เอา hi5's diary & รูปงานวัดฉลอง - ภูเก็ต มาฝากครับผม

ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยครับ แต่ก็ชินเสียแล้ว เพราะติดที่นอนดึกนั่นเองครับ อิอิ เอาไดอารี่จาก hi5 มาฝากเช่นเดิมครับ แล้วก็เอาภาพที่ไปเดินเที่ยวงานวัดฉลองมาฝากกันด้วยอ่ะ

ช่วยเพื่อนเข็นรถ
5 ก.พ. 2551, 11:45 น.

เมื่อวานตลาดหุ้นดีจริงๆ แต่ผันผวนน่ากลัวชะมัด ใครเข้าไปถูกจังหวะก็คงจะได้กำไร เข้าผิดก็ขาดทุนเท่านั้นเอง มาวันนี้ตลาดกลับนิ่งๆ ไม่ค่อยมีอะไรเลย คงจะเป็นผลมาจากตลาดต่างประเทศในโซนเอเชีย จะปิดช่วงตรุษจีนหลายประเทศทีเดียว

เมื่อวานหลังเลิกงานก็ไปช่วยเพื่อนผู้หญิงเข็นรถที่ยางแบนไปซ่อมที่ร้าน เขาบอกว่ายางนอกเสื่อมแล้ว ไปกินยางใน ทำให้ยางในรั่วไปด้วย เพื่อนก็เปลี่ยนยางในไปก่อน จากนั้นก็ให้ผมพาไปที่ห้างซุบเปอร์ ชีฟ เพื่อจะเปลี่ยนยางนอก เอาไปให้ตรงร้านซ่อมดูก่อน เขาก็บอกให้ไปซื้อสินค้าด้านใน คือยางนอก 2.50 (ถ้าเป็นยางหน้าเป็นรหัส 2.25) ทีมีผู้หญิงไปซื้อหล่ะก็ พนักงานมันอธิบายดีเลยแฮะ แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นผมก็คงจะไม่ได้ความรู้ตรงนี้มาหรอก ซื้อของเสร็จก็เอาไปให้ที่ร้านเปลี่ยนให้ เสร็จแล้วแทนที่ช่างจะเอาเงินเอง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนระบบ ต้องให้ลูกค้าเดินเข้าไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์อีก แต่ก็ดูแล้วเป็นระบบที่ดีเหมือนกัน

เสร็จจากการเปลี่ยนยางแล้ว เพื่อนก็พาไปเลี้ยงที่ร้าน "ก่อนนอน" อยู่ข้างๆ รร.ภูเก็ตวิทยาลัย (รร.เก่าของกระผมเองครับ) ก็สั่งข้าว น้ำ และของกินเล่นมานั่งกินไปเรื่อยๆ จนอิ่ม ก็กลับบ้านครับ สรุปไม่ได้ไปเล่นแบดเลย แต่ก็ดี ถือว่าพักผ่อนไปในตัว ไม่งั้นว่างๆไม่รู้จะทำอะไรก็ต้องไปตีแบดอีกจนได้อ่ะ

วันไหว้
6 ก.พ. 2551, 13.29 น.

วันนี้แม่กับพี่ชายตื่นตั้งแต่หัวรุ่งเลย เข้าไปซื้อขนม และอาหารสำหรับไหว้จ้าว (หลังจากที่ส่งกลับสวรรค์ไปตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว) แม่บอกว่าคนเยอะทีเดียวที่ตลาด เพราะว่าทุกคนก็ไม่อยากจะทำอาหารเอง เพราะเหนื่อย และก็ต้องทำงานกันทั้งนั้น ส่วนแม่ ก็อายุมากแล้ว ถ้าจะให้ทำอาหารเองก็คงจะเหนื่อยทีเดียว แต่ก็มีบ้างที่ทำก็คือผัดหัวมันแกว ที่ภูเก็ตเรียกว่า "บังก้วน" ผสมกับแครอท และผักอื่นๆ

