บูเช็คเทียน หรือ อู่เจ๋อเทียน จักรพรรดิสตรีเพียงหนึ่งเดียวในหน้าประวัติศาสตร์จีน เกิดในตระกูลที่มีพ่อค้าภายหลังเป็นขุนนางที่มั่งคั่งซึ่งเป็นใหญ่ได้จากการช่วยปฐมกษัตริย์ก่อร่างสร้างราชวงศ์ถัง และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์แรก วัยเยาว์ของอู่เม่ยเหนียงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอ่านหนังสือและเรียนมีการศึกษาที่ดี เธอเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความงามและสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดส่วนหนึ่งเป็นเพราะการอ่านหนังสือ ซึ่งทำให้เธอได้รับโอกาสในสิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิตเสมอ

เมื่ออายุได้ ๑๔ ปี อู่เม่ยเหนียงได้รับการคัดเลือกเข้ามาเป็นสนมขององค์จักรพรรดิถังไท่จง และยังได้รับความสนใจจาก จื้อหนู โอรสของฮ่องเต้ที่อยู่ในความเกรงใจของบูเช็คเทียนหลังจากการสวรรคตของถังไท่จงไปแล้ว หลักจากการสวรรคตของจักรพรรดิถังไท่จง คริสต์ศักราช ๖๔๙ อู่เม่ยเหนียงต้องออกจากวังไปบวชที่วัดกานเย่ หากเคราะห์ร้ายกว่านี้อาจต้องโดนฝังทั้งเป็นในสุสานตามธรรมเนียมโบราณ โอรสของไท่จงขึ้นเป็น จักรพรรดิถังเกาจง ปกครองแผ่นดินต้าถังต่อจากพระราชบิดา

ขณะเดียวกันฮองเฮาหวังในฮ่องเต้ถังเกาจงกลัวว่าพระราชสวามีจะหลงใหลอยู่ในพระสนมเสี่ยวซูเฟ่ยเกินไป ฮองเฮาหวังจึงให้อู่เม่ยเหนียงกลับเข้าวังเพื่อหันเหความสนใจของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมเสี่ยวซู่เฟ่ยออกไป แต่แผนการนั้นกับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อฮองเฮาหวังถูกกล่าวหาว่าสังหารพระธิดาของอู่เม่ยเหนียงด้วยการบีบคอ ฮองเฮาหวังทรงถูกปลดทันที และท้ายที่สุดแล้วฮองเฮาหวังและพระสนมเสี่ยวซู่เฟ่ยก็ถูกประหารชีวิตอย่างไร้ความปราณีทั้งคู่ มีคนเชื่อว่าแท้ที่จริงแล้วอู่เม่ยเหนียงนั้นแหละที่สังหารลูกสาวของตัวเองและป้ายสีฮองเฮาหวัง

อู่เม่ยเหนียงได้เป็นจักรพรรดิหญิงภายในเวลาอันรวดเร็วปลอดภัยโดยได้รับการสนับสนุนจากขุนนางผู้ใหญ่และมิตรหลายคนที่คอยช่วยเหลือ เธอทำหน้าที่ที่ปรึกษาของฮ่องเต้ เธอค่อยๆ ได้รับอำนาจมาจากฮ่องเต้อย่างช้าๆ ประมาณคริสต์ศักราช ๖๖๐ ฮ่องเต้ประชวรพระวรกายอ่อนแอ (เชื่อว่า ฮองเฮาอู่นั้นแหละที่วางยาอีก) งานบริหารราชการแผ่นดินทั้งหมดถูกส่งมายังฮองเฮาทำให้เห็นว่าเธอสามารถบริหารแผ่นดินได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ เมื่อจักรพรรดิถังเกาจงสวรรคตคริสต์ศักราช ๖๖๓ ฮองเฮาอู่ก็กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลบนแผ่นดินต้าถัง

อำนาจถูกส่งผ่านไปยัง ถังจงจง พระราชโอรสของเธอเอง ผู้ซึ่งเริ่มต้นสร้างความคับแค้นใจให้ พระพันปีอู่ โดยไม่ได้ปรึกษากับเธอในการตัดสินใจที่สำคัญ เป็นผลให้จักรพรรดิถังจงจงถูกปลดทันทีจากการอยู่บนบัลลังก์และถูกเนรเทศ ถังรุ่ยจงพระราชโอรสพระองค์เล็ก กลายเป็นจักรพรรดิองค์ต่อมา อย่างไรก็ตาม พระพันปีอู่ ได้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจักรพรรดิหนุ่มไม่กระด้างกระเดื่องถูกแยกตัวออกไป ดังนั้น ถังรุ่ยจง จึงอยู่เงียบๆ และทำให้แน่ใจว่าแม่จะไม่โกรธเขา

คริสต์ศักราช ๖๙๐ ถังรุ่ยจง ถูกปลดออกจากตำแหน่งซึ่งเป็นเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับพระพันปีที่ทรงต้องการจะขึ้นครอง ในที่สุดบูเช็คเทียนได้ครองบัลลังก์และกลายเป็นจักรพรรดิหญิงคนแรก (และคนเดียว) ในประวัติศาสตร์จีน แม้ว่าการครองราชย์ของเธอท้าทายความคิดของนักอนุรักษนิยมแบบดั้งเดิม ฮ่องเต้อู่ได้จัดการพวกเขาอย่างรวดเร็วด้วยวิธีที่โหดร้ายตามปกติของเธอ ภายใต้อิทธิพลของเธอ มีตำรวจลับเอาไว้สอดส่องคนที่เห็นต่างซึ่งเธอจะกำจัดหรือไม่ก็เนรเทศออกไปจากเมืองหลวง

แม้ว่ารัชกาลของเธอก็มีอิทธิพลต่อจีน จักรพรรดิบูเช็คเทียนได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาการคัดเลือกบุคลากรและการปฏิรูปการเกษตร เธอยังทำงานเกี่ยวกับการป้องกันทางการทหารและความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ฮ่องเต้พระองค์นี้ก็ได้ปรับปรุงด้านต่างๆ ของประเทศจีนทั้งทางด้านเศรษฐกิจเศรษฐกิจและการเมือง

จักรพรรดิหญิงประชวรหนักก็และสิ้นพระชนม์ ครองราชย์นาน ๑๕ ปี และพระศพถูกฝังอยู่ข้างพระสวามีของเธอตลอดไป

ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม แต่พระนางทรงทำให้เห็นว่าผู้หญิงธรรมดาอย่างพระนางสามารถที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งให้ผู้คนกล่าวถึงและเป็นที่จดจำมาจวบจนทุกวันนี้