แปลเพลง - Sweet Dreams (Are Made of This) - Emily Browning - ฝันหวาน 4 แบบ

คุณแบ่งคนในสังคมออกยังไงและมองตัวเองในตำแหน่งไหนครับ?

เคยมีคนกล่าวไว้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม (ใครหนอ?) มนุษย์นั้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่มครับ ตั้งแต่บุราณกาลโบราณมาล่วงเลยกว่า 50,000-100,000 ปีตั้งแต่ยุคโฮโมเซเบี้ยน เหตุเพราะมนุษย์นั้นอ่อนแอกว่าสัตว์โลกส่วนใหญ่ ทารกนั้นเมื่อเกิดมาแล้วหากไม่มีมารดาเลี้ยงดูก็จักต้องถึงแก่กรรมเป็นแน่แท้ ตรงข้ามกับสัตว์โลกหลายจำพวกที่เกิดมาก็ยืนได้วิ่งได้บางพวกออกหากินได้ทันที แข็งแรงกว่ามนุษย์เป็นไหน ๆ เพราะเป็นเหตุผลของการอยู่รอด มนุษย์เราจึงจะแข็งแรงกว่ามากเมื่อรวมกลุ่มรวมตัวกัน ดังนั้นเผ่าจึงเกิดขึ้น เมื่อมีเผ่าแล้วการเป็นสมาชิกของเผ่าก็เกิดขึ้น การปฏิสัมพันธ์กันในเผ่าก็เกิดขึ้นไปตามศักดิ์ฐานะและบทบาทของสมาชิกแต่ละคน จากนั้นปัญหาความสัมพันธ์ก็เกิดขึ้น ดังนั้นมนุษย์เราต้องเผชิญกับการรับมือทางความรู้สึกเชิงจิตวิทยามาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลนานหนักหนามาแล้วครับ

เคยคิดจะแปลเพลงนี้นานมากแล้วครับ ผมรู้จักเพลงนี้เพราะประกอบหนังเรื่อง Suckerpunch (เป็นหนังที่มีชื่อไทยที่ดุมาก)  ไม่มีโอกาสจะแปลสักที และด้วยความที่เนื้อเพลงสั้นมากก็เลยคิดว่าไม่แปลดีกว่ามั้ง ล่าสุดใจผมมันฮัมเพลงนี้ขึ้นมา (ก็งงเหมือนกันว่ามันอารมณ์ไหน? มันฮัมเพลงแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกันนะ -_-') ก็เลยทำให้นึกได้แล้วลองหาดูว่ามีใครพูดถึงเรื่องที่ผมกำลังจะพูดนี้บ้างรึยัง (เพราะเพลงนี้ออกมานานมากแล้ว) ซึ่งก็ยังไม่มีนั่นเองครับ สงสัยกันบ้างรึเปล่าว่าทำไมฝันหวานมาเกี่ยวอะไรกับคนเหล่านี้?



Sweet Dream (are made of this)
Emily Browning


Sweet dreams are made of this
Who am I to disagree?
I travel the world and the seven seas
Everybody's looking for something

Some of them want to use you
Some of them want to get used by you
Some of them want to abuse you
Some of them want to be abused

 

ฝันหวาน (เกิดจากสิ่งนี้)

ฝันหวานเกิดจากสิ่งนี้
ฉันเป็นใครถึงจะไม่เห็นด้วย?
ท่องทั่วทั้งโลกเจ็ดคาบมหาสมุทร
พบว่าใคร ๆ ต่างก็ต้องการบางอย่าง

คนบางคนอยากจะหลอกใช้คุณ
คนบางคนอยากโดนคุณใช้สอย
คนบางคนปรารถนาทำร้ายปรามาสคุณ
คนบางคนใคร่ถูกคุณประทุษร้าย

 

