เนื้อสัตว์



เทศกาลกินเจกำลังจะมาถึงในเดือนหน้านี้แล้วนะครับ ใครจะทานเจกันบ้าง?

มีหลายคนตั้งแง่รังเกียจพระสงฆ์ในฐานะผู้ยังบริโภคเนื้อสัตว์ ถึงขนาดตั้งกระทู้ เถียงกันไปมา เป็นเรื่องราวใหญ่โต -*-


พระสงฆ์ผู้ได้ชื่อว่า เป็นอยู่ด้วยความไม่เบียดเบียนนั้น เหตุใดยังบริโภคเนื้อสัตว์อยู่?

การยังบริโภคอยู่นั้น เปรียบเสมือนการสนับสนุนไปในตัว เมื่อมี demand ย่อมมี supply


หลายคนนั้นลืมไปว่า พระสงฆ์เป็นผู้ขอครับ มีหน้าที่รับอย่างเดียว ไม่ได้เป็นผู้ทำให้เกิด demand แต่ผู้ให้ต่างหาก ที่ให้เนื้อสัตว์เหล่านั้นมา ด้วยคิดว่า หากเราตายไปแล้ว เราจะได้บริโภคอาหารที่เราชอบ พระสงฆ์ไม่สามารถปฏิเสธบิณฑบาตที่ได้รับแล้วได้ครับ เค้าให้อะไรมาก็ต้องรับไปตามนั้น จะมาเลือกเอาอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ พระสงฆ์ที่ยังเลือกอยู่ แสดงว่าไม่ได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย


แล้วผลที่ตามมาจากการบริโภคเนื้อสัตว์นั้นมีหรือไม่ครับ?


ผมไม่มีเวลาศึกษาพระไตรปิฏกแบบ full time ดังนั้นต้องอาศัยพระไตรปิฏกฉบับย่อครับ ในนั้นเขียนไว้ว่า การทำกรรมลามกในอาหาร (หมายถึงการกระหายใคร่อยากและเพลิดเพลิน ในรสของเนื้อสัตว์นั้นๆ) ตายไปก็จะเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์นั้นๆ (เกิดเป็นสัตว์นั้น) เศษกรรมยังจะได้เกิดเป็นเปรต


แล้วพระพุทธเจ้าทรงสอนให้พระสงฆ์บริโภคเนื้อสัตว์อย่างไรครับ?


ทรงให้สงฆ์พิจารณาสิ่งต่างๆเป็นสักแต่ว่าธาตุสี่ดินน้ำลมไฟซึ่งนำมาบำรุงเลี้ยงสมมุติบัญญัติอันเกิดจากธาตุสี่ดินน้ำลมไฟเช่นกันครับ หลักฐานก็คือ ธาตุปฏิกูลปัจจเวกขณวิธี ซึ่งพระสงฆ์จะต้องรำลึกถึงทุกวันในช่วงทำวัตรเช้า และรำลึกเสมอเวลาได้รับหรือบริโภคสิ่งใดๆที่มีอยู่ในธาตุปฏิกูลฯ นี้ เนื้อหานั้นมีอยู่ว่า (ขอตัดช่วงบิณฑบาตมาก็แล้วกันครับ)


ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง,
สิ่งเหล่านี้นี่เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ

ยะทิทัง ปิณฑะปาโต, ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล,
สิ่งเหล่านี้คือบิณฑบาต และบุคคลผู้บริโภคบิณฑบาตนั้น

ธาตุมัตตะโก,
เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ

นิสสัตโต,
มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน

นิชชีโว,
มิได้มีชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล

สุญโญ,
ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน

สัพโพ ปะนายัง ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนียานิ,
ก็บิณฑบาตทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม

อิมัง ปูติกายัง ปัตวา,
ครั้นมาถูกเข้ากับกายอันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว

อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติ,
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน


พระสงฆ์ท่านต้องพิจารณาอย่างนี้ขณะรับบิณฑบาต รับจีวร รับเสนาสนะ และรับคิลานเภสัช ก็มีบ้างครับ พระสงฆ์ที่ยังเจริญสติไม่เต็มที่ ไม่ทันได้พิจารณาสิ่งเหล่านั้นให้เป็นธาตุขณะรับ พอถึงตอนทำวัตรเย็น ท่านก็จะต้องมาพิจารณากันอีกรอบ หลักฐานก็คือ อตีตปัจจเวกขณปาฐะ ขึ้นต้น อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิตวา ยัง จีวะรัง ปะริภุตังฯ นั่นแหล่ะครับ เป็นบทที่มันส์มาก เมื่อตัดคำบาลีออก แปลเป็นไทยได้ว่า (เหมือนเดิม ขอตัดช่วงภายหลังบริโภคบิณฑบาตมา)


