มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
8
10
11
12
14
15
18
19
20
21
23
25
26
27
30
 
 
เรื่องตลก...ที่ไม่ตลก
ทักทายค่ะ... มีคนอ่านไหมไม่รู้หรอก แค่อยากแอบมาระบาย เผื่อเรื่องหลายๆ อย่างจะหาย หรือจางลงไปบ้าง ไม่อย่างนั้นคงทำงานต่อไม่ได้จริงๆ ซะแล้ว

ร้องไห้... ตั้งแต่เช้าวันอังคาร ตื่นนอนมาพร้อมด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ห้องที่เคยอยู่กับเพื่อนสองคน เวลานั้นเหลือเพียงเราคนเดียวนั่งอยู่ภายใต้ความมืด แม้แสงแดดรำไรที่ลอดผ่านผ้าม่านผืนหนานั้นก็ไม่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงคำว่ายามเช้าแสนสดใสอย่างใครว่า

คำขอโทษ และคำที่ว่ารักเหมือนเดิมมันดูไร้ค่าตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่รู้เลยจริงๆ 

บอกตัวเองให้เข้มแข็ง ต้องไม่เป็นอะไร ไม่อ่อนแอ 

เรื่องเกิดครั้งนี้ เธอคนนั้นคงเป็นเพื่อนคนที่ 8 (เลขสวยไหม? อิอิ...) เพื่อนสนิท คบมาเกือบ 6 ปี มาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน และเป็นครั้งแรกที่ได้อยู่หอพักห้องเดียวกันเพราะเราชวนเขามาอยู่ก่อนตอนอีกฝ่ายไม่มีหอออยู่

เพราะแบบนั้นเราก็ต้องยอมรับผลจากการตัดสินใจของตัวเองให้ได้

เธอเป็นเพื่อนที่ดีมากในสายตาคนอื่นๆ เรียบร้อย สุภาพ เห็นแก่คนอื่น เอาใจใส่ ไม่เคยคิดทำร้ายใคร

นั่นคือเรื่องจริงหรือหัวโขนที่เธอใส่เพื่อซุกซ่อนความเป็นจริงเอาไว้กันแน่นะ?

อย่าถามเราเลย... ไม่มีคำตอบจะให้เช่นกัน

หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเราทิ้งห้องเราไว้กับเขา เพียงเพราะไว้ใจ ก็เอาของใช้ส่วนตัวต่างๆ ไว้ในห้องด้วย ขนาดผ้าปูที่นอนนั่นก็ของส่วนตัวเราทั้งนั้น ตามปรกติแล้วเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาใช้ของร่วมกับตัวเองเท่าไหร่ ด้วยลักษณะลูกคนเดียว จึงชินกับการใช้อะไรคนเดียวซะมากกว่า แต่เราก็คิดว่านั่นเพื่อนสนิทไม่เป็นอะไรหรอก

วันอาทิตย์ก่อนนี้เรากลับไปหอพักครั้งแรกหลังจากไม่ได้กลับไปดูเลยตลอด 1 เดือนเต็มที่ปิดภาคเรียน

สิ่งแรกที่เห็นเมื่อเปิดเข้าไป... ถุงดำใส่ขยะ 4-5 ถุง วางกระจัดกระจายเต็มห้อง ฝุ่นคลุ้ง ของทุกอย่างกระจุยกระจาย

แว้บแรก...ช็อค สักพักก็พยายามทำใจ อย่างน้อยเขาก็จะย้ายออกแล้ว เพราะเปิดเทอมเธอคนนั้นสามารถจองหอพักในมหาวิทยาลัยได้ ก็ทำใจก้มกน้าก้มตาเก็บห้องตัวเอง

ก็คิดว่าหมดนะ... เปิดไประเบียง ขยะถุงใหญ่เกือบถึงเอวเรา (สูงมาตรฐาน 160 กว่าๆ) รังมดสองรัง...

เท่านั้นล่ะ กดโทรศัพท์ตามเจ้าตัวซึ่งปิดเครื่องหนี...

