- JyHorseman Digital Sweet
- 2011m07d27: My Favourite Link
- Cyber ; Try to be there.
- Boy Double Bass, Hua-Hin
- Sivalee, Pinklao-Sathorn
- Sivalee, Turf Grasses [กับการปลูกหญ้าในสนาม ... อีกแล้ว]
- 2010m09d25: มือปราบเด็กเฮี้ยว (TPBS Channel)
- 2008m06d01: ปลูกต้นพิกุลทดแทนต้นลำดวล
- 2009m11d26-28: ปลูกเถาว์ถั่ว (ถั่วบราซิล)
- 2010m01d09 : ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง (Carnivorous Plants)
- 2010m08d01: My Roses (ปลูกกุหลาบ)
- 2010m01d19: Ford Telstar TX4
- 2010m05d05; Nissan Teana 250XV
- 2011m11d11: The Car New Ones [เพิ่มรถใหม่อีกซักคัน]
- 2010m06d25: My First Ones, Nikon D90
- 2010m07d23: Get Nikon D5000, 2 Lens
- 2011m01d26: Nikon Coolpix S3000, 3rd
- 2011m09d01: Tripod for DSLR [เกี่ยวกับขาตั้งกล้อง DSLR]
- 2011m12d08: Nikon Speedlight, It's the next.
- 2013m02d20: Get the New Pixel TC-252 Cable Timer Remote Control
- 2010m09d12: Training with World Camera-Ladpraw
- 2011m02d26: D2H Basic Camera Usage
- 2010m02d14: My Denali, Sundance Hot Tub Spa
- 2010m07d14: Electrical Rotary Drill BOSCH; GBH 2-26 DFR
- 2010m10d13: Electrical Drill BOSCH; GSB 10 RE
- 2010m10d11: Digital Multimeters UT33 Series
- 2011m04d28: Hidef Player [เครื่องเล่นไฮเดฟ]
- 2011m05d19: Blood Pressure Monitoring [ต้องระวังเรื่องความดันโลหิตสูงแล้ว]
- 2012m07d23: Eggs for Blood Pressure [ไข่ไก่ดองน้ำส้มสายชูหมัก]
- 2012m01d09: My GPS Garmin nuvi 1250
- 2009m12d29-m01d03: Trip, Kunming - Jade Dragon Snow Mountain
- 2010m06d05-07: Trip, WangNamKhaew
- 2010m07d24-27: Yon-Roi iSan, OSorTho
- 2010m10d01-03: Trip Island, Thong-Pha-Phum
- 2011m02d03-07 : Trip, Angkhang - Pai
- 2011m05d04-05: Trip, Kanchanaburi-Naraesuan (โรงถ่ายนเรศวร)
- 2011m05d21,28 & m06d04_Trip, MuseumSiam, Yutha-Sarth
- 2011m08d18, m09d02-04&18: OSoTho, Writer & Photographer Project
- 2011m10d15-16: Trip, Nissan Teana Family Caravan [คาราวาน ระรื่น ชื่นลม ชมตะวัน]
- 2012m02d99: Let's Trip at Kangkrajan [ทริป, แก่งกระจาน]
- 2012m07d13-15: Foto Trip, ชม-ชิม-แชะ เมืองลับแล มหัศจรรย์หมู่บ้านหลังเขา
- 2010m11d30: Nurse
- 2010m12d13: Ancientism Collection
- Water Sport, JetSki & JetBoat
- JyHorseman Sweet Trip
- 2011m02d22: Archery Horseman
- 2011m05d25: Golf Training
- 2011m06d13: Ukulele Guitar, The New Ones
- 2012m02d25-m04d08: การเรียนถ่ายภาพเพื่ออาชีพ รุ่น 50
- 2012m11d24: SEAL @Thonburi [ซึล, ย่ำฝั่งธนยลวัดวาอาราม ...]
- 2012m12d07-10: Trip Nan [ทัวร์น่าน, ซิตี้ทัวร์ ดอยเสมอดาว ผาชู้ ดอยภูคา บ่อเกลือ]
- 2012m12d21-25: Trip ZhangJiaJie [ตามรอยอวตาร ฉางชา จางเจี่ยเจี้ย]
- 2012m12d28-2013m01d02: Trip Lao [ลาวเหนือ, เวียงจันทน์, วังเวียง, หลวงพระบาง]
- 2013m01d10: Photographer Favorite Tips & Technics
- 2013m01d26-27: Relaxation Time at Rayong
- 2013m03d02: D2H Training, Concert Activity Take Shot [อบรมการถ่ายภาพงานคอนเสิร์ต]
- 2013m03d09: Trip Klong Bang Luang [ล่องคลองบางหลวง เยือนถิ่นแม่พลอย]
- 2013m03d30-31: EyeContact 02-Workshop "Star Trail" with DSLR at Pangsida
- 2013m02d22: Time Lapse with Nikon DSLR
- 2013m02d23: การถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน
- 2013m03d18: DengoTech Tablet PC A79, The New Ones
- 2013m05d17: Got 2 Nikon Lens, 50 mm. F1.8G & 18-200 mm.
