อากาศเย็นมาก ฝนตกปรอยๆ แบบไม่หนักมาก เปิดกระจกรับลมเย็นๆ ของป่าเขา พอขับไปประมาณ ชั่วโมงกว่า สองชั่วโมง เริ่มเมื่อย ยังไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย เหอ เหอ ก็ทางมันโค้ง เลี้ยว โค้ง ตลอด แต๊น แตน แล้วเราก็มาถึง วัดร่องขุ่น

เอ้าให้คุณแม่ถ่ายรูปสักหน่อย

ตอนแรกตั้งใจจะไปพิพิธภัณฑ์อูบคำต่อ แต่ว่าหลงซะแหละ ก็เลยเอ้า ไปไหว้พระในเมืองเชียงรายกันดีกว่า วัดแรกเลยคือวัดกลางเวียง

แล้วก็ไปวัดพระสิงห์ งามแต้ๆ เจ๊า สุดยอด

ฝนตอนนี้เริ่มตกเม็ดใหญ่ กานต์ก็ยังคงถ่ายต่อไป คุณแม่ก็เป็นแบบต่อไป เดินมานิดนึง ก็ถึงวันพระแก้ว ของเชียงราย

ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่มีการค้นพบพระแก้วมรกต ที่ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่นี้จะมีเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวมรวมโบราณวัตถุ เกี่ยวกับพุทธศาสนา มีพระสงฆ์คอยให้คำอธิบายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต ตุงที่เห็นเบื้องหลังนั้น แกะสลักเรื่องราวของพระแก้วมรกต

เจดีย์ที่เห็นนี้ คือเจดีย์ที่เจอ พระแก้วมรกต ( ฟ้าผ่าเลยทำให้ค้นพบ พระพุทธรูปอยู่ภายใน แต่ตอนแรกยังไม่รู้ว่าคือพระแก้วมรกต แต่อยู่ไปอยู่มา จมูกกระเทาะออก เผยให้เห็นสีเขียวภายใน ) ออกจากวัดพระแก้ว ก็เย็นประมาณ บ่าย 3 กว่าๆ เราสองคนแม่ลูก ก็ซิ่ง ขับรถกลับมาเชียงใหม่ ตั้งใจจะมาเดินถนนคนเดินวัวลาย ตอนช่วงระหว่างขับกลับนี่ เดินส่องเปรี้ยง ๆ จริงๆ สาย 118 นี่ กานต์ชอบนะค่ะ มีวิวสวย แล้วก็มีโป่งน้ำร้อนด้วย ถ้ามาหลายวันกว่านี้ จะต้องแวะให้ได้ พอดีว่า มาแค่วันนี้ พรุ่งนี้กลับ เลยอดแวะเลย แต่พอเข้าเขตเชียงใหม่ปุ๊ป ฝนตกหนักมาก ตอนแรกตั้งใจจะกินข้าวก่อน ไปร้านไหน ไหน ก็ฝนตกหนัก เปียกแฉะ ก็เลยเอ้าตัดสินใจเข้าที่พักกันดีกว่า หลังจากที่ search ในเนตมาหลายวัน ก็เลยตกลงใจว่า จะนอนที่บ้านอ้ายหล้า ไอ้เราก็ห้าวเกิน ไม่รู้หรอกนะว่าอยู่ตรงไหน แล้วก้ไม่โทรไปถามก่อน ก็เลยหลงทางซะ โทรไปหาที่บ้านอ้ายหล้า จนคลำหาทางมาถูก ในที่สุดเราก็มาถึงที่พัก

