เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
14 สิงหาคม 2556

มิตซูบิชิ แอททราจ... เหมาะทั้งในเมือง-เดินทางไกล

  เปิดตัวเป็นทางการมา 1 เดือน แต่จากรายงานข่าวเก๋งซีดานเล็ก “มิตซูบิชิ แอททราจ” (Mitsubishi Attrage) ช่วยให้ยอดขายรวมอีโคคาร์มิตซูบิชิ ผงาดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของตลาดประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งนั่นมาจากรูปลักษณ์และแคมเปญที่เปิดออกมา บวกกับรุ่นแฮทช์แบ็ก “มิราจ” อีโคคาร์สายพันธุ์เดียวกันเป็นที่ยอมรับไม่น้อย จึงทำให้แอททราจได้รับการตอบรับทันที และช่วงตีเหล็กกำลังร้อน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงได้ให้สื่อมวลชนลองสัมผัสสมรรถนะ เพื่อสร้างการรับรู้สู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง…

       ในการลองขับ “แอททราจ” ครั้งนี้ มิตซูบิชิจัดรูปแบบใช้งานยาวๆ ให้ขับกันเกือบ 400 กิโลเมตร โดยทริปที่ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ร่วมสัมผัสสมรรถนะอีโคคาร์ซีดานรุ่นนี้ เป็นการขับเลาะเรียบแม่น้ำโขงจากจังหวัดนครพนม-บึงกาฬ-หนองคาย-อุดรธานี เรียกว่าครบทุกอรรถรสของการขับขี่ ทั้งการเดินทางไกล และช่วงของการใช้งานในเมืองยามเย็น ท่ามกลางจราจรอันคับคั่งของเมืองอุดรธานี ที่ปัจจุบันรถติดแทบจะไม่แตกต่างจากกรุงเทพฯ เลย

       โดยเริ่มล้อหมุนจากโชว์รูมมิตซูชาญ มอเตอร์ส เซลส์ นครพนม ดีลเลอร์ที่เพิ่งเปิดเพียง 2 ปี แต่สามารถทำยอดขายเป็นอันดับสองของจังหวัด ไล่บี้ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” มาติดๆ มีส่วนแบ่งการตลาดห่างกันเพียงแค่ 1% เท่านั้น และยังเปิดสาขาที่อำเภอบ้านแพง ซึ่งเป็นโชว์รูมย่อยต้นแบบ ที่มิตซูบิชิจะใช้เป็นกลยุทธ์ในการเจาะสู่ระดับอำเภอทั่วประเทศ

       มิตซูบิชิ แอททราจ ถือเป็นอีโคคาร์ซีดานอีกยี่ห้อ ที่มีการลงทุนออกแบบรูปลักษณ์หน้าตาใหม่ แม้จะใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับรุ่นแฮทช์แบ็ก “มิราจ” ก็ตาม เรียกว่าเปลี่ยนด้านหน้าใหม่เกือบหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า เปลือกกันชน และไฟหน้า โดยยังคงใช้ร่วมกันในส่วนของเสา A-Pillar กระจกบังลมหน้า บานประตูคู่หน้า และเสากลาง B-Pillar ร่วมกันกับรุ่นมิราจ



       ส่วนด้านท้ายที่เป็นไฟต์บังคับอยู่แล้ว มิตซูบิชิ มิราจ นับว่าออกแบบเส้นสายตัวถังได้ลงตัวที่สุด จะเห็นว่าหลังคาส่วนท้ายไม่กดลาดจนเกินไปเหมือนกับ นิสสัน อัลเมร่า จนส่งผลต่อความสูงของห้องโดยสารภายในด้านหลัง หรือตัดลงมาทื่อๆ เหมือน ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ

       มิติตัวถังของแอททราจ ความยาว 4,245 มม. กว้าง 1,670 มม. สูง 1,515 มม. และระยะฐานล้อ 2,550 มม. ภาพรวมอาจจะเล็กกว่านิสสัน อัลเมร่า มีเพียงความสูงที่มากกว่า 15 มม. แต่เหนือกว่าฮอนด้า บริโอ้ อเมซชัดเจน โดยที่บรรจุสัมภาระท้ายรถของแอททราจจุได้ 450 ลิตร (แต่การใช้แผ่น Future Board มาแปะกั้นกับเบาะหลังดูทำให้ด้อยไปหน่อย) เป็นรองรุ่นอัลเมร่านิดหน่อย แต่มากกว่าบริโอ้ อเมซ 50 ลิตร ถึงอย่างนั้นมิตซูบิชิ แอททราจ กลับมีน้ำหนักเพียง 885-930 กก. (แล้วแต่รุ่น) ใกล้เคียงกับรุ่นมิราจ เป็นผลมาจากเทคโนโลยีการออกแบบให้น้ำหนักเบา โดยยังคงความแข็งแกร่งอยู่ และ เมื่อเทียบรวมๆ ยังเบากว่า ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ และนิสสัน อัลเมร่า



