Since Jan 15, 2009
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
21 มกราคม 2555

Nothing 16 Vehicle

เทคนิคง่าย ๆ ที่หลายคนชอบทำผิด…อยากให้ ‘แอร์รถ’ เย็น ไม่เหม็นอับ ต้องทำไงบ้าง

เวลาโดยสารรถยนต์ การเปิดเครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งเป็นเมืองไทยด้วยแล้ว การมีเครื่องปรับอากาศในรถยนต์เย็น ๆ นั้นถือเป็นสิ่งดีกว่าเป็นไหน ๆ แต่การจะดูแลให้ระบบแอร์ในรถยนต์ทำงานได้ดีตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากไม่ใช่เล่น ยิ่งรถคันไหนต้องใช้งานอย่างหนักหน่วงทุกวัน โอกาสที่ระบบปรับอากาศจะพังเร็วกว่าก็มีมากกว่าแน่นอน วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะมาเรียนรู้วิธีการทำให้แอร์ในรถเย็นฉ่ำ ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ หรือใช้งานได้นานที่สุดกัน ที่นำเสนอโดย "ช่างเอก" บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันได้เลยค่ะระบบปรับอากาศในรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ และมีผลต่อระบบการหายใจของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างสูง เนื่องจากพวกเขาต้องสูดดมอากาศที่ไหลเวียนผ่านระบบแอร์ภายในรถยนต์อยู่ตลอดเวลา หากระบบแอร์ไม่สะอาด โอกาสที่พวกเขาจะได้รับ ‘เชื้อโรค’ ก็เป็นไปได้สูง การทราบวิธีดูแลระบบแอร์รถยนต์อย่างถูกต้อง จึงมีผลต่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณเอง รวมทั้งยังยืดอายุให้แก่ระบบแอร์ให้ทนทาน สามารถอยู่คู่กับรถยนต์ของคุณไปได้อีกนานแสนนานด้วยAdvertisementวิธียืดอายุระบบปรับอากาศในรถยนต์

1. ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรปิดสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ ( A/C) ก่อนทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์เป็นตัวฉุดกำลังขณะสตาร์ทรถยนต์นั่นเอง

2. เปิดแอร์โดยใช้ความเร็วพัดลมสูงก่อนเมื่อสตาร์ทและวอร์มอัพจนเครื่องยนต์อยู่ในอุณภูมิที่พร้อมใช้ ควรเปิดแอร์โดยใช้ความเร็วพัดลมสูงก่อน เพื่อเป็นการไล่ความร้อนในระบบแอร์ จากนั้นจึงเปิดสวิตช์ A/C และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพอากาศขณะนั้น

3. ใช้วิธีปรับอุณหภูมิสูงขึ้น แทนการหันช่องแอร์หนีหากรู้สึกว่าอุณหภูมิเย็นเกินไป ให้ปรับอุณหภูมิสูงขึ้น แทนการใช้วิธีหันช่องแอร์หนี เพราะการกระทำแบบนี้จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น

4. ปิดก่อนถึงปลายทางก่อนถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 5 - 10นาที ให้ปิดสวิตซ์ A/C และเปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุดแทน ทั้งนี้ก็เพื่อลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์ และทำเพื่อไล่ความชื้นออกจากคอล์ยเย็นไม่ให้เกิดการสะสมจนเกิดเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดกลิ่นอับ เมื่อถึงที่หมายจึงค่อยปิดพัดลมแล้วดับรถยนต์

5. ไม่ควรใช้น้ำหอมชนิดที่มีแอลกอฮอล์ไม่ควรนำน้ำหอมชนิดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบมาเสียบไว้หน้าช่องแอร์ เพราะจะทำให้ตู้แอร์ผุกร่อนเร็วขึ้นAdvertisement

6. รถที่จอดตากแดดต้องไล่ความร้อนออกก่อนเมื่อนำรถไปจอดตากแดดเอาไว้เป็นเวลานาน ๆ ก่อนใช้รถควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุดเสียก่อน โดยยังไม่เปิดสวิตซ์ A/C ทั้งนี้ก็เพื่อไล่ความร้อนที่มีอยู่ในระบบแอร์เสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเปิดสวิตซ์ A/C

7. เปิดลมเปล่าให้แรงสุดก่อนจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ก่อนจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุด ๆ โดยปิดสวิตซ์ A/C ประมาณ 5 นาที เพื่อไล่ความชื้นหรือน้ำที่ค้างอยู่ในตู้แอร์ออกก่อน เพราะตู้แอร์ที่ทำจากอลูมิเนียมจะเกิดการผุกร่อนได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้ตู้แอร์มีกลิ่นเหม็นอับลดน้อยลงได้อีกด้วย

8. ไม่ควรเปิดกระจกบ่อย ๆ ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อย ๆ เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองจากภายนอกเข้ามาอุดตันตู้แอร์ได้เร็วมากยิ่งขึ้น แต่หากมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องเปิดกระจกขับรถ ควรปิดช่องแอร์บริเวณคอลโซลหรือจุดที่แอร์ออกให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปในระบบแอร์ ใช้งานให้ยืนยาวขึ้น แถมช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย.

9. ถ้าแอร์ไม่เย็นอย่าฝืนเมื่อรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ให้รีบปิดน้ำยาแอร์หรือสวิตซ์ A/C ทันที โดยยังสามารถใช้ลมเปล่าได้อยู่ ทั้งนั้ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คอมเพรสเซอร์เสียหาย จากนั้นจึงนำรถไปตรวจเช็คความผิดปกติทีหลัง เพียงแค่ดูแลรักษาระบบแอร์รถยนต์ให้ถูกวิธี ก็สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์สุดรักสุดหวงของคุณได้แล้ว แม้ว่าทำไปวันนี้แล้วคุณอาจจะยังไม่เห็นผลสักเท่าไร แต่พอนานวันเข้า คุณจะรับรู้ได้เองว่า รถยนต์ของคุณนั้นพบเจอกับปัญหาที่น้อยกว่าคนอื่น ๆได้อย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก DailyNews.co.th



Create Date : 21 มกราคม 2555
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2558 13:40:06 น. 10 comments
Counter : 747 Pageviews.  

 
• www.doeb.go.th/v3/knowledge/index.php - ความรู้เรื่องพลังงาน



• www.doeb.go.th/v3/knowledge/data/gasohol.pdf - รายชื่อรถยนต์ที่ใช้ E10



• www.doeb.go.th/v3/knowledge/e20.htm - รายชื่อรถยนต์ที่ใช้ E20



• www.doeb.go.th/v3/knowledge/data/bi_e20.pdf - รายชื่อจักรยนต์ที่ใช้ E20



• www.doeb.go.th/v3/knowledge/data/E20.pdf - ความรู้เรื่อง E20



• //www.doeb.go.th/v3/knowledge/data/E85.pdf - ความรู้เรื่อง E85




โดย: grilled chicken วันที่: 17 กันยายน 2556 เวลา:10:35:49 น.  

 
การตั้งค่าการเปิดประตูเฉพาะฝั่งคนขับบานเดียว กรณี (ลูกค้าใช้รถคนเดียว)

เครดิท คุณ แมน ผู้ชายขายรถ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100000345847935&fref=nf

Fortuner เกียร์ AT ทั้งหมด รวมถึง Revo E AT ขึ้นไป
เฉพาะเกียร์อัตโนมัติ

การตั้งค่าการเปิดประตูเฉพาะฝั่งคนขับบานเดียว กรณี (ลูกค้าใช้รถคนเดียว) มีดังนี้ :
1. ปิดประตูทุกบานให้สนิท
2. สวิตซ์กุญแจ ON
3. เลื่อนเกียร์ออกจากตำแหน่ง P จะไปไว้ที่ตำแหน่งไหนก็ได้ ทั้ง R , N , D .
4. กดปุ่มเซ็นทรัลล็อค ตำแหน่ง (ปลดล็อค) ค้างไว้ 5 วินาทีแล้วปล่อย
5. ถ้าการตั้งค่าสำเร็จ จะตอบสนอง คือสังเกต เห็นประตู จะทำการ (ล็อค) และ (ปลดล็อค)

วิธีทดสอบ
1. ทำการสตาร์ทเครื่อง
2. กดล็อคจากปุ่มเซ็นทรัลล็อค
3. ดับเครื่อง
4. เปิดประตูคนขับ ประตูบานอื่นๆจะไม่เปิด

ถ้าต้องการให้เปิดประตูแบบทั้ง 4 บาน (กรณี ลูกค้าใช้รถแบบครอบครัว) ก็กระทำตามเงื่อนไขนี้ ซ้ำอีกครั้งนึง



Fortuner 2.4 G MT และ Revo J+ MT ขึ้นไป
เกียร์ธรรมดา

การตั้งค่าการเปิดประตูเฉพาะฝั่งคนขับบานเดียว กรณี (ลูกค้าใช้รถคนเดียว) มีดังนี้ :
1. ปิดประตูทุกบานให้สนิท
2. สวิตซ์กุญแจ ON
3. กดปุ่มเซ็นทรัลล็อค ตำแหน่ง (ปลดล็อค) ค้างไว้ 5 วินาทีแล้วปล่อย
4. ถ้าการตั้งค่าสำเร็จ จะตอบสนอง คือสังเกต เห็นประตู จะทำการ (ล็อค) และ (ปลดล็อค)

วิธีทดสอบ
1. ทำการสตาร์ทเครื่อง
2. กดล็อคจากปุ่มเซ็นทรัลล็อค
3. ดับเครื่อง
4. เปิดประตูคนขับ ประตูบานอื่นๆจะไม่เปิด

ถ้าต้องการให้เปิดประตูแบบทั้ง 4 บาน (กรณี ลูกค้าใช้รถแบบครอบครัว) ก็กระทำตามเงื่อนไขนี้ ซ้ำอีกครั้งนึง


โดย: grilled chicken วันที่: 7 สิงหาคม 2558 เวลา:10:46:26 น.  

 
สำหรับพรบ.จราจรใหม่ ที่ประกาศออกมา และมีผลบังคับใช้ไปแล้ว ประกอบด้วย

1. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน / วางไว้ที่กระจก = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.11,ม.60)
2. แผ่นป้ายทะเบียนตัดต่ออัดกรอบใหม่เป็นป้ายขาว = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
3. ติดป้ายเอียง มีวัสดุปิดทับ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
4. แผ่นป้ายทะเบียนปลอม = ป.อาญา ฟ้องศาล
5. โหลดเตี้ย (วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนนต้องไม่ต่ำกว่า 40cm) = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
6. ยกสูง (วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนนต้องไม่สูงกว่า 135cm) = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
7. ล้อยางเกินออกมานอกบังโคนข้างละหลายนิ้ว = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
8. ใส่ล้อใหญ่จนแบะล้อเพื่อหลบซุ้ม = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
9. ตีโปร่งขยายซุ้มล้อติดสปอยเลอร์ต้องมีการยึดติดอย่างแน่นหนา = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
10. ฝากระโปรง หน้า-หลัง ดำ เกิน50%ของสีหลัก = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.13,ม.60)
11. เปลี่ยนท่อไอเสียใหญ่เสียงดัง = ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (ม.5(2),ม.58)
12. ไฟหน้าหลายสี เช่น เขียว แดง ฟ้า เหลือง = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
13. ไฟหยุดต้องสีแดง(ไฟเบรค)เท่านั้น = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
14. ไฟเลี้ยวต้องเป้นสีเหลืองอำพัน = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
15. ไฟส่องป้ายต้องเป็นสีขาวเห็นไม่ต่ำกว่า 20 เมตร = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
16. ไฟสปอร์ตไลน์ และโคมไฟตัดหมอกแสงพุ่งไกล = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
17. เปิดไฟตัดหมอกโดยไม่มีเหตุ = ปรับไม่เกิน 500 บาท
18. ติดไฟนีออนใต้ท้องรถ ติดไว้กับป้ายทะเบียน = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
19. ดัดแปลงเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
20. เปลี่ยนดิสเบรคหลัง = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
21. ใส่หลังคาซันลูป = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
22. ถอดเบาะหลังออกแล้วติดโรลบาร์ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
23. ดัดแปลงเครื่องยนต์ วัดควันดำ = ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (พรบ.ขนส่ง)

ลอกมาจาก
//news.mthai.com/hot-news/social-news/456651.html
MThai News สำนักข่าวไทย




โดย: grilled chicken วันที่: 19 สิงหาคม 2558 เวลา:9:14:36 น.  

 
4 Checklist ก่อนเคลม... คุ้ม-ไม่คุ้ม ผู้เขียน: อาแปะ...ยิ้ง

“อุบัติเหตุ” เกิดขึ้นโดยที่คุณไม่เคยคาดคิด... ถ้าโชคร้ายรถเสียหายมากถึงขนาดที่ซ่อมยังไงก็ไม่คุ้มก็ต้องทำใจขายรถทิ้งไป แต่ถ้าโชคดีหน่อยรถเสียหายไม่มากพอจะซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้คุณก็มีทางเลือกที่จะเอารถไปซ่อม 2 นั่นคือ เคลมประกันหรือซ่อมเอง
แต่เคลมแบบไหนคุ้มกว่ากัน? ต้องลองทำ 4 Checklist ต่อไปนี้
Check 1: ใครเป็นฝ่ายผิด หลังเกิดอุบัติเหตุให้พิจารณาเบื้องต้นว่าใคร เป็นฝ่ายผิดและมีคู่กรณีหรือไม่ เพราะถ้าคุณเป็นฝ่ายถูกและมีคู่กรณีจะสามารถเคลมประกันได้ทันทีโดยที่คุณไม่ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าฝ่ายไหนผิดควรรอเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยตัดสิน เพราะคุณเป็นฝ่ายผิดจริงๆ อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณต้องพิจารณาใน Checklist ข้อต่อไป...
Check 2: ประเมินค่าใช้จ่าย ส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณตัดสินใจว่าจะเคลมหรือไม่ เคลมคือการประเมินค่าใช้จ่ายว่าสุดท้ายแล้ว คุณจ่ายเองคุ้มกว่าเคลมประกันหรือไม่ โดยอาจประเมินจากค่าอะไหล่ที่เสียหายอย่างคร่าวๆ
Check 3: ค่าเสียหายส่วนแรก (Deduct ) เท่าไร ค่าเสียหายส่วนแรก (Deduct) เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณตกลงจะรับผิดชอบเองตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาทกรณีเกิดความเสียหายเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ (สามารถดูได้ที่กรมธรรม์) แต่จะจ่ายเงินเองก็ต่อเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งถ้าคุณประเมินค่าความเสียหายแล้วเกินค่าเสียหายส่วนแรกที่คุณระบุไว้ ก็ควรจะเคลมประกันดีกว่า เพราะถ้าซ่อมเองคงไม่คุ้มแน่ๆ
Check 4: ปีหน้าคุณได้ส่วนลดประวัติดีหรือไม่
ส่วนลด 20% ถ้าไม่มีการเคลมในปีที่ 1
ส่วนลด 30% ถ้าไม่มีการเคลมในปีที่ 2
ส่วนลด 40% ถ้าไม่มีการเคลมในปีที่ 3
ส่วนลด 50% ถ้าไม่มีการเคลมในปีที่ 4
สำหรับใครที่คำนวณบวกลบแล้วว่าไม่ขาดทุนและยืน ยันจะเอาส่วนลดประวัติดีก็เตรียมควักเงินจ่ายค่าซ่อมรถเองไปก่อนได้เลย แล้วค่อยรอไปถอนทุนคืนตอนทำประกันในปีหน้า แต่ใครที่อยากจะเปลี่ยนบริษัทประกันภัยใหม่และต้องการซ่อมรถแบบที่ไม่ต้อง ควักเงินจ่ายเองก็แจ้งประกันส่งรถเคลมได้เลยค่ะ
เฉลยคำตอบ: ถ้า 1 ในคำตอบของคุณคือ “ไม่คุ้ม” เราขอแนะนำให้คุณนำรถเข้าเคลมบริษัทประกันแทนการจ่ายเงินซ่อมเองน่าจะเป็น ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ
ขอบคุณบทความจาก silkspan.com


โดย: grilled chicken วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:11:25:16 น.  

 
รถแบตหมด เปลี่ยนเองได้ ผู้เขียน: กรกฏ

ถ้าไม่อยากให้รถคุณ จอดดับอยู่กลางทางควรเช็กแบตเตอรี่ให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ หากต้องไปจอดดับอยู่ในที่เปลี่ยวถึงแม้ไม่เกิดอันตรายก็ต้องมีเสียวกันบ้าง โดยเฉพาะคุณผู้หญิง หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นคงลำบากไม่น้อย SILKSPAN มีวิธีเปลี่ยน แบตเตอรี่ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง
แบตเตอรี่รถยนต์ โดยทั่วไปมี 2 ประเภทหลัก คือ แบตเตอรี่ “แบบเปียก” ที่ต้องหมั่นเติมน้ำกลั่นชดเชยปริมาณที่สูญเสียไปเพื่อไม่ให้ระดับน้ำกลั่นต่ำกว่าเส้นบอกระดับล่าง (LOWER LEVEL) แบตเตอรี่ “แบบแห้ง” ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ปัจจุบันนิยมใช้ใน รถเก๋ง รถกระบะ ซึ่งมีราคาสูงกว่าแบบแรก
ทั้ง 2 ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟไปที่ระบบจุดระเบิดในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ เพื่อป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆภายในระบบไฟฟ้ารถยนต์ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง เช่น ระบบไฟส่องสว่าง แอร์ วิทยุเครื่องเสียง อาการแบตเตอรี่เสื่อม แบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่รถจะสตาร์ทติดยาก บางครั้งสตาร์ทไม่ติดเพราะแบตเตอรรี่หมดอายุการใช้งานไปแล้ว ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ทันที การเลือกซื้อ “แบตเตอรี่” ไม่ควรที่จะลดขนาดของแอมป์ลงโดยเด็ดขาด แต่สามารถเลือกที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นได้โดยประมาณ 10-30 แอมป์จากแบตเตอรี่ของเดิม โดยคุณสามารถเปลี่ยนแบตเตอรรี่เองได้ง่ายๆ เพียงทำตามขั้นตอนดังนี้ เตรียมอุปกรณ์ ประแจไขเบอร์ 10 / ถุงมือยาง / สเปรย์สำหรับฉีดแบตเตอรี่ (ถ้ามี) / แบตเตอรี่ใหม่ ขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ใส่เบรกมือ เพื่อป้องกันรถไหล เปิดฝากระโปรงรถ ใช้ประแจขันน๊อตออกที่ “ขั้วลบ” แบตเตอรี่ ใช้ประแจขันน๊อตออกที่ “ขั้วบวก” แบตเตอรี่ นำแบตเตอรี่ใหม่มาใส่ ตอนใส่แบตเตอรี่ใหม่ ให้ใช้ประแจขันน๊อตที่ “ขั้วบวก” ก่อนขั้วลบ เมื่อขันน๊อตจนแน่นหมดแล้ว
ข้อควรระวัง : ในการทำงานกับแบตเตอรี่ เนื่องจากในแบตเตอรี่นั้นมีสารเคมีอยู่ภายใน เช่น สารตะกั่ว น้ำกรด เป็นต้น ดังนั้นในการทำงานกับแบตเตอรี่ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ขอบคุณบทความจาก silkspan.com



โดย: grilled chicken วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:11:25:34 น.  

 
Toyota Hilux Revo ทุกรุ่น
Follow me home ระบบช่วยส่องสว่างไฟหน้า ในยามที่ไม่ได้ติดเครื่อง
1. ปิดสวิตซ์ไฟหน้าไว้ที่ตำแหน่ง Auto
2. ยกไฟสูง 1 ครั้ง (ขณะดับเครื่องแล้ว)
3. ไฟหน้าจะติดค้างราว 30 วินาที

เครดิต เซลนางฟ้า


โดย: grilled chicken วันที่: 9 ตุลาคม 2558 เวลา:11:56:28 น.  

 
เทคนิคการจอดรถเกียร์อัตโนมัติบนเนินหรือที่ลาดชัน (ป้องกันระบบเกียร์เสียหายในอนาคต)

- เหยียบเบรค > ดึงเบรคมือ > ผลักเกียร์ไปที่ N > ปล่อยเบรคให้รถไหลเล็กน้อย > เหยียบเบรคอีกครั้ง > จากนั้นจึงผลักเกียร์ไปที่ P


โดย: grilled chicken วันที่: 16 ตุลาคม 2558 เวลา:9:05:02 น.  

 
การปรับค่าความเร็วรถโดยละเอียด
by โตชอน Revo club FC000 TOYOTA HILUX REVO005
เพื่อให้ตรงกับความเร็วจริงจากมิเตอร์ สามารถปรับตั้งได้ครับ โดยกดที่ปุ่มฝั่งด้านซ้ายค้างไว้ 2 วินาที โปรเจคเตอร์แสดงความเร็วดิจิตอลจะเเสดงค่าผลเป็นเลข 173 (เป็นค่าเส้นรอบวงของยางรถยนต์ที่ตั้งมาจากโรงงานผลิต ซึ่ง

สามารถปรับค่าได้ตั้งเเต่ 50-250
ซึ่งสามารถปรับค่าเส้นรอบวงของยางได้โดยการกดปุ่มทางด้านซ้ายเพื่อเพิ่มค่า ส่วนทางขวาเพื่อลดค่า เมื่อไดค่าเส้นรอบวงของยางที่รถแล้วให้กดปุ่มทางด้านขวาค้างไว้หน้าจอโปรเตอร์ก็จะกลับไปที่หน้าจอปกติ
#ค่าที่แสดงบนหน้าปัทม์จอโปรเจคเตอร์แสดงความเร็วดิจิตอลก็จะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามที่เราตั้งค่าเส้นรอบวงของยางไว้
1.กดปุ่มทางด้านซ้ายที่โปรเจคเตอร์ค้างไว้ 2 วินาที
2.โปรเจคเตอร์แสดงค่าเป็นตัวเลข 173 (ค่าเส้นรอบวงยาง ที่เป็นสเปคจากโรงงาน)
3.กดปุ่มทางด้านซ้าย-เพิ่มค่าเส้นรอบวงยาง (ถ้ากดทางขวาค่าจะลดลง ค่าที่แสดงผลของโปรเจคเตอร์ก็จะเปลี่ยนแปลง ขึ้น-ลง ตามที่เรากำหนดค่าเส้นรอบวงยาง
4.กดปุ่มขวาค้างไว้เพื่อกลับสู่หน้าจอปกติ
-ล้อ15" ค่าที่ควรตั้ง155-159
-ล้อ16" ค่าที่ควรตั้ง162-168
-ล้อ17" ค่าที่ควรตั้ง170-176
-ล้อ18" ค่าที่ควรตั้ง183-189
?#?ค่ามาตรฐาน173?
ค่านี้เป็นค่าอ้างอิง แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตามวงล้อรถยนต์ สภาพลมยางและขนาดของยาง


โดย: grilled chicken วันที่: 30 ตุลาคม 2558 เวลา:11:41:18 น.  

 

Toyota Hilux Revo 2.8G 4x4 6AT - Clip01 from Headlightmag.com


Toyota Hilux Revo 2.8G 4x4 6AT - Clip02 Headlightmag.com


โดย: grilled chicken วันที่: 9 พฤศจิกายน 2558 เวลา:14:50:12 น.  

 
Pantip.com/topic/35352412 - มหากาพย์รีวิวบัตรสะสมพอยท์…ฉบับคนใช้รถบ่อยต้องมี!!!!


โดย: grilled chicken วันที่: 11 กรกฎาคม 2559 เวลา:14:10:34 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

grilled chicken
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




    เพียงแค่นี้ แค่นี้ ยังแค่นี้ .
ถ้าแค่นี้ แค่นั้น จะแค่ไหน .
    เพียงแค่นี้ แค่นี้ แทบขาดใจ .
ถ้าแค่นี้ จะแค่ไหน ก็ " แ ค่ เ นี๊ ย ะ " .


. . . . . 小 李 飞 鸡 . . . . .
[Add grilled chicken's blog to your web]