แบกเป้เที่ยวเมืองผู้ดีอังกฤษของ 3 สาว 2 วัย (ตอนที่ 2 # ออกเดินทางสู่ Edinburgh)
บล๊อกก่อนหน้านี้ ได้เสนอเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการขอวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักร บล๊อกนี้จะเล่าถึงการเดินทางของพวกเรา 3 คน ค่ะ
เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณสองทุ่มกว่า ๆ ของวันที่ 30 เมษายน 2558 โดยสายการบินเอทิฮัด ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คำว่า เอทิฮัด เป็นภาษาอารบิก แปลว่า การเป็นหนึ่งเดียว (ตรงนี้ไม่ได้สปอนเซอร์นะ)
น้องเมย์ได้เชคอินตั๋วออนไลน์และเลือกที่นั่งมาเรียบร้อยแล้ว พอไปที่เคาเตอร์ของสายการบินก็แค่ให้พนักงานออกตั่วและโหลดกระเป๋าให้ ซึ่งเค้าให้น้ำหนักกระเป๋าที่นำไปได้ คนละไม่เกิน 30 ก.ก. แต่ปรากฎว่ากระเป๋าของเรา 3 คน รวมกันแล้ว ได้ 28 ก.ก. จนพนักงานถามว่า ทำไมน้อยจัง มีแค่นี้เหรอคะ ก็นึกในใจว่า ก็ไม่ได้ไปกับทัวร์ ต้องลากกระเป๋าเอง คงเอากระเป๋าใบใหญ่ๆ ไปไม่ได้แน่นอน ใครจะช่วยแบก...
หลังจากโหลดกระเป๋าแล้ว ก็ผ่านพิธีการทางศุลกากร เมื่อเรียบร้อยก็รอเวลาที่จะเดินทาง ซึ่่งก็เป็นไปตามที่กำหนดไม่มี late ในเวลา 20.35 น. แต่การเดินทางครั้งนี้ เราต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเปลี่ยนเครื่องไปแมนเชสเตอร์ การเดินทางจากสุวรรณภูมิถึงอาบูดาบี ใช้เวลา 6 ชั่วโมงครึ่ง รอเปลี่ยนเครื่องอีก 2 ชั่วโมง 35 นาที จากอาบูดาบีไปแมนเชสเตอร์ ใช้เวลา 8 ชั่วโมง รอเปลี่ยนเครื่องไปเอดินบะระ อีก 3 ชั่วโมง 55 นาที (ตาเถร) แล้วจากแมนเชสเตอร์ไปเอดินบะระ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที รวมเวลาในการเดินทางทั้งหมด 22 ชั่วโมง 10 นาที ...OMG เกือบวันแน่ะ นั่งกันเพลินไปเลย...หุหุ และค่าโดยสารเครื่องบินไป - กลับ คนละ 31,730 บาท ถ้าไปสายการบินรักคุณเท่าฟ้า คงไม่ได้ราคานี้แน่นอน อิอิ
การเดินทางจากสุวรรณภูมิ ไป แมนเชสเตอร์ ใช้สายการบินเอทิฮัดทั้งหมด แต่จากแมนเชสเตอร์ไป เอดินบะระ ใช้สายการบินภายในประเทศ หน้าตาแบบนี้ค่ะ
สายการบิน flybe สีม่วงสวยถูกใจเชียว เป็นเครื่องบินแบบใบพัด พอผู้โดยสารเห็นเครื่อง ต่างร้อง wow กันเป็นแถว ถ่ายรูปกันแชะๆๆๆ
หลังจากขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว คุณป้าแอร์โอสเตส ก็มาสาธิตการใช้เครื่องช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ดูหน้าคุณป้า...(เรียกคุณป้า...ก็ดูหน้าคุณเธอซิ)
จะยิ้มซักนิดก็ไม่มี พวกเราจะได้อุ่นใจกันบ้าง ไม่รู้ว่าใครบังคับให้มาทำงานนี้รึเปล่า ตอนสาวๆ คงจะสวยเหมือนกันเนอะ ...แฮ่ๆๆๆ
เราถึงเอดินบะระ เมืองหลวงของสกอตแลนด์ ในเวลาเที่ยง 45 นาที ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 แล้วก็นั่งรถ tram เข้าเมือง ค่าโดยสารคนละ 5 บาท เอ้ย... 5 ปอนด์ เพื่อไปโรงแรมที่พัก Travelodge เราจะพักกันที่เอดินบะระ ทั้งหมด 5 คืน และแล้ว ภาระอันหนักหน่วงก็เริ่มขึ้น เดินลากกระเป๋ากันไปแบบเบลอๆ เพราะอดหลับอดนอนมากันไม่รู้กี่ชั่วโมง
ระหว่างทางไปที่พัก เราผ่าน Balmoral Hotel น้องเมย์บอกว่า เป็นโรงแรมห้าดาวอันดับหนึ่งของเมืองนี้ ที่ซึ่ง J.K. Rowling เคยมาเปิดห้องเพื่อเขียน แฮร์รี พอตเตอร์ เล่มจบที่นี่
จริงๆ J.K. Rowling เธอเขียนแฮร์รีเล่มแรกก็ที่เมืองนี้ เมืองของพ่อมดแม่มดก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองเอดินเบอระแห่งนี้ จนเธอเลือกที่นี่เป็นที่เปิดตัวหนังสือเล่มแรกของเธอด้วยค่ะ (นี่เป็น 1 ในแรงบันดาลใจ ที่ทำให้น้องเมย์อยากมาเยือนที่นี่สักครั้งในชีวิต)
แล้วก็ผ่าน สะพาน north brige ซึ่งเราจะต้องเดินข้ามสะพานนี้ทุกเช้า และเย็น อยู่ 5 วัน ก็ผ่าน 10 รอบ แต่ จขบ.ก็ไม่เคยจำทางกลับโรงแรมได้เลยสักที
พอไปถึงโรงแรม แอบหวั่นใจว่า คงเป็นโรงแรมที่ไม่มีลิฟต์ แล้วเราจะแบกกระเป๋าของเราขึ้นไปได้ยังไง แต่ปรากฏว่า เราได้ห้องพักแบบ สี่คน อยู่ชั้นล่าง ไม่ต้องลากสังขารขึ้นไป...โล่งจายยยย ในราคา 292 ปอนด์ / 5 คืน เฉลี่ยคืนละประมาณ 58 ปอนด์กว่าๆ ห้องพักก็ใช้ได้อยู่ค่ะ สะดวกสบายตามสมควร เพราะไม่ใช่โรงแรมหรู ไม่มีอาหารเช้า ไปแบบ back pack ก็ต้องพักแบบนี้แหล่ะ จะเอาสะดวกสบายก็เห็นจะผิด concept
พอเก็บกระเป๋าแล้ว น้องเมย์ก็ชวนป้ากับแม่ออกเที่ยวเลย เจ้ย...จะไม่ให้พักเชียวเหรอ น้องเมย์บอกว่าไม่ได้ เพราะดูพยากรณ์อากาศแล้ว พรุ่งนี้ ฝนจะตก โปรแกรมที่วางไว้พรุ่งนี้ จะไม่ได้ดู ก็คือ calton hill งานนี้...น้องเมย์ลงทุนซื้อซิมการ์ดของอังกฤษจากเมืองไทย ซึ่งสามารถเล่นเน็ตได้ เพื่อมาเป็นเครื่องมือในการนำทางจาก google map
เอาล่ะ...เมื่อไกด์เมย์พร้อมแล้ว ลูกทัวร์ สว. 2 คน ก็พร้อมจ้า ...
แต่อ่ะๆ...ไว้ต่อบล๊อกหน้านะจ้ะ
ฝากกระทู้รีวิวของน้องเมย์ ด้วยค่ะ สนุกสนานตามแบบเด็กๆ ลองไปอ่านกันนะคะ
[Lost in UK] ในวันที่ฝันเป็นจริงกับดินแดนสีหม่น "สหราชอาณาจักร" EP 0 : Intro
Create Date : 20 พฤษภาคม 2558 |
|
15 comments |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 13:26:54 น. |
Counter : 1017 Pageviews. |
|
|
|
ที่พัก แพงเหมือนกัน..