ผมก็ได้ไหว้ก่อนมาทำงาน อิอิ ไม่ได้เอารูปมาให้ดูไว้อัพในบล้อกแล้วจะบอกอีกทีนะครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพสักเท่าไหร่ มาอัพใน hi5 มันสะดวกกว่าเยอะเลย

เมื่อวานหลังเลิกงานพอดีเพื่อนชวนว่ายน้ำ ก็ได้ไปว่ายเลย ไม่ต้องกลับบ้านก่อน เพราะว่าเอากางเกงว่ายน้ำติดมาด้วยแล้ว จริงๆก็กะว่าว่ายเสร็จก็คงจะไม่เล่นแบดแล้ว เพราะก็ถือว่าออกกำลังกายแล้ว เลยแวะซื้อโอวต้าวหน้ารร.บางเหนียวกลับไปด้วย (เป็น 1 ที่ต้องมีในการไหว้) แต่พอกลับถึงบ้าน แม่บอกว่าลืมให้ซื้อเหล้าแดงยี่ห้อ เชียงชุน ก็เลยคิดจะออกไปอีก ก็เอาไม้แบดไปด้วย ไปถึงสนาม ไม่ค่อยมีคน แถมเขาจับคู่กันหมดแล้ว ก็เลยไม่ได้เล่น ซื้อเหล้า และแวะซื้อพวงมาลัย กลับบ้านเลยดีกว่า

วันตรุษจีน
7 ก.พ. 2551, 9.34 น.
วันนี้ถือว่าเป็นวันปีใหม่ของชาวจีน หลังจากเมื่อวานมีการไหว้ไปแล้ว แต่สำหรับผมก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง ไม่มีอะไรพิเศษมากนัก เป็นวันที่ดูเงียบเหงาวันหนึ่งเลยทีเดียว ขี่รถออกจากบ้านตั้งแต่ 8 โมง ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงที่ทำงาน มันเร็วดีแฮะ สภาพการจราจรก็โล่งดี รถไม่เยอะ โรงเรียนหลายแห่งก็ปิดเรียนกัน ก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะว่าเมืองภูเก็ตก็มีคนเชื้อสายจีนกันเยอะ

ตื่นมาก็ยังเมื่อยๆอยู่ เพราะว่าเมื่อวานทั้งว่ายน้ำ และเล่นแบดด้วย ตอนตีแบด เหมือนเส้นมันไม่ยืดเลย ร่างกายไม่พร้อมในการเล่นเลย แถมเหงื่อก็ไม่ค่อยออก มันรู้สึกอึดอัดหน่อย คนที่สนามก็น้อย เลยเล่นไปตั้ง 4 เซ็ทเลย

สังเกตดูเวลาที่เราเล่นแบด หากในใจคิดที่อยากจะเอาชนะ มันจะทำให้เราเล่นพลาดเยอะเหมือนกัน แต่ถ้าเราเล่นไป ตามเกมส์ ไม่ต้องหวังอะไรมาก มันจะยังดีเสียกว่า อย่างน้อย เราพลาดเอง หรือคู่ของเราตีพลาด มันก็ไม่รู้สึกอะไรมาก แต่หลายๆคนก็เป็นแบบนี้คือหวังที่จะชนะ หวังว่าตัวเองเก่ง บางคนก็ไม่ได้ดูว่าต้องเล่นอย่างไรให้เข้ากับคู่ได้ ตัวเองเล่นเร็ว ก็หวังจะให้คู่เล่นเร็วด้วย สมมติคู่เล่นเร็วไม่ได้ เขาก็เล่นไม่ทัน มันก็ไม่พอใจ ทำให้คู่เองก็รู้สึกไม่ดี ส่งผลให้เกมส์นั้นเล่นไม่สนุกกันเลย เอ้อ สงสัยต้องหากีฬาอย่างอื่นเล่นบ้างแล้วหล่ะ ตอนนี้ก็กำลังว่ายน้ำควบคุ่กันไปด้วยครับ :)

