Just the way I am.....Devil's babe must to do.
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
ป๋าเฟอร์กี้



เกิดเมื่อ 31 ธันวาคม 1941 ที่เมือง Govan, Glasgow ประเทศ Scotland
1957 : ร่วมทีมควีนส์ปาร์ค ในฐานะนักเตะสมัครเล่นและเป็นลูกจ้างฝึกหัด
ในโรงงานที่กลาสโกว์
1960 : ร่วมทีมเซนต์ จอห์นสโตน
1964 : ย้ายไปเล่นให้ทีมดันเฟิร์มลิน
1967: ย้ายไปเล่นให้ทีมเรนเจอร์ส ด้วยค่าตัว 65,000 ปอนด์
1969 : ถูกเลหลังให้ฟัลเคิร์ก ด้วยค่าตัว 20,000 ปอนด์
1974 : เป็นผู้จัดการทีมอีสต์ สเตอร์ริ่ง ในเดือนกันยายน
1977 : ย้ายไปคุมทีมเซนต์ เมียร์เรน
แต่อีกหนึ่งปีถูกปลดออกจากตำแหน่งไปรับช่วงเป็นผู้จัดการทีมอเบอร์ดีนต่อจาก บิลลี่
แม็คนีลส์
1985 : คุมทีมสก็อตแลนด์ชั่วคราวไปแข่งฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก แทน จ๊อดสตีน
แต่นำทีมตกรอบแรกในการแข่งขันรอบสุดท้าย
1986 : เดือนพฤศจิกายน ตัดสินใจรับงานผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ต่อจาก รอน
แอ๊ตกินสัน จนถึงปัจจุบัน
ผลงานที่ผ่านมา
Premiership2003, 2001, 2000, 1999, 1997, 1996, 1994, 1993
FA Cup1999, 1996, 1994, 1990
League Cup1992
FA Charity Shield1997, 1996, 1994, 1993, 1990, 2003
Scottish Premier League1985, 1984, 1980;
Scottish First Division1977
Scottish FA Cup1986, 1984, 1983, 1982
Scottish League Cup1986
UEFA Champions League1999
UEFA Cup Winners' Cup1991, 1983
European Super Cup1983, 1991
I nter-Continental Club Cup1999

เหมือนกับผู้จัดการทีมมีอันดับหลาย ๆ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ แชปแมน
เฟอร์กูสัน เริ่มต้นแบบธรรมดา ๆ หนุ่มชาวสก็อตต์ผู้ซึ่งมีความร่าเริงเป็นนิสัย
ได้เริ่มต้นอาชีพเป็นคนดูแลเครื่องมือของอู่ต่อเรือ Clyde ตั้งแต่วัยรุ่น
ในช่วงนั้นก็เล่นฟุตบอลกับทีมสมัครเล่น Queens Park เขาเริ่มต้นเล่นในระดับ league
ตั้งแต่ปี 1957 ในตำแหน่ง centre-forward ให้กับทีม Stranraer
ซึ่งเป็นทีมดีวิชั่นสอง จากนั้นย้ายไปเล่นให้ทีม St Johnstone ในปี 1960
และในปี1964 ก็ได้เป็นนักเตะอาชีพเต็มตัวเมื่อไปอยู่ทีม Dunfermline ทำให้ อเล็กซ์
เฟอร์กูสัน ได้มีโอกาสแสดงโชว์ผลงานจนเป็นที่สนใจของทีม Glasgow Rangers
ซึ่งเป็นทีมในดวงใจของเขามาตั้งแต่เด็ก หลังจากเล่นให้ Dunfermline อยู่ 3 ปี
ก็ย้ายไปเล่นให้เมืองเกิด Glasgow ด้วยค่าตัวถึง 65,000 ปอนด์

