Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
[Japan Diary] เมื่อเครื่องบินลงจอด..

เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินนาริตะตอนเวลา 3 โมง

สิ่งแรกที่เราเรียนรู้จากหน้าต่างเครื่องบินคือ 
เวลา 3 โมงที่ญี่ปุ่นช่วงนี้ ช่างเหมือนเวลา 5 โมงเย็นบ้านเราเสียเหลือเกิน

นอกจากเวลาที่ไวกว่าบ้านเราไป 2 ชม. แล้ว
ท้องฟ้าที่ญี่ปุ่นก็เร็วกว่าบ้านเราเหมือนกันแฮะ

....

พอลงจากเครื่องบิน เราก็เลือกเดินตามผู้โดยสารส่วนใหญ่ไป
แน่นอนว่าทุกคนต้องมุ่งหน้าไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองแน่ๆ


และนี่คือด่านที่ประชาชนชาวไทยผู้ไม่มีวีซ่าไปก่อนหวาดกลัว


เอาเข้าจริงถึงพาสปอร์ตจะประทับตราว่าเราไปเที่ยวมาหลายที่แล้วนะ
แต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวแน่ๆ มาแป๊บๆ เดี๋ยวเราก็กลับไทยแล้ว
เป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ ไม่โรบินฮู้ดแน่ๆ

ก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่าเราจะผ่านตม.ได้อย่างสวยงาม Smiley


พอถึงคิวเราที่ต้องยื่นใบ immigration ให้กับตม.

ตม.ก็ทำหน้างง พร้อมกับวงไปที่ที่อยู่เราในใบขาเข้าญี่ปุ่น

ที่อยู่ที่เราเขียนไปเขียนว่า "Bamboo Apartment"
รึคุณตำรวจคงจะสงสัยว่า นักท่องเที่ยวทำไมไม่พักโรงแรม
แย่ล่ะ...Smiley

ก็อธิบายไปว่า เป็นที่พักที่เราจองจากเวปไซต์ชื่อ airbnb
.........

พออธิบายไปแล้วก็อ้าว...แล้วคุณท่านจะรู้จัก airbnb มั้ยนะ

(แล้วก็มาตกใจว่า อ้าวอิ airbnb นี่มันจะน่าเชื่อถือเหมือน agoda/ booking.com มั้ยหว่า)


ตม.ก็ทำหน้า งงๆ 
(แย่ล่ะ.......)

จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ย..! เราพิมพ์ใบคอนเฟิร์มห้องมา
เลยยื่นให้คุณ ตม.แทนการตอบคำถาม

ท่านตม.ก็ชี้ไปที่รูป host แล้วถามว่านี่คือใคร 
เราก็บอกว่า 

- นี่ไง คนในรูปคือเจ้าของห้องพักของเราไง

- นี่ไง มีชื่อ ที่อยู่เจ้าของห้อง มีเบอร์โทร.ด้วย


( คิดในใจว่า นี่ไงถ้าเปิดไปอีกหน้าจะมีราคาค่าห้องที่จ่ายไปด้วยนะ 
ไม่ได้พักฟรีนะจ๊ะ
ไม่ได้รู้จักใครจ๊ะ 
ไม่โรบินฮู้ดเลยนะ)

ท่าน ตม.ก็จดอะไรขยุกขยิกลงบนใบขาเข้า 
แล้วก็แปะสติ๊กเกอร์ลงบนพาสปอร์ตSmiley



เย้..! เป็นช่วงเวลา 2 นาทีที่หวาดเสียวมาก
(คือค่าตั๋วหนูแพง ให้หนูเข้าเหอะ please...)

*บทเรียนที่ควรจำ คราวหน้าต้องพิมพ์ไปจองโรงแรมติดไปด้วย
 และเก็บไว้ในที่ที่หยิบได้สะดวก

เมื่อผ่าน ตม.มา สบายใจล่ะ แต่ยังมีภารกิจที่ต้องทำต่อใน สนามบินอีก

1. ต้องหาซื้อ JR Kanto Pass ที่ JR East Service Center

อันนี้ไม่มีปัญหา Kanto Pass สามารถเดินไปซื้อได้เลยทันที

ปัญหาอยู่ที่ JR East อยู่ตรงไหน ?

เดินไปสอบถามตรง information 
เจ้าหน้าที่ทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็ตอบด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นว่า
ให้เราลงบันไดลงไปชั้นล่างสุดจ๊ะ

และที่สุดปลายบันไดเลื่อนก็จะมีคุณป้าญี่ปุ่นที่แต่งตัวเหมือนแม่บ้าน
คอยบอกทุกคนที่ลงบันไดเลื่อนว่า

"ขอบคุณมากค่ะ" 
"ระวังกระเป๋านะคะ"
(โปรดทำเสียงและท่าทางนอบน้อมแบบคนญี่ปุ่น)

 เป็นเรื่องเล็กน้อยที่สร้างความประทับใจได้จริงๆ
(แม้ตอนหลังเราจะขึ้นลง 2-3 รอบ จนคุณป้าแค่ยิ้มๆ แทนล่ะ Smiley)

เมื่อลงบันไดมาชั้นล่างสุดก็จะเป็นโซนรถไฟออกจากสนามบิน
ข้างๆ มี JR Service Center ที่มีคนต่อแถวยาวเฟื้อยรออยู่

JR Kanto  Area Pass ราคา ใบละ 8300 เยน
ต้องระบุวันที่ใช้และต้องใช้ติดต่อกัน 3 วัน

หน้าตาก็จะเป็นกระดาษมี 4 หน้า


แล้วก็มีรายละเอียดพวกการใช้งานและแผนที่เส้นทางที่ใช้คันโตพาสได้

ตัวบัตรด้านนี้คือด้านที่เราต้องโชว์ จนท.


พอได้ Kanto Pass แล้วก็จองที่นั่ง JR ไปเลยที่นี่ก็ได้ สะดวกดี
เพื่อความรวดเร็ว (ต่อตนเองและผู้ที่ต่อคิวด้านหลัง) 
เราว่าน่าจะทำโน้ตจด วันที่ เวลา และสถานีต้นทาง-ปลายทาง ยื่นให้ จนท.เลย



หน้าตาบัตรจอง JR จะมีกี่สิบเที่ยว จนท.ไม่ว่า
เอากันเต็มที่เลยจ้า

นอกจากบัตรเบ่ง JR แล้ว
ยังสามารถหาซื้อบัตรสารพัดประโยชน์อย่าง Suica ได้ที่นี่อีกด้วย
(ที่จริงเราแอบปันใจไปให้ความน่ารักของบัตร passmo มากกว่าหน่อยนึง 
แต่เพื่อความสะดวกเลยซื้อเจ้าเพนกวินซุยกะที่นี่เลย)

บัตร Suica ราคา 2,000 ¥ แบ่งเป็นค่ามัดจำ 500¥
 และใช้ได้จริง 1500¥ 



เอาไว้สำหรับขึ้นรถไฟ จ่ายเงินร้านสะดวกซื้อ
หรือจ่ายเงินที่ตู้กดน้ำก็ได้ (เพราะบางทีเราไม่มีเหรียญพอก็สะดวกดีนะ)


2. ไปไปรษณีย์เพื่อไปรับซิมมือถือที่สั่งซื้อเอาไว้

ถึงที่พักเราจะมี pocket wi-fi ให้ใช้ฟรีๆ ตลอดการเดินทาง
แต่เราก็ยังคิดว่ามีอินเตอร์เน็ตเผื่อไว้บ้างก็น่าจะดี
 เลยซื้อซิมของ b-mobile ติดไว้ด้วย
เราเลือกแบบใช้งานได้ 1 GB 
สั่งซื้อทางเน็ตแล้วไปรับที่ไปรษณีย์ที่สนามบินได้เลย
หรือบางคนจะให้ส่งไปที่ โรงแรมก็ได้แล้วแต่สะดวก
ไปรษณีย์ที่สนามบินนาริตะเทอร์มินอล 2 อยู่ชั้น 3 ชั้นเดียวกับเคาร์เตอร์เช็คอิน

3. หาเคาเตอร์ที่ขายบัตร Tokyo Metro & Toei Subway pass

หน้าตาแบบนี้ 


แต่หลังจากเดินขึ้น-ลง อยู่หลายรอบก็ไม่รู้ว่าจะซื้อที่ไหน
เลยตัดใจ ไว้ไปซื้อ 1 day pass เอาก็ได้ (แม้อันนี้จะถูกกว่า Smiley)
ใครรู้ว่าซื้อที่ไหนบอกพิกัดเค้าหน่อยนะ 

หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจในสนามบินเสร็จ
ก็ถึงเวลาเข้าที่พักกันเสียที

ที่พักของเราไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง แต่อยู่ในย่านชานเมืองหน่อย
สามารถไปได้ด้วยรถไฟสาย Keisei
 หรือก็คือสายเดียวกับทางไปสนามบินเนี่ยแหละ

ดังนั้นไม่น่าจะยาก แต่เราก็นั่งผิดสาย โธ่!
คือเราควรจะต้องนั่ง sky-access 
แล้วเราก็จำแต่ sky นี่แหละ 
ผลคือ ข้าพเจ้าดันไปนั่งสาย Skyliner จ้า
(Skyliner คือรถไฟด่วน จอดแค่ 3 สถานีและมุ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองโตเกียว)

1.)  อิสกายไลเนอร์นี่ด้วยความเป็นรถด่วน มันจึงแพงที่สุด 
(ดีค่ะ หลงทั้งที หลงไปในเส้นที่แพงที่สุดเลยจ๊ะ)

2.) ยังไม่พอจ้า นอกจากนางจะหลงไปในรถที่แพงที่สุด 
นางยังหลงไปเข้าตู้จอง
ซึ่งอิตู้จองนี้ที่นั่งจะแพงกว่าปกติเป็นพันๆ เชียวจ้า
(ดีค่ะ  จะจ่ายแพงต้องจ่ายให้สุด)

ทีนี้เรารู้ตัวได้ว่าขึ้นรถไฟผิดเพราะเราไปนั่งที่นั่งจองของพ่อหนุ่มจี้ปุ่นคนนึงเข้า
เราเลยเอะใจว่า 
เอ....รถไฟธรรมดามันไม่มีตู้จองนะ
(ข้าพเจ้าเพิ่งสำนึก ณ ตอนนั้นเองว่า ผิดสายแหงๆ)

เลยถามพ่อหนุ่มจี้ปุ่นว่า
 นี่รถไฟสายสกายไลน์เนอร์ใช่มั้น (- คำตอบคือใช่)
แทบกรี๊ดเลยจ้า...

ทีนี้ต้องมาเปิดไกด์บุ๊คว่ารถไฟคันนี้จะไปจอดที่ไหน
สถานีที่จอดใกล้สุดคือ สถานี Nippori 
(ไว้ลงสถานีค่อยหาทางคลำไปที่พักเอา)

แต่ประเด็นที่กังวลตอนนั้นคือ
เรานั่งตู้จอง..

ตู้จองต้องมีตรวจตั๋ว
และตู้จองต้องแพง
และเราไม่ได้จอง เราจะโดนปรับไหมหว่า...
แล้วถ้าปรับต้องแพงแหงๆ เลย

โอ๊ย.. ตอนนั้นคือกังวลมาก (กลัวตังค์หมดก่อนวันอันควร )

 ที่จริงแล้ว ระหว่างตู้จะมีประตูที่สามารถเปิดไปตู้อื่นได้
แต่ตอนนั้นเราคิดว่าประตูตู้จองนี่มันต้องล็อคและเปิดออกไม่ได้แน่ๆ 
(ความจริงคือ ประตูเปิดได้ และง่ายมาก
* อันนี้สำหรับคนที่ขึ้นผิดตู้ เราก็แค่เปิดประตูแล้วย้ายไปนั่งตู้ที่ถูกต้องแค่นั้นเองจ่ะ)

และแล้ว นายตรวจก็มา
เราเลยอธิบายว่า
นี่ ..เราใช้ Suica แล้วมันก็ให้เราเข้ามาได้
แล้วเราก็ขึ้นผิดสาย 
เราควรจะขึ้นสายสกายเอสเซสตะหาก
แล้วเราก็ไม่รู้ว่าตู้นี้เป็นตู้จอง

นายตรวจ (ผู้ที่น่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้มาเป็นร้อยๆ รอบ)
กล่าวด้วยร้อยยิ้มอันอารีว่า
"โอ...โอเคจ๊ะ รถไฟคันนี้จะสิ้นสุดที่ UENO 
ส่วนสถานีหน้าคือสถานี Nippori จะใช้เวลาราว 43 นาที
ส่วนตู้นี้เป็นตู้จอง ถ้าคุณจะนั่ง ก็แค่จ่ายค่าจองมา 1,230 เยนเท่านั้นเองจ๊ะ"



ติ๊ง!  เสียงในหัวดังเหมือนพบทางสว่าง
และแล้วปัญหาความกลุ้มใจที่นั่งรถไฟผิดสายและผิดตู้ก็แก้ไขได้ด้วยเงิน
ทุนนิยมจงเจริญ!Smiley

ถ้าไม่นับเรื่องที่นั่งผิดสาย ตู้นี้ก็ดีนะเป็นตู้จองที่นั่งสบายดี
มีที่เสียบสายชาร์ตแบตด้วย แถมเร็วอีกต่างหาก 
เหมาะกับคนที่พักใจกลางเมือง
เพราะถ้านั่งรถไฟธรรมดาก็ชั่วโมงกว่าแหน่ะ
ถ้าไม่ได้นั่งผิดสายเราก็คงไม่ได้ลองนั่งรถไฟแบบนี้หรอกเนอะ 