เมื่อคืนนอนดึก
8 ก.พ. 2551, 10.50 น.เมื่อวานเลิกงานก็ชวนเพื่อนไปเดินเที่ยวงานวัดฉลอง เขาบอกว่าถ้าไม่พาเขาไป เขาก็คงจะไม่กล้าขี่รถไป เพราะว่ามันไกลหน่อย (อีกอย่างคิดว่าเพราะรถของเขาสภาพไม่ดีเท่าไหร่ หัวเอียงขวามากทีเดียวเลย) เขาก็เลยเลี้ยงน้ำ และผัดไทผมด้วย :) คนเริ่มเยอะขึ้นหลังจาก 6 โมง เลยได้แค่ไหว้พระ และเดินไปด้านบนของพระบรมสารีริกธาตุ แต่ไม่ได้เดินดูในส่วนร้านค้ามากนัก เพราะคนเยอะจริงๆ

กลับจากวัดฉลองก็ไปเจอเพื่อนอีกคน เขาเลี้ยงวันเกิดที่บ้านเพื่อนอีกคนหนึ่ง (เพราะเป็นบ้านว่าง เหมาะสำหรับจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เพราะไม่รบกวนใคร อาหารก็ซื้อมาจากด้านนอก แบบง่ายๆ มีเลย์, ไก่ทอด, เบคอน, ทอดมัน, สปาย และอาหารนิดหน่อย โดยสั่งเพิ่มจากร้านอาหารใกล้ๆ ที่บ้านเพื่อนก็มีเครื่องเสียงก็เปิด mp3 ฟังกัน มีเพลงเก่าๆ สมัยผมเป็นวัยรุ่น ก็เพราะดี ย้อนกลับไปดูเพลงสมัยนั้น การแต่งกายก็ยังดูเชยๆ ถ้าเทียบกับสมัยนี้ แต่ก็เป็นไปตามยุคสมัย ตอนนั้นเราก็คิดว่ามันเท่ห์ดีอ่ะ นักร้องแต่ละคนก็ยังดูหน้าตาเด็กๆกันอยู่เลย บางวงก็หายหน้าหายตาไปแล้ว เช่น บอยสเกาต์, ไจแอนต์ ฯลฯ

กินกันเสร็จก็ประมาณ 5 ทุ่ม ก็ไปต่อกันที่ The Bale เพื่อร้องคาราโอเกะ ภายในห้องสวยดี แต่ว่าไม่มีคีย์บอร์ดให้เลือกเพลง และไม่มีสมุดให้ดูรายชื่อเลย ใช้รีโมทตัวเดียวในการค้นหาเพลง ก็ค่อนข้างยากนิดหน่อย ตอนแรก แต่ก็ดีขึ้น พนักงานเข้ามาสาธิตให้ดูในช่วงแรก ร้องได้ 2 ชั่วโมง ทั้งหมด ประมาณ 1,400 บาท ไปกัน 10 คน ก็ถือว่าไม่แพงมากนัก เพราะมิกเซอร์ก็เยอะเช่นกัน กว่าจะขี่กลับถึงบ้านอีก ได้นอนก็ตี 2 นิดๆอ่ะ

วันนี้ก็ตื่นตามปรกติ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานไม่ได้ใช้แรงมากนัก (ไม่ได้เล่นกีฬา) และกินเยอะด้วย แต่ว่าตอนนี้เริ่มมึนๆ ง่วงๆ แล้วเหมือนกันอ่ะ

วันว่าง
10 ก.พ. 2551, 15.06 น.
วันอาทิตย์ว่างๆก็เลยมาอัพไดอารี่ได้ครับ เพราะไม่รู้จะไปไหน แม่ก็ไม่ออกไปไหน เพื่อนที่มาจากหาดใหญ่ก็กลับไปแล้ว เราก็เลยค่อนข้างว่างๆ จะอ่านหนังสือก็ขี้เกียจมากเลย กะว่าเดี๋ยวเล่นเน็ตเสร็จ สักครู่ก็จะไปซื้อของนิดหน่อยก็กลับบ้าน แล้วเย็นก็ไปออกกำลังกาย เฮ้อ ชีวิตก็มีแค่นี้เองนะครับ วันๆหนึ่งถ้าไม่คิดอะไรมาก อยู่ไปเรื่อยๆ เป้บเดียวก็หมดไปวันหนึ่งแล้ว แต่สำหรับคนอื่นๆก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความต้องการของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก

แม่ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ถ้าลุกไม่พาออกไป เพราะแม่ขี่รถไม่เป็น รถเครื่องก็มี 2 คัน ให้ลูกชาย 2 คน บางครั้งแม่ก็ไม่สบาย แต่แม่ก็ไม่ค่อยบอกอะไรเราเลย ต้องอาศัยการสังเกต และถามเอาเอง แม่ก็คงจะเกรงใจเรา แต่ก็แปลกกับพี่ชาย แม่ก็จะบ่น ด่าไป แต่พี่ชายนั้นบางครั้งก็ดี บางครั้งไม่สนใจอะไรเลย ทำตามที่เขาต้องการ อย่างผมแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นควัน เขาก็จุดธูปเยอะเลย งงเหมือนกันว่าไม่สนใจเราเลย บางครั้งเราก็จามไปหลายครั้ง เขาก็ถามว่าเป็นอะไร แต่บอกไปก็เท่านั้นหล่ะ เพราะว่าเขาก็จำไม่ได้มั้งครับ อิอิ

่เอ บ่นมากไปไหมเนี่ย แต่ก็เป็นเพราะความคิดทั้งนั้นหล่ะครับ ถ้าเราไปจมกับอดีต เก็บมันเอามาคิด ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก มันก็เหนื่อย เครียด ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ วันนี้เข้ามาออนไลน์ ก็ได้คุยกับเพื่อน 3 คนก็เครียดกันหมด ถามผมว่าทำอย่างไรให้หายเครียด ผมก็บอกว่าให้รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กำลังทำอะไรอยู่ อย่าคิดมาก พอความคิดมันเกิดขึ้น แล้วเราก็ไปคิดเพิ่มเติม เหมือนกับไฟมันก่อขึ้นมาแล้ว เราก็สุมไม้เข้าไปอีก ไฟก็จะยิ่งลุกโชนไปเรื่อยๆ ตราบใดที่เชื้อยังมี ไฟก็ยังคงติดต่อไป เชื้อหมดเมื่อไหร่ ไฟก็ดับไป หากร่างกายนี้ยังคงมีอยู่ ความคิดมันก็ย่อมเกิดขึ้นมาเป็นปรกติ เราห้ามมันไม่ได้หรอก อันนี้ก็แค่คำแนะนำของผม ดูเหมือนง่าย แต่ก็คิดว่ายากมากทีเดียวสำหรับหลายๆคน