อย่างไรก็ตาม
ความฝันหวานได้กลายเป็นขมเมื่อเฟอร์กูสันไม่มีผลงานจนในที่สุดในปี 1969
เฟอร์กูสันก็ถูกขายต่อให้ กับทีม Falkirk
และที่นี่เองเป็นโอกาสให้เขาได้เริ่มทดสอบกับการเป็นโคช จนในปี 1973
จึงได้ย้ายไปอยู่กับทีม Ayr United การไปอยู่กับทีม Ayr United
นี่เองเปรียบเสมือนกับเป็นหัวเลี้ยงหัวต่อในอาชีพของเฟอร์กูสัน
ซึ่งหลังจากที่ได้เปลี่ยนอาชีพหลายอย่าง
เขาจึงตัดสินใจทำอาชีพเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลเต็มเวลาให้กับทีม East Stirling
เมื่อเดือนกรกฎาคม 1974 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุ 32 ปี ที่นี่เองที่ อเล็กซ์
เฟอร์กูสัน
ได้สร้างผลงานและชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างรวดเร็วและได้ย้ายไปเป็นผู้จัดการให้กับทีม
St Mirren ในดิวิชั่นหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน อเล็กซ์
เฟอร์กูสันได้ทำให้ทีมได้เป็นแชมป์ประจำฤดูกาลในช่วงปี 1976/77
แต่แม้ว่าจะมีผลงานถึงขนาดนั้นแล้วก็ตาม
เขากลับถูกให้ออกจากสโมสรหลังจากมีเรื่องขัดแย้งกับประธานสโมสร
เขาปฏิเสธการทาบทามให้ไปเป็นผู้จัดการทีม จากทีมใหญ่ ๆ ในสก็อตแลนด์หลายทีม
จนในที่สุดเขาก็ได้ทำสัญญาเข้าไปบริหารทีม Aberdeen ในปี 1978
เขาได้ปรับปรุงทีมจากทีมสโมสรธรรมดาจนกลายเป็นทีมชั้นนำ ได้นำชัยชนะให้แก่ทีม
Aberdine มากมายในช่วงที่เขาได้เข้าไปจัดการ ทำลายสถิติเหนือทีมดังอย่าง Rangers
และ Celtic ในช่วงปี 1983 เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของทีมจากสก็อตแลนด์
เมื่อเขาได้ทำให้ทีม Aberdine ได้แชมป์ European Cup Winners' Cup
เมื่อเอาชนะทีมดัง Real Madrid ของสเปน 2:1
นับจากนั้นมาจนถึงปัจจุบันยังไม่มีทีมสโมสรจากสก็อตแลนด์ได้มีโอกาสชูถ้วยนี้อีกเลย

ผลความความเก่งกาจในการนำความสำเร็จมาให้ทีม Aberdeen
และหลังจากได้มีโอกาสคุมทีมชาติให้กับสก็อตแลนด์ในฟุตบอลโลกที่เม็กซิโกในปี 1986
แทนผู้จัดการทีม Jock Stein ซึ่งเสียชีวิตลง
ทำให้เฟอร์กูสันถูกจับตามองจากวงการฟุตบอลระดับโลก เขาได้รับการทาบทาม
จากทีมบาร์เซโลน่า อาร์เซน่อล กลาสโกลล์เรนจ์เจอร์ และท็อตแนมฮอตสเปอร์
ให้ไปเป็นผู้จัดการทีมด้วยค่าตัวที่สูงมากแต่ก็ปฏิเสธ
เซอร์ อเล็กซ์
เฟอร์กูสันเข้าทำหน้าที่ผู้จัดการทีมให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต่อจากรอน
แอ๊ตกินสันเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1986 ในช่วงแรกเฟอร์กูสันต้อง
รับภาระแก้ไขปัญหาของสโมสรที่ รอน แอ๊ตกิินสันสร้างทิ้งไว้
ทำให้เขาไม่สามารถจะแสดงผลงานให้เป็นที่พอใจของชาวโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดได้
ซึ่งมันดูเหมือนกับว่าเขาได้ทิ้งความสำเร็จไว้ที่สก็อตแลนด์
แม้ว่าเขาได้นำทีมจนได้เป็นอันดับ 2
ตามหลังทีมลิเวอร์พูลภายหลังจากที่เขาเข้ามาคุมทีมแมนยู ได้ 3 ปี แล้วก็ตาม
ก็ยังมีเสียงสะท้อนอย่างไม่พอใจ “Fergie out” ให้ได้ยินจากบ้านของแมนยู

แต่เบื้องหลังที่แท้จริงแล้ว อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ได้รื้อฟื้นสร้างความเข้มแข็งให้แก่สโมสร
โดยสร้างทีมเยาวชนของสโมสรขึ้นมาในขณะเดียวกัน
ซึ่งเป็นผลดีแก่ทีมอย่างยิ่งในอีกหลายปีต่อมา
และยิ่งไปกว่านั้นเขายังปรับปรุงทีมโดยขายนักเตะเจ้าปัญหาบางคนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลชาวโอลด์
แทร็ฟฟอร์ด สร้างความไม่พอใจเพิ่มขึ้น
และผลร้ายแรงที่ตามมาในช่วงนั้นก็คือความตกต่ำของทีม ความพ่ายแพ้ของแมนเช็สเตอร์
ยูไนเต็ดต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนมกราคม 1990 ถึง 5 - 1
และเกมส์ที่พบกับน็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส ในรอบสามของฟุตบอลถ้วย เอฟ เอ
ทำให้อนาคตของเฟอร์กูสันเหมือนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าหาก แมนยูแพ้ในแมทซ์นี้
ก็คงจะหมดสมัยของเฟอร์กี้ไปด้วย แม้ว่า มาติน เอ็ดเวิดร์
ซึ่งประธานสโมสรจะปฏิเสธในเรื่องนี้ก็ตาม เมื่อการแข่งขันผ่านไปจนเกือบจะหมดหวัง
เขาส่ง มาร์ค โรบินส์
ซึ่งเป็นตัวสำรองลงสนามและยิงประตูนำชัยชนะมาให้ทีมอย่างหวุดหวิด 1 – 0
จึงทำให้เฟอร์กูสันยังมีโอกาสแสดงฝีมือต่อไป
จากชัยชนะครั้งนี้นับเป็นจุดหักเหในชีวิตของเฟอร์กูสันก็ว่าได้
เมื่อทีมปีศาสแดงได้ชัยชนะครองถ้วยเอฟ เอ โดยเอาชนะในแมทซ์รีเพลย์กับทีมคริสตัน
พาเลซไป 1 – 0
ในฤดูกาลต่อมาทีมยูไนเต็ดก็ได้ลิ้มรสแห่งชัยชนะอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเอาชนะบาเซโลน่า 2-1 ได้ครองถ้วย คัพวินเนอร์ ของยุโรป โดยมาร์ค ฮิวจ์ส
เป็นผู้ยิงประตูเอาชัยชนะต่ออดีตทีมเก่าของเขานั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนั้น
ทีมปีศาจแดงที่เคยเป็นแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายมาตั้งแต่ปี 1967
เมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ไม่สามารถคว้าตำแหน่งแชมป์ใด้โดยเป็นรองแก่ทีมลีดส์
ยูไนเต็ด ในช่วงนั้นตำแหน่งผู้จัดการของเฟอร์กี้จึงยังง่อนแง่นอยู่นั่นเอง
ในปีต่อมา
ได้มีการเปลี่ยนจากฟุตบอลดีวิชั่นหนึ่งซึ่งมีมานานกว่าร้อยปีไปเป็นฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
และนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นต้นมา
ก็เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นยุคทองของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ภายใต้การนำพาของเฟอร์กูสัน เพราะหลังจากเริ่มฤดูกาลปี 1992/93 ในเดือนพฤศจิกายน
เมื่อ เอริก คันโตน่า ได้ย้ายจากจากทีมลีดส์มาอยู่ค่ายโอลด์
แทร็ฟฟอร์ดอย่างไม่คาดฝัน ด้วยการเล่นด้วยฝีมือมหัศจรรย์ของเอริก
คันโตน่าเปรียบเสมือนกับตัวต่อจิกซอร์ตัวสุดท้ายของเฟอร์กี้ และในที่สุด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ชัยชนะคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ เมื่อแซงแอสตัน
วิลล่าคู่ปรับอย่างฉิวเฉียด หลังจากเหี่ยวแห้งมาถึง 26 ปี

ในฤดูกาล 1993/94 หลังจากยูไนเต็ดได้ตัว รอย คีน มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 3.5
ล้านปอนด์ ยูไนเต็ดก็เริ่มแสดงความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลลีก
เมื่อทีมภายใต้การจัดการของเฟอร์กูสันได้ครองถ้วยทั้งสองใบของฟุตบอลอังกฤษ
โดยเฉือนคะแนน แบร็คเบิร์น โรเวอส์ ในลีก และเอาชนะเชลซีถึง 4-1
ในแมชท์ชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย FA แต่ แบร็คเบิร์น โรเวอส์
ก็แก้แค้นคืนได้เมื่อเอาชนะทีมปีศาจแดงในปีต่อมา รุ่งขึ้นอีกปีคือ 1995/96
กลับมาพิชิตถ้วยทั้งสองใบได้อีกครั้งหนึ่ง
การจัดการทีมของเฟอร์กูสันได้สร้างความฮือฮาและเป็นที่จับตามอง
เมื่อเขาได้สร้างกลุ่ม “ลูกเจี๊ยบ” ซึ่งเรียกว่า 'Fergie's Fledglings' ได้แก่
เดวิด เบ็คแฮม, พี่น้องเนวิลล์, พอล สโคลล์, นิคกี้ บัตต์, และไรอัน กิ๊กส์
ขึ้นมาแทนที่นักเตะที่มีประสบการณ์มานานอย่างเช่น มาร์ค ฮิวจ์ส, พอล อินซ์
และอังเดร คันเชลสกี้ เขาถึงกับถูกประมาทหน้าจากอลัน แฮนสัน
แห่งวงการโทรทัศน์ว่าคบเด็กสร้างบ้านด้วยซ้ำเมื่อทีมแมนยูแพ้ในวันเปิดฤดูกาลใหม่
แต่คำพูดนั้นก็ไม่ได้ข่มขวัญเฟอร์กี้แต่อย่างใด เพราะเมื่อหมดฤดูกาล “ลูกเจี๊ยบ”
ของเขาทำให้ทีมขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งคะแนนนำอันดับที่สอง นิวแคสเซิล ถึง 14 แต้ม
แมนยูได้แชมป์ลีกอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่สี่ในห้าฤดูกาลในฤดู 1996/97
ทำให้ทีมได้ภาพพจน์ที่น่าเชื่อในศึกแชมเปี้ยน ลีก
เฟอร์กูสันกลายมาเป็นคนมีชื่อเสียง
และได้มีความมุ่งมั่นที่จะนำทีมไปเอาชิงชัยถ้วยยูโรเปี้ยน “Holy Grail” ให้ได้
ทีมปีศาจแดงเข้าถึงรอบรองชนะเลิศโดยไปแพ้แก่ทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุน และทีมเอ เอส
โมนาโกในปีต่อมา ในขณะที่ในปีนั้นเองทีมอาร์เซน่อลโดยการนำของ อาร์แซน
เวนเกอร์กลับใด้ชัยชนะทั้งถ้วยพรีเมียร์ และเอฟเอ คัพ จากการพ่ายแพ้นี้
ทำให้เฟอร์กูสันได้ลงทุนซื้อกองหลัง ยาป สตัม และกองหน้า ดไวท์ ยอร์ค จากแอสตัน
วิลล่า ถึง 23 ล้านปอนด์ มาสร้างความเข้มแข็งให้ทีม

ในฤดูกาล 1998/99 จากการเล่นของดไวท์ ยอร์ค คู่ขากับแอนดี้ โคล
ทำให้ทีมปีศาจแดงได้ครองแชมป์ลีกอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ได้แชมป์ เอฟเอ
เมื่อเอาชนะนิวคาสเซิ่ล 2-1 และได้เข้าถึงรอบชิงถ้วยสโมสรยุโรป
ในศึกชิงถ้วยสโมสรยุโรป ยูไนเต็ดพบกับบาเยิร์น มิวนิคในสนามของบาเซโลน่า
โดยบาเยินนำก่อน 1-0 จนกระทั่งอยู่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เทดดี้
เชอริงแฮมซึ่งลงเป็นตัวสำรอง และโอเล่ กุนนา โซลชา ต่างทำประตูให้แมนยูกลับนำเป็น
2-1 และชนะไปในที่สุด จากนั้น
เฟอร์กี้ก็ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธให้เป็นเซอร์
เพื่อเป็นรางวัลที่เขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษ
ในปีต่อมา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ได้ประกาศจะอำลาวงการฟุตบอลเมื่อหมดฤดูกาลปี 2002 เมื่อเขาถอนทีมจากการแข่งขัน
เอฟเอ คัพ เพื่อไปแข่งฟุตบอลโลกของฟีฟ่าที่ประเทศบราซิล ซึ่งก็ไม่ประสบผลดีนัก
แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับเฟอร์กี้
ซึ่งได้นำทีมได้ถ้วยพรีเมียร์ชิพอีกครั้งหนึ่งเมื่อทำคะแนนห่างทีมศัตรูเก่าอาร์เซน่อล
ถึง 18 คะแนน เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
ในฤดูกาล 2000/01 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้พิชิตตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งในปีนี้เองที่ อเล็กซ์
เฟอร์กูสันได้กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ชนะเลิศครองแชมป์พรีเมียร์ลีคก์ถึงสามปีซ้อน
ทำให้เขาได้กลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
ในการเตรียมทีมในฤดูกาลสุดท้ายที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ได้กำหนดไว้ว่าจะลาออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในปี 2000 นั้น
เขาได้ทุ่มเงินซื้อศูนย์หน้าดาวซัลโว รุด ฟาน นิสเตลรอย และ กองกลาง ฮวน เซบาสเตียน
เวรอน ด้วยเงินถึง 50 ล้านปอนด์ แต่ก็ไม่สามารถจะป้องกันทีมคู่ปรับอาร์เซน่อลได้
และในปีนี้เองที่ อาร์เซน่อลสามารถพิชิตได้ทั้งถ้วยพรีเมียร์ลีกและ เอฟเอ คัพ

