ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา คำว่า "ผู้ชายอกสามศอก" ดูจะเป็นภาพชัดเจนที่แบ่งแยกระหว่างชายและหญิง ชายมาดแมนที่สาว ๆ ใฝ่ฝันและคลั่งไคล้จะต้องมีลักษณะมาตรฐานคือ Dark-Tall and Handsome แต่เดี๋ยวนี้ภาพนี้กำลังเริ่มพล่ามัว ด้วยมีภาพลักษณ์ใหม่ของผู้ชายที่ทับซ้อนขึ้นมาเป็น"ผู้ชายสายพันธุ์ใหม่" ที่จะสนใจกับเสื้อผ้า - หน้า - ผมและผิวพรรณ หลายคนอาจจะมองว่าพวกเขาเป็นผู้ชายออกจะสำรวยไปนิด เกาะเกี่ยวแฟชั่นจ๋าไปหน่อย และใช้เวลาเสริมหล่ออยู่หน้ากระจกนานพอ ๆ กับผู้หญิง พวกเขาไม่ใช่เกย์แต่เป็น Metro Sexual ผู้ชายกลุ่มใหม่ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก
นิยามของ "Metro Sexual"
คนที่เริ่มใช้คำว่า "Metro Sexual" เป็นคนแรกคือมาร์ก ซิมป์สัน นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชาวอังกฤษที่เขียนบทความชื่อ "Here come the mirror men" ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The Independent เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2537
และเมื่อปี 2546 ศัพท์คำว่า "Metro Sexual" ถูกจัดให้เป็น Word of the Year จาก The American Dialect Society ซึ่งให้ความหมายถึงผู้ชายที่สนใจในเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ สนใจเรื่องแฟชั่นมากขึ้น รักสวยรักงามและดูแลบุคลิกภาพซึ่งดูไปจะมีส่วนคล้ายกับผู้หญิงและเกย์มาก
มาร์ก เริ่มมองเห็นถึงกระแสความเปลี่ยนแปลงของผู้ชายทั่วโลกที่เด่นชัดขึ้นมา ว่ามีผู้ชายโสดกลุ่มหนึ่งที่ทำงานหรือมีวิถีชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ เป็นคนมีรายได้สูงและให้ความสำคัญกับเสื้อผ้า - หน้า-ผมและผิวพรรณ เป็นพิเศษกว่าที่ชายทั่วไปทำกัน ชายกลุ่มนี้จะใช้ของแบรนด์เนมตั้งแต่อาฟเตอร์เชฟของ Davidoff นิยมสวมแจ็กเก็ตยี่ห้อ Paul Smith และชุดชั้นในของ Cavin Kline
ผู้ชาย Metro Sexual จะหลีกเลียงการใช้สบู่เพื่อทำความสะอาดผิวเพราะกลัวจะไปทำลายผิวให้หยาบกร้าน พอ ๆ กับนิยมเข้ายิมเพื่อออกกำลังกายมากกว่าจะเล่นกีฬากลางแจ้งแบบผู้ชายทั่วไปเพราะกลัวแสงแดดจะโลมเลียผิวให้เสียได้
ส่วนใครที่ยังสงสัยอยู่ว่าหนุ่ม Metro Sexual ที่นิยามมาจะหน้าตาเป็นเช่นไรนั้น มาร์ก ได้ยกตัวอย่าง เดวิด แบคแฮม นักฟุตบอลชื่อดังของโลกที่หลังจากแต่งงานกับวิตอเรีย นักร้องสาวในวงสไปซ์เกิร์ลแล้ว เขาก็เริ่มจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่เด่นชัดออกมา เพราะทุกครั้งไม่ว่าเบกแฮมเปลี่ยนทรงผม ทาเล็บมือ หรือใส่ต่างหูเพชร จะสร้างความฮือฮาให้กับวงการแฟชั่นมาก ๆ
นอกจากแนวเพลงที่แปลกออกไปแล้ว ดัง-พันกรยังเปลี่ยนลุกตัวเองเสียใหม่หมดให้ฉีกแนวแบบหลุดสุดขั้วไปกับสีผมทองบรอนซ์ เสื้อผ้าMix and Match รวมถึงการถือกระเป๋าแบรนด์เนมแอเมสใบใหญ่ที่มองดูเหมือนผู้หญิงมากกว่า ซึ่งดัง - พันกร พยายามจะแสดงตนเป็นตัวแทนของผู้ชายสไตล์ Metro Sexual แต่ในสายตาของแฟนเพลงและคนทั่วไปกลับตกตลึงกับสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับหนุ่มร็อกคนนี้ ขณะที่อีกหลายคนกลับมองว่าแทนที่จะมองเห็นความเป็นผู้ชายสายพันธุ์ใหม่กลับเห็นความเป็น "แต๋ว" เด่นชัดเจนมากกว่า