วันเสาร์ที่ 9 ก.พ. 2551ตอนเช้าก็พาแม่ออกไปซื้อของที่ห้าง LOTUS ตามปรกติ เสร็จก็กลับเลย (โดยปรกติก็จะไปกินโลบะก่อน) แต่อากาศมันร้อน ถ้าพาแม่ไป ก็คงจะเหนื่อย กลับถึงบ้านก็กินข้าวหน่อย 13.00 ก็หลับไปเลย เพราะร่างกายอ่อนเพลีย จากการทำงานมาทั้งอาทิตย์แล้ว 15.00 เพื่อนที่มาจากหาดใหญ่ โทรบอกว่าว่างแล้ว ก็เลยไปหาที่ป่าตอง รถติดทีเดียว ช่วงนี้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ภูเก็ตค่อนข้างเยอะ ปรกติในเมืองฝรั่งไม่เยอะ แต่ช่วงนี้ก็เยอะนะ แต่มันก็ดีกับเศรษฐกิจ แม่ค้าก็จะได้ขายของได้บ้าง แต่เบื่อตรงที่คนมันเยอะ และรถติดนี่อ่ะดิ
พอ 17.00 ก็กลับเข้าในเมืองไปดูหนังนอกรอบของ Mind Fm เรื่อง L สมุดโน๊ตสิ้นโลก (ใช่ชื่อนี้ป่าวหว่า?) หนังก็สนุกดี ไม่ค่อยมีฉาก Action อะไรมากนัก แต่เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างมีสาระ เรื่อยๆ แต่ตลกที่ตัวเอกของเรื่อง มีท่าทางแปลกๆ คือหลังงอมาก และชอบนั่งยองๆ หยิบจับอะไรก็ดูไม่ปรกติ ดูไปเรื่อยๆก็น่าจะมีเหตุผลที่เขาเป็นแบบนั้น คือ เขาชอบกินของหวานเยอะมาก กินตลอดเลย เพราะเขาคิดว่าน้ำตาลเป็นแหล่งของพลังงาน มันก็น่าจะจริง เพราะตัวเอก ฉลาดมากเลย หนังจบลงด้วยดี จากนั้นก็ไปกินข้าวกับเพื่อน เขาชวนกิน เพราะว่าเขาเครียดจากการเรียนป.โทมากเลย เรื่องการวางแผนงาน ขนาดเรียนครั้งแรก ยังเครียดขนาดนี้เลย น่าเศร้า
จากนั้นก็ไปป่าตองอีกทีเพื่อรับเพื่อนคนเดิมกลับเข้ามาในเมือง แต่รอบนี้ไม่ได้กลับทางเดิม แต่กลับทางห้าแยกฉลอง เพราะไปเดินเที่ยวงานวัดฉลองต่อเลย คนเยอะมากทีเดียว ไม่น่าเชื่อ มีคนมาจากต่างจังหวัดก็เยอะเหมือนกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าวัดฉลองมีชื่อเสียงมากทีเดียว น่าชื่นใจจังเลย เดินเสร็จเพื่อนก็พาไปกินน้ำชา กับปาท่องโก๋นิดหน่อยก็กลับบ้าน นอนดึกอีกแล้วสิเรา

อิอิ เป็นอย่างไรบ้างครับ ไดอารี่ของผม สนุกไหมครับ ต่อไปก็มาชมภาพงานวัดกันนะครับ รูปแรกก็ทางเข้าวัดครับ ทางเข้ามีหลายทาง แต่ผมเข้าทางด้านข้างวัดครับ



เดินไปอีกนิดหน่อย ก็จะถึงทางเข้าวัดครับ อันนี้ภาพซุ้มประตูวัด



ถ้าเดินเลี้ยวขวาผ่านประตูวัด ด้านนอกจะเป็นร้านขายต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ แต่ผมเดินเลี้ยวซ้ายครับ เพื่อจะเข้าไปทางด้านในวัด มองเห็นเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุด้วยอ่ะ



ผมชอบภาพนี้ครับ เป็นภาพคนขายขนมอะไร จำชื่อไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเฉพาะในงานวัด หรืองานผ้อต่ออ่ะครับ กว่าจะปิ้งได้สักแผ่นก็ไม่นานหรอกครับ แต่ว่ามันร้อน อีกอย่างคนขายก็อายุมากแล้วด้วยอ่ะครับ



เดินเข้าไปตรงส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์รับบริจาค และวัตถุมงคล ก็จะเจอแบบจำลองศาลาหุ่นขี้ผึ้งครับ สวยดี ทำเหมือนดีครับ



ต่อไปก็เป็นสถานที่ที่คนมาไหว้พระครับ ด้านในก็มีรูปหล่อของหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อมครับ และมีพระบรมสารีริกธาตุด้วยเช่นกัน คนไปไหว้กันเยอะมากเลยครับ



ต่อไปก็เป็นโซนของเล่นกันแล้วหล่ะครับ ภาพแรกเลย ชิงช้าสวรรค์ อยากจะนั่งเหมือนกัน แต่ตัวใหญ่แล้ว กลัวชิงช้าจะพังอ่ะ สังเกตดูที่ภาพ มีวงน้ำเต็มไปหมดเลยแฮะ ไม่รู้มาจากไหน แต่ก็แปลกบางภาพก็ไม่เห็นมีเลย