เราเลือกเป็นห้องพัดลม แต่เนื่องจากฝนตก จึงไม่ต้องเปิดพัดลม ก็เย็นมากๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัว คุณแม่ดูจูมงจบ ก็ออกมากินข้าวเย็นกัน ลืมบอกไปว่า ตอนเช้าแวะไปกินที่ข้าวซอยเสมอใจ อยากบอกว่า ถูกปากมากมาก โดยเฉพาะขนมจีนน้ำเงี๊ยว ถูกปากกานต์มาก คือ ก่อนหน้านี้ที่เคยมาเชียงใหม่ รู้สึกขนมจีนน้ำเงี๊ยว จะจืด ไม่ถูกปากเด็กชล แต่ร้านนี้ รสชาติ น้ำเงี๊ยวนี่จัดจ้าน เผ็ดดี ถูกปากมากมาก เช้าวันที่ไปถึง กานต์กินน้ำเงี๊ยวจาน ข้าวซอยจาน ข้าวซอยก็อร่อยค่ะ เข้มข้น เอ้า พอพอ คืนนี้กานต์เลยไปกิน เฮือนสุนทรี อยากฟังคุณสุนทรีร้องเพลง ก่อนหน้านี้ ตอนฝึกงาน เคยมานั่งร้านเฮือนสุนทรีสองครั้ง แต่เป็น ร้านเก่า ที่มีนั่งกับพื้น เวลามาฟัง คุณสุนทรีร้องเพลง พี่ที่ทำงานบอกว่าให้รอฟังคุณสุนทรี ร้องเพลงมะเมี๊ย คุณ สุนทรีจะร้องไห้ ตอนนั้น คุณสุนทรีก็มีเช็ดน้ำตาจริงค่ะ

แต่วันนี้กานต์เสียดายที่อยู่ฟังไม่ถึงเพลงมะเมี๊ย ฟังแค่เพลงโปรด คือ เพลงล่องแม่ปิง แล้วก็ชวนแม่กลับ ตั้งใจจะไปเดินถนนคนเดิน อ๋อ ลืมบอกเล่าเรื่องอาหาร

ออเดริฟเมืองที่เห็นในรูป อร่อยถูกปากกานต์อีกแล้วค่า น้ำพริกหนุ่มเผ็ดดี ยิ่งไส้อั่ว ยิ่งสุดยอด เผ็ดเจ๊า ถูกใจสุดๆ ก่อนกลับ ก็เลยพาแม่ถ่ายรูป กันเป็นที่ระลึก ( กับรูปคุณสุนทรีนะ เพราะคุณสุนทรียังร้องเพลงอยู่เลย )

ฝนก็ตกปรอยๆ กานต์ก็ตั้งใจจะไปถนนวัวลาย ก็หลงกัน ก็เลยเอ้า 4 ทุ่ม กว่าแล้ว ง่วง ก็ง่วง กลับไปนอนกันเถอะ เอ้า เพราะฉะนั้นวันนี้เลยจบเพียงเท่านี้ เจ๊า วันรุ่งขึ้น ตื่นแต่เช้า อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องเปิดพัดลมเลยทั้งคืน อาบน้ำแต่งตัว ไปไหว้พระวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นอันดับแรก งามแต๊ๆ

พอดีกานต์มาวันอาทิตย์ ที่โบสถ์มีโรงเรียนสอนพุทธศาสนาวันอาทิตย์มีเด็กน้อย และ ผู้ที่สนใจ เข้ามานั่งฟังกัน พระอาจารย์กำลังสอนวิธีการสวดมนต์ กานต์ชอบมากค่ะ แต่ ฟังได้ไม่นาน เพราะแม่ต้องกลับก่อนตอน 10 โมง โบสถ์น้อยภายใจวัดพระสิงห์ ที่วัดพระสิงห์จะมีน้องหมา คอยเผ้าอยู่ทุกโบสถ์ โบสถ์ละตัว ซึ่งน้องหมา เหมือนรู้หน้าที่ทำตัว สงบเสงี่ยม พระสวดมนต์อยู่อีกด้าน น้องหมา ก็นั่งทำตัวเรียบร้อยอยู่อีกด้าน

ขับเข้าถนนราชดำเนินมาหน่อย ก็แวะวัดพันเตา

เมื่อปีที่แล้วกานต์เคยมาเดินถนนคนเดินท่าแพ แล้วเดินมาถึงวันพันเตา ตอนนั้นคุณน้าหมู ไกด์กิตติมศักดิ์ ก็บอกว่าเนี่ยแหละวัดพระสิงห์ haha พอวันนี้ได้มาอ่านป้ายชื่อวัดแบบชัดๆ ก็อ๋อ นี่คือวัดพันเตานะเจ้าค่ะ เลยวัดพันเตาแค่หน่อยเดียว ก็ถึงวัดเจดีย์หลวง