ที่สถานี Nippori ตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงกว่าๆ
แต่ท้องฟ้ามืดตื๋อ 



(รูปแรกที่ถ่ายที่แผ่นดินญี่ปุ่น ขณะต่อแถวหาทางกลับไปสถานีแถวที่พัก)

การกลับหาที่พักไม่ยากอย่างที่คิด เพราะยังไงก็ตามเราก็ยังอยู่ในเส้น Keisei

ที่สถานี Keisei-Tateishi อันเป็นสถานีเป้าหมาย
อากาศด้านนอกเย็นเฉียบ
พยากรณ์อากาศในมือถือบอกว่า 17 องศา 
(ซึ่งเราคิดในใจว่ามันต้องต่ำกว่านั้นแน่ๆ )

สถานีนี้น่าจะเรียกว่าเป็นชุมชนชานเมือง
คนส่วนใหญ่ก็กำลังปั่นจักรยานบ้าง เดินกลับบ้านบ้าง

เราก็ลากกระเป๋าไปตามแผนที่ ที่host ให้มา
เสียงล้อบดกับถนนดังจนเราเริ่มรู้สึกเกรงใจชาวบ้านเลยแฮะ

ผ่านศาลเจ้า โรงเรียนอนุบาล คลินิกเด็ก คลินิกหมอฟันสำหรับเด็ก (แถวนี้เป็นย่านเด็กรึ)

จนกระทั่งถึงประตูสีแดงอันเป็นที่พักของเราในคืนนี้
(ภาพประตูเอามาจากเว็บ airbnb)


สำหรับวันแรก เราตื่นเต้นมามากพอแล้ว
คืนนี้คงพักผ่อน เดินหาของกินแถวที่พัก
พรุ่งนี้ค่อยสำรวจเมืองโตเกียวกันต่อ
ติดตามได้ในตอนต่อไปนะจ๊ะ..



Create Date : 11 ธันวาคม 2557
Last Update : 17 ธันวาคม 2557 16:32:31 น. 4 comments
Counter : 1645 Pageviews.

 
ละเอียดดีจัง ขอตามเกบข้อมูลด้วยคนนะคะ

ชอบที่บอกเรื่องท่าทางนอบน้อมของเจ้าหน้าน่ะค่ะ

ชื่อของที่พักนี่ ดูเหมือนไม่ใช่ที่พักจริงๆแหละ ดีนะที่เอาไปจองไปยืนยันด้วย


โดย: กาบริเอล วันที่: 17 ธันวาคม 2557 เวลา:19:40:29 น.  

 
รออ่านอยู่นะคะ กับ ตม.นี่ตื่นเต้นทุกทีเวลาไปญี่ปุ่นเลยค่ะ


โดย: touch the sky วันที่: 19 ธันวาคม 2557 เวลา:15:01:30 น.  

 
เที่ยวกันสนุกเลย...
ไปแล้วก็อยากไปอีก ...


โดย: poongie วันที่: 19 ธันวาคม 2557 เวลา:17:51:37 น.  

 
ยังดีนะ รอดมาได้ ทั้งตม.ทั้งนั่งรถผิด แต่ก็ได้ประสบการณ์เพิ่มอะเน๊อะ อิอิ


โดย: FreakGirL วันที่: 30 ธันวาคม 2557 เวลา:12:56:53 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

จิตหลอน
Location :
น่าน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




นามแฝงจิตหลอนมีที่มาจาก วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาหลายปี แต่ก็ยังเรียนไม่จบเสียที และมีแนวโน้มว่าจะไม่จบง่ายๆ ซ้ำมีแววว่าถ้าเรียนจบแล้วก็คงจะไม่ใช้มันให้เกิดประโยชน์เป็นแน่แท้ ...

แม้สาวจิตหลอนดูท่าจะหลอนสมชื่อ เพราะ 3 วันดี 4 วันร้าย นิสัยบ้าๆ บอๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ปากร้าย ใจดี แต่งบางทีก็ไม่ชอบพูดกับใครเลย

ชอบศิลปะ รักวัฒนธรรม ดนตรี (ไม่ค่อยไหวเพราะหูเพี้ยน) ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ และท่องเที่ยว

แม้จะไม่มีเงินเดือนและงานทำเป็นของตนเอง อาศัยเกาะพ่อกับแม่กินและแอบริดรอนบางส่วนหย่อนเงินใส่กระปุกไว้ ก็พยายามจะท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ

อาชีพที่ใฝ่ฝัน - เป็นนักท่องเที่ยว - แต่ว่า นักท่องเที่ยวนี่ถือเ็ป็นอาชีพมั๊ยนะ *0*

New Comments
Friends' blogs
[Add จิตหลอน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.