ในศึกสโมสรยุโรป
ทีมแมนฯยูไนเต็ดเล่นเสมอทั้งเหย้าและเยือนในรอบรองชนะเลิศกับทีมบาเยิร์น
เลเวอร์คูเซ่น
ดับความฝันของท่านเซอร์ที่ตั้งใจจะนำทีมให้ได้ชัยชนะถ้วยยุโรปในเมืองกราสโกลว์บ้านเกิดของตัวเองก่อนที่จะหมดสัญญา
ซึ่งทำให้ปีศาจแดงจบฤดูกาลมือเปล่ากลับบ้าน ทำให้เฟอร์กูสันตัดสินใจไม่ลาออก
เขาเซ็นสัญญาต่อไปอีกสามปี โดยมีอดีตโค้ชทีมชาติโปรตุเกสและแอฟริกาใต้ คาร์ลอส
เคยรอช เป็นผู้ช่วยคนใหม่ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
เขายังทำลายสถิติการจ่ายค่าตัวการย้ายตัวนักฟุตบอลของอังกฤษโดยนำ ริโอ เฟอร์ดินานด์
กองหลังของทีมลีดส์ สำหรับฤดูกาล 2002/03 อีกด้วย
ซึ่งในฤดูกาลนี้เฟอร์กูสันและลูกทีมที่โอลด์
แทร็ฟฟอร์ดมุ่งหมายที่จะครองแชมป์ถ้วยสโมสรยุโรปอีกครั้งหนึ่ง
แต่หลังจากที่ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเข้าไปเจอกับทีมรีล มาดริด แมนฯยูไนเต็ด
ก็ต้องต้องผิดหวังอีกเช่นเคยเมื่อพ่ายผลรวมประตูไป 6-5
ผลจากการพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้จุดประกายข่าวลือการสั่นคลอนของทีมในฤดูกาล
2003/2004 และนักเตะในสังกัดได้มีการแววจะโยกย้ายไปค้าแข้งต่างประเทศ เดวิด เบ็คแฮม
ย้ายไปอยู่ทีมรีล มาดริดด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ มีข่าวลือว่าไรอัน กิ๊กส์
จะย้ายไปทีมอินเตอร์ มิลาน หรือแม้แต่ ฮวน เวรอน
ก็มีข่าวลือว่าจะย้ายออกจากทีมเหมือนกัน (ในที่สุดเบ็คแฮมก็ตัดสินใจย้ายไปรีล
มาดริด และเวรอนก็ย้ายไปเชลซี)
ในศึกชิงถ้วย เอฟเอ ฤดูกาล 2003/04
ทีมปีศาจแดงได้ถูกทีมคู่แข่งอาร์เซนอลเขี่ยตกรอบห้าไปเรียบร้อย
และแม้แต่ความหวังที่จะครองถ้วยพรีเมียร์ชิปเป็นครั้งที่ 8 ภายใน 11 ปี
ก็หมดสิ้นเมื่อคะแนนของอาร์เซน่อลนำห่างไปและได้แชมป์ไปในที่สุด
ดังนั้นความฝันที่จะได้ถ้วยฟุตบอลอังกฤษมาครองสักใบก็สลายไป
ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคงมีต่อไป
อย่างน้อยความหวังในฤดูกาลหน้า 2005 ก็ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทีมแมนเชสเตอร์
ยูไนเต็ดของเขายังคงมีอยู่ตลอดไป

ขอขอบคุณ //www.thaimufc.com





Create Date : 19 มกราคม 2549
Last Update : 19 มกราคม 2549 18:57:53 น. 1 comments
Counter : 608 Pageviews.

 
รักเฟอร์กี้...



คิดถึงเมื่อก่อนจัง...


โดย: jay_c วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:21:37:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

K-modjung
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add K-modjung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.