โอเค...ทำใจ รอ สักพักก็มาพร้อมเพื่อนชาย เรามองหน้าถามว่าทำอะไรกับห้อง เธอไม่ตอบก้มหน้าบอกว่ามาให้เราด่า... เอ่อ...นะ เพื่อนชายก็จ้องหน้าเราซะแบบเราเป็นนางร้าย คิดในใจว่าดราม่าเกิดอีกแน่

เราเลยไม่พูดอะไร ปล่อยนางสองคนจัดการของหลังห้องออกไปซะ แต่ปรากฏว่ามันไม่จบ... เธอทิ้งของเอาไว้บอกว่าจะมาเอาวันอาทิตย์ คือวันนี้...ซึ่งเราบอกแล้วว่าไม่อยู่ ซึ่งแทนที่จะเกรงใจ ไม่มีเลย

เธอบอกว่ากุญแจปั๊มไว้แล้ว คีย์การ์ดก็ยังไม่ได้คืน เพราะฉะนั้นเธอเปิดห้องเองได้...

วินาทีนั้นเริ่มตาสว่าง... นี่ใช่ไหมคือคำว่าเพื่อน? ความเกรงใจมันหายไปไหนกัน?

ตกเย็นวันนั้นเราต้องออกไปซื้อของกับเพื่อนอีกคน เพราะเธอคนนั้นใช้ยาสระผม สบู่ของเราไม่เหลือสักหยด แถมใส่น้ำกรอกไว้ให้เสร็จสรรพ ก็นะ...เราให้ใช้ก็เลย อือไม่เป็นไร

กลับราวสี่ทุ่ม เดินไปจะแปรงฟัน เฮ้ย! ยาสีฟันเราซื้อมาใหม่หาย งง... โทรถามเธอคนนั้นบอกใช้หมดแล้ว ทีนี้เราเลยเอะใจ ยาสีฟันหลอดใหญ่ 1 เดือนนางใช้หมดคนเดียวบ้าหรือไง? 

ก็ช่างมัน...ยังปล่อยไป เดินออกไป 7-11 หน้าปากทางตอนสี่ทุ่มนี่ล่ะ มันก็เปลี่ยวนะแต่พอดีเพื่อนคนเดิมอุตส่าห์ใจดีเดินไปเป็นเพื่อนหลังจากเดินซื้อของใช้เป็นเพื่อนเราตอนเย็นก็แล้ว อารมณ์นั้นกลับห้องได้อยากอาบน้ำให้เสร็จๆ ไป ก็เปิดน้ำ... 

กระจายเต็มหน้าเลย... ท่อน้ำฝักบัวตรงข้อต่อแตก... 

อาบน้ำไม่ได้... เราไม่มีถังน้ำกับขันในห้อง

ทีนี้โกรธจัด เราเหนื่อยมาทั้งวันกับการเก็บทำความสะอาดห้องทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนทำ และตอนอยู่ด้วยกันเธอก็ไม่เคยจับไม้กวาด จานชามเราก็ล้าง แต่กลับพูดว่าเธอคิดว่าเราล้างจานไม่เป็นตอนเห็นเรายืนล้างจานให้เธออยู่... ตลกแท้

พอโทรไปถามทำไมท่อน้ำพัง... เธอมาเหวี่ยงเรา "อะไรก็ตอนเค้าอยู่มันใช้ได้นี่!!" 

ก็ตอนฉันเพิ่งกลับมามันเสียนี่คะ? ไม่ได้อยู่ทั้งเดือนแล้วใครจะทำล่ะหา?

