แต่ถ้าพูดถึงเครื่องตัดไฟแบบดั่งเดิม รูปทรงใหญ่ๆ มีลูกบิดหมุดปรับค่าความไว(Sensitive) หลายๆคนก็จะนึกออก ทันทีว่าเป็นเครื่องตัดไฟชื่อดัง ตระกูล Safe XXX หรือตระกูล XXX Cut
ที่ต้องตามมาด้วยสโลแกนที่จำขึ้นใจอย่าง "ตัดก่อนตาย เตือนก่อน..."
ชื่อของแบรนด์เครื่องตัดไฟนี้ กลายเป็นคำเรียกติดปากของคนทั่วไป ที่มักจะเรียกเครื่องตัดไฟที่มีรูปทรงแบบนี้ ว่า "เซฟที..." ทั้งที่บางครั้งเป็นเครื่องตัดไฟของแบรนด์อื่น
ก็ถูกเหมารวมเรียกเป็น "เซฟที..."
ภาพแสดง...เครื่องตัดไฟรั่ว แบบดั้งเดิม
นอกจากเครื่องตัดไฟรั่วแล้ว อุปกรณ์ป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว ที่เข้ามาในท้องตลาดเพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้ได้เลือกซื้อกัน หลักๆก็จะมีอยู่ 2 ประเภท
แบ่งตามขีดความสามารถในการป้องกัน และพิกัดการใช้งาน
ประเภทที่ 1 RCBO (นิยมเรียกว่า "ลูกย่อยกันดูด หรือ เมนกันดูด") เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถเทียบเท่าเครื่องตัดไฟแบบดั้งเดิม คือสามารถป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว ไฟเกิน และไฟฟ้าลัดวงจรได้
โดยส่วนใหญ่แล้ว RCBO จะถูกผลิตออกมาเพื่อใช้ติดตั้งภายในร่วมกับตู้ Consumer Unit , Load Center หรือ ติดตั้งบนรางและอุปกรณ์อื่นๆตามความเหมาะสม
มีให้เลือกทั้งแบบ ลูกย่อยกันดูด ซึ่งใช้สำหรับควบคุมในส่วนของวงจรย่อย และ เมนกันดูด ใช้สำหรับเป็นเมนเบรกเกอร์เพื่อควบคุมวงจรย่อยที่อยู่ในตู้เดียวกัน
เมนกันดูดหลายยี่ห้อ มีการออกแบบให้มีค่าทนกระแสลัดวงจร(IC)ที่สูงขึ้น เพื่อสามารถใช้เป็นเมนประธานของระบบไฟได้โดยตรง
ประเภทที่ 2 ELB/ELCB (นิยมเรียกว่า "กันดูด") เป็นเบรกเกอร์ป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว อีกชนิดหนึ่ง ตัวเบรกเกอร์ ELB/ELCB จะอยู่ในตระกูลเดียวกันกับ Safety Breaker มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก
แต่มีจุดที่แตกต่างตรงที่ ELB/ELCB จะมีปุ่มสำหรับกด Test อยู่ตรงกลาง
ความสามารถของ ELB/ELCB คือสามารถป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว และไฟฟ้าลัดวงจร แต่จะไม่สามารถปลดวงจรแบบอัตโนมัติได้ในกรณีที่ใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัด Over Load การที่ ELB/ELCB มีกระแสไหลผ่าน
เกินพิกัดที่ ELB/ELCB จะรับไหวเป็นเวลานาน อาจทำให้ ELB/ELCB ได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นต้องใช้ร่วมกับฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบธรรมดาเพื่อป้องกันการใช้กระแสเกินพิกัด
