Bloggang.com : ภูเก็ต-ป่าตอง : ระบบเตือนภัยกับความปลอดภัยของเยาวชนไทย

ระบบเตือนภัยกับความปลอดภัยของเยาวชนไทย

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ ''คลื่นยักษ์สึนามิ'' พัดถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ของประเทศเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547
ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ที่สถานศึกษาปิด เกิดความสูญเสียต่อชีวิตของนักเรียนไทยไปเป็นจำนวนหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม มีคำถามว่าหากคลื่นยักษ์นี้ได้เกิดขึ้นในวันที่สถานศึกษาเปิดทำการเรียนการสอน จะสร้างความเสียหายต่อชีวิตนักเรียนเป็นจำนวนเท่าใด
หาดป่าตองเป็นพื้นที่หนึ่งในจังหวัดภูเก็ตที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ โดยมีสถานศึกษาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงศึกษาธิการ 2 แห่งคือ โรงเรียนบ้านกะหลิม ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากเป็นโรงเรียนขนาดเล็กอยู่ติดหาด
และโรงเรียนบ้านไสน้ำเย็น เป็นอีกโรงเรียนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์อีกครั้ง และเมื่อนับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์จนถึง ณ วันนี้ เป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือน เราจึงควรมาทบทวนการป้องกันหรือมาตรการต่าง ๆ ที่ต้องมีขึ้นเพื่อความปลอดภัยของเยาวชนไทยที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป ว่าในเขตพื้นที่ป่าตองได้มีระบบป้องกันภัยธรรมชาติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง

สำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ 10 ตระหนักถึงความสุญเสียและรู้สึกเสียใจในเหตุการณ์ดังกล่าว จึงขอเป็นตัวแทนหน่วยงานต่างๆ
เพื่อเป็นกระบอกเสียงรายงานข้อมูลระบบเตือนภัยต่างๆ ที่มีขึ้น เพื่อให้เยาวชนไทยมีความมั่นใจไม่รู้สึกกังวลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สามารถใช้ชีวิตในห้องเรียนได้อย่างมีความสุข เพื่อให้ได้เด็กเก่ง ดี มีความสุข ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ

ผู้เขียนจึงได้เดินทางไปที ่โรงเรียนบ้านกะหลิมเพื่อหาข้อมูลและได้พบกับผู้ปกครองกลุ่มหนึ่งที่มักใช้มุมส่วนหนึ่งของโรงเรียนเป็นที่พบปะพูดคุย
พร้อมกับการเป็นหูเป็นตาให้กับโรงเรียนในการระวังภัยอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งหัวข้อการสนทนาคงไม่พ้นเกี่ยวกับเรื่องคลื่นยักษ์ และระบบป้องกันต่างๆ ซึ่งคงเป็นหัวข้อยอดฮิตของคนในพื้นที่ป่าตองในขณะนี้
ได้ความว่าพึ่งมีการทดสอบสัญญาณของหอเตือนภัยเมื่อวานนี้ และให้คำแนะนำว่าเทศบาลเมืองป่าตองควรมีการประชาสัมพันธ์เป็นภาษาต่างประเทศด้วย
เนื่องจากมีชาวต่างชาติเกิดอาการสงสัยกับเสียงเตือนดังกล่าว และเมื่อถามถึงลูกหลานของท่านว่ายังมีความกังวลกับเรื่องคลื่นยักษ์อยู่หรือไม่
คำตอบคือไม่ เด็ก ๆ ที่นี้ไม่ได้กลัวเรื่องคลื่นยักษ์ เด็กๆ ได้รับรู้ถึงระบบเตือนภัยจากคุณครู และจากการประชาสัมพันธ์ของสื่อต่างๆ รวมถึงการมีเครื่องกระจายเสียงและไซเรนเตือนภัยที่ติดตั้งอยู่หน้าโรงเรียน ที่เทศบาลเมืองป่าตองใช้กระจายเสียงให้ข่าวสารต่างๆ ทำให้นักเรียนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ อย่างทั่วถึง เด็ก ๆ ที่นี้จึงไม่มีความกังวลใจเรื่องคลื่นยักษ์อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนจากกันยังมีเสียงผู้ปกครองตอบมาว่า ''ที่เป็นกังวลคงเป็นเรื่องปากท้องมากกว่า เพราะหลังจากมีข่าวว่าจะมาอีกลูกก็ไม่มีชาวต่างชาติเลย''
ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาครัฐและเอกชนคงต้องร่วมกันแก้ปัญหากันต่อไป เมื่อออกมาจากโรงเรียนสัก 100 เมตรก็พบอุปกรณ์รับสัญญาณเตือนภัยตั้งอยู่บนดาดฟ้า
โรงแรมซันเซท ทำให้มั่นใจได้ว่าชุมชนบริเวณนี้ต้องได้รับสัญญาณอย่างทั่วถึงแน่นอน ขับออกมาถึงบริเวณศาลาหกเหลี่ยม จนถึงสนามเด็กเล่น พบฝูงชนมากมาย เพราะเป็นสถานที่ใช้พักผ่อน และเป็นที่ทำมาหากินสำหรับหาบเร่ นวดและอื่น ๆ เด็ก ๆ จำนวนหนึ่งเดินเล่นอยู่ในสนาม พบหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล เห็นกลุ่มชายหนุ่มร่างกายแข็งแรงกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่กลุ่มใหญ่ เอ้…เขาทำอะไรกันหว่า ว่าแล้วก็คงต้องเข้าไปถามสักหน่อย เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งได้สละเวลาพูดคุยกับเราว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลได้พึ่งเข้ามาจัดตั้งอยู่ ณ ที่นี้ และจัดเปิดเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ ซึ่งต่อไปคงจะมีการประชาสัมพันธ ์บทบาทหน้าที่ของหน่วยงานมากกว่านี้เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้มาท่องเที่ยว ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ประมาณ 20 คน ผลัดกันเข้าเวรยามเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ภายในสำนักงานมีอุปกรณ์การสื่อสารที่ทันสมัย มีเรือยางและเรือเร็วพร้อมใช้ได้ตลอดเวลา ซึ่งคงไม่ใช่แค่เรื่องของการรับภัยที่จะเกิดจากคลื่นยักษ์สึนามิแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการให้ความช่วยเหลือทางด้านภัยทางทะเลทุก ๆ อย่างที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งการให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และยังบอกกับเราอีกว่านอกจากหน่วยงานของเขาแล้วที่บริเวณชายหาดยังมีเจ้าหน้าที่บีชการ์ดจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้มาท่องเที่ยวหาดป่าตอง ซึ่งต่อไปคงจะมีการประสานความร่วมมือกับทุก ๆ ฝ่าย จะมีการซักซ้อมเกี่ยวกับการอพยพคนจากชายหาดไปสู่ที่ปลอดภัย จะทำกันอย่างไร แล้วก็ชี้ให้เราดูหอเตือนภัยที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 3 จุด ซึ่งอยู่บริเวณกลาดหาด บนหอคอยมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ขับรถออกไปสุดปลายหาดก็พบอุปกรณ์รับสัญญานเตือนภัยจุดที่สามตั้งอยู่บนดาดฟ้าโรงแรมป่าตองซีวิว ซึ่งทั้งสามจุดสามารถคลอบคลุมทั่วบริเวณชายหาดป่าตอง แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของระบบเตือนภัย ผู้ที่จะให้ความชัดเจนที่ดีที่สุดควรจะเป็นเทศบาลเมืองป่าตอง จึงควรเข้าไปถามเจ้าของพื้นที่เพื่อความครบถ้วนของข้อมูล และได้พบกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาวสวยของเทศบาลเมืองป่าตอง ได้ให้ข้อมูลกับเราว่า ณ เวลานี้ทางเทศบาลป่าตองได้กำลังประชุมหารือกันเกี่ยวกับการกำหนดจุดที่ปลอดภัยในการหนีภัยและเส้นทางหนีภัยที่ โรงแรมเมโทรโพล ระบบเตือนภัย ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปต่างๆ ตามมามากมาย แต่อย่างไรก็ตามในส่วนที่มีการดำเนินการไปแล้ว
ได้สรุปให้ฟังดังนี้