อันนี้หนุ่มๆไปมุงกันมากที่สุดเลยครับ สาวน้อยตกน้ำ พอดีสาวคนกลาง เธอเต้นได้น่ารักมากเลยครับ ก็เลยมีคนปาบอลไปบ่อยมาก แต่แปลกแฮะ ไม่ค่อยโดน พอโดนที ก็หัวเราะกันใหญ่



อันนี้ก็ยิงให้ถูกอ่ะครับ ผมสายตาไม่ค่ีอยดี ไม่อยากจะเล่น เพราะถ้ายิงไม่ค่อยถูกก็อายเขาอ่ะ



อันนี้ยอดฮิตเลยครับ เกมส์ปาลูกโป่ง เดี๋ยวนี้ของรางวัลน้อยลง ถ้าปาถูกไม่ครบ ก็ได้รางวัลเล็กๆด้านหน้า แต่ถ้าได้หมดก็เป็นของชิ้นใหญ่หน่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นตุ๊กตานั่นเอง



อันนี้ก็ยิงปืนอัดลมอ่ะครับ ผมก็ไม่ถนัด สรุปมันไม่ได้เล่นอะไรกับเขาเลยอ่ะ



อันนี้เป็นคล้ายๆม้าหมุน แต่ว่าเป็นจานบิน ไม่มีเด็กคนไหนมาเล่นเลยอ่ะครับ



อันนี้ก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน เป็นลูกโป่ง ให้เด็กเข้าไปอยู่ด้านในก่อน แล้วก็อัดลมเข้าไป จากนั้นปิดซิป แล้วก็ผลักลงน้ำไป เด็กๆก็กลิ้งไปกลิ้งมาในน้ำ ไม่เปียก ดูก็สนุกไปอีกแบบนะ



เกมส์นี้ก็เพิ่งจะเคยเห็น มีไม้ผูกเชือก ปลายเชือกมีห่วงอยู่ครับ กติกาก็ให้เอาห่วงไปทำให้ขวดมันตั้งขึ้นมา บนพื้นเอียง ให้ตั้งอยู่ให้ได้ โดยห้ามเอามือไปจับเชือกครับ คนเล่นๆกันไม่ค่อยได้ แต่ว่าพนักงานเล่นเก่งอ่ะ ทำทีเดียวตั้งได้เลย



อันนี้ก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน เบียร์ปั่น ใส่ในถังเบียร์ที่มันหมุนไป หมุนมา ดูแปลกตาไปอีกแบบนึงครับ ช่างคิดกันจริงๆเลยแฮะ คนเรา



อันนี้ก็ "มัจฉาพาโชค" น่าจะเป็นของอบต.ฉลอง เพื่อนผมอยากจะเล่นครับ แต่พอเห็นของรางวัลน้อย ก็เลยบอกว่าไม่เล่นดีก่า



ภาพนี้เป็นเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุครับ ถ่ายมุมที่ผมไม่เคยถ่าย แถมเป็นตอนกลางคืนด้วยอ่ะ (ตอนนั้นเขาปิดแล้ว ไม่ให้ขึ้นด้านบน แหมว่าจะเข้าไปถ่ายรูปสักหน่อย อดเลยเรา)



ภาพกองทรายครับ ไม่ค่อยจะมีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก แค่เอาธงไปปัก ก็ออกมากันหล่ะ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเลยเนอะ



มีที่สำหรับนวดด้วยครับ ทั้งนวดตัว และนวดเท้า เหมาะสำหรับผู้ที่ปวดเมื่อยครับ



หมดแระ ผมไปดึกแล้ว ก่อนหน้านี้ไปครั้งนึงแต่ก็ไม่ได้เอากล้องไปด้วย งานนี้จะหมดวันอังคารที่ 12 ก.พ. 2551 นี้แล้วหล่ะครับ อิอิ

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2551		20 comments
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2551 17:45:18 น.
Counter : 2338 Pageviews.
Share Tweet