ELB/ELCB จะเหมาะกับการนำไปใช้ควบคุมเฉพาะตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยง เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น , เครื่องซักผ้า เป็นต้น
มีบางคนที่ยังเข้าใจผิด...ในเรื่องขนาดของปริมาณการตรวจจับกระแสไฟรั่ว บางคนมีความเชื่อว่าขนาดค่าตรวจจับกระแสไฟรั่ว หรือค่าความไว(Sensitive) 30 mA. เป็นค่าที่มากเกินไป จนเป็นอันตราย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ขนาดของค่าตรวจจับกระแสไฟรั่ว 30 mA.ไม่ได้เป็นค่าที่มากไป จัดเป็นค่ามาตรฐานที่เหมาะสมในการใช้ป้องกันอันตรายในสภาวะการใช้งานแบบทั่วไป
ซึ่งค่าที่ระดับ 30mA. เป็นค่าที่มีความเสถียรต่อสภาพแวดล้อมสูง แต่ก็ยังอยู่ในระดับการป้องกันอันตรายที่ปลอดภัยอยู่ ค่าที่ระดับนี้จะไม่มีความไวหรืออ่อนไหว(Sensitive)มากเกินไปในการใช้งาน เนื่องจากบ้านเรา(ประเทศไทย)อากาศร้อนชื้น ในช่วงที่ฝนตกชุก ความชื้นในอากาศจะมาก เป็นผลให้เครื่องตัดไฟที่มีค่าตรวจจับไฟรั่วต่ำๆเช่น 5 หรือ10 mA มีโอกาสสูงที่จะทริปตัดวงจรออกโดยไม่มีสาเหตุอยู่บ่อยๆ(ไม่มีใครโดนไฟดูดแต่เครื่องก็ตัดเอง)
แต่ถ้าเป็นระดับค่าตรวจจับกระแสไฟรั่วที่ 30 mA. แทบจะไม่เกิดปัญหาในเรื่องทริปตัดวงจรเองเมื่ออากาศชื้น
ขนาดค่าตรวจจับกระแสไฟรั่ว 30 mA. ยังได้รับการรับรองและยอมรับในฝั่งอเมริกาและยุโรป
สรุป...ค่าความไว(Sensitive)ที่ใช้เพื่อป้องกันมนุษย์ได้รับอันตรายจากการถูกไฟดูด ในระดับที่ปลอดภัยจะอยู่ที่ไม่เกิน 30 mA. เวลาในการทริปปลดวงจร ตามมาตรฐานกำหนดให้ต้องไม่เกินกว่า 0.04 วินาที
ในส่วนเครื่องตัดไฟอีกประเภท ที่ป้องกันไฟรั่วลงดิน สำหรับป้องกันอุปกรณ์ จะมีค่าตรวจจับกระแสไฟรั่วมาก อยู่ที่ประมาณ 100mA. 200mA. 300mA. 500mA. จึงไม่สมควรที่จะนำมาใช้ในการป้องกันอันตรายจากไฟดูดที่จะเกิดกับคน
เครื่องประเภทนี้เหมาะที่จะใช้ป้องกันการรั่วลงดินอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์และป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออัคคีภัย หรือนำมาใช้ในกรณีที่ต้องการให้เครื่องตัดไฟรั่วสามารถป้องกันทุกวงจรที่เมนสวิตช์ โดยจะใช้ได้เฉพาะระบบไฟฟ้าที่มีสายดิน เป็นมาตรการเสริมป้องกันอัคคีภัย และไฟฟ้าดูด ให้ใช้ขนาดตั้งแต่ 100mA เป็นต้นไป
โดยอาจจะเลือกใช้เป็นขนาด 100mA , 300mA หรือ 500mA ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของกระแสไฟรั่วตามธรรมชาติ ซึ่งการเลือกใช้จะต้องพิจารณาไปเป็นกรณีเฉพาะ
หลักการทำงานเบื้องต้นของเครื่องตัดไฟ
หลายคนอาจสงสัย ในหลักการทำงานของเครื่องตัดไฟ...มันรู้ได้อย่างไรว่ามีไฟรั่วลงดินหรือมีคนโดนไฟดูด ?
การที่เครื่องตัดไฟสามารถรู้ได้ว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินหรือมีคนโดนไฟดูดนั้น ระบบภายในไม่ได้มีความอัจฉรียะล้ำยุคแต่อย่างใด มีหลักการทำงานเบื้องต้นที่ง่ายๆไม่ซับซ้อน
เครื่องตัดไฟมีหน้าที่หลักๆคือ เปรียบเทียบกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสาย Line กับสาย Neutral เงื่อนไขข้องมันคือ กระแสไฟฟ้าที่ไหลออกไปเท่าไหร่ ก็จะต้องใหลกลับมาเท่านั้น
ภายในเครื่องตัดไฟ จะมีขดลวด Search Coil ซึ่งเป็นตัวที่ทำหน้าที่ตรวจวัดปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกไป และกลับเข้ามา
สาย Line กับสาย Neutral จะถูกสอดผ่านเข้าไปในวงขดลวด Search Coil
ในสภาวะปกติ...กระแสไฟฟ้าที่ไหลออกไปเมื่อผ่านโหลดเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว ก็จะไหลกลับเข้ามาในปริมาณที่เท่ากัน สาย Line กับสาย Neutral จะมีกระแสไหลออกไปและกลับมาเท่ากัน
เมื่อสาย Line กับสาย Neutral มีกระแสไหลออกไปและกลับมาเท่ากัน ก็จะเกิดการหักล้างของเส้นแรงแม่เหล็กจนหมดสิ้น ทำให้ขดลวด Search Coil ในเครื่องตัดไฟตรวจไม่พบความผิดปกติ
กรณีนี้ ถ้าใครที่เคยใช้แคลมป์มิเตอร์คล้องสายไฟเพื่อวัดกระแสไฟฟ้า...ก็คงจะนึกออก ถ้าคล้องแคลมป์มิเตอร์ควบระหว่างสาย Line กับสาย Neutral พร้อมกัน แม้จะเป็นขณะที่มีโหลด แต่หน้าปัทม์มิเตอร์จะไม่แสดงค่าใดๆขึ้นมา เนื่องจากเส้นแรงแม่เหล็กหักล้างกันระหว่างสาย Line กับสาย Neutral
แต่ถ้าคลองมิเตอร์กับสายไฟเส้นใดเส้นหนึ่ง(ขณะมีโหลด) จะทำให้เกิดการเหนี่ยวนำของเส้นแรงแม่เหล็ก จนเกิดเป็นสัญญาณไฟฟ้าขึ้นมา หน้าปัทม์มิเตอร์ก็จะแสดงค่ากระแสไฟฟ้าขึ้นมาให้เห็น
เมื่อเกิดกรณีไฟรั่วลงดิน หรือไฟดูดคน จะมีกระแสไฟฟ้าบางส่วนหายออกไปจากระบบ ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลกลับเข้าไปไม่เท่ากับตอนที่ออกมา ผลต่างของกระแสไฟฟ้าระหว่างสาย Line กับสาย Neutral
ที่ไหลไม่เท่ากัน เส้นแรงแม่เหล็กที่หีกล้างกันไม่หมดก็จะเกิดการเหนี่ยวนำขึ้นที่ขดลวด Search Coil หากปริมาณกระแสไฟฟ้าที่รั่วออกไปจากระบบ มีถึงระดับที่กำหนด สัญญาณไฟฟ้าที่เกิดจากการเหนี่ยวนำในขดลวด Search Coil จะเดินทางเข้าสู่ส่วนที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณ เพื่อเข้าไปสั้งการขดลวด Trip Coil เมื่อขดลวด Trip Coil ได้รับสัญญาณที่เพียงพอ ก็จะเกิดอำนาจแม่เหล็ก ส่งผลให้กลไกลภายใน ทริปเบรกเกอร์เพื่อตัดวงจรไฟฟ้า
ส่วนประกอบอื่นๆของเครื่องตัดไฟ
