Day 5: 28/1/17 

ก๊อกๆๆๆๆๆๆ ตี 5.54 น. เจ้าของเกอผู้ชายมาใส่ฟืนเพิ่มให้ (เค้าเติมฟืน เที่ยงคืน / ตี3 / 6โมงเช้า สงสัยช่วงตี 3 หลับลึกจริงๆไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู) 

พอเติมฟืนเสร็จก็ร้อนตับแลบสิคะ นอนไม่หลับอีกละ พลิกตัวไปมาจนถึง 8 โมงเช้า เฮ้อ!ตื่นดีกว่า ไหนๆก็นอนไม่หลับละ แต่อากาศข้างนอกยังมืดอยู่เลยอ่า...

กว่าจะแซะตัวเองขึ้นมาได้ก็ 9 โมงเช้า มื้อเช้าวันนี้พร้อมเสริฟเกือบๆ 10 โมงเช้า เมนูแบบอเมริกันสไตล์ : ชาร้อน ขนมปังแผ่นอบแข็ง+เนย+แยม ไข่ดาว ฮอตดอก แตงกวา มะเขือเทศ 

ไกด์มารับตามเวลานัดหมาย เก็บของเสร็จ check out เวลา 11.42 น. ถ่ายรูปรัวๆ ถ่ายมันทุกอย่างตั้งแต่หมา ยันล้อรถ เพราะต้องออกเดินทางต่อแว้ว 

วันนี้อุณหภูมิ -26 องศาเซลเซียส จากที่บ้าไปแล้ว ก็บ้าเป็นปกติ แต่อย่าถามว่าปรับตัวได้มั้ย เพราะเลือดกำเดาก็พุ่งมันอยู่ทุกวัน ตั้งแต่เข้ามองโกเลีย อากาศติดลบสุดโต่งมาก หน้าลอก มือลอก น้ำอาบบ้างบางวัน ใส่เสื้อ 5 ชั้น กางเกง 4 ชั้น ถุงเท้า 2 ชั้น รองเท้ากันหิมะแต่ไม่กันลื่นและกันหนาวนะจ๊ะ ถุงมือ-ถุงเท้ายัดแผ่นให้ความร้อนกันหนาวตาย 

คุณลุงขับรถประมาณเกือบชั่วโมง มุ่งหน้าไปที่ 

Genghis Khan Equestrian Statue

หิมะปกคลุมหนา ทั่วพื้นที่ ลมแรงมาก หนาวมาก! ขนาดไกด์ยังบอกว่าหนาวเลย อ้าว! แล้วพวกตรูจะเหลือรึ เมื่อผ่านประตูทางเข้า รถจอดบริเวณด้านหน้า พวกเรารีบก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นบันไดเพื่อเข้าไปยังตัวอาคารอย่างทรมาน บันไดก็หลายขั้นเหลือเกิน

อนุสาวรีย์เจงกีสข่าน เป็นอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าของราชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นปี 2008 เพื่อเป็นเกียรติและเป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกถึงท่านเจงกีสข่าน นักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่พิชิตดินแดนตั้งแต่เอเชียตะวันออกไกลไปจนถึงยุโรปตะวันออก (จำนวน 1 ใน 4 ของพื้นที่โลก ป้าด!!!!!) ว่ากันว่ามีผู้คนเสียชีวิตจากการออกล่าอาณาเขตของเจงกีสข่านกว่า 40 ล้านคน โอ้วว แม่เจ้า! 

อนุสาวรีย์สูง 40 เมตร น้ำหนัก 250 ตัน ทำจากโลหะแสตนเลส ฐานรองรับรูปปั้นสูง 10 เมตร มีเสารล้อมรอบ 36 ต้น ออกแบบโดย D. Erdenebileg และ J. Enkhjargal  ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำตูล (Tull) และอยู่ห่างจากเมืองหลวง (อูลานบาตาร์) ทางตะวันออก 54 กิโลเมตร  

เข้ามาในตัวอาคาร จ่ายค่าเข้า 7 ,000 ทุกลุก อาคารเป็นทรงกลม มี 2 ชั้น, ชั้นใต้ดิน และชั้นลอยฟ้าที่สามารถขึ้นลิฟท์ไปชมวิวได้ 

ชั้น 1 มีร้านขายของที่ระลึก 2 ร้าน และ ร้านเช่าชุดประจำชาติมองโกเลีย อ้อ! มีห้องน้ำด้วยค่ะ  

ด้านหน้าลานโล่งตรงกลางก่อนขึ้นบันไดวนมีรองเท้าบูท 1 ข้างซึ่งใหญ่โตเวอร์วังอลังการเช่นกัน 

ไกด์ประจำที่นี่แนะนำสถานที่สั้นๆ แล้วจึงให้พวกเราเดินชมกันเองได้ตามสะดวก ช่วงที่เรามาถึง ไฟดับอยู่ประมาณ 10 นาที เพราะต้องรอไฟฟ้าจากส่วนกลางจ่ายไฟมาให้ตามเวลาที่กำหนด 

ระหว่างรอ พวกเราเดินลงบันไดไปชั้นล่าง (ชั้นใต้ดิน) แบ่งออกเป็น 2 ห้องเล็กๆ จัดแสดงศิลปะ วัฒนธรรม ซากประวัติศาสตร์ของชาวมองโกล (ถ่ายรูปได้เฉพาะห้องแรก) มีเจ้าหน้าที่ประจำห้องคอยดูแล แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เลยนะ 

มีโซนเขียนนามสกุล เป็นภาษามองโกเลียโบราณด้วย ราคา 2,000 ทุกลุก ถูกมาก จัดเลยค่ะ สวยดี 

ไฟมาละ...จากนั้นขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสูงสุด (น่าจะบริเวณก้นม้า) และเดินขึ้นบันไดไปได้จนสุดหัวม้าเลย จุดชมวิวบนยอดอาคาร ซึ่งก็คือระหว่างบริเวณตัวม้าและเจงกีสข่านนั่นเอง เป็นจุดไฮไลต์ที่ต้องถ่ายรูปเลย เพราะ background ด้านหลังคือส่วนหน้าอกไปจนถึงหัวเจงกีสข่านในตำแหน่งที่ชัดเจนมาก 

มองไปรอบๆบริเวณได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้าอ่ะไม่เห็นอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน แต่เห็นเทือกเขาสลับสูงต่ำไปมาสวยงามมากๆค่ะ มีประมาณ 200 กว่าลูก ทางด้านหน้าเยื้องๆกับลานจอดรถ มีรูปปั้นทหารขี่ม้าอีกจำนวนหนึ่งมองจากบนนี้ตัวกระจิ๊ดริดเอง

ลงลิฟต์มาเข้าห้องน้ำที่ชั้น 2  ชั้นนี้มีมุมร้านอาหารและคาเฟ่ ให้พักผ่อนชิลล์ๆ แต่ขอผ่านค่ะ ต้องไปต่อละ

เดินทางกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อรับประทานมื้อเที่ยง มื้อนี้เด็ดที่เป็นร้านอร่อยที่คนท้องถิ่นนิยมมากิน คือร้าน Aura ตกแต่งร้านสไตล์ผับ มีบาร์ด้านหน้า ตกแต่งไฟฟรุ้งฟริ้ง สีคล้ายงานวัดอ่ะ ตอนแรกนึกว่าเข้าผิดร้านซะอีก ร้านมี 2 ชั้น ลูกค้าเยอะมากต้องรอคิวนะคะเธอ เป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัย พวกเราได้นั่งชั้น 2 แต่กว่าจะได้โต๊ะก็รอนานพอสมควรค่ะ เมนูมื้อนี้ไกด์เลือกให้  คือ นมวัวร้อนๆเค็มๆ ปะแล่มๆ (มารู้ทีหลังว่าเป็นนมม้า จริงเหรอวะ? ตรูก็ลืมถามไกด์) ซุปเนื้อแกะ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อแกะ ผัดเนื้อวัวราดข้าว และที่เด็ดสุดคือผัดเนื้อม้าราดข้าว ครั้งแรกในชีวิต ต้องลองค่ะ ไม่ทำให้ผิดหวัง อร่อยสุดติ่งทุกอย่าง จานใหญ่มาก! กินไม่หมดอีกตามเคย รวมมื้อนี้ 4 คน 42,000 ทุกลุก 

คุณลุงมาส่งพวกเราที่ห้างประจำคือ State department store นัดแนะเวลามารับตอน 1 ทุ่มครึ่ง พวกเราทำการแลกเงินเพิ่ม จากนั้นไกด์พาเดินข้ามฝั่งเยื้องมาทางซ้ายนิดนึง เพื่อมานั่งรอเวลาที่ร้าน Adesso cafe เป็นร้านกาแฟโมเดิร์น ขายอาหารสไตล์อเมริกันด้วย wifi ฟรี เน็ตเร็วและแรงมาก สั่งเครื่องดื่มคนละแก้วรวม 28,000 ทุกลุก นั่งใช้เน็ตฟรีกันยาว 2 ชั่วโมงกว่า อิๆ ทุกคนก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถือเอาเป็นเอาตาย ห้ามรบกวน!!! 

ถึงเวลานัด คุณลุงมารับช้านิดหน่อยเพราะรถติด แต่ไปส่งพวกเราถึงสถานีรถไฟเร็วมาก อย่างที่บอก เบียด เหยียบ บี้ เปิดไฟสูง แซง มองหน้า แพ๊พเดียวถึงที่หมาย 

ไกด์จองตั๋วรถไฟล่วงหน้าไว้ให้พวกเราแล้ว โดยนางให้ถ่าย passport ส่งมาให้ก่อน อยากบอกว่ายุ่งยากกับชีวิตมาก รูปถ่าย passport ต้องแหกหน้านั้นดีๆนะเหมือนจะแสกนรูปอ่ะ ห้ามมือบัง ทุกอย่างต้องเห็นครบ ชัดเจนที่สุด ไม่งั้นเค้าไม่ออกตั๋วให้ 

รถไฟออกเวลา 20.35 น. ประตูเปิดให้ขึ้นตอน 20.05 น. ล่ำราน้องไกด์สาวสวยใจดีและคุณลุงคนขับสุดเฟี้ยว เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ขอบคุณมิตรภาพดีๆจากเพื่อนใหม่ที่น่ารักๆทั้ง 2 คนค่ะ 

นั่งรถไฟรอบนี้จาก Ulaanbaatar, Mongolia - Irkutsk, Russia ข้ามประเทศ ทั้งโบกี้มีแต่พวกเรา ไม่มีเพื่อนห้องข้างๆร่วมเดินทางเลย เสียงดังได้เต็มที่ ภายในตู้นอน กระจกเต็มบาน มีเซทปูที่นอน ปลอกหมอน ปลอกผ้าห่ม และผ้าขนหนูให้ กระติกน้ำร้อนไม่มีละ ต้องเอาแก้วกันความร้อนไปเติมเองที่จุดบริการน้ำร้อนตรงทางเดินระหว่างโบกี้

ก่อนข้ามประเทศ ขอสรุปงบเที่ยวในมองโกเลียสำหรับ 4 คน จากวันที่  26-28 ม.ค. 60 คือ

-ที่พัก Khongor $30 (2ห้อง) 

-ไกด์ 2 วัน $80

-คนขับรถ 3 วันรวมน้ำมัน $170 (จริงๆ $160 แต่วันแรกคิดเพิ่ม $10 เพราะให้พาไปเที่ยวเพิ่มนอกลิสต์)

-ตั๋วรถไฟจาก Ulaanbaatar-Irkutsk คนละ $56 

-ไกด์รวบวันที่ 27+28 รวมค่าเกอ ค่าเข้าวัด ค่าเข้า national park ค่าเข้าอนุสาวรีย์ รวมคนละ $50 (ค่าเกอ 1คืน อาหาร 3 มื้อ คนละ 90,000 ทูกรุก หรือ $36 เองคุ้มมากอ่ะ) 

ดังนั้นรวมแล้วต้องจ่ายให้ไกด์ $664 (คนละ $166 ค่ะ)

Create Date : 20 มีนาคม 2560
Last Update : 20 มีนาคม 2560 14:53:30 น.		1 comments
Counter : 2295 Pageviews.
Share Tweet