายขุนศรี ทองย้อย  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซี.พี.) เปิดเผยว่า นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร มีความต้องการยกระดับรายได้เกษตรกรไทย จึงนำแนวคิดที่เกิดขึ้นจากการสั่งสมประการณ์จากการอยู่ในภาคเกษตรมายาวนานหลายสิบปี รวมถึงการได้ศึกษาปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจข้าวของประเทศไทย และการได้มีโอกาสเปิดโลกทัศน์เยี่ยมชมการปลูกข้าวจากทั่วทุกมุมโลกโดยเฉพาะในประเทศจีน 

ด้วยเหตุนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซี.พี.)โดยนายธนินท์  เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร จึงได้มีนโยบายให้จัดดำเนินโครงการเกษตรทันสมัย ขึ้นในหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร  ต.เทพนคร และ ต.คณฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยใช้ชื่อว่า “ศูนย์เรียนรู้เกษตรทันสมัย ข้าว-ปลา-ปาล์ม”  เป็นการทำนาด้วยนวัตกรรมใหม่ที่สุดในโลก ระบบเกษตรอินทรีย์ หรือ ระบบธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง แต่ใช้น้ำฆ่าแมลงแทน ทำให้น้ำในนาปลอดสารพิษ สามารถเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้งก้ามกรามเป็นรายได้เสริมช่วงปลูกข้าวได้

“ศูนย์เรียนรู้เกษตรทันสมัย ข้าว-ปลา-ปาล์ม”  ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 เพื่อให้เกษตรกรไทยได้เรียนรู้ด้านเกษตรทันสมัย เป็นการพัฒนาเกษตรกรให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการผลิต การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  เพื่อยกระดับรายได้ให้เกษตรกรให้สูงขึ้นเหมือนในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่เกษตรกรสามารถไปเที่ยวทั่วโลกได้ ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการทำเกษตรกรรรมที่ทำอยู่ปัจจุบัน เกษตรกรถึงจะลืมตาอ้าปากได้ เป็นการเกษตรสมัยใหม่ที่สามารถสร้างผลผลิต  สร้างรายได้ที่สูงขึ้น ลดความเสี่ยงให้กับเกษตรกร

ทั้งนี้ทาง กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร ได้จัดรูปที่ดินจำนวน 290 ไร่ แบ่งออกเป็น
- พื้นที่เก็บสำรองน้ำและชลประทานภายในโครงการ 24 ไร่ เก็บน้ำได้ 145,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมเลี้ยงปลาเพื่อสร้างรายได้

- พื้นที่สำรองน้ำและอนุบาลลูกปลา ลูกกุ้ง ขนาด 2 ไร่ 3 บ่อ ปริมาณน้ำบ่อละ 12,000 ลูกบาศก์เมตร รวม 36,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่ออนุบาลไว้ 2 เดือนก่อนปล่อย

- พื้นที่ปลูกข้าว 4 แปลง รวม 136 ไร่ แต่ละแปลงมีขนาด 90 X 600 เมตร หรือแปลงละ 34 ไร่ ออกแบบให้รถเก็บเกี่ยวขนาดหน้ากว้าง 3 เมตร วิ่ง 15 รอบ เก็บเกี่ยวหมดแปลงพอดี

- พื้นที่เลี้ยงปลานิลและกุ้งก้ามกราม รอบแปลงข้าว ในลักษณะขาวัง คือ ช่วงบนกว้าง 9.6 เมตร ช่วงล่างกว้าง 6 เมตร ความลึก 1.5 – 2 เมตร พื้นที่รวม 9 ไร่ ปริมาณน้ำบ่อละ 28,800 ลูกบาศก์เมตร

- พื้นที่ถนน กว้าง 12 เมตร สูงจากระดับแปลงนา 2 เมตร เพื่อเป็นคันนา ที่สามารถปลูกปาล์มน้ำมันหรือมะพร้าวได้ 2 แถว โดยรถเครื่องจักรการเกษตรเข้าทำงานได้

การจัดรูปที่ดินมีความต่างระดับ จากพื้นที่เก็บสำรองน้ำ ลงไปทางท้ายแปลงนา เพื่อเพิ่มและลดระดับน้ำในแปลงนาได้ โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงแทนการใช้พลังงาน สามารถปล่อยน้ำเข้าท่วมต้นข้าวได้ภายใน 4 – 6 ชั่วโมง