ปุ่มทดสอบ Test เป็นปุ่ที่ใช้กดเพื่อจำลองเหตุการณ์ไฟรั่ว เมื่อกดปุ่มดังกล่าวจะเป็นการต่อวงจรไฟฟ้าให้กับวงจรทดสอบ ซึ่งมีโหลดในวงจรทดสอบเป็นตัวต้านทาน โดยวงจรทดสอบจะต่อด้านหนึ่งเข้ากับขั้วหนึ่งตรงด้านที่ออกมาจากขดลวด Search Coil แล้วสายอีกฝั่งของวงจรทดสอบก็จะต่อเข้ากับอีกขั้วตรงด้านที่จะเข้าขดลวด Search Coil
เมื่อกดปุ่มทดสอบ Test จึงเหมือนเป็นการจำลองสถานะการณ์ที่มีไฟรั่วออกจากระบบ เพราะกระแสที่ไหลผ่านขดลวด Search Coil มีค่าไม่เท่ากัน
สวิทช์ปรับค่าความไว(Sensitive) เป็นสวิทช์ที่มีเฉพาะในเครื่องตัดไฟแบบดั้งเดิมเท่านั้น จะหาสวิทช์แบบนี้ในเครื่องป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว แบบเบรกเกอร์ RCBO หรือ ELB/ELCB คงไม่มี
อันที่จริงสวิทช์นี้ก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรมากมาย
ในเครื่องตัดไฟรุ่นปัจจุบัน สวิทช์ที่ใช้ปรับค่าความไว จะใช้เป็น Selector Switch ที่ให้ปรับเลือกลงตำแหน่งที่กำหนดไว้เป็นจุดๆ แต่ละจุดก็จะไปต่อกับวงจรที่กำหนดค่าความไวเอาไว้
ต่างจากเครื่องตัดไฟสมัยก่อน ที่ใช้สวิชท์แบบที่เป็นเหมือนตัวต้านทานปรับค่าได้
เครื่องตัดไฟแบบดั้งเดิม รุ่นที่ผลิตออกมาในภายหลัง ผู้ผลิตได้เอาโหมดการทำงานแบบต่อตรง Direct ออกไปแล้ว ทำให้เครื่องตัดไฟมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
กรณีใดบ้างที่เครื่องตัดไฟสามารถป้องกันได้ และป้องกันไม่ได้กรณีที่เครื่องป้องกันได้(ทริป)
1. การทริปหรือตัดวงจร ในกรณีที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าดูดหรือกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินโดยการผ่านร่างกายคนหรือผ่านตัวโครงอุปกรณ์ ในปริมาณที่เครื่องสามารถตรวจจับได้ซึ่งอิงจากค่าความไว หรือค่า Sensitive ซึ่งในเครื่องบางรุ่นที่สามารถปรับความไวของกระแสได้ให้ตังค่าความไวที่ค่าเริ่มต้นที่น้อยที่สุด หากการใช้งานไปเรื่อยๆมีการทริปเองบ่อยครั้งควรปรับเพิ่มขึ้นมาที่ละขั้น หากปรับมาจนถึงค่าสูงสุด(25 หรือ 30mA.)ใช้งานไปเรื่อยๆยังมีการทริปควรเรียกช่างมาตรวจตัวเครื่องและตรวจสอบระบบไฟฟ้าของท่าน คำเตือน...สำหรับเครื่องตัดไฟที่สามารถปรับให้ต่อตรง Direct เมื่อเครื่องตัดไฟทริปแล้วยังหาสาเหตุไม่พบ หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องใช้ไฟฟ้า อย่าปรับเลือก Direct เด็ดขาด!!! ให้หาสาเหตุให้เจอก่อน หรือไม่ก็รีบตามช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบ ถ้าไม่จำเป็นสุดๆอย่าใช้โหมด Direct