ดังนั้นการเปิดตัวของคำว่า Metro Sexual ในช่วงแรกของเมืองไทยกับอัลบัม เพลงของดัง - พันกร จึงเป็นภาพที่ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
เปิดใจ 2 หนุ่มเมโทร
แม้ว่าดัง - พันกรซึ่งเป็นคนแรก ๆ ที่พยายามจุดประกายของคำว่า Metro Sexual ในเมืองไทยจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ขณะนี้เราจะเริ่มมองเห็นกระแสหนุ่ม Metro Sexual เพิ่มขึ้นในสังคมไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดร.สมชาติกล่าวเพิ่มเติมว่ากระแส Metro Sexual ที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทยนั้น ส่วนใหญ่หนุ่มไทยได้รับอิทธิพลแฟชั่นของประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง เพราะเมื่อก่อนกระแสการแต่งตัว ทาปากของหนุ่มญี่ปุ่นมีบทบาทมาก และตั้งแต่นั้นมาบทบาทผู้ชายกับเครื่องสำอางจึงเพิ่มขึ้น
"สาเหตุของการเกิดกระแส Metro Sexual เกิดได้จากแนวความคิด 2 อย่างคือ เมื่อผู้ชายเริ่มกล้าแสดงออก จึงกล้าที่จะแสดงความรักตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น ให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้น และอีกประการหนึ่งคือผู้ชายอยากให้คนอื่นนับถือ ชื่นชม อยากให้ตัวเองดูดี "
2 หนุ่มอย่าง "ฑิต"และ "มินท์" คงเป็นตัวอย่างของผู้ชายสายพันธุ์ Metro Sexual ได้ชัดเจนขึ้น
แม้จะไม่รู้จักคำว่า Metro Sexual ว่าคืออะไร แต่ทั้งสองหนุ่มก็ยอมรับว่าตอนนี้มีหนุ่ม ๆ ที่รักสวยรักงามอย่างพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งพวกเขามองว่าส่วนหนึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลกระแสคลั่งดาราและนักร้องของญี่ปุ่นและเกาหลีที่ชอบแต่งหน้าทาปาก
การตลาดตื่นตัวรับกระแส
นับเนื่องมาถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่ากระแสหนุ่ม Metro Sexual กำลังฮิตอย่างมากและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สายตาของสังคมคนรอบข้างเริ่มทำใจรับได้แล้ว มีทั้งหนุ่มเมโทรฯ ดั้งเดิม ไปจนถึงหนุ่มรุ่นใหม่ที่กำลังถูกอิทธิพลของดาราและนักร้องญ่ปุ่นและเกาหลีเข้าครอบงำ
พฤติกรรมของผู้ชายรักสวยรักงามอย่างกลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อตลาดสินค้าทั่วโลกทีเดียว เพราะทั้งนักการตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เกาหลี และญี่ปุ่น ต่างก็หันมายินดีต้องรับกับกลุ่มหนุ่ม Metro Sexual เนื่องจากเป็นกลุ่มใหม่ที่มีกำลังซื้อมหาศาล เรียกได้ว่าพฤติกรรมการซื้อจะเหมือนผู้หญิงคือถ้ามีอะไรที่ทำให้ตัวเองดูดีดูสวยแล้ว แพงเท่าไหร่ก็ยอมเสียเงิน ดังนั้นสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังต่างก็พยายามออกสินค้าตัวใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อเกาะติดกระเป๋าของลูกค้ากลุ่มนี้