บิณฑบาตใด อันเราฉันแล้ว ไม่ทันพิจารณาในวันนี้
บิณฑบาตนั้น เราฉันแล้ว ไม่ใช่เป็นไปเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน
ไม่ใช่เป็นไปเพื่อความเมามัน เกิดกำลังพลังกาย
ไม่ใช่เป็นไปเพื่อประดับ เพื่อตกแต่ง
แต่ให้เป็นไปเพียงเพื่อความตั้งอยู่ได้แห่งกายนี้
เพื่อความเป็นไปได้ของอัตภาพ
เพื่อความสิ้นไปแห่งความลำบากทางกาย
เพื่ออนุเคราะห์แก่การประพฤติพรหมจรรย์
ด้วยการทำอย่างนี้ เราย่อมระงับเสียได้ซึ่งทุกขเวทนาเก่าคือความหิว
และไม่ทำทุกขเวทนาใหม่ให้เกิดขึ้น
อนึ่ง ความเป็นไปโดยสะดวกแห่งอัตภาพนี้ด้วย ความเป็นผู้หาโทษมิได้ด้วย
และความเป็นอยู่โดยผาสุกด้วย จักมีแก่เรา ดังนี้.


ครับ เช่นกัน ท่านต้องพิจารณาถึงการใช้สอยจีวรในวันนั้น เสนาสนะในวันนั้น และเภสัชในวันนั้นว่าเป็นเพียงเครืองนุ่งห่มเพื่อบำบัดความร้อนหนาวและผัสสะจากเหลือบยุงแดดลมและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย เพียงปกปิดอวัยวะอันให้เกิดความละอาย ฯลฯ


ครับ สำหรับภิกษุรูปใด ละเลยการพิจารณาแบบนี้ทั้งเช้าทั้งเย็น (ผู้ไม่ออกมาทำวัตรเช้าเย็น) และยังละเลยการพิจารณาขณะบริโภคใช้สอยสิ่งเหล่านั้น ปล่อยให้ล่วงราตรีผ่านไป นับเป็นอาบัติทุกกฏครับ เมื่อไม่ทำนานเข้าๆ มันจะเป็นอาบัติทุกกฏไปทุกวันๆ นั่นท่านทำตัวเองครับ


นอกจากนั้น ยังมีกรรมฐานอีกหนึ่งกองที่ว่าด้วยเรื่องของอาหารโดยเฉพาะ นั่นก็คือ อาหาเรปฏิกูลสัญญา การพิจารณาอาหารให้เห็นเป็นสิ่งปฏิกูล และอีกกองหนึ่งคือ จตุธาตุวัฏฐาน ที่ว่าด้วยเรื่องของธาตุสี่ดินน้ำลมไฟ (กรรมฐานสองกองนี้ให้ผลได้เพียงอุปจารสมาธิ)

สรุปว่า พระสงฆ์บริโภคเนื้อสัตว์ไม่เหมือนอย่างเราๆท่านๆบริโภคเนื้อสัตว์ทุกวันนี้ครับ ท่านบริโภคด้วยความไม่ประมาท แถมยังเจริญพรหมวิหาร มีการอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์ทุกวันอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าท่านให้ทำอย่างนั้นครับ ส่วนพวกเราบริโภคนั้น ...อืม... เคยได้ยินฝรั่งพูดกันมั้ยครับ เค้าบอกให้ enjoy your meal แสดงว่าในบางครั้ง เค้าถือว่าการรับประทานอาหารสามารถเป็น entertainment ได้ -_-'

รู้วิธีแล้ว อย่าประมาทในการบริโภคนะครับ


take care krub




Create Date : 26 กันยายน 2550
Last Update : 18 สิงหาคม 2556 17:19:30 น.
Counter : 830 Pageviews.

2 comments
  
โดย: โสมรัศมี วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:22:42:59 น.
  
อ่านแล้ว ดีมากๆเลยค่ะ จะคอยติดตามเรื่่อยๆนะคะ
โดย: mannequin วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:23:46:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Karz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?]





สงวนลิขสิทธิ์
กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
29
30
 
 
26 กันยายน 2550