- 2013m06d14: LG LM6200 3D TV - Lighting on Screen [แสงรั่วหน้าจอภาพ]
- 2013m06d15: อภิเนาว์สถานวังเจ้า "วังปารุสกวัน - วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"
- 2013m08d31: Picture for Products by Digital2Home [การถ่ายภาพสินค้า โดย D2H]
- 2013m11d02: Travel and Documentary Photography - 2nd Group [การถ่ายภาพเพื่อสารคดีท่องเที่ยว กลุ่มที่ 2]
- 2013m11d03: Basic Photographic Techniques by EyeContact [อบรมพื้นฐานการถ่ายภาพเบื้องต้น]
- 2013m11d19-23: Korea Trip - Rapid Tour [ทัวร์เกาหลี - โปรไฟไหม้,โปรเร่งด่วน]
- 2013m12d24: Wire for RJ Lan Plug [การเรียงลำดับสายไฟของปลั้กแลนด์]
- 2013m12d27: New Luggage, How to ? [ซื้อกระเป๋าเดินทางใบใหม่, อย่างไรดี]
- 2014m02d05: Get Katana Sword - Snipe Wood SF-1
- 2014m02d22: Koh-Kred Trip with Variety Siam [ทริปเกาะเกร็ด กับชมรมพิพิธสยาม]
- 2014m03d13-15: Myanmar Trip [Yangon-Sirieam-Hongsawadee]
- 2014m11d13-16: Myanmar Trip [Phukam-Mandalay]
- 2014m03d28-30: Uthathani Trip with Variety Siam [มนต์รักอุทัยธานี]
- 2014m04d12-15: Jeju Island, South Korea with TourTook
- 2014m04d24: Nikon School - Flash Workshop
- 2014m04d26-27: Sri-Chang Island with Variety Siam ["สีชัง" พระราชฐานแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้าหลวง]
- 2014m05d28: Playing Golf with JyHorseman
- 2014m06d15: Maria Na KraiBaan [Nikon Workshop - I am Happy Living]
- 2014m07d17: Let's JyHorseman Trips
- 2014m12d09: Learning Golf by Yourself with Pro Chaowarat [ฝึกซ้อมกอล์ฟด้วยตนเองกับโปรเชาวรัตน์]
- 2015m01d11: Get in the Turntable & Gramophone Record [เครื่องเล่นแผ่นเสียง]
- 2015m01d11: Jyhorseman Turntable Shelf
- 2014m12d30-2015m01d03: Trip South of Lao [สามพันโบก-คอนพะเพ็ง-โขงเจียม-ผาแต้ม]
- 2015m06d13-15: Chanthaburi Trip with Father
- 2015m10d14-15: Adobe Photoshop CS6 Class Training
- 2015m11d28-m12d02: Trip Japan [Tokyo, Fuji] with Chill Square Travel
- 2016m02d25-26: SketchUp 2014 and Basic V-Ray Training
- 2016m03d11: Callaway Golf in My Games
- 2016m12d29-2017m01d01: Vietnam Trip
- 2017m01d01: My Golf Bags
- 2017m04d08-16: Trip Great Russia
- 2017m09d01 Titleist 718 My Experience
- 2017m12d23-31: Vienna The Series Trip
- 2018m01d01: JyHorseman Watches Box
- 2018m02d22: My MEVO FlightScope
- 2018m04d13-17: South Vietnam by Weekend Tours
- JyHorseman List (since 2021m10d20)
- 2022m03d12: Benz W211 E240
- 2023m03d03-09: Hokkaido Ice Breaker, Letago
- 2023m07d07: HP Victus 16-d1213TX
- 2010m01d01: HP Pavillion dv6-1111TX
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
2012m12d07-10: Agenda [กำหนดการ] (น่าน ซิตี้ทัวร์ ดอยเสมอดาว ผาชู้ ดอยภูคา บ่อเกลือ)
======================================================== 2012m12d07-10: Agenda [กำหนดการ] (น่าน ซิตี้ทัวร์ ดอยเสมอดาว ผาชู้ ดอยภูคา บ่อเกลือ)
========================================================
เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้ไปร่วมงานไทยเที่ยวไทย ที่เมืองทองธานี และได้พบรายการไปเที่ยวที่จังหวัดน่าน ที่น่าสนใจหลายๆ รายการ ประกอบกับ ตั้งใจว่าเมื่อมีโอกาส จะไปชมภาพวาดที่วัดภูมินทร์ สักครั้ง
ครั้งนี้ ได้โอกาสที่เหมาะทั้งด้านเวลาและกิจกรรม จึงได้เลือกร่วมทริปไปในครั้งนี้ และจะมีรายการสถานที่ไปต่างๆ ก่อนไป ขอเตรียมข้อมูลดูหน่อย จากเว็บต่างๆ เพื่อว่า เวลาไปยังสถานที่จริง จะได้รู้ว่า ต้องไปดูอะไรบ้าง