เพราะผู้ใช้อาจจะหลงลืมปรับกลับมายังตำแหน่งป้องกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่มีการติดตั้งเครื่องตัดไฟมักจะประมาทในการใช้ไฟฟ้า การปรับเลือกเป็น Direct แล้วไม่ปรับกลับคืนสู่โหมดป้องกัน หากเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นโดนไฟดูด แต่เมื่อเครื่องยังเป็น Direct อยู่ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เรียกได้ว่า..."ตายแล้วก็ยังไม่ตัด"
ส่วนที่ปรับความไวไม่ได้ จะมีค่าตรวจจับกระแสไฟรั่วเป็นค่าคงที่ตายตัว ขนาดเหมาะสมสำหรับการใช้ป้องกันอัตรายจากไฟดูด-ไฟรั่ว ที่มีขายกันในท้องตลาด เช่น 10 mA. 15mA. 30mA. เป็นต้น(ค่าความไวหรือค่า Sensitive สามารถดูได้จากสติกเกอร์แสดงข้อมูลที่ผู้ผลิตติดเอาไว้บนตัวสินค้า)
2. การทริปหรือตัดวงจรในกรณีใช้กระแสไฟฟ้าเกินกว่าขนาดพิกัดของเครื่อง หรือการใช้งานจนเกิด Over Load กรณีนี้เป็นคุณสมบัติการป้องกันที่มีเฉพาะในเบรกเกอร์ชนิด RCBO เท่านั้น ส่วนเบรกเกอร์ ELB/ELCB จะไม่สามารถปลดวงจรเมื่อมีการใช้งานแบบ Over Load ได้ ซึ่งหากใช้งานจนเกิด Over Load เป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้ตัว ELB/ELCB ได้รับความเสียหายได้
3. การทริปหรือตัดวงจร ในกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร Short Circuit การลัดวงจรในที่นี้ ถ้าเป็นกรณีที่อาจพบได้ในบ้านพักอาศัยทั่วไป คือการที่ตัวนำไฟฟ้าที่มีศักย์ทางไฟฟ้า 220 (สาย Line) มาเจอกันโดยตรง กับตัวนำไฟฟ้าที่มีศักย์เป็นศูนย์ (สาย Neutrul) โดยไม่ผ่านความต้านทานหรือโหลดทางไฟฟ้าใดๆทั้งสิ้น เมื่อทั้งสองมาเจอกันโดยตรงก็จะเกิดกระแสไหลจำนวนมากมายมหาศาล(เป็นพันแอมป์ขึ้นไป) หากไม่มีการปลดวงจรออกเมื่อมีการลัดวงจรเกิดขึ้น จะเกิดความร้อนสูงจนเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้
การลัดวงจรในระบบไฟฟ้าเฟสเดียว นอกจากจะเกิดได้ระหว่าง Line กับ Neutral แล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่าง Line กับ Ground หรือสายดิน ได้อีกด้วย แต่ความรุนแรงจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความต้านทานของระบบสายดิน
ส่วนการลัดวงจรในระบบ 3 เฟส เกิดขึ้นได้ทั้งระหว่าง Line กับ Neutral และ Line กับ Ground รวมทั้ง Line กับ Line ที่ต่างเฟสกัน ความรุนแรงก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
กรณีที่เครื่องป้องกันไม่ได้(ไม่ทริป)
