Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
child center ดีหรือไม่อย่างไร

child center ดีหรือไม่อย่างไร   (จากมุมมองส่วนตัวและเหตุการณฺ์ส่วนตัว)

       เคยได้ยินอาจารย์พูดถึงการเรียนการสอนของอ.ที่เรียนที่ต่างประเทศว่า จะเน้นเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครู – ลูกศิษย์อยู่ตลอดเวลา หรือกระตุ้นให้คิด เพื่อหาคำตอบ    และอาจารย์ก็เล่าว่าบรรยากาศที่อาจารย์เรียนมาจากต่างประเทศ นร.แย่งกันตอบ และมักให้ นร. ได้ไปค้นคว้ากลับมา present ในเรื่องต่าง ๆ มากมาย การที่ตัว อ.เองไม่ตอบ ไม่แสดงออก กลับเป็นเรื่องที่ถูกตำหนิจากเพื่อนร่วมชั้นว่า ไม่มีมันสมอง หรือไม่ช่วยให้เกิดการเรียนการสอนที่ดี    อ.จึงต้องปรับตัวใหม่ หลังจากจบการศึกษาจากต่างประเทศ  ได้มาสอนในสถาบันในประเทศไทย ที่ถามอะไร นักศึกษาก็จะเงียบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของนักเรียนไทย 

ต่อมา อ. ได้ไปพบนักเรียนที่มีความกระตือรือร้น ชอบซักถาม มีปฏิสัมพันธ์กับอาจารย์อยู่ตลอดเวลา    อาจารย์ชอบมากที่มีลูกศิษย์อย่างนี้ 

แต่ต่อมา อ.เล่าว่า ลูกศิษย์ คนนั้นได้ร้องไห้ไปหาอาจารย์ อ. เล่าค้างไว้เท่านี้แล้วให้พวกเราทายว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ทำไมลูกศิษย์ที่ชอบซักถามถึงได้ร้องไห้ ดิฉันก็นึกทายอยู่ในใจว่า   เพื่อนร่วมชั้นเรียนคงไม่พอใจที่นักเรียนคนนั้นซักถามอยู่ตลอดเวลา 

ทำไมฉันถึงได้ทายแบบนี้ เพราะฉันเองก็รู้สึกอย่างนั้น ในการเรียนการสอนปริญญาโทที่ห้องเรียนของฉัน มักจะมีคนถามอาจารย์ออกไปนอกเรื่องบ่อย ๆ ทำให้ฉันรู้สึกว่าความรู้ที่ฉันจะได้รับจากอาจารย์มันถูกจำกัดด้วยเวลาหรือเสียไปกับคำถามที่นอกเรื่อง 

ดิฉันคิดว่าอาจารย์เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสิ่งที่อาจารย์จะมาสอนในขณะนี้ได้ดีกว่าคนทุกคน จึงน่าจะตักตวงความรู้จากอาจารย์ให้มากที่สุด เพราะท่านมีประสบการณ์ต่างๆ มากมายที่เราสามารถเรียนลัดจากท่าน (ดิฉันไม่ได้หมายความว่าจะถามอะไรไม่ได้เลย เพราะหากดิฉันไม่เข้าใจอะไรจริง ๆ ก็จะยกมือถาม และพยายามมีส่วนร่วมให้มากที่สุด  ดิฉันไม่ได้คิดสุดโต่งจนเกินไป และก็นับถือความรู้ความสามารถของเพื่อน ๆ ที่มาจากหลากหลาย 

เพราะฉะนั้นในบางเรื่องจึงยอมรับได้จากการที่เขาแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกับอาจารย์เพราะเขาได้สัมผัสจริงและบางเรื่องก็อาจพูดได้ว่ารู้ดีกว่าอาจารย์ เพราะคนทุกคนคงไม่สามารถเก่งไปได้ทุกเรื่องหรือรู้ไปหมดทุกอย่าง ) 

แต่คงพูดในกรณีที่ถามคำถามไร้สาระจนเกินไป ก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าเสียเวลาตักตวงความรู้ แต่ก็ไม่เคยไปห้ามเขา เพราะคิดว่านี่มันเป็นสีสันของห้องเรียน เป็นอะไรที่สะท้อนบอกตัวเองว่าอย่าถามคำถามที่งี่เง่า หรือไร้สาระจนเกินไป เพราะอาจมีเพื่อนที่เขาไม่ชอบ   เหมือนอย่างที่เราเป็นก็ได้ 

เพราะฉะนั้นเมื่ออาจารย์ให้ทายว่าทำไมคนที่ช่างซักถามถึงได้ร้องไห้มาหา 
ดิฉันถึงได้ทายไปทำนองนี้     ซึ่งคำตอบก็ออกมาจริง 

อาจารย์บอกว่าลูกศิษย์ร้องไห้มาเล่าให้ฟังว่าต่อไปผมคงใม่กล้าซักถามอะไร 
อีกแล้วเพราะเพื่อนๆ ไม่พอใจและแอบไปซุบซิบนินทารับไม่ได้กับการช่างซักถามของเขา 

ซึ่งดิฉันฟัง อ. เล่า ก็คิดว่าน่าจะจริง เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ นร. คนนั้นก็คงคิดแบบเดียวกับที่ดิฉันคิด 

แต่ประเด็นคงอยู่ที่ว่า  ซักถามอะไร นอกประเด็นหรือเปล่า ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ก็ถูกบันทึกลงในใจฉันอยู่ตลอดเวลาว่าวัฒนธรรมการเรียนการสอนมันต่างกัน 
บางเรื่องที่ อ. คิดว่าดีที่ลูกศิษย์มาแจมความคิดเห็นน่าจะดีกว่าพูดคนเดียวเป็นไหน ๆ  แต่มันคงเหมาะกับบรรยากาศของการที่มีผู้รู้มีความสามารถเท่า ๆ กันมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หรือที่เรียกกันว่ามาระดมสมอง ซึ่งมันจะได้ความรู้ใหม่ หรือเป็นความรู้เพิ่มเติมขึ้นมา แทนที่จะรับฟังจากอาจารย์คนเดียว 

แต่ดิฉันอยากจะแย้งหรือให้ความเห็นว่าในขณะนี้เรื่องที่เราจะเรียนเป็นสิ่งที่อ. น่าจะเป็นผู้รู้ดีที่สุด วิธีให้ระดมสมองคงไม่ใช่วิธีที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอ. จะมาเล็คเชอร์อย่างเดียว ซึ่งคงขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเรียน และระดับชั้นของการเรียนรู้ 

ยกตัวอย่างที่ดิฉันอยากให้ข้อคิดเห็นว่ากระแสของการให้นักเรียนมีส่วนร่วมมาแรง ต้น ชม. อ. ก็จะเกร่นนำเข้าสู่บทเรียนแล้วพูดในสิ่งที่เรียนนิดหนึ่ง หลังจากนั้นก็ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มระดมสมองในสิ่งที่ อ. สอนเมื่อต้น ชม . เด็ก ๆ ถูกแบ่งกลุ่มพูดกันไปพูดกันมาแล้วก็มีคนจดบันทึก แล้วก็ให้ นร. มาpresent ซึ่งใช้เวลาระยะหนึ่ง ผิดบ้างถูกบ้างไม่รู้ใครรู้ ฟังอย่างเดียว หรือห่วงอยู่กับการเตรียมตัวออกมาพูด เพราะภูมิรู้คงไม่ต่างกันมาก ยกเว้นในกลุ่มที่มีพวก IQ สูงมาก ๆ ก็พอที่จะเป็นความหวังของเพื่อน ๆ    เหลือเวลาอีกนิดก็ให้อ. สรุปในเรื่องที่อ . สอน 

ซึ่งดิฉันคิดเองในตอนนี้ว่า เวลาที่จะได้เรียนรู้จากอ. ถูกทำให้สั้นลงด้วยกระบวนการดังกล่าว การใช้กระบวนการChild center คงต้องขึ้นอยู่กับเนื้อหาวิชา และการวางแผนการสอนของครูว่าเหมาะสม ถูกต้อง เพียงไร รวมทั้งการเพิ่มเนื้อหาในส่วนที่เด็กอาจขาดหายไป  หรือมักจะเจอบ่อยในการจัดประชุมสัมมนา ที่แบบระดมความคิดที่ไร  เสียเวลาไป 1-2 ชม. ผลอกมาแบบ
      เอ๊ ....  ฉันคนเดียวก็คิดได้แบบนี้  นี่มันระดมสมอง  ทำไมมันไม่ได้มากกว่านี่ หว่า  

                ... เลยไม่รู้ว่าระบบนี้มันผิดปกติ หรือว่า ฉันผิดปกติ หว่า

** ระบบนี้  คงหมายถึง สังคมที่ฉันอยู่ มากกว่า ที่จะหมายความระบบ child center   
            คำตอบข้างบน    คือ หลักการมันดีอยู่แล้ว แต่ดูบริบทแบบไทยๆ ด้วย  



Create Date : 01 มิถุนายน 2555
Last Update : 1 มิถุนายน 2555 10:53:21 น. 0 comments
Counter : 1484 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเก็ต-ป่าตอง
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




ข้าเจ้าเป็นสาวภูเก็ต แต้ๆ กะเจ้า

Friends' blogs
[Add ภูเก็ต-ป่าตอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.