เธอก็ปัดความรับผิดชอบ ตอนนั้นโกรธแบบปรี๊ดแตก รู้ละว่าเพื่อนเล่นเราซะแล้ว โทรบอกป๊าเลย ลูกบิดประตูห้องน้ำก็เสีย คือถ้าเราไม่ได้มองก่อนเข้านี่ปิดไปถูกขังในห้องน้ำอย่างไม่ต้องสงสัยแน่

พอตกดึกเราใจเย็นก็สวดมนต์ไหว้พระตามปกติก่อนนอน เธอกลับส่งข้อความมาขอโทษเราบอกรักเหมือนเดิม ไม่รู้นะว่าเราผิดไหม... แต่เราไม่เชื่ออะไรสักอย่างที่เธอพิมพ์ข้อความมาอย่างนั้น

วันอังคารเรามีเรียนก็เดินไปจะใส่รองเท้าคู่ปกติที่วางไว้บนชั้น ปรากฏว่ามันถลอก หรืออาจจะต้องพูดว่าแหว่งครูดหายไปส่วนหนึ่งตรงหัวรองเท้า คู่นั้นแม่เพิ่งซื้อให้ใช้ไม่ถึงเดือน เราไม่เคยทำรองเท้าถลอก ยิ่งถ้าคนอื่นซื้อให้เรายิ่งรักษา อารมณ์นั้นโกรธนะ แต่ต้องรีบไปเรียนใส่อีกคู่ที่วางไว้ เกือบตกบันไดหอ... มันหลวม หลวมขนาดที่เพ่อนที่เรียนในคณะถามว่าใส่มาได้ยังไง

...นั่นสิ ทำไมมันหลวมได้นะ...

ถัดมาที่ค่าหอ เราตกลงแล้วว่าเราออกให้ครึ่งหนึ่ง ส่วนค่าไฟเดือนนั้นเธอคนนั้นต้องออกเพราะเราไม่ได้อยู่ด้วย เฉพาะค่าน้ำ-ค่าไฟ 3500 บาท เห็นบิลตกใจ คนหรือฝูงอะไรอยู่...

มารู้อีกทีว่านางเอาเพื่อนมาอยู่เป็นขโยง ใช้ของเราไม่เกรงใจ ซึ่งน่าจะรวมรองเท้าด้วย ขนาดคู่ที่เราเห็บในตู้เสื้อผ้าก็ยังเอาออกมา... มีความเกรงใจเรามากจริงๆ

ตอนจ่ายเงินก็ให้ไม่ครบ พอถามบอกคิดว่าเราออกให้เธอแล้ว 800 บาท

ค่าอะไรมิทราบ...? 

ค่าเสียหายในห้องที่เราต้องซ่อมแซมมันเท่าไหร่? ค่าของใช้ รองเท้า รวมถึงจิปาถะที่เธอได้สรรหามากองให้เราแก้ มันคืออะไร?


เหมือนคนแรงๆ สินะ... คงแบบนั้น เพียงแค่ไม่เคยได้พูด ทำได้คือร้องไห้ โกรธตัวเองที่ยอมเสียรู้ให้อีกฝ่าย เงินที่ยืมไปใช้บ้างไม่ใช้บ้างเราก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกไม่มีเงินกินข้าวเราเลี้ยงนิดๆ หน่อยๆ เราก็โอเค เพื่อนกันไม่ได้คิดมาก แต่ทำไม...รู้ทั้งรู้ว่าเรารักความเป็นส่วนตัว มีสิทธิ์อะไรเอาเพื่อนทั้งชาย ทั้งหญิงมานอนในห้องของเรา

เย็นวันอังคารที่ร้องไห้ไปแล้วก็ได้คุยกับพี่ชายผ่านสไกป์ ร้องไห้ไปพูดไป ถามพี่แค่ว่าเราทำผิดอะไร ทำไมต้องโดนอะไรแบบนี้ พี่ก็ทำได้แค่ปลอบว่าอยู่ที่นิสัยพื้นฐานของคน บางครั้งเขาคบเพื่อนที่นิสัยคล้ายกับพื้นฐานเดิม เขาก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น คนเราทุกคนย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

พี่พยายามอธิบายว่าเราควรทำใจ เลิกร้องไห้ ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาสมควรอยู่ ตอนนั้นร้องไห้หนักจนพี่เครียดไปพักใหญ่ แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งน้ำตามันก็หยุดไหลเองดื้อๆ กลายเป็นความเฉยชาปะปนกับความสับสนในใจลึกๆ กี่ครั้งแล้วที่เจอเรื่องคล้ายๆ แบบนี้ โดยไม่เคยรู้ตัวว่าทำอะไรผิดไปตรงไหน

บางคนพูดว่า เราดูยาก พูดน้อยไป ไร้อารมณ์ เย็นชา...

