ปิดโรงงานรองเท้าและกระเป๋าแพนเอเซีย ฟุตแวร์ ตั้งแต่ 31 ส.ค.นี้ ชี้สาเหตุหลักมาจากการปรับค่าแรง ค่าเงินบาทที่ผันผวน และการสั่งซื้อสินค้าที่ลดน้อยลง ทำให้ขาดทุนสะสมจำนวนมาก
ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท แพนเอเซีย ฟุตแวร์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประ สบปัญหาขาดทุนรวมมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทจากการผลิตกระเป๋า รองเท้ามาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยสาเหตุหลักมาจากการปรับค่าแรง 300 บาท, ค่าเงินบาทที่ผันผวน และการสั่งซื้อสินค้าที่ลดน้อยลง ส่งผลให้บริษัทปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจโดยยกเลิกการผลิตและส่งออกไปต่างประเทศ เหลือเพียงการผลิตและจำหน่ายในประเทศ เพราะเชื่อมั่นว่าตลาดในประเทศยังมีศักยภาพอยู่
โดยบริษัทลดขนาดการผลิตของโรงงานลง พร้อมปรับลดจำนวนคนงานเหลือเพียง 200 คน (พนักงานและผู้บริหาร) จากเดิมที่มีพนักงาน 3 พันคน เพื่อลดภาระการขาดทุน
ทั้งนี้บริษัท แพนเอเซีย ฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ FAF แจ้งว่า ที่ประ ชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 11/2556 วันที่ 15 สิงหาคม 2556 ได้มีมติสำคัญเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ ด้วยสถานการณ์ของบริษัทในปัจจุบัน มียอดคำสั่งซื้อจากลูกค้าลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของบริษัทขาดทุนสะสมจำนวนมาก สาเหตุ จากการย้ายฐานการผลิตของลูกค้ารายใหญ่ ประกอบกับค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น ปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้าน้อยลง และเป็นคำสั่งซื้อที่มีปริมาณน้อยกว่ากำลังการผลิตของบริษัทเป็นอย่างมาก
ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับโครง สร้างการประกอบกิจการของบริษัท โดยให้หยุดประกอบกิจการโรงงานผลิตรอง เท้าและกระเป๋า ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2556 โดยเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดและ ให้คงพนักงานไว้เฉพาะส่วนสำนักงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 10 คน
พร้อมกันนี้ จะปรับสถานะการประกอบกิจการของบริษัทโดยปรับเปลี่ยนจากบริษัทที่ประกอบธุรกิจในด้านการผลิตรองเท้า และกระเป๋า และการถือหุ้นในบริษัทย่อย เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจในการถือหุ้นในบริษัทย่อยเพียงอย่างเดียว (HOLDING COM- PANY) โดยบริษัทยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยเช่นเดิม ทั้งนี้ บริษัทย่อยยังคงมีการดำเนินธุรกิจในการประกอบกิจการโรงงานอันเป็นธุรกิจ หลักของบริษัทย่อย
โดยบริษัทย่อยที่บริษัทเข้าถือหุ้นอันเป็นบริษัทแกนในการประกอบธุรกิจในการถือหุ้น คือบริษัทดับเบิ้ลยู บีแอลพี จำกัด (เดิมบริษัท แพนระยอง จำกัด) ซึ่งผลิตรองเท้าและกระเป๋า และมีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท 100% บริษัทจึงมีอำนาจควบ คุมบริหารจัดการตามสัดส่วนการถือหุ้นทุกประการ