หลวงพระบาง...เดินช้า (1)
สวัสดีจ้า มิตรรักแฟนเพลง (อ้าว..ไม่ใช่เหรอ)
งั้นก็..มิตรสหายชาวบล็อก ทั้งผู้ติดตาม ผู้อ่านผ่านๆ และผู้หลบอ่านอยู่มุมมืด
เราเพิ่งกลับมาจากหลวงพระบางแบบสดๆ ร้อนๆ เลยนะเนี่ย
....
เพราะมีคนบอกว่า เมืองหลวงพระบางเป็นเมืองที่มีจังหวะช้าๆ
พอเราก้าวขาลงจากเครื่องบินที่สนามบินหลวงพระบาง
เราก็เหมือนกับจะติดโรคจังหวะช้าๆ จากที่นี่แบบเฉียบพลัน
จากที่คิดเร็ว ทำเร็ว อยากไปเก็บที่ท่องเที่ยวให้หมด
เราก็เปลี่ยนเป็นเดินช้าๆ กินช้าๆ มองผู้คนรอบตัว
ไม่ต้องเก็บไฮไลต์ให้หมดก็ได้ แค่ได้มาเสพความชิลล์ของที่นี่ก็พอแล้ว
........
การเดินทางของเรา ถ้านับจริงๆ มันคงต้องมากกว่า 4 วัน 3 คืนแหละ
เราต้องเดินทางจากน่าน นั่งรถมาในคืนวันที่ 4 เวลา 19.00 น.
มาถึงศูนย์สมบัติทัวร์ตอนตี 4 ของเช้าวันที่ 5 กันยา จัดการล้างหน้าล้างตา แล้วนั่งแท็กซี่ไปสุวรรณภูมิ
ทรัพย์สมบัติทั้งหมด ตอนไปมีแค่ครึ่งกระเป๋า ขากลับกลับมา 4 ใบ (ปล. ไกด์บุ๊คของ สนพ.วงกลมใช้ดีนะ แต่ไม่มีแผนที่ให้)
คือแผนการเดินทางเราจะวกวนมาก เริ่มจากโปรฯ การบินไทย ไปอุดร
แต่ไม่อยากเที่ยวอุดรอ่ะ ไปลาวดีกว่า
แล้วก็ไม่อยากเที่ยวเวียงจันทน์อ่ะ ไปหลวงพระบางดีกว่า มันเลยเป็ุน
น่าน>สุวรรณภูมิ> อุดร> หนองคาย> เวียงจันทน์ > หลวงพระบาง> เวียงจันทน์> หนองคาย>อุดรธานี >สุวรรณภูมิ
อา.....แค่คิดก็เหนื่อยละ
เริ่มต้นกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่ได้ไปใช้บริการนานมากแล้ว ตั้งแต่แอร์เอเชียย้ายมาดอนเมือง ก็ไม่ได้ไปอีกเลย ช่วงตี 5 ครึ่ง คนเริ่มเยอะแล้ว
เราเช็คอินแล้วก็โหลดกระเป๋าก่อน จากนั้่นตอน 6 โมง จอยก็ตามมาเช็คอินรับบัตรทีหลัง ตอนจอยมาถึงตอน 6 โมง คนเยอะมาก ดังนั้นมาเช้าๆ หน่อยน่าจะดีกว่านะ
ครั้งนี้เป็นการขึ้นการบินไทยครั้งแรกของเราทั้งคู่ และเป็นการออกนอกประเทศของจอย
และถ้าไม่ได้ตั๋วโปร เราคงไม่บิน ฮ่าๆ
ราคาไป-กลับ กทม.> อุดรธานี 915 บาท เท่านั้นเอง
จะบอกว่าครั้งนี้เราป่วยก่อนไปอีกตะหาก
ก่อนหน้านี้ไปทำฟันแล้วเหงือกอักเสบ แล้วก็เจ็บคอ กินยาแก้อักเสบไปชุดนึง แล้วจากนั้นก็เป็นไข้ แ้ล้วก็ไอ คนที่บ้านก็เป็นห่วง เค้าก็ไม่อยากให้มา เห็นเราไม่เต็มร้อย
แต่ด้วยความอยากเที่ยวที่มีล้ำเหลือ ก็หาได้สนใจไม่ วันแรกเสียงอย่างเป็ดเลย แต่หลังจากนั้นแล้วก็ค่อยยังชั่วขึ้น
การท่องเที่ยวคือยาวิเศษจริงๆ นะ
ตอนเช้าๆ อากาศยังดีอยู่ พอเครื่องจะขึ้น ฝนตกซะงั้น เอาละสิ เที่ยวหน้าฝนก็งี้ จอยภาวนาให้ฝนที่อุดรไม่ตก
นั่งครั้งนี้บินกับ Thai Smile แจกเป็นของว่างกับน้ำในถุง ซึ่งถุงนี้มีประโยชน์ในการเที่ยวของเรามาก กันน้ำได้เป็นอย่างดี
และแล้ว คำภาวนาของจอยก็ไม่สัมฤทธิ์ผล ฝนกระหน่ำตก ที่อุดรไม่แพ้ที่สุวรรณภูมิเลยทีเดียว
จากที่นี่มีรถแวนไปส่งถึงด่านเลย ราคาคนละ 200 บาท ของอุดรแก้วทัวร์
พอถึงด่านก็ทำพิธีการข้ามด่านไทย ตรงด่านไทยไม่มีปัญหาอะไร ลุงคนที่ใส่เสื้อสีส้มๆ จะเป็นคนแจกใบ immigration ให้เราเอามากรอกเอง
(จอยกับการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเธอ)
พอผ่าน ตม. เสร็จก็จะมีรถบัสสำหรับข้ามสะพาน ราคาคนละ 15 บาท ถ้ารถยังไม่มาก็นั่งรอไปก่อน พอรถมา เค้าก็จะปล่อยให้เราไปขึ้นรถ
แล้วรถก็จะมาส่งเราที่ด่านฝั่งลาว ทีนี้ละงง
คือเราต้องหาใบ immigration ของด่านลาวให้ได้ ซึ่งมันจะต้องไปต่อแถวเอากับ ตม. แล้วก็เอามากรอก แล้วค่อยไปต่อแถวทำเรื่องผ่านแดน
ทีนี้จะแค่่ผ่านแดนเฉยๆ ไม่ได้ เราต้องเสียค่าผ่านแดนด้วย ให้มองหาตู้ลักษณะนี้
จ่ายเป็นเงินไทย 5 บาท หรือจะเงินกีบก็ได้ราคา 1000 กีบ (อันนี้จ่ายเป็นเงินกีบจะได้ถูกกว่า)
ตรงนี้มีที่แลกเงินด้วย เราแลกมาคนละ 2500 บาท แต่ในหลวงพระบางก็มีร้านแลกเงินเยอะแยะ เรทดีกว่าที่นี่นิดหน่อย
พอจ่ายเงินเสร็จจะได้การ์ดหน้าตาแบบนี้มา
เอาไว้ไปสอดกับเครื่องกัน (หน้าตาเหมือนเครื่องกั้น BTS) ถึงจะ่ผ่านไปด่านไปได้ ไฮโซววววว
ทีนี้หลังเครื่องกั้นที่เห็นลิบๆ นั่นก็จะมีพวกรถรับจ้างคอยบริการไปส่งเวียงจันทน์ แต่เราเลือกจะไปรถบัสไปลง บขส. ก็มองหารถบัสสีเขียวๆ หรือถามเค้าก็ได้ เ้ค้าก็จะชี้ๆ บอกทางเราดีๆ นี่แหละ
(แต่ก็มีบางคนแอบหลอกว่า รถออกไปแล้วต้องรออีกนานนะเหมือนกัน แต่เราก็เห็นว่ารถจอดอยู่ ถ้ามั่นใจก็เดินไปที่รถได้เลย)
ราคาค่าโดยสารคนละ 25 บาท หรือ 6000 กีบ
มีเอ็มวีให้ดูด้วย แล้วฉากหลังในเอ็มวีนี่คือสถานที่เด่นๆ ในเวียงจันทน์ทั้งนั้นเลยนะ