เจดีย์หลวงใหญ่มาก น่าเสียดาย ที่มันจะต้องผุพังไปตามกาลเวลา ที่นี่จะมีรอกไว้ให้สรงน้ำ ประทับใจ

ด้านหลังเจดีย์จะมี โบสถ์ที่งดงามรออยู่

กานต์ชอบมาก โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ กานต์ชอบเชียงใหม่ ตรงที่ตามริมถนนข้างทาง ก็ยังคงมีต้นไม้ใหญ่อย่างนี้อยู่ให้เห็นเรื่อยๆ เอ้าแม่ดูเวลาว่าใกล้แล้วเนี่ยจะ 10 โมงแล้ว ก็เลย ตีรถกลับไปกินน้ำเงี้ยว ที่ร้านข้าวซอยเสมอใจเหมือนเดิม เพราะติดใจไม่หาย วันนี้แม่เลยกิน น้ำเงี๊ยว ไปสองจาน กานต์ก็ว่า อู้ว กินเยอะจัง แม่ก็เลยย้อนกลับมาว่าทีแกละ เมื่อวานยังกินตั้งสองจาน ha แล้วก็แวะ ซื้อกาแฟ วาวี กานต์กินได้ แต่แม่ว่าไม่อร่อยเท่าไหร่

ไปส่งแม่สนามบิน เกือบตกเครื่องเป็นคนสุดท้ายของเคาน์เตอร์ กานต์ก็เหลือตัวคนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดาย

เฮอะ ไม่สนใจอยู่แล้ว ย้อนกลับมาบ้านอ้ายหล้า

มา check out เห็นหลังเขียวๆ นั่นคือ คุณเจ้าของกำลังให้ โปสการ์ดเป็นของแถม บรรยากาศ

รถเช่า ที่ให้เราขับตะบี้ตะบันตั้งแต่เมื่อวาน ต้องขอบคุณธนารถเช่า ไม่ได้โฆษณานะ แต่กานต์ก็ว่า โอเคนะค่ะ ใครสนใจติดต่อได้ 081-884-8575 คุณธนา haha

เอ้าเหลือตัวคนเดียว กานต์กลับตอนบ่ายสอง ก็เอ้าไปไหว้ครูบาศรีวิชัยสักหน่อย อุตส่าห์มาถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว ขอให้เราเดินทางโดยสวัสดิภาพ

จากนั้น ก็เดินทางขึ้นดอยสุเทพต่อ จุดพักชมวิว

บันไดขึ้นดอยสุเทพ ha ยังไม่ทันได้ขึ้นบันไดเล้ย กานต์ก็หายใจไม่ทันซะแล้ว

ถ่ายรูปนี้ไม่ใช่อะไร พอดีว่าเหนื่อยเดินไม่ไหว ฟอร์มทำเป็นถ่ายรูป ha

ถึงแล้วเจ๊า

แล้วเราก็ลงจากดอย เข้าถนนนิมมาเหมินทร์ แต่ขับรถคนเดียวไม่มีใครถ่ายรูปให้เล้ย แต่เป็นช่วงเที่ยงแดดร้อนเปรี้ยง ๆ กานต์เลยไม่แวะ ร้านไหนเลย แต่เราไปแวะวัดสวนดอกแทน ที่วัดสวนดอก

กานต์ชอบอีกแล้วคร้าบ ที่ศาลาของวัดนี้ ใหญ่ม้ากกก และก็เหมือนสมัยโบราณ ที่วัดยังคงเป็นศูนย์กลางของชุมชน ที่วัดนี้จะมีนักเรียนมาเรียนภาษาอังกฤษ นั่งล้อมวงเล่นหมากเก็บ นั่งล้อมวงซ้อมสล้อซอซึง ( เขียนผิดต้องขออภัย ) กานต์ชอบค่ะ ด้านหลังเป็นเจดีย์งดงาม

จากนั้นไม่ด้าย ไหนๆมาเชียงใหม่ทั้งที เราต้องแวะ ร้านที่เค้กเลื่องชื่อให้ได้ ร้านแรกที่กานต์แวะคือ ร้าน Fern Forest Cafe