แต่พี่ชายคอยบอกเราเสมอ เราแค่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้อยากทำร้ายใคร ที่ดูยากเพราะเขาไม่รู้จักเรา ที่พูดน้อยเพราะไม่รู้จะต้องพูดอะไร ที่ไร้อารมณ์ตลอดเพราะไม่อยากให้สีหน้าหรือท่าทางของเราทำให้ใครไม่พอใจหรือลำบากใจ เย็นชา...มันเพราะอะไรกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกกระทำแล้วต้องปิดปากพูดออกมาไม่ได้

บอกไปใครจะฟัง?... 

ในเมื่อเกือบทุกคนก็เห็นว่าเราแข็งแกร่ง แค่เพราะไม่ร้องไห้ต่อหน้าพวกเขาหรือเปล่าถึงมองเราแบบนั้น? เราต้องบีบน้ำตากลางฝูงชนแบบเพื่อนคนก่อนที่ทำกับเราไว้ไหม?

บีบน้ำตา พูดเพ้อเจ้อให้คนเกลียดเรา ถ้าสลับบทกันเราไปเล่นบทนางเอกจะดีไหม?


มันก็ตลกดี.. คนเราบนโลกนี้มักมองแค่เปลือกนอกของเรื่องราว ดูแค่เพียงภาพลักษณ์ เพียงหัวโขนที่ใครหลายคนเฝ้าสวมใส่ไว้หลอกลวงคนอื่น แล้วคนที่ไร้หัวโขนก็ถูกจับสวมหัวยักษ์ โยนบทตัวร้ายคอยตามราวีให้อย่างไม่มีโอกาสจะอธิบาย ในเมื่อคนเหล่านั้นเลือกจะเชื่อว่าหัวโขนยักษ์นั้นเป็นของจริง...

อาจเพราะมันเป็นเรื่องตลก...ที่ไม่ตลกกระมัง







Create Date : 09 มิถุนายน 2556
Last Update : 9 มิถุนายน 2556 15:24:43 น.
Counter : 534 Pageviews.

7 comments
  
สู้ๆจ้า ^^

คนบางคนรู้หน้าไม่รู้ใจนะ
เราไว้ใจให้ใจแต่ผลตอบรับแย่กว่าที่คิด
เอาไว้เป็นบทเรียนดีกว่าเนอะ

โดย: lovereason วันที่: 9 มิถุนายน 2556 เวลา:20:36:55 น.
  
ขอบคุณมากค่ะคุณเลิฟเวอร์ T T ฮ่ะๆ สงสัยเฟิี์นคงไปทำอะไรเขาไว้มั้งคะ ตอนนี้ทำใจอย่างเดียวค่ะ ฮ่ะๆ
โดย: ฆโนทัย วันที่: 9 มิถุนายน 2556 เวลา:21:27:59 น.
  
โอยยย .. หวานจนมึน 555

สีขาว และ ว๊าน หวาน .. มากเลย คุณน้องเฟิร์น
เด็กม.บูฯ รึเปล่าเนี่ย .. เดาๆ เจ๋ยๆๆ
โดย: โค อัสดง วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:3:15:14 น.
  
หลังจากที่อ่านจนจบ ..
ทำใจซะ ..
พี่ชายพูดถูก .. มันอยู่ที่พื้นฐานทั้งทางครอบครัว
และการอบรมสั่งสอน ซึ่ง อาจจะมีหรือไม่มี และ
ดีหรือไม่ดี

บางอย่างที่เราไม่พูด เป็นเพราะว่า รู้อยู่แล้วพูดไปก็ไร้ประโยชน์
สำหรับคนบางประเภท ..