Agenda [กำหนดการ] (น่าน ซิตี้ทัวร์ ดอยเสมอดาว ผาชู้ ดอยภูคา บ่อเกลือ)
พระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก ... ดอยเสมอดาว สุดยอดวิวเหนือลำน้ำน่านและตำนานรักสามเศร้า ... ผาชู้ ศูนย์ภูฟ้าและโรงต้มเกลือสินเธาว์ ... บ่อเกลือ ดอกชมพูภูคาและป่าดึกดำบรรพ์ ... ดอยภูคา
วันแรก: กรุงเทพ - น่าน 19.30 น. คณะพร้อมกัน ณ จุดนัดหมาย เทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว-ถนนพหลโยธิน (คลิกดูแผนที่) โดยมีทีมงานบริการในเรื่องกระเป๋าสัมภาระ ออกเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน ด้วย รถตู้ปรับอากาศ VIP รุ่นใหม่ พร้อมบริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม
[Map, จุดนัดพบของ Double Enjoy at Tesco Lotus- Ladpraw]
วันที่ 2: อช.ศรีน่าน - ดอยเสมอดาว ผาหัวสิงห์ - ผาชู้ - เสาดินนาน้อย - วัดพระธาตุเขาน้อย วัดพระธาตุช้างค้ำ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน(งาช้างดำ) วัดมิ่งเมือง วัดภูมินทร์- ร้านใจ๋เมือง Milk Club - หอศิลป์ริมน่าน - วิหารวัดหนองบัว - อ.ปัว
[อุทยานฯศรีน่าน Map, Source: //www.tiaownan.blogspot.com]
05.30 น. ถึง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ ดอยเสมอดาว นอกจากนี้ยังสามารถชม ผาหัวสิงห์ ได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
[อุทยานฯศรีน่าน, Source: //www.Bosnos.com]
[ดอยเสมอดาว, Source: //www.OceanSmile.com]
[ผาหัวสิงห์, Source: //www.OceanSmile.com]
07.30 น. บริการอาหารเช้า (1) ณ ที่ทำการ อช. หลังอาหาร ให้เวลาถ่ายรูปกับสายธงชาติที่ยาวที่สุดในโลกและตำนานรักสามเส้า ....ผาชู้
[ทะเลหมอก ผาชู้, Source: //www.OceanSmie.com]
[ ผาชู้: Source: //www.learners.in.th/blogs/posts/426344 ]
บริเวณเชิงผาชู้เป็นจุดที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ในช่วงฤดูหนาวจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้จากยอดผาชู้ และเมื่อหมอกจางจะมองเห็นลำน้ำน่านทอดตัวคดเคี้ยวอยู่ที่ปลายผืนป่า หากจะขึ้นไปชมต้องขึ้นแต่เช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ช่วงใกล้ขึ้นถึงยอดจะเป็นหินแหลมคม จึงต้องเตรียมรองเท้าผ้าใบที่ใส่กระชับไปด้วยเพื่อความสะดวกในการปีนป่าย ใช้เวลาในการเดินประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้ที่ประสงค์จะเดินขึ้นยอดผาชู้ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตู้ ปณ.14 อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150
คำว่า ชู้ ไม่ได้หมายถึงชู้สาว แต่หมายถึงคนรัก ซึ่งผาชู้แห่งนี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันมีทิวทัศน์สวยงาม และยังมีเรื่องราวเป็นตำนานในหลายเวอร์ชั่นเล่าสืบต่อกันมา
[1] ตามตำนานที่เล่ากันมาเกี่ยวกับผาชู้กล่าวว่า เจ้าเอื้องผึ้งซึ่งเป็นคู่รักกับเจ้าจันทน์ผา จำใจต้องแต่งงานกับเจ้าจ๋วง เจ้าเอื้องผึ้งเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดจากหน้าผา เจ้าจันทน์ผาตามมาพบว่าเจ้าเอื้องผึ้งได้กระโดดหน้าผาไปแล้ว จึงกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามคนรักตกไปอยู่ใกล้กัน และเจ้าจ๋วงได้เห็นหญิงที่ตนรักกระโดดหน้าผาไปจึงรู้สึกเสียใจและตัดสินใจกระโดดหน้าผาตามลงไปด้วยแต่กระเด็นห่างออกไป ด้วยความรักแท้ระหว่างเจ้าเอื้องผึ้งและเจ้าจันทน์ผา ในชาติต่อมาเจ้าเอื้องผึ้งจึงเกิดเป็นดอกกล้วยไม้เกาะอยู่ใต้ต้นจันทน์ผา และเจ้าจ๋วงก็เกิดเป็นต้นสน ณ จุดที่ตกไปนั้นเอง ( จ๋วง เป็นภาษาเหนือแปลว่าต้นสน เอื้องผึ้ง แปลว่ากล้วยไม้) หน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ผาชู้ นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