บรรยากาศสบายมากเลยค่ะ เย็นดีไม่ต้องมีพัดลม ก็มีลมพัดอู้

กานต์ชอบช็อกโกแลตของร้านนี้ค่ะ จริงๆ กานต์สั่ง ราสเบอรี่ชีสเค้ก แต่ก้นของราสเบอรี่ เป็นเค้กช็อกโกแลต ตรงนั้นแหละ อร่อยม้ากกกกกก น้ำแครอท ก็อร่อยค่ะ ขอแนะนำ อ่ะอ่ะ ไม่ได้ แม้จะตกเครื่อง คืนรถไม่ทัน เราก็ไม่ยอมที่จะพลาดร้าน love at first bite ที่คนหลายคนใน pantip แนะนำนักแนะนำหนา

จริงๆ ตอนเช้าที่ไปส่งแม่ที่สนามบิน แวะแล้วรอบนึง แต่ร้านยังไม่เปิด ร้านเปิด 10 โมงครึ่ง ก็เลยมารอบนี้ ปรากกว่ารถติดขนาด ตรงประตูท่าแพ ไม่รู้ทำอะไร ก็เลยมาถึงร้าน love at first bite ช้ามาก เอ้า ซื้อกลับบ้านดีกว่า ก็เจอะ คนแปลก ๆ เข้าไปปุ๊ป ก็ได้ยิน คุณลูกค้า กำลังดุคุณพนักงานเลยว่า นี่ชั้นพูดภาษากลางเธอเลยไม่เข้าใจ หรือ ชั้นพูดไม่เข้าใจ ha ha เอา แล้วคร้าบ เจอคนติสท์แตก คุณลูกค้าบอกว่าขอห่อแบบสวยๆ เอ้านะ มันก็มีบิดเบี้ยวบ้าง ก็น่าจะคุยกันได้ เปลี่ยนกล่องหรืออะไรก็ว่าไป จ๊ากกก เจอหยั่งนี้ คุณกานต์ก็หันหนี พอสั่งเสร็จก็เลยบอกว่าของคุณกานต์ไม่ขอสวย แต่ขอไวๆ รีบ haha เอ้า ก็รับฟังคุณน้องพนักงานบ่นไปนิดหน่อย คุณกานต์ก็ต้องรีบจรลี อีก 15 นาที จะบ่ายสอง ซิ่งสุดแรงเกิด ปื๊ด มาถึง สนามบินโดยปลอดภัย ปรากฏว่านาฬิกาคุณกานต์ช้า เคาน์เตอร์ไปดอนเมือง ติดป้ายว่า close คุณกานต์ก็อึ้ง เดินทำหน้าหมาเศร้าไปหา พนักงานที่นั่งอยู่ ( ดีนะ ที่มีพนักงานนั่งอยู่ ) เคาน์เตอร์นี้ปิดแล้วเหรอค่ะ - คุณพนักงาน ก็เลยดุซะ คราวหน้ากรุณามาให้เร็วหน่อยนะค่า - ขออำภัยค่า เอ้าได้ขึ้นเครื่องโดยสวัสดิภาพ พร้อมคุณ กัดไม่ปล่อย 1 ถุง

อ๊า ข้าง ๆ และ ข้างหลังมีแต่ฝรั่ง ฝรั่งนั่งข้างไม่มีปัญหา แต่เจ๊ฝรั่งนั่งหลังที่สุดยอด ไม่รู้ทำอะไรกับพนักคุณกานต์หนักหนา บ่นตลอดทาง hot hot ปาดดิโธ่ ก็ออกตอนบ่าย 2 เนอะ แดดกำลังส่องเลย ตอนเครื่องจอด

แต่น แตน และ แล้ว กัดไม่ปล่อย ที่เดินทางไกลจากเชียงใหม่ มาเมืองชล ก็มาถึงโดยสภาพแบบนี้

อ๊าาาาาาาาา เข้มข้นสุดยอด

อ่ะ หมดแล้วจ้า ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนเด้อ จริงๆ แล้ว วันจันทร์ ก็วันสาร์ทจีน บ้านกานต์ก็บางแสนอีกแล้วคร้าบ อีหรอบเดิม เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟัง