ต้นทุนชีวิตคือการสะสมความเคยชินที่ดี
ดอกไม้ในลมหายใจ

ช่วงนี้ไม้หอมออกดอกรอบบ้าน....

กลิ่นดอกปีบหลังบ้าน ลอยเข้าห้องนอนทุกคืน



กลิ่นหอมธรรมชาติช่วยให้ใจสงบ
ขอบคุณเพื่อนบ้านด้านหลังที่ปลูกไม้หอมซะ (เกือบ) ชิดห้องนอนเพื่อนบ้านด้านหน้า….



ชมนาดก็เริ่มอวลกลิ่นแล้วเช่นกัน
สายลมพากลิ่นไปหาเพื่อนบ้านด้านข้าง
เจอหน้ากันเขายิ้มทักทาย บอกชอบดอกไม้กลิ่นหอมหวาน…



สายน้ำผึ้งต้นนี้ก็ออกดอกเกือบตลอดปี
กลิ่นหวานเย็นใจ ลอยไปให้บ้านอีกข้าง
แลกกับร่มเงาของหูกระจงที่บ้านนั้นปลูกชิดผนัง
ปล่อยให้ต้นไม้แผ่กิ่งใบข้ามมาปกอีกบ้าน



รั้วโมกด้านหน้าของหลายบ้านออกดอกงาม
และหอม...
เหมือนกับดอกแก้วที่อวลกลิ่นตามลม
เช้าเย็นใครเดินผ่านก็รับกลิ่นลอยลมชื่นใจไปด้วยกัน




พื้นที่เล็ก ๆ รอบบ้านจัดสรร กลายเป็นพื้นที่สวนแบ่งกับเพื่อนบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีน้ำใจ และรับน้ำใจจากต้นไม้ใบดอกร่วมกัน

ขอบคุณรอยยิ้ม
ขอบคุณความเงียบสงบ
และขอบคุณสวนดอกไม้เล็ก ๆ ทุกสวนในซอย…










Create Date : 04 ธันวาคม 2551
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 13:34:59 น. 28 comments
Counter : 1452 Pageviews.

 
ชอบดอกโมก,ดอกแก้ว จังเลยค่ะ
หมู่บ้านนี้ชื่อ หมู่บ้านแห่งความสุข


โดย: บุษบาหน้าจอ วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:9:54:50 น.  

 
แบบหอมๆทั้งนั้นเลยนะเนี่ย ชอบหอมของสายน้ำผึ้งมากที่สุด เขาสวยหวาน เข้าใจว่าเขาชอบอากาศเย็น เพราะสายน้ำผึ้งที่นี่หน้าตาไม่งามและง่ายเหมือนที่สกลนคร อ่านเรื่องแบ่งปันพื้นที่สวนกับเพื่อนบ้านแล้ว ข้อยล่ะหันมานึกถึงตัวเองแล้วขำ เพราะรอบบ้านไม่มีเพื่อนบ้านเลยค่ะ มีแต่ที่รกร้างว่างเปล่า ที่เขาซื้อแล้วทิ้งไว้ ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของ เขาทิ้งจริงๆนะ นี่ก็เข้าไปแผ้วถางบุกรุกปลูกลามไปทั่ว บางต้นเขางอกเองก็ตามไปรดน้ำใส่ปุ๋ย ใครมาเห็นก็ว่า ตายจริง ป้ากะจะทำหมดนี่เลยเหรอ ...เหอๆ ประมาณสี่ไร่เห็นจะได้ ไม่ได้แบ่งปันกับเพื่อนบ้านเลยค่ะ อิ่มเอมอยู่คนเดียว


โดย: แมลงยุ่ง (Bug in the garden ) วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:10:45:37 น.  

 
กลัวผีเหมือนกันนะคะ เวลาได้กลิ่นดอกไม้ตะตอนกะกลางงงคืน

สวัสดีค่ะ


โดย: Em-emiley วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:15:12:27 น.  

 
น่าแอบไปเด็ดกิ่งมาชำจัง อิ อิ


โดย: ST.Exsodus วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:21:37:02 น.  

 
ชอบมวลหมู่ดอกไม้ในสวน
//theplants.multiply.com/


โดย: ผักเหมียง IP: 59.178.39.193 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:23:25:29 น.  

 
มีไม้หอมๆๆ รอบบ้านเลยนะค่ะ แบบนี้ได้กลิ่นก็สดชื่นแล้วนะค่ะ ชมนาดกลิ่นหอมแบบไหนค่ะ


โดย: kamonorchids วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:5:10:47 น.  

 
ชนนาดกลิ่นหอมหวานคล้าย ๆ ใบเตยค่ะ คุณ kamonorchids

ชอบชื่อคุณผักเหมียงด้วย น่ารักดี แต่ว่าไม่รู้จัก เดาเอาว่าน่าจะทานสดได้ ?

ครั้งก่อนตอนปิดตำนานสวนแก้วฯ คุณ ST.Exodus บอกว่าจะมาขนต้นไม้ไป ยังไม่มาเลย อันนี้สวนบ้านของจริงนา จะมาทำแอบบเด็ดกิ่งชำนี่ บ่ได้ค่ะ แต่มาเยี่ยมเยียนแล้วตัดไปต่อหน้าเลยนี่ได้อยู่ อิ อิ

คุณเอม emily ขา กลิ่นดอกไม้สวนที่บ้านไม่น่ากะกะกลัวเลยยย เพราะมันชื่นจะจะจายค่ะ ไม่ใช่หอมเยือกกก...เข้าไปถึงใจ

จะอิจฉาหรือสงสารคุณแมลงพันชื่อดีน้า....กับพื้นที่สี่ไร่ที่ต้องชื่นชมต้นไม้ดอกใบอยู่คนเดียวอย่างนี้
ขอแบ่งสักยี่สิบตารางวาก็แล้วกัน ค่อยพอมีกำลังช่วยทำหน่อย

ขอบคุณคุณบุษบาหน้าจอสำหรับชื่อหมู่บ้านค่ะ
อยากเปลี่ยนให้เป็นชื่อประเทศจัง






โดย: kangsadal วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:5:43:31 น.  

 
ข้อยได้ยินแม่บอกว่ามีลูกเอาไว้คอยรับใช้ แต่แม่บ้านนี้กลับขาดอิสรภาพ ต้องคอยรับใช้ลูก เหอๆแค่ได้ยินเสียงลูกเรียก็ปวดหัวซะแล้วววว


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:11:35:47 น.  

 
พิมพ์ผิด ...คิกคิก ...ลูกเรียก
ปรกติช่วงหยุดยาวที่หัวหินจะมิคสัญญี รถติดมาก จะเข้าไปหาของกินของใช้ ทำธุระ ให้รู้สึกเหมือนต้องแย่งกัน เราสองคนต้องหาที่เงียบๆในบ้านเมืองอื่น ส่วนใหญ่จะคิดถึงแถวอิสาน เงียบดี ตกลงสองตายายไม่ได้ไปไหน เพราะเข้าเมืองไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว เงียบเชียบดีมาก ตาก็ป่วนหาเรื่องซ่อมแซม ไม่พังก็ทำให้พัง ยายก็ทำสวนเย็บผ้าไปตามเคย
มีคำตอบแทนคุณผักเหมียง ผักเหมียงต้นไม้ของชาวใต้ ใบเอามาต้มกะทิกินกับน้ำพริก อร่อยดีค่ะ ที่ในสวนมีอยู่ต้นนึง ไม่ได้ดูแลเท่าไหร่ ก็เห็นยังอยู่ หน้าตาแจ่มใสดีค่ะ


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:11:42:18 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: Jolisa วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:19:58:11 น.  

 
การอลุ่มอล่วยกันของคนในสังคมและมอบสิ่งดีให้แก่กัน เป็นคุณสมบัติของไทยเราแต่โบราณ ย่อมนำความสุขมาให้ชุมชนครับ

น่าชื่นใจครับที่มีเพื่อนบ้านที่ดีๆทุกคน ซึ่งสำคัญกว่ากำแพงอันแน่นหนาครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:6:57:59 น.  

 


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:14:21:51 น.  

 
ไม่รู้จะไปไหน ขอแวะมาชมดอกไม้งามๆ ที่บ้านนี้ล่ะจ้า


โดย: บุษบาหน้าจอ วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:9:39:27 น.  

 
ลอกเรื่องนี้จากมติชนฉบับวันจันทร์มาฝาก เขียนได้ขาดจริงๆ ถ้าคนเรายอมรับความจริง ชีวิตก็จะจัดการได้ง่ายเพราะไม่ต้องคิดซับซ้อน ....ที่สังคมไทยเป็นแบบนี้เพราะเราไม่ชอบพูดความจริง และทนความจริงไม่ได้

ท้วงครู
โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์

คุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ "ครู" ของผมคนหนึ่งเสนอความเห็นแก่ทีวีสาธารณะว่า เพื่อแก้วิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้น (ในขณะที่เขียนบทความนี้ สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิยังถูกปิดตาย) นายกรัฐมนตรีควรขอเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานพระราชดำริว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

แต่โดยยังไม่มีพระราชดำริอย่างไรเพราะยังไม่มีการเข้าเฝ้าฯ คุณสุลักษณ์ก็เสนอสำทับลงมาแทนพระราชดำริ ว่า ควรตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีมาจาก "คนนอก" (ซึ่งผมเข้าใจว่าไม่ใช่ ส.ส.) เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งฝ่ายนายกฯ และฝ่าย พธม.ซึ่งปิดล้อมสนามบินอยู่ ต่างก็จะไม่รู้สึกเสียหน้า (เพราะเป็นการปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของเจ้าเหนือหัว)

ผมเข้าใจเอาเองว่า รัฐบาลชั่วคราวนั้นคงไม่น่าจะหมดภารกิจเพียงเท่านี้ เพราะถ้าพระบรมราโชวาทจะทำให้เกิดความสงบขึ้นชั่วคราวได้ (คือฝ่ายนายกฯยอมลาออกโดยพรรค พปช.ไม่เป็นแกนกลางจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และฝ่าย พธม.เลิกการประท้วงที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย) พระบรมราโชวาทเพียงอย่างเดียวก็น่าจะทำให้เกิดขึ้นได้แล้ว

ผมเข้าใจดีว่า โดยปราศจากการร้องขอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานพระบรมราโชวาทในเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง ก็อาจไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนัก คุณสุลักษณ์พยายามย้ำว่า ข้อเสนอของท่านนั้นไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะตามความเห็นของนักกฎหมายอังกฤษ (สายจารีตนิยม) กษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญ ย่อมทรงพระราชอำนาจทางการเมืองสามประการ คือ to encourage, to warn และ to be consulted (ซึ่งผมขอแปลเป็นไทยว่า อาจพระราชทานคำปรึกษาได้เมื่อถูกร้องขอ) คุณสุลักษณ์ย้ำด้วยว่า กษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจนี้เป็นการ "รโหฐาน" หมายความว่าทรงกระทำโดยไม่เปิดเผยแก่สาธารณะ และผู้ที่ได้รับพระราชกระแสก็ไม่พึงอ้างว่าเป็นพระราชดำริ เพราะตามหลักการแล้ว ราชบัลลังก์ไม่พึงต้องรับผิดชอบทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม หากจุดประสงค์มีมากกว่าการเปิดสนามบิน (และทำเนียบหรือถนน) แต่ต้องการระบบการเมืองที่ก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมไทย รัฐบาลชั่วคราวนั้นคงต้องอยู่เพื่อทำอะไรอื่นมากกว่าดูแลให้ทำเนียบ, สนามบิน, ถนน และการลอบทำร้ายกันคลี่คลายไปในทางดี ความ "ชั่วคราว" ของรัฐบาลนั้น ก็ต้องยาวพอที่จะทำภารกิจเหล่านี้ได้ ปีหนึ่ง, สองปี, สามปี ... จะพอหรือไม่? หรือต้องใช้เวลาถึง 16 ปี อย่างที่เราเคยประสบมาแล้วในอดีต

นอกจากนี้ รัฐบาลนั้นยังจำเป็นต้องมีอำนาจอื่นเข้ามาเสริมมากกว่าพระราชกระแสที่ทำให้เกิดรัฐบาลนั้นขึ้น โดยเฉพาะอำนาจในทางบังคับ (coercive force) กลไกรัฐที่มีอำนาจในเชิงบังคับเช่นทหารและตำรวจ จะทำโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนทางการเมืองเลยหรือ

ในแง่ของรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีที่มาจาก "คนนอก" ได้ ก็ต้องระงับใช้บางมาตราของรัฐธรรมนูญ สภาวการณ์อะไรบ้างที่เราอาจงดใช้รัฐธรรมนูญได้ ยึดถนน, ยึดทำเนียบ, ยึดสนามบิน ฯลฯ หรืออื่นๆ ที่ไม่เคารพกฎหมาย (และไม่ใช่การดื้อแพ่ง - civil disobedience - ด้วย) กระนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีรัฐธรรมนูญอะไรในโลกนี้ที่อาจใช้ในสังคมไทยได้เลย เพราะสังคมไทยไม่มีกลไกทางกฎหมาย, วัฒนธรรม, เศรษฐกิจ, การเมือง ฯลฯ ที่จะรองรับระบอบปกครองที่มีรัฐธรรมนูญได้... ข้อนี้ใครๆ ก็รู้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เราควรพยายามสถาปนาระบอบปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญขึ้น หรือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเดิมของสังคม

แต่น่าเศร้าตรงที่ว่า ถึงจะตอบอย่างหลัง ก็จะมีคำถามตามมาอีกว่า แล้วเราสามารถถอยกลับไปยืนอยู่ที่เดิมได้หรือ ไม่แต่เพียงสถานการณ์ของโลกไม่เอื้ออำนวยเท่านั้น สังคมไทยได้เปลี่ยนไปจนกระทั่ง แม้แต่นำเอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กลับคืนมา ก็ยากที่จะเกิดความสงบสุขขึ้นในสังคมไทยปัจจุบันได้เสียแล้ว (แม้ในปลายสมัยนั้นเอง ก็หาได้สงบสุขอย่างที่มักจะวาดภาพกันขึ้น)

ยิ่งกว่านี้ นายกรัฐมนตรี "คนนอก" ซึ่งต้องบริหารประเทศในสภาที่ไม่มีผู้สนับสนุนของตนเองเลย จะบริหารบ้านเมืองโดยผ่านกฎหมายอะไรออกมาได้บ้าง แม้แต่ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี และเพื่อให้นายกฯ "คนนอก" ทำงานได้ มิจำเป็นต้องงดใช้รัฐธรรมนูญอีกหลายมาตราหรอกหรือ ส่วนที่เหลืออยู่ในรัฐธรรมนูญจะต่างอะไรกับประกาศคณะรัฐประหาร

ฉะนั้น ข้อเสนอของคุณสุลักษณ์ (ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการร้องขอ "นายกฯพระราชทาน") จึงอาจสรุปลงได้สั้นๆ ว่า ปัญหาที่เกิดในประเทศไทยขณะนี้อันเกิดขึ้นจากการไม่เคารพกฎหมาย พึงแก้ได้ด้วยการไม่เคารพกฎหมายให้ยิ่งขึ้นไปอีก

คำถามที่ตามมาทันทีก็คือ การไม่เคารพกฎหมายจะทำให้เกิดความสงบสุขขึ้นได้จริงละหรือ

ดังที่กล่าวแล้วว่าสังคมไทยเองก็เปลี่ยนไปมากแล้ว (แตกต่างอย่างมากจาก พ.ศ.2500 อย่างมากจาก 2519 หรือแม้แต่อย่างมากจาก 2534 และ 2535 ด้วย) ผมจึงเชื่อว่า จะมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ต่อต้านรัฐบาล "พระราชทาน" นั้น ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นายทุนบางกลุ่มแอบให้เงินสนับสนุน คนชั้นกลางที่ร่วมอยู่ใน พธม.เวลานี้จำนวนหนึ่ง จะเข้าร่วมการต่อต้าน แม้แต่คุณสุลักษณ์เองก็อาจร่วมในการต่อต้านด้วย (โดยที่ทีวีสาธารณะไม่ช่วยกระพือเหมือนครั้งนี้)

รัฐบาล "พระราชทาน" จะปฏิบัติภารกิจของตนต่อไปได้ ก็ต้องหันไปใช้อำนาจเชิงบังคับมากขึ้น ยิ่งทำให้ตกเป็นเบี้ยล่างของกลไกรัฐที่มีอำนาจเชิงบังคับจนไม่เหลือพลังต่อรอง ต้องแลกเปลี่ยนผลประโยชน์มากขึ้น ส่วนการต่อต้านต้องมุดลงใต้ดิน ในที่สุดก็ไม่เหลือช่องทางต่อต้านมากไปกว่าการใช้ความรุนแรง (เช่นตั้งกองกำลังติดอาวุธ ถึงไม่ทำสงครามประชาชน ก็อาจใช้การลอบสังหาร หรือก่อวินาศกรรม)

หากความไม่สงบสุขในรูปต่างๆ เกิดขึ้นเช่นนั้น คำถามสำคัญก็คือ แล้วพระมหากษัตริย์ต้องทรงรับผิดชอบกับพระราชดำริในครั้งนี้หรือไม่เพียงใด

ผมคิดว่า ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขณะนี้ มีมูลรากมาจากความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยเอง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา ความสงบสุขไม่อาจเกิดขึ้นได้จาก "นายกฯพระราชทาน" แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ให้ดี แล้วสร้างขันติธรรมระหว่างกันให้มากขึ้นทั้งด้วยการศึกษา, สื่อ, ระบบเศรษฐกิจ, ระบบสังคม, ระบบการเมือง, ระบบภาษี ฯลฯ

การขอ "นายกฯพระราชทาน" เป็นความคิดมักง่าย และเหมือนความคิดมักง่ายทั่วไป คือนำไปสู่ทุกอย่างที่ "ชั่วคราว" ไปหมด ไม่แต่เพียงรัฐบาล "ชั่วคราว" แม้แต่ความสงบก็เป็นความสงบ "ชั่วคราว" เหมือนกัน

ในบรรดาคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมไม่เคยเห็นใครจะมีความจงรักภักดีจริงไปกว่าคุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่เดือดร้อนอยู่ในทุกวันนี้ก็เพราะความจงรักภักดีอย่างยิ่งยวดต่อสถาบันนั้นเอง (ไม่ใช่ต่อบุคคลอย่างเดียว อย่างที่เราพบเห็นได้ทั่วไป) ผมจึงขอกราบเรียนถามว่า ในช่วงนี้ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย การนำพระมหากษัตริย์เข้ามาจัดระบบการเมืองซึ่งไม่มีทางที่จะเกิดความพอใจแก่ทุกฝ่ายได้นั้น มิเป็นอันตรายต่อสถาบันในระยะยาวหรอกหรือ

เมื่อได้คัดค้านความเห็นของคุณสุลักษณ์มาถึงเพียงนี้แล้ว ผมรู้สึกว่ากลายเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องเสนอ "ทางออก" ให้แก่วิกฤตการณ์ครั้งนี้ เพราะแรงกดดันจากนักธุรกิจ-อุตสาหกรรมเวลานี้ ห่วงแต่เงินในกระเป๋าของตน ทำอะไรก็ได้ ปฏิวัติยึดอำนาจ หรือใช้ความรุนแรงนองเลือด หรืออะไรก็ได้ ขอแต่ให้เปิดสนามบินเพื่อทำเงินต่อไปเป็นพอ ส่วนจะเกิดอะไรแก่บ้านเมืองในอนาคต ไม่ใช่ธุระของพวกเขา

ข้อเสนอของผมมีง่ายๆ และตรงไปตรงมา คือต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยมีมนุษยธรรมและความยุติธรรม (ผมยอมรับว่าสองอย่างนี้ บางครั้งอาจไม่สอดคล้องกันก็ได้ ฉะนั้น การใช้ความยุติธรรมอย่างมีมนุษยธรรมจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน)

มีนักวิชาการบางท่านกล่าวว่า ในยามวิกฤตจลาจล ย่อมใช้กฎหมายไม่ได้ ผมอยากเตือนว่านี่เป็นตรรกะเดียวกับที่สมุนของคุณทักษิณใช้ เมื่อเรียกร้องให้นิรโทษกรรมคุณทักษิณและพรรคพวก ตรงกันข้าม ไม่ว่าในภาวะใดก็ตาม เราไม่อาจทิ้งกฎหมายเสียได้ คนผิดต้องรับผิดตามกฎหมาย แต่เมื่อรับผิดและสำนึกผิดแล้ว สังคมอาจให้อภัยงดโทษได้ด้วยมนุษยธรรม แต่ผิดคือผิด ไม่ว่าจะทำในสภาวะจลาจลหรือไม่ก็ตาม

การชุมนุมที่ผิดกฎหมาย, การพกพาอาวุธที่ร้ายแรง, การทำร้ายบุคคลอื่น, การลอบใช้อาวุธสงครามทำร้ายผู้ชุมนุม ฯลฯ เป็นความผิดทางกฎหมาย และต้องจัดการอย่างเด็ดขาดและยุติธรรม เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ให้ความร่วมมือต้องถูกสอบสวนและลงโทษ ถ้าจะเกิดการรัฐประหารเพราะลงโทษเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง "อันชอบด้วยกฎหมายและชอบธรรม" ก็ให้มันรู้ชัดลงไป เพราะนั่นเท่ากับว่าได้เกิดการรัฐประหารเงียบขึ้นแล้ว

ผู้กระทำการรัฐประหารต้องปรากฏตัว และต้องรับผิดชอบต่อสังคมเอง ไม่มีเหตุที่รัฐบาลจะครองตำแหน่งโดยไม่มีอำนาจจัดการสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ต่อไป

แน่นอนว่า ปฏิบัติการของฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงอย่างที่สุด แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่า การกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการปิดถนนสายสำคัญอย่างถาวรก็ตาม การยึดที่ทำการรัฐบาลก็ตาม การยึดสนามบินก็ตาม เป็นการทำความรุนแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซ้ำผู้ชุมนุมยังประกาศว่าจะตอบโต้เจ้าพนักงานของรัฐด้วยความรุนแรงเช่นกัน โอกาสปราบปรามโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรงโดยสิ้นเชิงจึงเป็นไปได้ยาก เจ้าพนักงานของรัฐก็เป็นคน มีลูกเมียพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน อย่างน้อยเขาต้องมีสิทธิในการป้องกันตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ฝ่ายตรงข้ามเกินความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

สังคมที่จะเกิดความสงบสุข โดยไม่เคารพกฎหมาย มีหรือครับ

ผมเห็นด้วยว่า นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ควรลาออก หรือถูกประชาชนช่วยกันขับไล่ออกไป (โดยสงบ ปราศจากอาวุธ และไม่ผิดกฎหมาย) ไม่ใช่เพราะเขาเป็นนอมินีของใคร แต่เพราะเขาไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ นั่นเป็นภารกิจพื้นฐานที่รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆ เหลือที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่งต่อไป

โดยไม่ต้องงดใช้รัฐธรรมนูญสักมาตราเดียว


โดย: buggy (Bug in the garden ) วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:11:13:08 น.  

 
ขออำไพ กินพื้นที่ของเพื่อนๆ เยอะไปหน่อย


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:11:15:19 น.  

 
นึกยังไงถึงเอาบทความอาจารย์นิธิมาใส่ในบล็อกกังสดาลคะ..?

แต่มิเป็นไรค่ะ ชื่นชมในความกล้าหาญของคุณ ส.ศิวรักษ์มานานนักหนาแล้ว และก็เคารพนับถือนักวิชาการอย่างอาจารย์นิธิมาเนิ่นนานเช่นกัน

ในครั้งนี้จึงมิมีการทักท้วง แต่ยินดีรับน้ำใจและขอบคุณความอุตสาหะของคุณแมลงพันชื่นที่อุตส่าห์พิมพ์มาใส่ให้ซะเต็มเนื้อที่

ใคร ๆ ที่แวะมาเที่ยวสวนแบ่งในซอยนี้จะได้อ่านกันถ้วนทั่วนะคะ

และเห็นทีจะต้องไปชวนคุณบุษบาหน้าจอ คุณ Jolisa และเพื่อน ๆ ชาวบล็อกกลับมาชมดอกไม้การเมืองกันอีกซักรอบ :D


โดย: กังสดาล IP: 125.25.231.128 วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:19:03:26 น.  

 
จริงๆ แล้วเอาเรื่องท้วงครูมาแปะไว้นี่เกรงใจเหมือนกันนะ ไม่อยากพูดเรื่องการเมือง แต่อยากให้ได้อ่านค่ะ เพราะวันก่อนเราคุยกันเรื่องความจริง ข้อยมีความเห็นว่าสังคมไทยไม่ค่อยชอบความจริงเท่าไหร่ เคยมีเพื่อนเดินออกมาว่าคนอื่นหลังจากนั่งเงียบในห้องประชุม เวลาถามว่าทำไมไม่พูดตอนอยู่ในห้องประชุม เจ้าตัวจะได้รู้และ มีพยานด้วย เขาตอบว่าเกรงใจ แต่ข้อยว่าเขาขี้ขลาด กลัวถูกโกรธ...
แหะๆแล้วไม่ได้พิมพ์เอง ก๊อปมาจากเว็บมติชน...พอดีไปอ่านเจอในนสพ. แล้วพิมพ์ไม่ไหว เลยไปเสิร์ชหาจากเว็บ ...โกงเล็กๆ


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:10:16:30 น.  

 
บ้านนี้รื่น-ร่ม-เย็น ดีจัง
ดอกไม้น้อยบานสะพรั่ง ขาว-สีขาว
บ้านไหนมีน้ำใจบานพราว
บ้านนั้นราวสรวงสวรรค์



โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:22:26:30 น.  

 


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:6:27:29 น.  

 
ชอบกลิ่นของดอกแก้วมาก ๆ เลยค่ะ
แต่ก่อนที่หลังบ้านปลูกไว้
แล้วต้นมันจะอยู่ตรงที่ลงบันไดมาเจอพอดีเลย
กลิ่นหอมมากกกก เลย ^ ^

คุณกังสดาลสบายดีนะคะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อกค่ะ


โดย: มันจะดีเหรอคะ วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:7:21:23 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะพี่พี
----------------------------------------------
พรุ่งนี้ 12 ธ.ค.51 ตอนพลบค่ำ
มองขอบฟ้าชมพระจันทร์เต็มดวงโตเต็มที่ในรอบปี ขอบอกค๊า

ด้วยบรรยากาศโรแมนติกท่ามกลางมวลดอกไม้งาม
ระวังน้ำตาลในเม็ดเลือดสูงนะค๊า


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:20:35:48 น.  

 
น้องสาวบ้านนอกฯคะ พี่เป็นคนน้ำตาลต่ำค่ะ (แม้ว่าจะน้ำหนักสูง) ยังต้องการบรรยากาศอีกมาก..กกกก วันนี้ตอนพลบค่ำจะรอชมค่ะ ถ้าโรแมนติคได้ที่คงจะมีกลอนมาเล่นในบล็อกสักบท ถ้าไม่มีแสดงว่าไม่โรแมนติคจริง คงต้องเติมน้ำตาลในเลือดให้น้ำหนักพุ่งอีกสักเล็กน้อย อิ อิ

มันจะดีเหรอคะ (คุณ ดีแน่ ๆ มีชื่อนี้มาแหย่ให้ยิ้มอยู่ในใจทุกที) ดีใจที่ชอบดอกแก้วเหมือนกันค่ะ หลังบ้านมีต้นไม้หอมหลายอย่าง ทั้งแก้ว ชมนาด สายหยุด พิกุล แล้วก็ปีบของเพื่อนบ้านด้านหลัง อากาศเย็นเปิดหน้าต่างนอนจะได้กลิ่นหอมจาง ๆ แต่คืนไหนเปิดแอร์นะคะ กลิ่นยังกับห้องอบร่ำด้วยน้ำหอมธรรมชาติ คงเป็นเพราะตัวคอมเพรสเซอร์ตั้งอยู่สูง ได้จังหวะกับกลิ่นดอกไม้ที่ลอยลมมา จึงหมุนดูดเข้ามาอวลอยู่ในห้อง.......โชดดีที่ต้นไม้ทะยอยกันออกดอกเป็นระยะ ๆ กลิ่นแต่ละกลิ่นจึงไม่ตีกัน

แต่ช่วงนี้ไม้หอมหลายอย่างออกดอกพร้อมกัน อย่างโมกและจำปา รวมทั้งสายน้ำผึ้ง แต่ว่าปลูกกันคนละด้านของบ้านค่ะ กลิ่นก็เลยแยกย้ายกันเดินทาง ไม่งั้นห้องนอนคงกลายเป็นห้องปรุงน้ำหอม อิ อิ

(ไม่ค่อยเว่อเท่าไหร่เลยนะ แหะ แหะ แต่ละต้นยังเป็นไม้เล็ก ๆ ออกดอกพอให้คนปลูกชื่นใจเท่านั้นเองค่ะ)

ขอบคุณคุณจันทร์ที่มีภาพดอกไม้สวย ๆ มาแซมสวนนี้ให้บ่อย ๆ ขอบคุณภาพสวย ๆ ที่ส่งมาจากบล็อกงาม ๆ นะคะ

และต้องขอบคุณคุณสัญจร ดาวส่องทางที่แวะมาเขียนคำให้ไพเราะถูกใจ และจับใจยิ่งขึ้นเมื่อแอบตามไปที่บล็อกแล้วรู้ว่าเป็นใคร ปลื้มจังค่ะ เสียดาย..ที่ไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือไม่ได้ ทั้งที่อยากไปมากเลย

และที่อยากขอบคุณที่สุดคือคุณแมลงจ่อยที่คอยชวนคุยให้ตระหนักถึงด้านที่งดงามที่สุดของชีวิตด้านในอยู่เสมอ

คุยกันซื่อ ๆ นะคะ เพราะความจริงมีหลายด้านเหลือเกิน ถ้าคนไม่เข้าถึงตัวเองอย่างที่สุดแล้ว ความจริงด้านอื่นก็อาจทำร้ายเขาได้ค่ะ อย่าไปว่าคนที่ไม่กล้า ณ ขณะนั้นว่าขี้ขลาดเลย





โดย: กังสดาล IP: 125.25.79.81 วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:9:26:10 น.  

 
เข้ามาชม มาดม ดอกไม้หอม ช้าไปนิดค่ะ
หวังว่ากลีบบาง คงยังไม่โรยต้น
ดอกไม้กลิ่นหอมเย็น มักเป็นดอกสีขาว
บอบบาง น่าทะนุถนอม..
ไม่สวยเด่น ไม่กลีบงาม
แต่หอมชื่นใจ แม้ไม่ต้องก้มไปดอมดม

สวัสดีค่ะพี่พี เช็คหลังไมค์ด้วยค่ะ


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:13:49:13 น.  

 


โดย: Em-emiley วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:16:09:07 น.  

 


มาอีกแล้วจ้า


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:22:23:19 น.  

 
คุณน้องกังสดาลเห็นด้วยไหมว่าสังคมของเราเป็นสังคมอ้ำอึ้ง เพราะเราปล่อยให้พฤติกรรมไม่กล้าพูดต่อหน้ากลายเป็นนินทา และทำร้ายกันรับหลัง คนพูดก็ไม่กล้าพูดคนฟังก็ไม่กล้าฟัง ...ถ้าคุยหลังไมค์ได้จะมันกว่า ..แบบว่าเกรงใจคนอื่นพระจันทร์กลมนี้สวยจริง ถ่ายเก่งจัง แถมเขียนกำกับด้วยเลขไทยอีก...ชอบจริงๆ


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 13 ธันวาคม 2551 เวลา:11:18:56 น.  

 


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:6:30:42 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะพี่พี
-----------------------------------------------------
แวะมาบอกว่าปรับโทนสีบีจี ให้ดูนุ่มนวลบางเบาสบายตาแล้วค่ะ
(เอาใจผู้อาวุโสแนะเนี่ย! อะคึ่ ๆ)


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:19:18:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kangsadal
Location :
เวียงจัน Laos

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






พระจันทร์เต็มดวงคนมองเห็นได้บางวัน
เช่นกันกับวันที่เห็นพระจันทร์เสี้ยว
แต่ทุกวัน....
พระจันทร์เต็มดวง
online
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kangsadal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.