1. กรณีที่คนหรือสัตว์เลี้ยงไปสัมผัสกับสายไฟเส้น Line และ Neutral โดยตรง ซึ่งกรณีนี้จะเป็นอันตรายถึงชีวิต กว่า 98% ของเครื่องตัดไฟที่ใช้กันทั่วไปจะไม่ทำงาน เนื่องจากตัวเครื่องตรวจจับไม่ได้ เพราะว่าร่างกายของเราและสัตว์เลี้ยงมีความต้านทานอยู่ การไปสัมผัสกับสายไฟเส้น L และ N โดยตรง เปรียบเสมือนเป็นการครบวงจรตามปกติ ร่างกายของเราจะกลายสถานะเป็นโหลดเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า กระแสไฟจะไหลผ่านร่างกาย อาจทำให้เสียชีวิตได้ "งานนี้...ตัดก่อนตายก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ อาจกลายเป็นตายก่อนตัด หรือแม้แต่จะเตือนก่อนวายวอด ก็คงทำไม่ได้เพราะวอดวายไปก่อนแล้ว"
2. กรณีที่ประมาทหรือเผลอลืม...เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทิ้งไว้ กรณีแบบนี้เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว หากมองย้อนกลับไป ยังพบว่ามีหลายๆคนที่มีความเชื่อที่ผิด ไววางใจเชื่อมันในเครื่ิองตัดไฟมากไปจนทำให้ประมาท มีทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ กรณีแบบที่ตั้งใจก็เช่นเปิดพัดลมให้สัตว์เลี้ยงทิ้งไว้ในขณะที่ไม่มีคนอยู่ ส่วนกรณีที่ไม่ตั้งใจก็อย่างการเผลอลืมเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้นานๆขณะที่ไม่มีคนอยู่ จนเครื่องใช้ไฟฟ้าอันนั้นเกิดร้อนและติดไฟขึ้นมา กรณีนี้เครื่องตัดไฟจะยังไม่ทริปเพื่อตัดไฟแบบทันทีทันใด จะต้องรอให้ไฟไหม้จนส่วนที่เป็นฉนวนเสียหาย แล้วเกิดการลัดวงจรก่อนเครื่องตัดไฟจึงจะทริปเพื่อตัดไฟ แต่เมื่อถึงตอนนั้นแล้วไฟอาจลุกลามไปแล้วก็ได้
3. ใช้เครื่องตัดไฟที่มีขนาดไม่สัมพันธ์กับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า การนำเครื่องตัดไฟที่มีพิกัดกระแสใหญ่เกินกว่าขนาดมิเตอร์มาใช้เป็นเมนสวิทช์ของระบบไฟฟ้าในบ้าน เมื่อเกิดกรณีใช้กระแสไฟฟ้าเกิน Over Load เกินกว่าค่าสูงสุดที่มิเตอร์จะรองรับได้ เครื่องตัดไฟจะไม่ทริปจนกว่ากระแสที่ไหลผ่านจะเกินพิกัดของเครื่องตัดไฟ แต่ขณะนั้นมิเตอร์อาจรับไม่ไหวแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือความเสียหายที่จะเกิดกับสายเมนและมิเตอร์วัดหน่วยไฟฟ้า
ในกรณีที่ต้องการใช้อุปกรณ์ตัดไฟ เป็นเมนเบรกเกอร์ ควรเลือกแบบที่ออกแบบมาให้ใช้เป็นเมนเบรกเกอร์ได้ โดยสังเกตจากค่าทนกระแสลัดวงจร Interrupting Capacity (IC) ค่าดังกล่าวเป็นพิกัดการทนกระแสลัดวงจรสูงสุดโดยปลอดภัยของเบรค เกอร์นั้นๆ สำหรับระบบไฟฟ้าในบ้านพักอาศัยทั่วไปซึ่งเป็นระบบเฟสเดียว การไฟฟ้ากำหนดค่า IC ของเมนเบรกเกอร์ไว้ไม่ต่ำกว่า 10 kA.