[2] ส่วนอีกตำนานหนึ่งซึ่งเป็นต้นแบบแห่งการเขียนเพลง เอื้องผึ้ง จันผา ของอ.จรัล มโนเพ็ชร ได้มีผู้เล่าต่อกันมาว่า แต่เดิมเอื้องผึ้งและจันทร์ผานั้น เป็นคู่รักกัน ทั้งสองให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป ไม่พรากจากกัน ถ้าหากแม้นคนหนึ่งตายไป อีกคนหนึ่งก็ไม่ขออยู่ต่อ และแล้วโศกนาฏกรรมก็มาถึง หนุ่มจันทร์ผา พาสาวเอื้องผึ้งไปเที่ยวที่ดอย เขาเห็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอม งอกอยู่ที่ต้นไม้ริมผา จึงคิดจะเก็บมาให้สาวเอื้องผึ้ง คนรักของตน จึงปีนไปเก็บดอกไม้ชนิดนั้นมา แม้เอื้องผึ้งจะห้ามแต่จันทร์ผาก็ยังพยายามจะไปเด็ดดอกไม้มาให้ได้
และแล้วในที่สุดสิ่งที่เอื้องผึ้งกลัวก็เป็นความจริง จันทร์ผาพลาด ตกลงไปในเหว เลือดไหลนอง คอหัก ตายสนิท เอื้องผึ้งร่ำไห้ หัวใจแตกสลาย จึงวิ่งเอาหัวชนกับแง่หินที่หน้าผา ตายตามจันทร์ผา เหมือนที่เคยให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป ดอกไม้ที่จันทร์ผาพยายามจะเก็บนั้น ต่อมาคนให้ชื่อว่า ดอกเอื้องผึ้ง ส่วนที่ๆจันทร์ผาตกลงไปตาย ก็มีต้นไม้ชนิดหนึ่งงอกขึ้นมา ผู้คนกล่าวขานเรียกว่า ต้นจันทร์ผาเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความรักที่ยั่งยืนของคนทั้งคู่ตลอดไป....
[3] บ้างก็เล่าว่ามีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเกิดรักกัน โดยที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงมีฐานะดีกว่าฝ่ายชาย จึงถูกกีดกันจากญาติของผู้ใหญ่ ด้วยความรักกัน ฝ่ายหญิงจึงมา ณ ที่แห่งนี้แล้วได้กระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย เมื่อฝ่ายชายทราบเรื่องจึงตามมาและได้พบศพของหญิงสาว จึงเสียใจและกระโดดหน้าผาตายตามกัน หน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ผาชู้ นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา [4] แต่อีกบางตำนานก็ว่าเป็นเรื่องราวของบุตรสาวผู้เลอโฉมของเจ้าเมืองน่าน ไปหลงรักชายหนุ่มสามัญชนผู้ต้อยต่ำ แต่ถูกกำแพงแห่งชนชั้นขวางกั้น จึงพากันหลบหนีไป ฝ่ายเจ้าเมืองน่านจึงได้สั่งให้ทหารออกติดตามมาจนถึงหน้าผาแห่งนี้ ครั้นเมื่อจวนตัวทั้งสองหมดหนทางที่จะหนีต่อไปได้ จึงตัดสินใจกระโดดหน้าผาสูงชันลงมาสิ้นใจ เพราะไม่ต้องการพรากจากคนรัก.....ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกหน้าผาแห่งนี้ว่า ผาชู้
[5] และบ้างก็บอกว่า ที่มาของชื่อ ผาชู้ นั้นมาจากคำว่า ผาชูธง เนื่องจากบนยอดผานั้น มีเสาธงปักอยู่ และมีการโรยเชือกลงมาด้านล่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชักธงขึ้นสู่ยอดเสาบนผาได้ นับเป็นสายธงชาติที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือมีความยาวถึง 200 เมตรเลยทีเดียว นอกจกนี้ที่จุดชมวิวผาชู้ ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์และแม่น้ำน่านที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปตามที่ราบลุ่มอย่างงดงาม
08.30 น. จากนั้นมุ่งหน้าสู่ อ.นาน้อย ชม เสาดินนาน้อย ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนจากธรรมชาติ แหว่งเว้าเป็นรูปทรงต่างๆ ดูแล้วงามตาครับ ให้เวลาถ่ายรูปกันประมาณครึ่งชั่วโมง
[เสาดินนาน้อย, Source: //www.OcenSmile.com]
10.00 น. ออกเดินทางสู่ อ.เมือง จ.น่าน นำท่านขึ้นไปชมวิวเมืองน่านที่ วัดพระธาตุเขาน้อย ปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตรงบริเวณลานปูนพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่ คือ พระพุทธมหาอุตมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน ถือเป็นจุดเดียวที่เห็นเมืองน่านจากมุมสูง
[ วัดพระธาตุเขาน้อย, //www.DooAsia.com]
[ วัดพระธาตุเขาน้อย, //www.NanLover.com]
[ วัดพระธาตุเขาน้อย, //www.ThaiDPhoto.com] Source: วัดพระธาตุเขาน้อย (Wat Phrathat Khao Noi): [ //www.dooasia.com/nan/037k002.shtml ] 12.00 น. บริการอาหารกลางวัน (2) หลังอาหาร นำท่านชม วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (พระอารามหลวง) เป็นศิลปะสมัยสุโขทัย มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี จากนั้นนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน มี งาช้างดำ วัตถุโบราณสำคัญคู่เมืองน่าน จากนั้นนำท่านสักการะ ศาลพระหลักเมืองน่าน และชมความอลังการของ วัดมิ่งเมือง ซึ่งมีวิหารปูนปั้น สีขาวงาช้าง โดดเด่นสวยงามยิ่งนัก จากนั้นนำท่านชม ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่ วัดภูมินทร์ วัดที่สร้างทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั้ง 4 ทิศ แกะสลักลวดลายงดงาม โดยฝีมือช่างเมืองน่าน
[ วัดช้างค้ำวรวิหาร, //www.OceanSmile.com ] Source: วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร: [ //www.dooasia.com/nan/037k003.shtml ]
วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง เจ้าผู้ครองนครน่าน พญาภูเข่ง เป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1949 พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่ รูปทรง สร้างตามสถาปัตยกรรม ทางภาคเหนือ ลักษณะภายในโอ่โถง ด้านหน้ามีสิงห์คู่ ยืนตรงเชิงบันได ด้านละตัว มีทางเข้า 3 ทาง ประตูกลาง ทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็ก อยู่ด้านซ้ายและด้านขวา มีทางขึ้นเป็นประตูเล็ก ๆ ตรงข้ามพระประธาน ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกอีก 2 ข้าง ทำหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มุขลดด้านหน้า และด้านหลัง หน้าบัน ตีด้วยแผ่นกระดานเรียงต่อกัน แล้วประดับที่ขอบเสา ด้านหน้าทุกต้น ตามลักษณะ สถาปัตยกรรมล้านนาไทย ภายในพระวิหารกว้างขวาง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ ขนาด 2 คนโอบรอบ จำหลัก ลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร 1.50 เมตร เป็นลวดลาย กนกระย้าย้อย เหมือนลวดลาย ที่เสาในวิหารวัดภูมินทร์
ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์ มีรูปปั้นช้างปูนปั้น เพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซ็นติเมตร ยอดพระโมฬีทำเสริมเมื่อ พ.ศ. 2442 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 14 แห่งราชวงค์ภูคา เป็นผู้สร้าง เมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ พ.ศ. 1969 เป็นศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิฎก ใหญ่ที่สุดในประเทศ
พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีลิกธาตุไว้ภายใน นับเป็น ปูชนียสถาน สำคัญ เป็นเจดีย์ ที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะสุโขทัย จากเจดีย์ทรงลังกา คือเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง พระธาตุเจดีย์ สร้างด้วยอิฐถือปูน มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัส ซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ 9 วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสอง มีรูปช้างค้ำอยู่ในลักษณะ เหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก ช้างแต่ละตัว โผล่ส่วนหัว ลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าทั้งคู่ ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ (ฐานบัว) ซ้อนกัน 3 ชัน และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา ต่อจากองค์ระฆัง ทำเป็นฐานเขียง รองรับมาลัยลูกแก้ว ลดหลั่นกันไป เป็นส่วนยอด ปัจจุบันพระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และหุ้นด้วยแผ่นทองเหลืองทั้งองค์ มีความสวยงามมาก
หอไตรวัดช้างค้ำวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ดังปรากฏในพระประวัติ ของพระองค์ว่า "ร.ศ. 127 พ.ศ. 2453 ก่อสร้างหอพระไตรปิฏก ในบริเวณวัดช้างค้ำ 1 หลัง 8 ห้อง ยาว 16 วา 1 ศอก กว้าง 5 วา 2 ศอก สูงตั้งแต่ดินถึงอกไก่ 13 วา หลังคาทำเป็นชั้น ๆ ก่ออิฐทาสี เครื่องบนไม้สัก มุงกระเบื้องไม้สัก ทำอย่างแน่นหนา มีเพดานจั่ว 2 ข้าง และเพดาน ทำด้วยลวดลายต่าง ๆ พระสมุห์อิน เจ้าอาวาสวัดหัวข่วง กับจีนอิ๋วจีนซาง เป็นสล่าสิ้นเงิน 12,558 บาท
ลักษณะ โครงสร้างสถาปัตยกรรมมีลักษณะอย่างเดียวกับวิหารและโบสถ์ ตั้งอยู่ด้านหน้า คู่กับ พระวิหารหลวง อาคารก่ออิฐโบกปูน ยกพื้นสูงมีสิงห์ยืนอยู่ด้านหน้า ตรงเชิงบันใดด้านละ 1 ตัว ตั้งเสาราย รับหลังคาเชิงชายแทนผนัง และก่อผนังปิด ทำเป็นห้องไว้พระธรรม และพระไตรปิฏก ตรงแนวเสาที่รับคาน มีทางเข้าด้านหน้าเป็นประตูทางเดียว บานประตูสลักเป็นรูปเทวดา 2 องค์ และมีลายปูนปั้น เป็นรูปยอดปราสาท ทำเป็นชั้นติดหน้าต่างด้านละ 3 บาน ผนังด้านหลังปิดทึบ ด้านนอกสองข้างทาง ระหว่างเสารายและผนัง เป็นทางเดินถึงกันได้ตลอดโดยรอบ อาคารสูงหลังคาช้อน 3 ชั้น
ไม่มีมุขลด ที่หน้าบัน ใช้แผ่นไม้เรียงต่อกัน เป็นแผ่นๆ ประดับลายปูนปั้น เป็นรูปกนกล้อพระยาครุฑ ระหว่างช่วงเสาประดับด้วยแผ่นไม้จำหลัก ลายกนก เป็นรูปสามเหลี่ยม สลับลายพุ่มข้าวบิณฑ์คว่ำ และรูปพระยาครุฑห้อยลงมาตามแบบสถาปัตยกรรมของล้านนา ภายในมีลักษณะส่วนกว้างแคบ ส่วนยาวลึก เข้าไปภายใน และส่วนสูงชะลูดขึ้นไปมาก ใช้เป็นที่เก็บ พระไตรปิฏก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบลาน จารอักษรตัวธรรมมีอยู่เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นวิหาร ใช้เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมนี
[ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร, Source: //www.www.dooasia.com ]
[วัดมิ่งเมือง น่าน (Wat Ming Mueang) //www.travel.mthai.com] 14.30 น. นำท่านแวะดื่มนมสดและขนมให้หายเหนื่อย ที่ ร้านใจ๋เมือง Milk Club *ฟรีเครื่องดื่มท่านละ 1 อย่าง ในร้านนี้สามารถถ่ายรูปสวยๆได้หลายมุมและมีของที่ระลึกจำหน่ายมากมายเช่นกัน จากนั้นพาไป หอศิลป์ริมน่าน ชมผลงานศิลปะ ของศิลปินท้องถิ่นของน่าน มีทั้งภาพวาด และงานศิลปะอื่นๆมากมาย
[หอศิลป์ริมน่าน, //www.NanArtGallery.com] Source: หอศิลป์ริมน่าน [Nan Riverside ArtGllery]: [ //www.nanartgallery.com ] 16.30 น. มุ่งหน้าสู่ อ.ปัว แวะ ชุมชนไทลื้อ บ้านหนองบัว อ.ท่าวังผา ชมจิตรกรรมฝาผนังไทลื้ออันงดงามและเก่าแก่ภายใน วิหารวัดหนองบัว และเลือกซื้อผ้าทอพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง
[วิหารวัดหนองบัว จังหวัดน่าน, //www.OceanSmile.com ]
17.30 น. Check in เข้าที่พัก ที่พัก : อูปแก้วรีสอร์ท (หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน)
[ อุปแก้วรีสอร์ท น่าน, //www.OopKaewResort.com ] Source: [ //www.pua108.com/smf/index.php?topic=1848.0 ] [ //travel.edtguide.com/72092_Oopkaew-Resort-%E0%B8%AD%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97-%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97 ] 19.00 น. บริการอาหารเย็น (3) จากนั้น พักผ่อนตามอัธยาศัย หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์
วันที่ 3: อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โรงต้มเกลือสินเธาว์ น้ำตกสะปัน ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา - พระธาตุแช่แห้ง - ถนนคนเดิน
07.00 น. บริการอาหารเช้า (4) ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
08.30 น. Check out ออกจากที่พัก เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ชมพันธุ์ไม้หายาก เช่น ชมพูภูคา (ออกดอกช่วง ม.ค. มี.ค.) ต้นเต่าร้างยักษ์ เป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นของดอยภูคา ลักษณะเป็นปาล์มลำต้นเดียว สูงประมาณ 40 เมตรนอกจากนี้ยังมี ต้นก่วมภูคา พืชหายากวงค์เดียวกับเมเปิ้ล