ถ้าอายุเพียงประมาณ 20 หรือ 20 ต้นๆ ขอบอกว่า ในสังคม
คนประเภทนี้ยังมีให้เจออีกเยอะ ถือว่า .. สร้างภูมิคุ้มกัน
ต่อไป คนประเภทนี้ที่จะเจอะเจอ เราจะได้รับมือได้ไง

เอาน่า .. ผ่านไปคือบทเรียน
คนแบบนั้น .. ก็แค่คนที่เรียนร่วมสถาบันเท่านั้น
โดย: โค อัสดง วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:3:43:56 น.
  
ถึง คุณโค อัสดง ฮี่ๆๆ ใช่ค่ะ~~~
เป็นเด็กม.บูรฯ โรงพยาบาลบูรพารา... (เอะอะป่วยอะไรแจกพาราตลอด)

ตอนนี้ 20 เป๊ะๆ แต่ก็ใกล้ 21 แล้วค่ะ
แต่เรื่องนี้พยายามอยู่แต่ทำใจไม่ได้จริงๆ ระยะเวลาที่คบกันมามันยังทำให้รู้สึกว่าเราตัดใจไม่ได้ ยาก... เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมปลาย มาต่อที่เดียวกันคนละคณะ 4 คนที่เคยสนิทกันมาก ก็ผิดใจและแตกกันหมด
บางทีก็แค่น้อยใจ... เฟิร์นไม่เคยได้พูดอะไร เขาก็ตัดสินให้เราผิดซะอย่างนั้น ก็เลยไม่พูด พูดไปก็ไร้ประโยชน์อย่างที่คุณโค บอกนั่นล่ะค่ะ

อีกสักพักคงจะหายดีได้เอง... (มั้งคะ?) ฮี่ๆๆๆ
โดย: ฆโนทัย วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:8:08:05 น.
  
สู้ๆนะคะ อากิเคยอนุญาติให้เพื่อนมานอนที่หอด้วยครั้งนึง มันก้อเอาแฟนทอมมันมามีอะรกันทั้งๆที่เราก้อนั่งอยู่ในห้องอ่ะนะ หลังจากนั้นก้อไม่เคยให้เพื่อนคนไหนเหยียบเข้าห้องอีกเลยอ่ะค่ะ

พี่ชายคุณพูดถูกค่ะ พื้นฐานเค้าเคยเป็นแบบนั้น เมื่อโดนคนที่คล้ายๆกันดึงไป เค้าก้อไปทางนั้นง่ายค่ะ ทำใจแล้วเฟดตัวออกมาเราจะสบายใจกว่านะคะ

ตอนอากิเรียนมหาลัย ไม่มีเพื่อนสนิทสุดๆหรอกค่ะ เวียนมาเวียนไป ไม่ได้ยึดติดใคร เพื่อนสนิทจริงๆคือเพื่อนที่คบกันตอน ม.ปลาย แล้วเค้าเรียนจบไปก่อน คนนั้นเราสนิทจริงๆ เคยอยู่หอด้วยกันก้อไม่เป็นปัญหา เพราะพื้นฐานเราเหมือนกันน่ะค่ะ

ปล. พี่ชายคุณมีแฟนยังง่ะ?? อิอิ (ล้อเล่นค่ะ ^^)
โดย: EmptyBlackRiver วันที่: 19 มิถุนายน 2556 เวลา:17:03:23 น.
  
ฮ่าๆๆๆๆ

พี่ชายไม่มีแฟนค่ะ แต่กำลังพยายาม(แบบสุดๆ)กับการจีบเพื่อนสนิทของเฟิร์นเอง ตอนนี้ได้แต่นั่งเป็นกำลังใจให้แบบไม่โจ่งแจ้งจนเกินไปนักค่ะ (เสียวลูกหลง)

ปล. ขอบคุณที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนกันนคะ คุณอากิ
โดย: ฆโนทัย วันที่: 19 มิถุนายน 2556 เวลา:19:52:48 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

S_Maple
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



Welcome



กรุ่นไอดินกลิ่นอายฝนคลายหม่นหมอง

ดังทำนองร้องรับขับขานเสียง

ดุจดนตรีธรรมชาติเคล้าคลอเคียง

ฟังสำเนียงเพียงระรื่นชื่นวิญญาณ์



...ฆโนทัย...