และเลือกพิกัดกระแสให้เหมาะสมกับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้าน เช่น
มิเตอร์ 5(15) A ขนาดเมนเบรกเกอร์ต้องไม่เกิน 16 A
มิเตอร์ 15(45) A ขนาดเมนเบรกเกอร์ต้องไม่เกิน 45 A (ถ้าไม่มีจริงๆ มาตรฐานการไฟฟ้าฯ อนุโลมให้ใช้สูงสูดไม่เกิน 50 A)
มิเตอร์ 30(100) A ขนาดเมนเบรกเกอร์ต้องไม่เกิน 100 A
หากใครใช้เครื่องตัดไฟแบบที่คุ้นเคยกันดี ที่เป็นตัวเครื่องขนาดใหญ่ ปรับค่าความไว Sensitive ได้ ไม่ว่าจะเป็นของตระกูล Safe XXX หรือตระกูล XXX Cut ทั้งหลายเหล่านี้ ผู้เขียนไม่แนะนำให้นำมาเป็นเมนของระบบไฟฟ้าโดยตรง เครื่องตัดไฟพวกนี้ ทางที่ดีควรจะต่อใช้งานผ่านเมนสวิทช์ที่เป็นเซอร์กิตเบรกเกอร์ธรรมดา หรือเมนที่เป็นสะพานไฟแบบมีฟิวส์ จะดีกว่าการต่อใช้งานเป็นเมนโดยตรง
4. ปรับตั้งตัวตรวจจับกระแสไปที่ตำแหน่ง Direct ซึ่งเป็นการจ่ายไฟโดยไม่ผ่านกลไกลและวงจรที่ทำการตรวจสอบปริมาณที่กระแสไฟฟ้าไหลไปและไหลกลับ ซึ่งวงจรดังกล่าวจะทำการเทียบการไหลออกไปและไหลกลับเข้ามาของกระแสไฟฟ้า หากมีไฟรั่วหรือไฟดูด กระแสไฟฟ้าจะสูญเสียออกไปจากระบบ จำนวนกระแสที่ไหลกลับเข้ามาจะมีน้อยกว่ากระแสที่ไหลออก หากกระแสที่หายออกไป มีปริมาณถึงระดับค่าความไวในการทริป Sensitive ชุดกลไกลภายในจะสั่งการให้เบรกเกอร์ทริปเพื่อตัดไฟ
หากไม่จำเป็นหรือฉุกเฉินจริงๆ อย่าใช้งานในโหมด Direct แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็ต้องระมัดระวังในการใช้ไฟฟ้าให้มากๆ อย่าประมาท เพราะอย่าลืมว่าถ้าไฟรัว เครื่องไม่ตัด
5. ต่อสายไฟเข้าผิดเส้น สินค้าในกลุ่มของอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด-ไฟรั่ว ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีปัญหาและข้อบกพร่องที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการต่อสายสลับด้านไฟเข้า ระหว่าง L - N ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในปัจจุบันบางตัวก็ไม่มีการกำหนดขั้วเอาไว้ ทำให้หลายคนอาจจะสับสนไปบ้าง ซึ่งความจริงแล้วหากผู้ผลิตไม่ระบุมาก็หมายถึงต่อเข้าด้านไหนขั้วไหนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร แต่...ในอดีตเครื่องตัดไฟบางรุ่นที่ภายในมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะไม่ทำงานหรือทำงานผิดพลาด หากใส่สายไฟเข้าผิดเส้น
6. การติดตั้งเครื่องตัดไฟก่อนเข้าเมนสวิทช์ของบ้านที่มีระบบสายดิน กรณีนี้หากเกิดไฟรั่วแล้วเครื่องอาจจะไม่ตัดกระแส เพราะปริมาณไปที่เข้าและออกจากเครื่องเป็นปกติ การติดตั้งต้องติดตั้งเครื่องตัดไฟ ถัดจากเมนสวิชต์หรืออุปกรณ์ปลดวงจรหลักของบ้านที่มีระบบสายดิน เท่านั้น
การติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วจะอยู่ก่อนเมนเซอร์กิตเบรคเกอร์ เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง
เพราะปลอดภัยดีค่ะ
ไม่อยากคุยกับ sale นะค่ะ เพราะ 2 คนก็แนะนำ 2 แบบ 3 คนก็ 3 แบบ งงค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