แบกเป้เที่ยวเมืองผู้ดีอังกฤษของ 3 สาว 2 วัย (ตอนที่ 18 # ไปเมือง BATH)เกือบจบแล้วจ้า
เที่ยวเมือง Bath เมืองแห่งศิลปะยุคโรมัน
บล็อกเกือบสุดท้ายของการแบกเป้เที่ยวสหราชอาณาจักรของพวกเรา เราไปเมือง Bath ค่ะ บาธ (ภาษาอังกฤษ: Bath) เป็นเมืองที่มีฐานะนครในมณฑลซอมเมอร์เซ็ทในภาคการปกครองตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ บาธตั้งอยู่ห่างจากลอนดอนไปทางตะวันตก 156 กิโลเมตร และจากบริสตอลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 21 กิโลเมตร Bath มีประชากรทั้งหมดประมาณ 80,000 คน บาธได้รับพระราชทานฐานะเป็น นคร โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ในปี ค.ศ. 1590 และได้เป็นเทศบาลมณฑล ในปี ค.ศ. 1889 ที่ทำให้บาธเป็นอิสระจาการบริหารของมณฑลซอมเมอร์เซ็ท บาธเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลเอวอนเมื่อเอวอนได้รับฐานะเป็นมณฑลในปี ค.ศ. 1974ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 เมื่อมณฑลเอวอนถูกยุบบาธก็กลายเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลท้องถิ่นระดับเดียวของบาธและตะวันออกเฉียงเหนือของซอมเมอร์เซ็ท (B&NES) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลภูมิศาสตร์แห่งซอมเมอร์เซ็ท ตัวเมืองบาธตั้งอยู่เนินหลายลูกในหุบเขาของแม่น้ำเอวอนในบริเวณที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของโรมัน ผู้สร้างโรงอาบน้ำโรมัน(RomanBath) และวัด และตั้งชื่อเมืองว่า AquaeSulis เมืองบาธเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดการ์ผู้รักสงบทำพิธีราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษที่มหาวิหารบาธ ในปี ค.ศ. 973. ต่อมาในสมัยจอร์เจียบาธกลายเป็นเมืองน้ำแร่ที่เป็นที่นิยมกันมากซึ่งทำให้เมืองขยายตัวขึ้นมากและมีสถาปัตยกรรมจอร์เจียที่เด่นๆจากสมัยนั้นที่สร้างจากหินบาธที่เป็นหินสีเหลืองนวล เมืองบาธได้รับฐานะเป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987 และมีโรงละคร, พิพิธภัณฑ์และสิ่งสำคัญทางวัฒนธรรมและทางการกีฬาที่ทำให้กลายเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยมีนักท่องเที่ยวค้างคืนหนึ่งล้านคนและนักท่องเที่ยววันเดียว 3.8 คนต่อปีเมืองบาธมีมหาวิทยาลัยสองมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยและสถานศึกษาอื่นๆ แรงงานส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการบริการและมีความเจริญเติบโตทางด้านข้อมูลและเทคโนโลยีที่สร้างงานให้แก่ผู้อยู่อาศัยในเมืองบาธเองและบริเวณปริมณฑล ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี ค่ะ
เมือง Bath ซึ่งถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเมืองหนึ่งของอังกฤษ จริงๆแล้ว Bath นี่เป็นเมืองเล็กๆ เดินวันเดียวก็ทั่วทั้งเมืองแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็เลยอยู่รวมกันเป็นกระจุกๆ สามารถเดินถึงกันได้หมด เรียกได้ว่าสามารถเดินเที่ยวได้สบายๆไม่ต้องง้อรถยนต์เลย ด้วยความที่บาธเป็นเมืองเล็ก แต่มีศักดิ์ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจาก UNESCO และ ENGLISHHERITAGE เพราะเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเมืองหนึ่งในโลก โดยเฉพาะเรื่องสถาปัตยกรรมของชาวโรมัน และที่นี่เองมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดสปาแห่งแรกในโลกคือ Roman Bath แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปชมกันค่ะ น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เราเลือกเมืองบาธอยู่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวครั้งนี้เพราะภาพยนตร์เรื่อง les miserables ซึ่งได้ดัดแปลงมาเป็นละครเพลงจากนวนิยายที่เขียนโดย Victor Hugo เป็นเรื่องราวของการต่อสู้เพื่ออิสรภาพความรัก และการไถ่บาปโดยได้มีการพาดพิงถึงเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศฝรั่งเศสขณะนั้นด้วย และในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีฉากสะพานพัลต์นีย์ (Pulteney Bridge) ข้ามแม่น้ำAVON ด้วยค่ะ
เราออกเดินทางจากลอนดอนกันแต่เช้าไปนั่งรถบัสที่ VICTORIA STATION ไม่นานก็ถึงเมือง Bath หลักจากลงรถ ก็เดินกันไปเรื่อยๆก็อย่างที่บอกในตอนแรกๆ ว่า Bath เป็นเมืองเล็กๆสามารถเดินเที่ยวได้โดยไม่ต้องอาศัยรถยนต์เลยสถานที่แรกที่เราแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกคือ The Circus ค่ะ ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่ออกแบบโดยสองพ่อลูก John Wood (คือ พ่อกับลูกมีชื่อเดียวกันค่ะ) โดย JohnWood ผู้พ่อเป็นคนออกแบบ The Circus ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่สร้างเป็นรูปวงกลมโดยมีต้นไม้ขนาดใหญ่มากอยู่ตรงกลาง
ต้นไม้ใหญ่มากอยู่ตรงกลาง ถึง 3 ต่นเลยทีเดียว
แล้วเราก็เดินต่อไปที่ Royal Crescent ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงค่ะ (สำหรับคนขาสั้นๆ แบบเรานะ...555) Royal Crescent เป็นผลงานของ John Wood คนลูก ซึ่งมาในรูปแบบของกลุ่มอาคารรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ใหญ่กว่า The Circus มาก เรียกว่าถ้าจะถ่ายรูปของ Royal Crescent ให้ได้เต็มทั้งหมดนี่คงต้องถอยกันไปไกลเลยล่ะค่ะ
เซริฟๆ ก่อน รูปแรก
สองสาวไทยนั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเชียวนะ
น้องเมย์ดูจะมีความสุข เริงร่ามากกว่าใคร
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินออกจากบริเวณกลางเมือง Bath ออกไปเดินเล่นที่ PultenyBridge ซึ่งจริงๆ แล้วบริเวณรอบๆ Bath Abbey ยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือThe Roman Bath ซึ่งเป็นโรงอาบน้ำที่ชาวโรมันได้สร้างไว้ในตอนที่ยกพลขึ้นเกาะอังกฤษตั้งแต่สมัยที่ชาวอังกฤษยังเป็นแค่ชาวเกาะธรรมดาๆและโรงอาบน้ำแห่งก็เป็นที่มาของชื่อเมือง Bath ซึ่งแปลตรงตัวว่าอ่างอาบน้ำนั่นเองเรียกได้ว่าถ้าใครมาถึงเมือง Bath แล้วไม่เข้าไปดูก็เหมือนมาไม่ถึงค่ะ(แต่พวกเราไม่ได้เข้าไป ก็แสดงว่าไม่ถึงน่ะซิ 555)
ระหว่างทางเดินไป Pulteny Bridge ไปเจอต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ก่อนค่ะ ต้นใหญ่มากกกกกกก ต้นอะรูมิไร้
PulteneyBridge สะพานนี้เป็นสะพานเล็กๆ ที่สร้างข้ามน้ำ Avon โดยจุดเด่นจะอยู่ที่สองข้างทางจะมีร้านค้าสร้างขนาบไปตลอดทาง และยังเป็นสะพานเก่าแก่ไม่กี่แห่งในโลกและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง
หลังจากนั้นก็ไปเดินเที่ยวตลาด ดูของสวยๆ งาม ๆ ก่อนเดินทางกลับลอนดอนค่ะ
จขบ.ซื้อตุ๊กตา Queenสีม่วง กับ Mr.Bean มาหลายตัว เป็นตุ๊กตาเต้นได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ เอา Queen ตั้งไว้หน้ารถ ป่านนี้เธอยังเต้นไม่หยุดเลย ถ้าพระอาทิตย์ไม่ตกดิน แถมโบกมือหยอยๆ ตลอด 555
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาค่ะ บล๊อกหน้า คงจะเป็นบล๊อกสุดท้ายของการแบกเป้เที่ยวสหราชอาณาจักรนะคะ
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป... แม้ใจจะยังเศร้าไม่เสื่อมคลาย...
Create Date : 31 ตุลาคม 2559 |
|
9 comments |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 13:34:28 น. |
Counter : 902 Pageviews. |
|
|
|
ต้นไม้ในภาพนั้นอย่างใหญ่เลย
ตรง PulteneyBridge เค้าเข้าใจสร้างครับ น้ำไหลเป็นชั้นๆ เลย
พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ Travel Blog
+