อรรถาธิบาย

อารมณ์เพลงของเพลงนี้ออกแนวเสียดสีประชดประชันและเย้ยหยันต่อชะตากรรมของตัวเองด้วยการสรุปความลงไปว่าคนทั้งโลกนั้นมีแค่ 4 ประเภทเท่านั้นครับ แต่ก็ไม่ได้เฉลยเหมือนกันว่าตัวเองนั้นอยู่ตรงไหนในคนสี่ประเภทนี้

Sweet dream "ฝันหวาน ฝันดี" made of this "สร้างมาจาก" รวมความ sweet dreams are made of this คือ "ฝันหวานทั้งหลายเกิดจากสิ่งนี้" ก็ต้องมาแปลคำว่า "ฝันหวาน" อีกทีนึงซึ่งหมายถึง คนเราจะมีฝันหวานได้ วันนั้นจะต้องได้รับประสบการณ์บางอย่างที่มันประทับลงไปในใจและมีผลต่อความรู้สึกอย่างยิ่งยวด รู้สึกอย่างเปี่ยมล้น สาสมใจ รู้สึกเติมเต็ม มีความสุข และยังมากพอที่จะล้นไปแสดงออกต่อในฝ้นได้ ซึ่งเค้าสรุปลงไปว่าการจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ฝันหวานได้นั้น ต้องมาจากสาเหตุต่างๆสี่ประการเหล่านี้ (จะค่อยๆพาไปครับ)

Who am I to disagree? คำถามนี้เป็นคำถามเชิงประชดประชันครับ นี่คือประชดตัวเองว่า ก็มันสรุปลงไปแล้วนี่ว่าการจะฝันหวานได้นั้นต้องมาจากสาเหตุเหล่านี้เท่านั้น แล้วชั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงจะบังอาจไปเถียงหรือไม่เห็นด้วยเล่า? Disagree คือ Dis Agree อะกรี คือเห็นด้วยครับ

Travel the world ท่องไปทั้งโลก ถ้าจะถามว่าท่องนี้คือท่องอะไร ก็อาจจะเป็นท่องนอดก็ได้ครับ I เดินทางท่องนอดไปทั่วโลก ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ คำว่าเจ็ดย่านน้ำในภาษาไทยก็ได้อิทธิพลมาจากคำภาษาอังกฤษว่า seven seas 7 คาบสมุทรนี้มาเหมือนกันครับซึ่งจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาคเช่นในยุโรปจะหมายถึง ทะเลเดรียติก (อิตาลี) ทะเลเมติเตอเรเนียน (คั่นระหว่างยุโรปกับอาฟริกา) ทะเลดำ (มหาสมุทรแอดแลนติกที่แทรกตัวเข้ามาชนกับตุรกีที่คั่นทะเลเมติเตอเรเนียน) ทะเลแดง (อ่าวมหาสมุทรอินเดียที่คั่นเอเชียกับอาฟริกา) ทะเลแคสเปียน (ทะเลปิดที่คั่นเอเชียกับยุโรป) ทะเลอาหรับ (อาราเบียนซีเป็นทะเลทางฝั่งตะวันออกของเอเชียตะวันตกเฉียงใต้) และอ่าวเปอร์เซีย (คั่นระหว่างอิหร่านกับบาห์เรน) นี่แค่คติของยุโรปยุคกลางนะครับ ยังมีคติของเอเชียยุคกลางอีกซึ่งหมายถึง อ่าวเปอร์เซีย ทะเลขัมภัต (อ่าวแคมเบย์เป็นอ่าวในทะเลอาหรับ) อ่าวเบงกอล (ตอนใต้ของบังคลาเทศ ตะวันออกของอินเดีย) อ่าวไทย (ทางตะวันออกของสุราษฎร์ธานี ทางตะวันตกของกัมพูชา บอกทำไมเนี่ย) ทะเลมะละกา (ทะเลที่คั่นระหว่างมาเลเซียกับอินโดนีเซีย) และทะเลสิงคโปร์ เหนื่อยไปไหมเนี่ย? จะเห็นว่าจริงๆแล้ว 7 คาบสมุทรมันไม่ได้ทั่วโลกหรอกครับ แต่ในสมัยโบราณเราไม่มีความรู้เรื่องภูมิประเทศรอบโลกมากนัก คติโบราณจึงมีความเห็นว่าแค่คาบสมุทรทั้งเจ็ดนี้ก็กว้างขวางมากจะมันรอบโลกไปแล้ว ซึ่งเนื้อเพลงในท่อนนี้ต้องการจะบอกว่าการเดินทางรอบโลกทำให้ได้พบเจอผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วนทั่วโลก แต่จากจำนวนผู้คนทั้งหมดนี้ทำให้ได้ความรู้มาอย่างนึงว่า

Everybody's looking for something ทุก ๆ คนนั้นต่างก็มองหาบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นต้องแปลบางสิ่งบางอย่างนี้ด้วย ซึ่งเค้าเกริ่นมาแล้วว่าบางสิ่งบางอย่างนี้คือสิ่งที่จะทำให้เราสามารถฝันหวานได้ ซึ่งประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้คือ:

1. Some of them want to use you คนบางคนในจำนวนทั้งหมดนี้ กลุ่มหนึ่งต้องการหลอกใช้คุณ want to use you ที่แปลว่าหลอกใช้ออกมาได้นั้นเพราะมีบริบทที่เสียดสีประชดประชันขึ้นมา เพราะ presentation ของทำนองเพลงที่มีความดาร์กในตัวอยู่เยอะ จึงทำให้มีคำว่า "หลอก" ออกมาได้ครับ คนบางคนต้องการหลอกใช้คุณ ทำไมถึงทำให้ฝันหวานได้ครับ? เพราะคนประเภทนี้โดยปกติแล้วมองตัวเองว่าตนเป็นคนฉลาด สูงส่งกว่าคนอื่น คนอื่น ๆ ทุกคนนั้นต่ำต้อยด้อยค่ากว่าตนเองเยอะนัก ต้องการมีเปรียบเหนือผู้อื่น จึงหาทางหลอกใช้คนอื่นเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์บางอย่างของตัวเอง เมื่อหลอกใช้ได้แล้วก็รู้สึกภูมิใจ รู้สึกฉลาดสมศักดิ์ศรี รู้สึกเติมเต็ม มีความสุข สมหวัง สาสมใจ เปี่ยมล้น นอนหลับฝันหวาน

2. Some of them want to get used by you คนบางคนในจำนวนทั้งหมดนี้ กลุ่มหนึ่งต้องการให้คุณใช้สอย ถ้าคำว่า get used ถูกใช้ในความหมายเดี่ยว ๆ จะแปลว่า ชินครับ แต่ท่อนนี้มี by you มาด้วย มีคำว่า "โดยคุณ" พ่วงมาด้วย เลยไม่ได้แปลว่าชินแล้ว แต่เป็นถูกคุณใช้สอย เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นครับ? คนกลุ่มนี้ไม่มีความภูมิใจในตนเอง มองไม่เห็นข้อดีของตัวเอง อยากให้คนอื่นมาสนใจ อยากได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น อยากให้คนอื่นมองเห็นว่าตัวเองก็มีประโยชน์ ทั้งนั้นทั้งนี้ "คนอื่น" ที่ว่า อาจไมได้หมายถึงเฉพาะคนอื่นทั่วๆไปนะครับ แต่อาจหมายถึงเฉพาะเจาะจงลงไปเลยว่าคนคนนั้นคือ "คุณ" ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วไปอยู่แล้ว เช่นหากคนกลุ่มนี้ไปชอบใครก็หวังจะให้เค้านึกถึงเราบ่อย ๆ อยากให้เค้าเรียกเราใช้งานเราพึ่งพาเรา แล้วเราจะได้รับความไว้วางใจ ได้รับความรัก ทำให้รู้สึกเติมเต็ม มีความสุข สมหวัง สาสมใจ เปี่ยมล้น นอนหลับฝันหวาน

3. Some of them want to abuse you คนบางคนปรารถนาทำร้ายปรามาสคุณ สังเกตได้ว่าเริ่มดาร์กขึ้นมาเรื่อยๆนะครับ ^^' abuse แปลว่า ดูถูก เหยียดหยาม ปรามาส ละเมิด คนกลุ่มนี้อยากมีอำนาจเหนือคนอื่น ไม่ต้องการให้ตัวเองถูกทำร้ายจึงทำร้ายคนอื่นก่อน  มีความรู้สึกขัดแย้งในใจเมื่อได้อยู่ในสถานการณ์บางอย่างโดยเฉพาะกับคนบางประเภท ในเนื้อเพลงกล่าวว่า want to abuse you นั่นหมายถึงคนบางประเภทที่ว่านั้นคือประเภทแบบเราครับ จริงๆแล้วระบบการทำงานแบบนี้มีอยู่ในพวกเราทุกคนนะครับ (ไม่ได้หมายความว่าพวกเราทุกคนอยากจะทำร้ายใครนะ) จะมีเหตุการณ์ สถานการณ์ และกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้นที่จะกระตุ้นพฤติกรรมบางอย่างของเรา แต่คนกลุ่มนี้ถูกกระตุ้นพฤติกรรมที่อยากจะทำร้ายอีกฝ่ายขึ้นมา ซึ่งนี้เป็นไปได้อย่างสูงว่าเกิดจากประสบการณ์ในอดีตโปรแกรมให้เกิดการกระตุ้นแบบนี้ (แน่นอนว่าสามารถบำบัดให้หายได้) ซึ่งคนกลุ่มนี้จริงๆแล้วต้องการรู้สึกปลอดภัยหรือมีความสงบจากการคุกคามทางอารมณ์ความรู้สึกแม้เพียงแค่หงุดหงิดก็ตาม เมื่อได้ระบายออกด้วยการประทุษร้ายคนอื่น (ซึ่งก็คือเรา) แล้ว ก็จะรู้สึกสาสมใจ เติมเต็ม สมหวัง สงบ มีความสุข นอนหลับฝันหวาน

4. Some of them want to be abused คนบางคนใคร่ถูกคุณประทุษร้าย ใช้คำภาษาไทยว่า "ใคร่" เพราะต้องการสื่อให้เห็นว่าการถูกทำร้ายที่ใครๆต่างก็ปฏิเสธนั้น รายนี้ไม่ปฏิเสธไม่พอ ยังต้องการถูกทำร้ายอีกด้วย ระดับของมันไปไกลกว่าแค่อยากธรรมดา ๆ ครับ จึงต้องใช้คำที่เพิ่มระดับของความต้องการมากขึ้นไปอีก กลับมาที่คนกลุ่มนี้ครับ กลุ่มนี้ต้องการความสนใจ ความสำคัญ ในระดับที่ลึกขึ้นไปอีก โดยเฉพาะจากคนที่ตัวเองต้องการให้หันมามอง ไม่ใช่ว่าคนกลุ่มนี้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการถูกประทุษร้ายนะครับ เขาก็ยังเจ็บปวดอยู่เหมือนคนปกติทั่วไป เพียงแต่คนกลุ่มนี้ยอมแลกได้เพื่อให้คนที่ตัวเองสนใจหันมาให้ความสำคัญกับตัวเอง เมื่อได้มาแล้วจึงรู้สึกว่าทำสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย สมหวัง มีความสุข นอนหลับฝันหวาน

 

เพลงจบเท่านี้ครับ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ ไม่ได้บอกว่าตัวเองอยู่ในส่วนไหน ไม่ได้บอกว่าตัวเองโดนอะไร เป็นผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ แต่ในข้อสรุปเหล่านี้จะเห็นว่าโลกของผู้สรุปนั้นค่อนข้างดาร์กและขาดแรงบันดาลใจของชีวิต เป็นข้อสรุปที่ค่อนข้างจะเสียดสีและประชดประชันโลก เหมาะสมยิ่งแล้วที่จะนำมาประกอบหนังเรื่องนี้ครับ

 

คุณรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องนี้คุณไม่ใช่พระเอก/นางเอก?

พูดถึงหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงปรัชญาบางส่วนของหนังขึ้นมาครับซึ่งเรื่องนี้ให้ไว้หลายข้อเลยอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างบนอย่างหนึ่ง (where do you position yourself in the group, society, the world?), วิธีที่คุณมองตัวเองบอกได้ว่าคุณเป็นคนยังไง (The way you perception yourself tells something about you), ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นมายืนหยัดกับบางสิ่งบางอย่างคุณจะล้มเหลวไปกับทุกอย่าง (If you don't stand for something, you will fall for everything), โดยเฉพาะ message หลักปรัชญาหลักที่สื่อสารออกมาจากเรื่องนี้นั้นคือ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้คุณไม่ใช่พระเอก/นางเอก? (This is not your story, it's only your part in somebody else's story). แน่นอนว่าเรารู้สึกเป็นตัวเอกในชีวิตของเรา ก็นี่มันชีวิตเรานี่นา เรารู้สึกมันอยู่ เราหายใจเอามันเข้าไปอยู่ แต่กลายเป็นว่าเรื่องราวชีวิตของเราที่กำลังเล่นอยู่นี้ เราเป็นแค่ตัวประกอบของชีวิตคนอื่นอีกคนนึง เราอาจเป็นตัวประกอบที่เติมเต็มชีวิตของแม่ ตัวประกอบที่เติมเต็มชีวิตของลูก หรือมีบทเล่นบางส่วนในชีวิตของใครอีกหลายๆคน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเราเองก็รู้อยู่แล้วว่าเรามีบทเล่น แต่เมื่อเล่นบทเหล่านั้นไปด้วยความรู้สึกของการเป็นตัวเอกมันจึงซีเรียสเกินไปกับชีวิต เมื่อเราสเต็ปเอาท์ถอยออกมามองตัวเองว่าเป็นเพียงส่วนประกอบย่อยของเรื่องคนอื่น เราจะปล่อยผ่านได้ง่ายขึ้นกับบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่มีความจำเป็นต้องไปยึดมันไว้ เหมือนอย่างตอนจบของเรื่องนี้ครับ

 

เพลงสั้น ๆ แต่อธิบายยาวมากกกก :D



ยังมีอีกหลายเพลงที่หนังเรื่องนี้นำเสนอซึ่งมีประเด็นในการหยิบยกมาพิจาราณาเปรียบเทียบกับชีวิตของเราครับ หากมีโอกาสจะได้นำมาพูดให้ฟังต่อไปครับ
 

Enjoy your life krub :)


ป.ล. หนังเรื่องนี้ทำให้ได้รู้จัก Lobotomy เป็นครั้งแรกถึงกับสะพรึงว่าโลกเคยยอมให้มีการรักษาที่... ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

Lobotomy การรักษาผู้ป่วยทางจิตด้วยการตัดเส้นประสาทที่ควบคุมพฤติกรรมในสมองส่วนหน้าผ่านทางร่องข้างลูกตา
 

<< เพลงที่แล้ว : Different Seasons - Johnny Hates Jazz  : เพลงถัดไป >>

 




Create Date : 11 ตุลาคม 2562
Last Update : 12 ตุลาคม 2562 12:15:01 น.
Counter : 2739 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณที่เห็นและเป็นมา

  
thanks
โดย: :) IP: 223.24.170.4 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2562 เวลา:11:10:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Karz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?]





สงวนลิขสิทธิ์
ตุลาคม 2562

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog