ปูมหลังเทพเจ้าอียิปต์








             ปูมหลังเทพเจ้าอียิปต์

ยายามติดตามกันต่อไปนะครับเพราะผมแปล (พยายามแปล)มาจากหนังสือภาษาอังกฤษเรื่อง MYTHOLOGY AN ILLUSTRATED ENCYCLOPEDIA OF THE PRINCIPAL MYTHS AND RELIGIONS OF THE WORLD ของ RICHARDN CAVENDISH 

ตำนานเทพอียิปต์โดยส่วนมากมักกล่าวถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติและเทพในธรรมชาติสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตามภูมิศาสตร์และบริบททางสิ่งแวดล้อมของอียิปต์และการพึ่งพาอาศัยกันของบ้านเมืองแว่นแคว้นในแถบนี้การให้ชีวิตผู้คนบริเวณนี้นับเป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่จากเทพเจ้าประกอบด้วยความร้อนแรงความอบอุ่นของดวงทิตย์(เทพรา)และพละกำลังของแม่น้ำไนล์ที่หนุนเกื้อก่อกำเนิดชีวิต

แม่น้ำไนล์ถูกแยกออกจากกันโดยความเชี่ยวกรากและอิทธิพลจากจากธรรมชาติในระหว่างการก่อร่างสร้างอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ตำนานเทพเจ้าบริเวณนี้ก็เติบโตขึ้นความแตกต่างกันอย่างรุนแรงของสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเสมอในบริเวณนี้เตือนให้ชาวอียิปต์รู้ว่าพวกเขาอยู่ระหว่าง"ความเป็น"และ "ความตาย"

สายน้ำที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวในส่วนบนของมหาอาณาจักรแห่งนี้ไหลออกไปสู่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบริเวณตอนล่างของอียิปต์มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยน้ำท่วมในหน้าน้ำหลากของแม่น้ำไนล์ซึ่งมีต้นน้ำอยู่บริเวณตอนกลางของทวีปแอฟริกาใช้ในการเพาะปลูกพืชพันธุ์การที่น้ำเอ่อท่วมริมสองฝั่งแม่น้ำได้นำโคลนตะกอนซึ่งเป็นสาเหตุของความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินมาด้วย

ความขยันบวกกับการเอาใจใส่ในการชลประทานทำให้ชาวอียิปต์ยุคแรกๆเพาะปลูกพืชพันธุ์อันเขียวชอุ่มบนดินแดนแห่งนี้นอกเหนือจากที่กล่าวมาอียิปต์ยังมีทะเลทรายเมื่อก่อนชาวบ้านอยู่ร่วมกันกับความเป็นและความตายโดยสังเกตจากธรรมชาติรอบตัวว่ามีอุทกภัยสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เพาะปลูกและเมื่อบรรเทาลงก็สามารถกลับมาพลิกฟื้นการเพาะปลูกได้อีกครั้งด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ชาวอียิปต์เห็นว่าความตายก็เหมือนธรรมชาติที่เมื่อเกิดแล้วก็ตายตายแล้วก็กลับมาเกิดใหม่ หมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละปี

นานกว่าสามพันปีที่อารยธรรมของชาวอียิปต์มีหลักการพื้นฐานทางด้านสถาบันการปกครองศาสนาและศิลปะยังคงหลงเหลือแทบไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะเปลี่ยนไปบ้างในระดับหนึ่งก็ยังสามารถรักษาเอาไว้ได้อย่างเหนี่ยวแน่นความแตกต่างช่วงประวัติศาสตร์ยุครุ่งเรืองของประวัติศาสตร์อียิปต์มีอาณาจักรเก่า อาณาจักรกลางอาณาจักรใหม่ระหว่างนี้มีสองยุคที่รู้จักกันในชื่อยุคราชวงศ์ที่หนึ่งและราชวงศ์ที่สองเป็นช่วงที่มีการล้มล้างจากภายในเองและการรุกรานจากเพื่อนบ้านหลังจากยุคอาณาจักรใหม่อียิปต์ก็ค่อยๆเข้าสู่ยุคเสื่อมที่ชัดเจนคือการรุนรานจากผู้สร้างจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ทั้งอัสซีเรี่ยนเปอร์เซีย กรีกและโรมัน

ประวัติศาสตร์อียิปต์กถูกแบ่งเป็นช่วงยุคสมัย"ราชวงศ์"จากนักประวัติศาสตร์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาอียิปต์โบราณปกติราชวงศ์นั้นจะกอปรไปด้วยเหล่าสมาชิกราชวงศ์และบรรดาหัวหน้าปกครองกลุ่มต่างๆ

ศาสนานั้นได้หยั่งรากลงไปในพัฒนาการประวัติศาสตร์ของแผ่นดินไอยคุปต์อียิปต์ดั้งเดิมนั้นประกอบไปด้วยหลายชนเผ่าแต่ละเผ่าจะมีเทพเจ้าท้องถิ่นอยู่การรวมกันในทางการการเมืองจองชนเผ่าต่างๆได้หลอมรวมเทพเจ้าของแต่ละท้องถิ่นของพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน

ในที่สุดก่อตั้งเป็นอาณาจักรในราว3100ปีก่อนค.ศ.ครั้นนั้นเทพพื้นเมืองทั้งทางเหนือและทางใต้ก็ค่อยๆนำมาอยู่รวมกันในวิหารของเทพเจ้าคลอบคลุมไปถึงเทพหลายองค์ที่อาจนำเข้ามาสู่อียิปต์จากที่อื่นพวกเขาได้ทำให้เทพพื้นเมืองนั้นมีความพิเศษขึ้นโดยพวกเขาได้นำสัตว์ที่หายากหรือรูปแบบเครื่องรางและห่างไกลจากความมนุษย์อย่างน้อยภายนอกได้พบว่าชาวอียิปต์บูชาเทพเจ้าหลายองค์มีพระนามและอุปนิสัยอย่างไรบ่อยครั้งมีความสับสนแต่ถ้าผู้นมัสการแบบปัจเจกบุคคลต่อพระเจ้าเป็นประจำเท่านั้นอาจได้เข้าใกล้เทพเจ้าและติดต่อกับเทพเจ้า





Create Date : 13 สิงหาคม 2559
Last Update : 13 สิงหาคม 2559 20:21:17 น.
Counter : 979 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1532163
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



สิงหาคม 2559

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
16
17
19
20
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog