เที่ยว New York กับ Newyorker ตอน 2 (Borough อื่นๆ)
หลังจากเที่ยวNYC ตอน 1 เราได้เจาะลึก Manhattan ล้วนๆ กันไปแล้ว ในเที่ยวตอน 2 นี้ เราจะมาfocus กันที่ Borough ที่เหลือ คือ The Bronx , Queens, Brooklyn และ Long Island (อันสุดท้ายนี้ขอพูดถึงนิดๆหน่อยละกัน เพราะเค้าเป็นเกาะเล็กๆ อยู่ไกลปืนเที่ยงซะเหลื๊อเกินคร้า) The Bronx ส่วนใหญ่จะไปเยี่ยมเพื่อนซะมากกว่าเพราะเพื่อนมีสามีเป็นพี่มืดค่ะ ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเท่าไร ย่านนี้รู้ๆกันดีว่าถิ่นพี่มืดครอง บางครั้งยังแอบดีเลยใจเพราะเวลาที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเค้าแล้ว เราตัวเล็ก ประมาณ ไซส์ xxs (extra small) เลย แต่ทรวดทรงองค์เองของเค้า หืยยยย มันน่าเซี๊ยมากค่ะ The Bronx zoo ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าจะเดินทางด้วย subway ต้องอึดนิดนึงค่ะ เพราะป้ายที่ใกล้ที่สุด คือ Fordham Rdต้องเดินต่ออีก 10 กว่าบล๊อค กว่าจะถึงสวนสัตว์ สมัยก่อนจะเปิดให้เข้าฟรีในวันพุธ แต่มะรู้ว่าตอนนี้เค้าเปลี่ยนกฏหรือยังอีชั้นกับเพื่อนสาวก็เลยหาโอกาสไปซะเลย สวนสัตว์ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก its one of the worlds largest metropolitan zoos. มีสัตว์ประมาณ4,000 ตัว ราวๆ 650 species จากทั่งทุกมุมโลกค่ะคุณจะได้เห็นความน่ารักของสัตว์โลกโดยแยกเป็นประเภทต่างๆ อาทิ Congo Gorilla Forest, Jungle World, WildAsia Monorail, Madagascarl, Tiger mountain, African Planins, World of birds,World of Monkeys, World of Reptiles, Zoo center โอยยยมากมาย เดินไม่ทั่วหร๊อกก ป้าเหนื่อยล้าเหลือเกินค่ะ ขาสั่นพั่บๆ ต้องนั่งรถบริการของสวนสัตว์  Yankee Stadium สนามกีฬาเบสบอล ยักษ์ใหญ่ที่ใครๆก็ใฝ่ฝันว่าครั้งนึงจะต้องไปดูเกมส์การแข่งขันที่นี่ให้ได้ กะเบิ๊ดก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ แต่พอเอาเข้าจริงๆสู้ราคาตั๋วไม่ไหว ขอแค่เป็นเดินชิลๆ ชมบรรยากาศรอบๆเป็นบุญตาก็พอแร๊นนนน กร๊ากก!อารมณ์นี้ ฟังเพลง The empire state of mind ของพี่ Jay-Z แทนไปพลางๆก่อนละกันนะคะ Queens จาก Manhattan ถ้าจะข้ามไป Queens แบบเก๋ๆเท่ห์ (แต่ไม่ต้องทำบ่อยนะเพราะมันลำบาก ต้องรถไฟต่อนู่นนี่นั่นหลายต่อ) เลือกใช้เส้นทางนี้เลยค่ะ Roosevelt IslandTramway หรือ เรียกสั้นๆว่า Tram car ซึ่งก็คือกระเช้าลอยฟ้านั่นเองค่ะเปิดใช้ตั้งแต่ปี 1976 สามารถอัดผู้โดยสารได้เยอะสุด 110 คน และรับส่งทั้งสิ้น 115 เที่ยวต่อวัน ถ้าไปตอนกลางวัน ก็จะเห็นวิวสวยๆของ Midtown Manhattanแต่ถ้าไปตอนกลางคืนหน้า winter หิมะตกปรอยๆ กับหนุ่มที่ตัวเองแอบปลื้มด้วยล่ะก็ โรแมนติกที่สุดเลยค่ะ ฮิ้ววว MoMA PS1 อยู่ระหว่างถนน 46th AV. + Jackson AV. เป็นหนึ่งในสถาบันที่ใหญ่และเก่าที่สุดของอเมริกา ที่ดัดแปลงมาเป็นพิพิธภัณฑ์ (ในที่นี้คือ เคยเป็นโรงเรียนมัธยมมาก่อนค่ะ) อยู่ในความดูแลของ MOMA museum ซึ่ง Gallery ที่นี่เป็นแบบ Contemporary Art ค่ะ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี1971 สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือ ห้องโถงใหญ่ชั้นแรกของที่นี่ดูๆแล้วก็เป็นเหมือนสระน้ำทั่วไป ธรรมด๊าา ธรรมดาแต่พอเดินลงไปตำแหน่งเดียวกันที่ชั้นล่าง โอ้แม่เจ้ามองผ่านสระน้ำนั้นทะลุขึ้นมาได้เลย เท่ห์ฝุดๆ ไอเดียบรรเจิดจริงๆ และนอกจากนี้ในช่วง summer เทศกาลที่ป้าเบิร์ดตั้งหน้าตั้งตารอก็คือ Warm Up ซึ่งเป็นการแสดง ดนตรีนิทรรศการต่างๆ ชาวอาร์ตตัวแม่สามารถมารวมตัวแดนซ์ ดริ้งค์ และดู (ศิลปะ) กันได้ที่ลานหน้า PS1 นั่นเองค่ะ  5 pointz อยู่ใกล้กับPS1 สุดๆ เดินไปได้ค่ะ ตั้งอยู่ที่ Davis St + Jackson AV. "The Institute of Higher Burnin" หรือ "The 5pointz Aerosol Art Center" นักพ่นสีบนกำแพง(graffiti) คงไม่มีใครไม่รู้จักที่นี่ 5pointz คือตึกขนาดใหญ่เท่าโรงงานๆนึง ในโรงงานนั้นก็คือArt studioแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆให้ศิลปินติสท์ๆเช่าพื้นที่ในการประดิษฐ์ศิลปะนั่นแหละค่ะตอนเดินขึ้นบันได เสี๊ยววว เสียว กลัวตกมั่กๆเพราะเป็นบันไดคล้ายๆกับบันไดหนีไฟเก่าๆอ่ะ ภายนอกตัวตึกเปิดโอกาสให้คุณๆแต่งแต้มอาคารได้อย่างอิสระเสรีอาร์ตติสจากทั่วทุกมุมโลก ได้มาร่วมกันพ่นๆๆๆๆ ระบายความคิดกันสุดฤทธิ์จนที่นี่ได้รับฉายาว่า The worlds premiere graffiti Mecca มันสวยกระแทกใจเพราะสีที่ฉุดฉาดบาดตาและลวดลายเจ๋งๆเบียดกันเต็มไปหมดทุกอณูค่ะ 
นั่ง Subway สาย 7 ไปที่ Flushing Meadows-Corona Park แล้วลงที่ป้าย Mets-Willets Point เหมือนเราเข้ามาในดงกีฬาเลยก็ว่าได้ เพราะด้านซ้ายมือ คือ Shea Stadium (William A. Shea Municipal Stadium) ของทีมเบสบอล The Mets เค้าตั้งแต่ปี 1964-2008 และยังเคยเป็นที่อยู่ของทีม New York Jets Football ระหว่างปี 1964-1983 อีกด้วย แต่จริงๆแล้ว stadium นี้สร้างขึ้นเพื่อใช้สอยแบบ Multi-purpose stadium ค่ะ ส่วนด้านขวามือ คือ Arthur Ashe Stadium ชาวโลกรู้จักกันดี เพราะใช้เป็นสนามแข่งขันหลักของ Tennis US Open จากสนามนี้ คุณๆทั้งหลาย เดินมาเรื่อยๆ เพื่อไปหาสิ่งประดิษฐ์ ลูกโลก ยักษ์ใหญ่มว๊ากก "Unisphere" ด้วยความสูงที่ราวๆ 12-story high ทำจาก stainless steel ภายใต้คอนเซ็ป representation of the Earth เป็นหน้าเป็นตาของชาว Queens เลยก็ว่าได้ ส้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ 1964-1965 New York World's Fair ซึ่งTheme ในปีนั้นคือ "Peace Through Understanding" และ Theme ของลูกโลกก็ได้สอดคล้องกับ global interdependence ว่า "Man's Achievements on a Shrinking Globe in an Expanding Universe". ถือเป็นลูกโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูง 140 feet และหนัก 700,000 pounds ในช่วงหน้าร้อนยังเปิดน้ำพุเพื่อเพิ่มสีสันความสวยงามให้กับพื้นที่บริเวณนี้ด้วยค่ะ
Queens Museum of Art (QMA) เดินขึ้นมาเรื่อยๆจากลูกโลกยักษ์นั่นแหละค่ะ สังเกตง่ายๆคือ ลักษณะเป็นตึกเก่าๆ เตี้ยๆทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่นี่เป็นทั้งMuseum และ Education center ของชาว Queens เค้า ไฮไลท์ของที่นี่คือ The Panorama of the City of New York คือ ศิลปะจำลอง model ของ New York City ทั้ง 5boroughs ซึ่งจำลองขึ้นเพื่อ 1964 New york Worlds fair ใช้ศิลปินในการสร้าง 100คน จำลองเมือง ตึก สิ่งก่อสร้าง และทุกสิ่งอย่าง ของ NYC ก่อนปี 1992 และต่อมามาเมื่อปี 2009 ทาง Museum เค้าประกาศว่า จะจำลองตึก Freedom tower แทน ตึก World Trade Center ให้ตรงกับแผนที่ปัจจุบันค่ะ นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังแสดง -Permanent collection มีประมาณ 10,000 ชิ้นงาน ซึ่งจำวนว 6000 ชิ้นงานเป็นการรวบรวมศิลปะระหว่างปี 1939-1964 ที่เกี่ยวกับ Worlds fairs -Neustadt Collection of Tiffany Glass อาทิ หน้าต่าง โคมไฟ ค่ะ ซึ่งทำจากแก้วราวๆ 300,000ชิ้น 
Rockaway Beach ช่วง Summer กะเบิ๊ดและเพื่อนสาวเช่นเคย ชอบไปอาบแดด & เล่นน้ำทะเล ที่นี่ จำไม่ได้แล้วว่านั่งรถเมล์สายอะไรค่ะ รู้แต่ว่าไปรอรถแถวๆ Woodside นั่งรถสายเดียวถึงเลย แต่ขอบอกต้องทำใจ เพราะไกลสุดเหวี่ยง ถ้าดูจากใน map ก็คือส่วนที่เป็นติ่ง ห้อยยื่นเข้าไปในทะเล ล่างสุด เลย Brooklyn ไปอีก แต่มันยังเป็นส่วนหนึ่งของ Queens นะคะ
Brooklyn มาทางฝั่ง Brooklyn กันบ้าง ที่เที่ยวที่ กะเบิ๊ดชอบมีดังนี้ค่ะ
Brooklyn bridge park จำได้ว่าเคยไปแค่ครั้งเดียว ขับรถเล่นแถวๆนั้น ก็เลยแวะเดินเล่นซะเลย เป็น park ที่มองเห็นวิว Manhattan + สะพาน Brooklyn bridge ในมุมที่สวยมากๆ ค่ะ 
Brooklyn bridge park - main street เป็นสวนสาธารณะใกล้ๆกับ Brooklyn bridge park นั่นแหละค่ะ แต่ park นี้จะติดกับ สะพาน Mahattan bridge ซึ่งที่นี่สามารถมองเห็นวิิวของ Mahattan และ เห็นทั้งสะพาน Brooklyn bridge และ สะพาน Mahattan Bridge ด้วยค่ะ เลือกเอาเลยนะคะว่าอยากถ่ายรูป หรือชื่นชมความงามของสะพานไหน 
Brooklyn Museum นั่ง Subway ไปที่ Eastern Pkwy-Brooklyn museum station ค่ะ เป็น Art museum ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ NYC ก่อตั้งเมื่อปี 1895 จริงๆแล้วเค้าแพลนว่าจะให้เป็น Art museum ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็แพ้ The Met (Metropolitan Museum) ไปได้ค่ะ ภายในมีทั้งศิลปะแบบ Egyptian, African, Japanese, American, Pacific Islands และ European Art ค่ะ หลากหลายมากมาย ในช่วงที่กะเบิ๊ดไปนั้น มีการจัดโชว์ผลงานพิเศษของ คุณ Takashi Murakami เป็นศิลปินแบบ internationally prolific contemporary Japanese artist ดังระเบิดไปทั่วโลกเพราะความที่มีศิลปะร่วมสมัย กึ่งๆลามก โป๊ๆนิดๆ น่ารักหน่อย เป็นอาร์ตที่มีเสน่ห์ และ Character ในตัวเองสูงมาก! ผลงานที่เราประทับใจที่สุดคือ รูปปั้นตัวการ์ตูนผู้หญิง ยืนเด่นเป็นสง่า มีน้ำนมพุ่งออกมาเป็นสายยาว ทั้งสองเต้า 
นอกจากจะโชว์ผลงานแล้ว ยังขายสินค้าจากศิลปินผู้นี้ด้วย และสินค้าที่เราชอบที่สุด และแพงที่สุดเลยก็คือ กระเป๋า Louis Vuitton limited edition ที่คุณ Takashi เค้าลงมีเพ้นท์ด้วยตนเอง ราคาแพงหูฉี่ ยาจกอย่างป้ามิอาจเอื้อมเจ้าค่ะ ได้แต่มอง คริๆ 
Brooklyn Botanic Garden อยู่ติดกับ Brooklyn Museum นั่นเองค่ะ แต่ใครที่ไม่ได้มาจากที่นั่น ก็นั่ง subway มาที่ป้าย Franklin เดินโผล่ขึ้นมาก็เจอเลยค่ะ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1910 เป็นสวนแสดงต้นไม้นานาชนิดกว่า 12,000 species ไฮไลท์ของที่นี่คือ หน้าร้อน ต้นซากุระ ( Cherry Blossom ) จะผลิบานเป็นแถบแถวยาวเรียงสุดลูกหูลูกตาเลยล่ะค่ะ ไม่ต้องไปดูไกลถึง Washington DC ก็ได้ นอกจากนั้นแล้วยังมี Art Gallery ให้คุณๆได้ชมเพื่อเปลี่ยนบรรยากศอีกด้วย ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยี่ยมเยียนที่นี่ประมาณ 900,000 คน 
Coney Island น่ัง subway สาย D,F,N,Q ไปจนสุดสายเลยจ้าาา ที่นี่คือทะเลติดกับมหาสมุทร Atlantic นอกจากจะมาอาบแดดที่นี่แล้ว ป้ากะเบิ๊ดยังได้สนุกกับเครื่องเล่น Adventure เพราะที่นี้เค้าดังในเรื่อง Amusement Parks นอกจากจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาว Brooklyn ตะวันตกราวๆ 60,000 กว่าชีวิตแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก สาบานได้ว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะทุกครั้งที่ไป ไม่เคยได้เห็นทะเลแบบเงียบๆ โล่งๆเลย คนเยอะ เด็กแยะ วิ่งอลวน เด็กหายบ้าง ผู้ใหญ่หลงกันบ้าง บางครั้งป้าถึงกับเพลีย หายใจไม่ทั่วท้อง อยู่ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็ขอบายค่ะ Long Island Borough สุดท้ายของ NYC ต้องขอบอกก่อนว่า เขตนี้เป็นเขตที่อยู่ของผู้มีอันจะกิน 555 ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะ ราคาบ้านเค้าแพงลิบลิ่ว บวกกับความเป็นเกาะที่แยกออกมาจากชวบ้านเค้า คุณภาพชีวิตก็ดี อยู่กันอย่างสุขสงบ อากาศก็ดี โล่งโปร่งสบาย เวลาเดินทางก็สามารถนั่งรถไฟ จาก Penn station เพื่อไปโผล่ที่นั่นได้เลย เป็นไงคะ บุคคลเบี้ยน้อย หอยน้อยอย่างอีชั้นจึงไปแวะเวียนที่นั่นเฉพาะเวลาที่ว่าง หรือ ตั้งใจจะไปจริงๆ ที่ๆชอบไปที่สุดก็คือ Long beach (ชื่อเหมือนกันกับ Long beach ที่ LA แต่ไม่ใช่อันเดียวกันนะ อย่าสับสน) ไปอาบแดดช่วง summer กับ The gang สนุกจังฮู้+++ คือว่าฝรั่งเค้านิยมผิวแทนๆ เค้าบอกว่าดูสุขภาพดี เป็นนักกีฬา และ sexy อะไรประมาณนั้น ซึ่งป้าก็บ้าๆอาบแดดอยู่ช่วงหนึง จนค้นพบสัจธรรมว่า ผิวสีแทนนี้มันมิได้เหมาะสมกับตัวเองเอาซะเลย 555 เหมือนคนสกปรกยังไงยังงั้นอ่ะค่ะ...  ณ จุดนี้ I love NY จังเลย คิดถึง และจะกลับไปเยี่ยมแน่นอนถ้ามีโอกาสค่ะ ที่นี่ถือได้ว่าเป็นโรงเรียนชีวิตขนาดใหญ่ที่สอนให้กะเบิ๊ดโต และ มองโลกกว้างขึ้น เข้าใจชีวิตได้ดีขึ้น มีเรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า สมหวัง ผิดหวัง ดีใจ เสียใจ ลำบาก สบาย คละเคล้าปนกัน ขอบคุณ NYC คร้าาา ***ตอนต่อไป คือ ตอน 3 กะเบิ๊ดจะพูดถึงเรื่องกินๆ ดริ้งค์ๆ ล้วนๆค่ะ**
Create Date : 22 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 24 มิถุนายน 2556 20:45:15 น. |
|
5 comments
|
Counter : 8646 Pageviews. |
 |
|
ปล ชื่อกะเบิ๊ดจริงหรอคะ น่ารักจังค่ะ^^