ด้วยการวางแผนบริหารจัดการอย่างลงตัวระหว่างการปลูกข้าว เลี้ยงปลา และเลี้ยงกุ้งหลังจากปักดำข้าวพันธุ์ CP333 ประมาณ 7 วัน จะเริ่มปล่อยลูกปลานิล จำนวน 400,000 ตัว และลูกกุ้งก้ามกรามตัวผู้ จำนวน 400,000 ตัว จากบ่ออนุบาล ลงเลี้ยงในแปลงข้าว ทั้ง 4 แปลง ระหว่างที่ต้นข้าวกำลังเจริญเติบโต ระดับน้ำเลี้ยงต้นข้าวจะสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร หากมีแมลงระบาดในนาข้าว จะเพิ่มระดับน้ำให้สูงท่วมต้นข้าวเพื่อให้แมลงตายลอยน้ำ และปลามากินแมลง จากนั้นไม่เกิน 4-6 ชั่วโมง จะปล่อยน้ำออกให้อยู่ในระดับเดิม แมลงศัตรูข้าวจึงถูกกำจัดโดยไม่ต้องใช้สารเคมี

เมื่อถึงระยะการเก็บเกี่ยวข้าว หรือประมาณ 4 เดือน จะลดระดับน้ำบนแปลงนา คงเหลือไว้เฉพาะคูน้ำโดยรอบ เพื่อให้เครื่องจักรลงเก็บเกี่ยวได้ เมื่อการเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ จะปล่อยน้ำเข้าท่วมแปลงทั้งหมด ความสูงน้ำประมาณ 120 เซนติเมตรจากระดับแปลงนา เพื่อให้ปลาและกุ้งเจริญเติบโตต่อเนื่องไปอีก 2 เดือน

วิธีการเช่นนี้ยังช่วยตัดวงจรโรคและแมลงได้ในส่วนของแนวถนนหรือคันนา ปลูกปาล์มน้ำมัน ลูกผสม CP Super Ghana ระยะปลูก 8 เมตร จำนวน 600 ต้น มะพร้าวลูกผสม ชุมพร2 และลูกผสม สวี1 ระยะปลูก 6 เมตร จำนวน 900 ต้น โดยใช้ระบบให้น้ำและธาตุอาหารแบบสปริงเกอร์

ในส่วนของปาล์มและมะพร้าวเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 4 อายุเก็บเกี่ยว 20 ปี

รูปแบบดังกล่าว จะสามารถปลูกข้าวร่วมกับการเลี้ยงปลาและกุ้งก้ามกรามได้ ปีละ 12 รอบ และเมื่อต้นปาล์มน้ำมันและมะพร้าว อายุปลูกครบ 4 ปี สามารถเก็บเกี่ยวปาล์ม ได้เฉลี่ย 15 วัน/ครั้ง และ มะพร้าว เฉลี่ย 20 วัน /ครั้ง

ทั้งนี้เมื่อหักต้นทุนการผลิตแต่ละชนิด ประมาณการว่าในแต่ละปี พื้นที่ 1 ไร่สามารถสร้างรายได้จากการปลูกข้าว10,500บาท ปลานิล 14,500 บาท กุ้งก้ามกราม 17,100 บาท ปาล์มน้ำมัน 7,200 บาท (เริ่มปีที่ 4) และมะพร้าว 6,700 บาท  (เริ่มปีที่ 4 ) หรือรวมรายได้จากผลผลิตต่างๆ ประมาณไร่ละ 56,000 บาท / ปี

ปัจจุบันศูนย์เรียนรู้เกษตรทันสมัย ข้าว-ปลา-ปาล์ม เริ่มดำเนินการเกษตรตามแผนงาน ซึ่งคาดว่าศูนย์แห่งนี้ จะสามารถเป็นแปลงสาธิตการทำเกษตรทันสมัย เป็นแหล่งทดลองปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสานพึ่งพาซึ่งกันและกัน และเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรและผู้สนใจศึกษาดูงาน เพื่อนำสู่การพัฒนาต่อยอดให้ภาคการเกษตรของไทยมั่นคง และก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไป


เครดิต   จาก //www.cp-enews.com/




Create Date : 20 กรกฎาคม 2558
Last Update : 20 กรกฎาคม 2558 15:48:40 น.
Counter : 1337 Pageviews.

2 comments
  
It's a relief to find soonmee who can explain things so well
โดย: Oshin IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2558 เวลา:19:18:42 น.
  
Great common sense here. Wish I'd thohgut of that. //rhrccvqy.com [url=//oeyopgacmav.com]oeyopgacmav[/url] [link=//lsyrcysbgu.com]lsyrcysbgu[/link]
โดย: Chita IP: 94.23.252.21 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2558 เวลา:23:44:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2344345
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]