ทริปตามหาพ่อมดน้อยแฮรี่กับใบไม้แดง (Autumn in Kansai) ตอนที่ 1
แม่เปี๊ยก อยากไปเห็นใบไม้สีแดงที่ญี่ปุ่นสักครั้ง ส่วนน้องเมย์อยากไปสวนสนุก Universal Studios Japan ที่โอซากะ ท่องโลกแห่งจินตนาการในวัยเด็ก แม้ตอนนี้จะโตเป็นสาวแล้วก็ยังอยากไป เมื่อความต้องการของคน 2 คน มาป๊ะกันความลงตัวจึงเกิดขึ้นที่นี่... ที่โอซากะ ประเทศญี่ปุ่น
จุดเริ่มต้นของการเดินทางของเราสองคนแม่ลูกเริ่มขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม น้องเมย์เปิดเจอโปรโมชั่นของแอร์เอเซียค่าตั๋วเครื่องบิน ไป กลับ ดอนเมือง โอซากะ พร้อมที่พัก 4 คืน คนละ 17,000 บาท (ไม่รวม น้ำหนักกระเป๋า แย่ตรงนี้แหล่ะ ต้องซื้อเพิ่ม) น้องเมย์รีบหาข้อมูลว่าใบไม้เปลี่ยนสีช่วงพีคคือช่วงไหน ก็มาลงตัวเอาระหว่างวันที่ 20 24 พ.ย. 60จะไปช่วงเสาร์อาทิตย์ น้องเมย์ว่า ตั๋วจะราคาแพงขึ้น อีกอย่างเธอไม่อยากหยุดเรียนป.โท ในช่วงเสาร์ อาทิตย์ แล้วก็เลือกโรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟ Shin Osaka ชื่อโรงแรม Hotel Claiton Shin-Osaka รวม 4 คืน เมื่อได้ข้อตกลงเรียบร้อย ก็จองตั๋วเลย แล้วก็นั่งนับวันรอ.. . ช่วงก่อนการเดินทาง ก็ไปเที่ยวงานเที่ยวเมืองไทย ไปทั่วโลก เรา 2 คนก็ไปซื้อตั๋วเข้า USJ กันก่อน ในราคาคนละ2,300 บาท เพราะถ้าไปซื้อที่โน่น คงต้องเสียเวลารอนาน แล้วก็ซื้อไปซิมการ์ดของ DOCOMO ซึ่งเป็นค่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ในราคา 299 บาท ใช้ได้ 7 วัน แถมก่อนการเดินทางค่าเงินเยนก็ลดลงเรื่อยๆ เลยแลกเก็บตุนกันไว้
น้องเมย์เป็นคนวางโปรแกรมการเที่ยวทั้งหมด ไปไหนยังไงถึงสนามบินคันไซแล้วจะไปยังไง แม่เปี๊ยกเดินตามน้องเมย์อย่างเดียว แล้วคอยจ่ายตังค์ แฮ่ๆกลับมาแม่กระเป๋าแฟ่บเลย...
เราเลือกการเดินทางช่วงบ่ายของวันที่ 20 พ.ย. เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 14.45 น.ไปถึงสนามบินคันไซเวลา สามทุ่มครึ่ง ทันรถไฟเข้าโอซากะเที่ยวสุดท้ายพอดี เกิดเรื่องตลกที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ดอนเมือง คนไทยไม่ต้องกรอกแบบ ตม.แค่ผ่านเครื่องตรวจหนังสือเดินทาง และสแกนม่านตาและลายนิ้วมือเท่านั้นทั้งขาออกและขาเข้า ตอนที่ จขบ.สแกนม่านตาและลายนิ้วมือ น้องที่คุมเครื่องบอกพี่ๆทำตาโตๆ หน่อย ตาเล็กมากเลย เกิดมาก็ตาเท่านี้อ่ะนะ... 555
เที่ยวบินนี้ คนไทยเยอะมากๆ มากับทัวร์ก็มี มากันเองก็เยอะ เดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นเที่ยวเองได้ง่ายขึ้น เพราะเริ่มใช้ภาษาอังกฤษกันมากขึ้น แล้วก็มีgoogle map ก็เที่ยวได้แล้ว ไม่แน่ใจก็ถามเค้า เราสั่งอาหารเย็น ล่วงหน้าด้วยเพราะกว่าจะถึงก็ดึกมากแล้ว ก่อนเวลาเครื่องออกก็เปลี่ยนซิมการ์ดเป็นซิมญี่ปุ่นให้เรียบร้อยก่อน
นั่งๆ นอนๆ ประมาณ 6 ชั่วโมงก็ถึง สามทุ่มครึ่ง(ญี่ปุ่น) พอดีเป๊ะ บ้านเรา ก็แค่ทุ่มครึ่ง เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมง พอล้อแตะรันเวย์สนามบินคันไซเครื่องก็ส่ายไปมาเล็กน้อย พอให้ตื่นเต้นเล่น ... พอไปถึงก็ต้องนั่งรถไฟไปอาคารสนามบินอีก 1 สถานี พอออกจากรถไฟ ลมหนาวพัดเย็นยะเยือกมาเลยทีเดียว อยากเก็บอากาศแบบนี้มาบ้านเราจัง
เรา 2 คน รีบไปที่ตรวจคนเข้าเมือง อ้อ...ลืมบอกไป ก่อนลงเครื่องต้องกรอกใบ ตม.ให้เรียบร้อยก่อน แอร์เอเชียเค้ามีตัวอย่างการกรอกข้อมูลให้ดูในนิตยสารของเค้าด้วยค่ะ
ระหว่างเข้าแถวรอผ่านด่าน ตม. ได้ยินคนเรียก เปี๊ยกๆ ใช่เปี๊ยกรึป่าว นึกในใจนี่มีคนรู้จักเราถึงญี่ปุ่นเชียวเหรอ หันไปตามเสียง เห็นผู้ชายยืนยิ้มหวานอยู่เรารีบยกมือไหว้ เค้าคนนั้นคือ พี่เหน่ง พี่ที่เรารู้จักกันตั้งแต่เราเริ่มทำงานเมื่อปี 2527 เป็นคนที่สอนงานเราเป็นคนแรก พี่เค้ายังจำเราได้ ตอนนี้พี่เค้าเกษียณได้ 2 ปี แล้ว มาเที่ยวกับกลุ่ม สว. 10 วัน ปรากฏว่าคนที่ยืนต่อแถวจากเราก็เป็นอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เราก็บอกว่า เราเคยทำงานที่อ่างทอง ตั้งแต่น้องเมย์อยู่ชั้น ป.1 ก็คงจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับพี่เหน่งนั่นเอง
พอพ้นด่าน ตม. ก็รีบไปเอากระเป๋ากัน เราชอบการบริการของสนามบินที่ญี่ปุ่นจัง พนักงานจะเอากระเป๋าของผู้โดยสารจากสายพานมาตั้งวางเป็นแถว อย่างเป็นระเบียบ เราแค่ไปเอากระเป๋าเท่านั้น ไม่ต้องรอตรงสายพานเลย และ ณ ตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่น้องเมย์จะได้ทำหน้าที่ไกด์นำทางแล้ว เห็นหยิบโทรศัพท์มาเปิดๆ ดู แล้วบอกว่า ขึ้นไปชั้นบนกัน ไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองโอซากะ ที่ตู้ขายตั๋ว เรา 2 คนก็งงๆกันอยู่
น้องเมย์ ซื้อบัตร ICOCA ซึ่งใช้ได้สะดวก เพราะใช้บัตรแทนตั๋วรถไฟได้เลย แค่ใช้บัตรแตะติ๊ดๆตรงgate เข้าออก เงินก็ถูกตัดอัตโนมัติตามระยะทาง และสามารถใช้ทั่วภูมิภาคคันไซได้ ด้วย ใช้ได้ทั้งรถเมล์และร้านสะดวกซื้อ บัตรมีอายุการใช้งาน 10 ปี ถ้าเงินเหลือก็เก็บไว้ได้ เผื่อมาคราวหน้าก็แค่เติมเงิน หรือใครจะ refund ก็ได้ ถ้าซื้อตั๋วเองต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อตั๋ว(จากตู้ขายตั๋ว) ต้องเลือกสถานีให้ถูก เอาเงินใส่รอตังค์ทอน ถึงจะได้ตั๋วเอาไปเสียบตรงทางเข้า gate
ขึ้นรถไฟเรียบร้อย นั่งไปประมาณ 40 นาที ก็ถึงสถานี Shin-Osaka แล้วต่อรถไฟอีก1 สถานี ก็ถึงสถานี Nishinakajima เดินเข้าซอยไปอีกหน่อยก็ถึงโรงแรมที่พัก ก่อนถึงโรงแรมมีร้านราเมนซึ่งมีคนรีวิวว่าอร่อย ...ฝากไว้ก่อนนะ
พอไปถึงโรงแรม เชคอินเรียบร้อย พนักงานเอาแฟ้มมาให้แฟ้มนึง บอกว่านี่คือ wi fi ฟรีของโรงแรม น้องเมย์ก็ถ่ายรหัสไว้ เค้าก็บอกว่าเอาไปทั้งแฟ้มเลย เออเนอะ...ก็เพิ่งเคยเจอ ในนั้นมีอะไรบ้าง ค่อยเล่าให้ฟังนะคะ... แต่ตอนนี้ขอนอนก่อน อากาศหนาวมากเลย
ปล.เพลงนี้ ชื่อเพลง 君がいればそれでいい (Kimiga ireba soredeii sorede ii) เพลงโฆษณากุลิโก๊ะป๊อกกี้เมื่อปี 2529 -2530
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะมาค่ะ...
Create Date : 04 ธันวาคม 2560 |
|
8 comments |
Last Update : 4 ธันวาคม 2560 15:56:29 น. |
Counter : 808 Pageviews. |
|
|
|
ใบไม้เปลี่ยนสี สวยมากและชอบมาก ๆ ค่ะ
เออเนาะ อยู่เมืองไทยไม่เจอกัน แต่ไปเจอกันที่ญี่ปุ่นซะงั้น
รอติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ
พรุ่งนี้ค่อยมาส่งกำลังใจให้ค่ะ ค่ำคืนนี้หมดตัวแระ