       ช่วงแรกของการลองขับ มิตซูบิชิ แอททราจ ในส่วนของ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับหน้าที่เป็นผู้โดยสาร จึงสำรวจภายในรถรุ่นที่นั่ง GLX เกียร์อัตโนมัติ CVT (อีกรุ่นต่ำสุดเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ) รองจากรุ่น GLS และตัวท็อป GLS Ltd. ซึ่งภายในแทบจะยกมาจากรุ่นมิราจเลย โดยเฉพาะในส่วนของคอนโซล แผงหน้าปัด และพวงมาลัย แต่แตกต่างจากมิราจตรงที่หุ้มหนัง และติดปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย(มีเฉพาะรุ่นท็อป)

       ในส่วนของความแตกต่างระหว่างรุ่นท็อปกับตัวกลางมาล่าง เห็นจะเป็นการถอดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ให้มาเฉพาะใน 2 รุ่นบน และยิ่งตัวท็อปจัดชุดใหญ่มาเลย กับความบันเทิงและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ-เครื่องเล่น DVD /MP3 /จอภาพแบบทัชสกรีน 6.5 นิ้ว และ USB สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ตลอดจนระบบนำทางในรถยนต์ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ ขณะที่รุ่นอื่นๆ จะเป็นวิทยุ-เครื่องเล่น CD /MP3 พร้อมช่อง AUX-in และ USB มากกว่านั้นรุ่นท็อป GLS Ltd. ยังมากับกล้องมองหลัง ทำงานร่วมกับเกียร์ถอยหลัง (R) เวลาถอยจอดจึงทำได้ง่ายๆ

       ห้องโดยสารของมิตซูบิชิ แอททราจ นับว่าโปร่งใช้ได้ทีเดียว เบาะนั่งใหม่อาจจะไม่ใหญ่มากแต่นั่งสบายทีเดียว ถึงจะเดินทางระยะไกลกลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยนัก ระยะวางขามีพื้นที่มากทีเดียว หรือแม้แต่เบาะหลังไม่รู้สึกเบียดชิด ก่อนเดินทางได้มีโอกาสลองเข้าไปนั่งด้านหลัง ความสูงของรถทำให้เข้าออกง่าย และเมื่อเพื่อนสื่อมวลชนที่สูงกว่า 170 เมตร เข้าไปนั่งเบาะหลังเอนตามเบาะ ยังมีพื้นที่ว่างระหว่างศีรษะกับเพดานหลังคา ไม่ชิดจนต้องเอนตัวหลบ หรือต้องระวังยามรถตกหลุมกระเด้ง(สำหรับคนตัวสูงๆ) เหมือนกับนิสสัน อัลเมร่า



       ขุมพลังของมิตซูบิชิ แอททราจ เป็นบล็อกเดียวกับรุ่นมิราจ เครื่องยนต์ 3A92 แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ขนาด 1,193 ซีซี 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

       ช่วงแรกของการเดินทางเป็นแบบคาราวานขับตามกัน อัตราความเร็วส่วนใหญ่อยู่ที่ 90-100 กม./ชม. ประมาณ 2,000 รอบต่อนาที โดยแอททราจมีระบบ ECO แสดงอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดบนหน้าปัด เมื่อความเร็วสัมพันธ์กับรอบ ทำให้เราควบคุมการขับ และช่วยขับประหยัดมากขึ้น ปรากฏว่าเมื่อถึงปั๊มบ้านแพงระยะทาง 99.1 กม. ดูอัตราสิ้นเปลืองตามชุดมาตรวัดอยู่ที่ 20 กม./ลิตร