ททท. นี่ควรจะหัดเอาเป็นเยี่ยงอย่างบ้าง เป็นการต้อนรับและแนะนำประเทศได้เริ่ด
สุดสายที่ บขส.หรือตลาดเช้า
ที่ บขส. เราซื้อซิมของ M Phone ไว้ต่อออนไลน์กัน ราคาเบอร์ละ 120 บาท จะมีดาต้าให้เล่นฟรี 200 MB แต่ไม่มีไมโครซิมของไอโฟน ทางร้านมีบริการตัดให้ ซึ่งก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี ต้องไปเสียเงินเปลียนซิมที่ลาวเทเลคอมอีก 10,000 กีบ
จากบขส.ไปลาวเทเลคอม คนขับรถคิดคนละ 80 บาท ตอนแรกว่าจะให้ไปส่งสนามบินด้วย แต่คิดราคาคนละ 300 แหน่ะ แพงไปไม่เอา เลยต่อราคามาได้เหลือคนละ 100 บาท และสุดท้ายจบที่ 80 บาท แต่เราว่า มันใกล้มากเลยนะ แค่ 50 บาทก็น่าจะพอแล้วละ สุดท้ายก็จ่ายไป 80 บาท หรือ 40,000 กีบ
พนักงานที่ลาวเทเลคอมช่วยเหลือดี๊...ดี น่ารักด้วย เว้าลาวก็ม่วน จอยบอกชอบภาษาลาวมากกกกกก
จากลาวเทเลคอม เดินไปออกประตูหลัง แล้วก็เดินต่อไปอีกนิด ก็จะถึงเฝอแซบ เห็นเค้าว่าอร่อย เราก็ไปชิมบ้าง ถามว่าอร่อยมั้ย.....
เราก็ว่ารสชาติใช้ได้นะ คือมาต่างบ้านต่างเมือง ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ไปกินอันนี้ก็ได้ คืออร่อยในระดับมาตรฐาน มื้อนี้ เฝอ 2 ชาม น้ำผลไม้ปั่นคนละแก้ว หมดไป 60,000 กีบ
กินเฝอหมด หารถไปสนามบนวัดไต ต้องเดินไปขึ้นหน้าลาวเทเลคอมนู่น
ขณะกางร่มรอริมถนน ก็มีรถกะป้อมาเทียบท่า เขาบอกราคามา 2 คน 50,000 กีบ เราก็ว่าโอเค มาคิดอีกทีมันก็ คนละ 100 เลยนี่หว่า แต่สนามบินก็ไกลอยู่นะ...
ด้านในเหมือนที่รอ บขส. บ้านเราเลย
ก็ไปเช็คอินเคาร์เตอร์สายการบิน Lao Central Airline
ได้ตั๋วเป็นตั๋วกระดาษเหมือนแอร์เอเชียเลย และสายการบินนี้ก็เป็นโลคอส แต่เป็นโลคอสที่โหลดกระเป๋าฟรี มีน้ำกับแซนวิชให้กินบนเครื่อง
เอาล่ะ...ได้เวลาขึ้นเครื่อง ณ จุดนี้ ฝนก็ัยังไม่หยุดตก
ผู้โดยสารก็เลยได้รับแจกร่มคนละคัน เดินไปขึ้นเครื่องเลยจ้า
เอาล่ะ...เจอกันบล็อกหน้าที่หลวงพระบางนะทุกคน .... สำหรับวันนี้ จบกันดื้อๆ แบบนี้เลย สวัสดีจ้า
Create Date : 11 กันยายน 2556 |
Last Update : 12 กันยายน 2556 11:54:30 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1535 Pageviews. |
|
|