1. หอเตือนภัย จากบริษัท เซอคอม จำกัด ประเทศเยอรมัน ซึ่งได้ทำการติดตั้งเป็น จำนวน 3 จุด คลอบคลุมทั่วทั้งหาดป่าตอง สำหรับระบบเสียงของหอเตือนภัย มีรัศมีกระจายเสียงได้ 1.5 กิโลเมตร โดยหอเตือนภัยดังกล่าวจะรับสัญญาณเตือนภัยผ่านระบบดาวเทียมจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห ่งชาติที่กรุงเทพ ฯ หลังจากนั้นจะกระจายเสียงป็นหวอให้ประชาชนได้รับทราบโดยไม่ต้องมีคนเฝ้าหอ โดยหอดังกล่าวจะทยอยติดตั้งในฝั่งทะเลอันดามันทั้ง 6 จังหวัด ซึ่งมีทั้งหมด 35 หอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งในพื้นที่เสี่ยงภัยและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในฝั่งทะเลอันดามัน
2. เครื่องกระจายเสียงและไซเรนเตือนภัยไร้สายอัตโนมัต ซึ่ง บริษัทยู. เอ.ไทย อินดัสทรี จำกัด โดยคุณสุรินทร์ อร่ามเจริญ (กรรมการผู้จัดการ) เป็นผู้มอบให้ จำนวน 1 ชุด มุลค่า 559,000 บาท และได้ทำการติดตั้ง จำนวน 7 จุด คือ หนึ่งที่หน้าโรงเรียนบ้านกะหลิม สองสามแยกสวนสาธารณะโลมา สามหน้าธนาคารเอเซีย สี่สามแยกไสน้ำเย็น ห้าหน้าบ้านกำนันระพิน หกหน้าโรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงก์ เจ็ดสามแยกซีเพิร์ล ซึ่งนอกจากเป็นเสียงไซเรนเตือนภัยที่จัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ 24 ชั่วโมงเแล้ว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ใช้เครื่องดังกล่าวเป็นที่แจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยดำเนินการออกอากาศเพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นประจำ 3 เวลา เช้า กลางวัน บ่าย (เว้นวันหยุดราชการและวันนักขตฤกษ์)

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ได้แจ้งให้เราทราบว่า ในวันที่ 29 เมษายน 2548 จะมีการซ้อมหนีภัย "'พี่มาดูซิพี่จะได้เห็นแล้วมีเรื่องเอาไปเขียนงัย "' ซึ่งเราก็รับปากว่าเราจะมา เพราะสุภาษิตว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น คงจะใช่ได้ในงานนี้ การได้มาเห็นกับตาในระบบเตือนภัยในวันนี้ ทำให้เรามีความมั่นใจ และกล้าที่จะประชาสัมพันธ์ว่า ป่าตองในวันนี้ ปลอดภัยดีแล้วครับท่าน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของเยาวชนไทย ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไปในอนาคต

-----------------------------------------

Create Date : 23 มกราคม 2550

Last Update : 11 พฤศจิกายน 2553 9:05:18 น.

1 comments

Counter : 868 Pageviews.

ดีจังเลยค่ะ....แวะมาทักทายน่ะค่ะ

โดย: tai (taibangplee

) วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:11:08:39 น.