       จากนั้นเดินทางต่ออีกเกือบ 300 กม. ช่วงนี้ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับไม้ขับยาวเลย โดยรูปแบบการขับเพิ่มความเร็วมากขึ้น แต่ละคันสามารถทดสอบความเร็ว-อัตราเร่งได้อิสระ และสัมผัสแรกรู้สึกแปลกใจ เพราะช่วงนั่งเป็นผู้โดยสาร เวลาเพื่อนกดคันเร่งเพื่อแซง จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์คราง เหมือนกับต้องเค้นกันสุดๆ แต่เมื่อได้ขับเองกลับไม่ต้องกดคันเร่งจมมิดเหมือนเสียง หรือกระแทกคันเร่งหนักๆ ถึงจะไม่จี๊ดจ๊าด แต่ก็ไม่ได้เป็นรถที่อืดเลย

       ทั้งนี้อัตราเร่งไหลลื่นเมื่อผ่าน 2,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์ CVT ได้ดี และเมื่อวิ่งความเร็วคงที่ ซึ่งโดยเฉลี่ยในการเดินทางครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 110-120 กม./ชม. รอบประมาณ 2,000-2,200 รอบต่อนาที นับว่าค่อนข้างต่ำและช่วยเรื่องอัตราสิ้นเปลือง น้ำหนักพวงมาลัยทำได้ดีกว่ารุ่นมิราจ ช่วงความเร็วต่ำจะเบา และปรับให้หนืดกำลังดีเมื่อความเร็วสูงขึ้น ความแม่นยำใช้ได้ จึงเป็นรถที่ใช้งานในเมือง และเดินทางไกลได้ดีทีเดียว

       ช่วงล่างเป็นอีกจุดที่ทำได้ดีกว่ารุ่นมิราจ แน่นอนตัวถังแบบซีดานก็น่าจะมีส่วน โดยระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และหลังแบบทอร์ชันบีม ซึ่งเซ็ตมาดีสามารถรับการขับด้วยความเร็วสูงได้มั่นใจกว่าที่คิด และหนักแน่นกว่ามิราจ ขับระยะทางไกลๆ ไม่เหนื่อยนัก ยางที่ติดมากับรถ 175/65 R14 อาจจะเล็กไปหน่อย แต่การเข้าโค้งกว้างๆ ความเร็วสูงยังปกติอยู่ เทียบกับ 2 รุ่นบน ยางขนาด 185/55 R 15 เมื่อลองขับสั้นๆ ถือว่าตัวหลังให้ความรู้สึกที่ดีกว่าในทุกการขับขี่

       ในส่วนระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม เป็นอีกจุดที่ทำได้พอใจ ระยะเบรกสัมพันธ์กับน้ำหนักเท้าดี ยิ่งระบบความปลอดภัยมาครบทุกรุ่น ทั้งระบบป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ถุงลมนิรภัยคู่หน้ากับ 2 รุ่นท็อป และเฉพาะด้านคนขับใน 2 รุ่นล่าง อาจจะตินิดหน่อยที่เข็มขัดนิรภัยไม่สามารถปรับเลื่อนตำแหน่งได้

       เมื่อจบการลองขับที่จังหวัดอุดรธานี ระยะทางทั้งหมด 371 กม. ดูอัตราสิ้นเปลืองตามชุดมาตรวัดบนหน้าปัดอยู่ที่กว่า 19 กม./ลิตร เหลือระยะทางวิ่งได้ 270 กม. ดังนั้นน้ำมัน 1 ถัง 42 ลิตร ใหญ่สุดในกลุ่มอีโคคาร์ซีดาน กับความเร็วระดับ 100-120 กม./ชม. น่าจะวิ่งได้ระยะทาง 600 กม.สบายๆ

       สรุปรวม... มิตซูบิชิ แอททราจ เป็นอีโคคาร์ซีดานที่ออกแบบมาค่อนข้างลงตัวที่สุด ขนาดตัวถังไม่ใหญ่หรือเล็กมากไป น้ำหนักเบา และช่วยให้ขุมกำลังเครื่องยนต์ แม้จะมีเพียง 78 แรงม้า ทำงานได้เต็มที่ อาจจะไม่จี๊ดจ๊าด แต่ไม่ใช่รถอืด ถือว่าเหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและเดินทางไกล หากวัดตามมาตรฐานรถระดับอีโคคาร์ ขณะที่ออปชั่นจัดเต็ม โดยเฉพาะรุ่นท็อป GLS Ltd. 582,000 บาท (รุ่นเริ่มต้น 433,000 บาท) เมื่อบวกกับแคมเปญเร้าใจ แอททราจจึงเป็นตัวเลือกที่ไม่สามารถตัดทิ้งได้...





//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000100674



Create Date : 14 สิงหาคม 2556
Last Update : 14 สิงหาคม 2556 22:08:39 น. 0 comments
Counter : 5459 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

karnoi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]