[อุทยานแห่งชาติดอยภูคา, //www.OceanSmile.com] Source: ดอยภูคา [Doi Phu Kha] [ //park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1096 ]
10.00 น. เดินทางต่อไปยังอ.บ่อเกลือ แวะชม โรงต้มเกลือสินเธาว์ ที่ยังใช้วิธีการต้มแบบโบราณมานานหลายร้อยปีแล้ว
[บ่อเกลือ, //www.OceanSmile.com]
[บ่อเกลือ, //www.OceanSmile.com]
[บ่อเกลือ, //www.OceanSmile.com]
11.00 น. เดินทางต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติขุนน่าน นำท่านชม น้ำตกสะปัน ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดกลาง มีทั้งหมด 3 ชั้น
[อุทยานแห่งชาติขุนน่าน, //www.OceanSmile.com]
[อุทยานแห่งชาติขุนน่าน, //www.OceanSmile.com]
[น้ำตกสะปัน น่าน, //www.ThaiZa.com]
12.30 น. บริการอาหารกลางวัน (5) หลังอาหาร นำท่านชม ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการเพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ พร้อมทั้งยังอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย
[ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา, //www.LannaTouring com] Source: ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา: //www.lannatouring.com/Nan/Destination-guide/Muangnan4.htm
14.00 น. ออกเดินทางกลับสู่ อ.เมืองน่าน Check in เข้าที่พัก ที่พัก : น่านฟ้าใส รีสอร์ท (หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน)
[ น่านฟ้าใสรีสอร์ท, //www.nanvisit.com ]
[ น่านฟ้าใสรีสอร์ท, //www.Nan2Day.com ]
[ น่านฟ้าใสรีสอร์ท, //www.Nan2Day.com ]
16.30 น. นำท่านไปนมัสการ พระธาตุแช่แห้ง ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองน่านมาช้านาน เป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ตามปีนักษัตรของชาวล้านนา
[วัดพระธาตุแช่แห้ง, //www.gotoknow.org]
[วัดพระธาตุแช่แห้ง, //www.OKLampang.com]
[วัดพระธาตุแช่แห้ง, //www.thailandtravelplace.com] Source: 2 ตำนาน /2 ประวัติเกี่ยวกับวัดพะธาตุแช่แห้ง 1. พาไปเที่ยวด้วยกัน : นครน่าน เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว --- วัดพระธาตุแช่แห้ง: //www.gotoknow.org/blogs/posts/343298
2. วัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน: //www.oklampang.com/show.php?No=971
จาก ... พาไปเที่ยวด้วยกัน ... ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง
จาก ... วัดพระธาตุแช่แห้ง ... โดย OKLampang ... คนเมืองน่านมักจะพูดกันว่า หากใครที่มาเมืองน่านแล้วไม่ได้มาสักการะพระธาตุแช่แห้ง ก็เหมือนมายังไม่ถึงเมืองน่าน เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดน่านดังปรากฎในคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า "แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง" ประวัติของพระธาตุแช่แห้งนั้นเกี่ยวเนื่องกับการสร้างเมืองน่านในระยะแรกเริ่ม กล่าวคือ ในปี พ.ศ. 1902 สมัยพญาการเมือง ชุมชนที่เมืองปัว (อยู่ใน อ.ปัว) ได้ขยายตัวอย่างมาก ได้นำผู้คนลงมาตั้งถิ่นฐานที่ภูเพียงแช่แห้ง ก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางของเมือง และนำพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงินอีก 20 องค์ ที่ได้รับพระราชทานมาจากพระมหาธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย บรรจุเอาไว้ในองค์เจดีย์ จากนั้นในปี พ.ศ. 1911 พญาผากอง โอรสของพญาการเมืองจึงได้ย้ายเมืองและผู้คนจากภูเพียงแช่แห้ง มาตั้งเมืองใหม่ในบริเวณที่เป็นเมืองน่านในปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตาม พระธาตุแช่แห้งก็ยังเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้พระธาตุแช่แห้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเถาะตามคติความเชื่อของชาวล้านนาอีกด้วย
18.00 น. บริการอาหารเย็น (6) ณ ร้านอาหารบรรยากาศริมน้ำน่าน จากนั้นอิสระในการท่องราตรี เดินเล่นถนนคนเดิน (มีเฉพาะบางช่วงเท่านั้น) Shopping ของที่ระลึกกันพอหอมปากหอมคอ 21.00 น. กลับที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย Good night
วันที่ 4: นั่งรถรางชมเมืองน่าน - ร้านขนมหวานป้านิ่ม แพะเมืองผี - พระธาตุช่อแฮ - กรุงเทพฯ
07.30 น. บริการอาหารเช้า (7) ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
09.00 น. Check out ออกจากที่พัก นำท่าน นั่งรถรางชมเมืองน่าน โดยมีไกด์ท้องถิ่นบรรยายให้ความรู้ตลอดเส้นทาง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
[ นั่งรถรางชมเมืองน่าน Source: //www.Moohin.com ]
[ แผนที่นั่งรถรางชมเมืองน่าน Source: //www.Moohin.com ] Source: นั่งรถรางชมเมืองน่าน [ //www.moohin.com/trips/nan/tram_nan/index.shtml ]
11.00 น. นำท่านแวะทานขนมหวานร้านดังของเมืองน่าน ... ร้านขนมหวานป้านิ่ม *ฟรีขนมหวานท่านละ 1 อย่าง จากนั้นเดินทางสู่ จ.แพร่ บริการอาหารกลางวัน (8) หลังอาหาร แวะชม แพะเมืองผี ชมปฎิมากรรมธรรมชาติของเสาดิน เกิดจากการพังทลายโดยการกัดเซาะตามธรรมชาติ จากนั้นนำท่านนมัสการ พระธาตุช่อแฮ พระธาตุประจำปีเกิดปีขาล เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกลับ
[วนอุทยาน แพะเมืองผี, //www.Teenee.com] Source: ตำนาน วนอุทยานแพะเมืองผี [//variety.teenee.com/world/36713.html]
..........."แพะเมืองผี " มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความลี้ลับจนเป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่นที่บรรพบุรุษได้เล่าสืลต่อกันมาว่า
มียายชราคนหนึ่ง เข้าไปในป่าถึงสถานที่แห่งหนึ่งได้พบหลุมเงินหลุมทองยายชราพยายามจะเอาเงิน เอาทองใส่หาบกลับบ้าน แต่เทพยาดาอารักษ์ไม่ให้เอาไปเพียงแต่เอาอวดให้เห็นเท่านั้น พอไปตามชาวบ้านมาดูก็พบแต่รอยเท้า หาบเงิน หาบทอง หายไป ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่นี้ว่า "แพะเมืองผี"
พระธาตุช่อแฮ
[วัดพระธาตุช่อแฮ, //www.moohin.com เส้นทางอ้อมบุญ]
[พระธาตุช่อแฮ, //www.siamfreestyle.com]
"วัดพระธาตุช่อแฮ" ... จาก SiamFreeStyle.com [//www.siamfreestyle.com/travel-attraction/prae/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%AE.html]
ความเป็นมาของพระธาตุช่อแฮสืบได้หลายทางแต่ จากพระราชพงศาวดารว่าด้วยกรุงสุโขทัย หอสมุดแห่งชาติ กล่าวถึงวัดพระธาตุช่อแฮว่า สร้างขึ้นระหว่างจุลศักราช 586 - 588 (พ.ศ. 1879 - 1881ในสมัยที่พระมหาธรรมราชาธิราช (ลิไท) ยังทรงเป็นพระมหาอุปราช ครองเมืองศรีสัชนาลัย (สวรรคโลก) พระองค์มีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา และทรงวางแบบแผนคณะสงฆ์ตามลังกาทวีป โปรดจัดให้มีพระสงฆ์ 2 ฝ่าย คือ คามวาสี ศึกษาพระธรรมวินัย เพื่อสั่งสอนคน และอรัญญวาสี ศึกษาวิปัสสนา มุ่งความสงบแห่งจิตใจ นอกจากนั้นยังทรงทะนุบำรุงพระพุทธศานาโดยโปรดให้สร้างสถานที่ทางศาสนาตาม ที่ปรากฏในพุทธประวัติในที่ต่างๆและทางเลือกสถานที่ยอดดอยโกสิยธชัคคะจึง โปรดให้สร้างพระเจดีย์ 1 องค์ และขนานนามตามความหมายของยอดดอยว่า "พระธาตุช่อแฮ"
ตำนานเมืองสุโขทัยกล่าวถึงความตอนนี้ว่า พระมหาธรรมราชาลิไท พระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุแก่ ขุนลัวะอ้ายก้อม นำไปบรรจุไว้ในฐานเจดีย์ ฝ่ายขุนลัวะอ้ายก้อมได้ชักชวนหัวเมืองต่างๆได้มาร่วมกันสร้างพระเจดีย์ โดยช่วยกันสำรวจสถานที่ที่จะสร้าง เมื่อขุนลัวะอ้ายก้อมมาถึงบริเวณดอยโกสิยธชัคคะเห็นเป็นทำเลดีเหมาะสมจึงให้ สร้างพระเจดีย์ขึ้น ขุนลัวะอ้ายก้อมเอาผอบพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ในสิงห์ทองคำสร้างแท่นที่ตั้งผอบด้วยเงินและทอง แล้วตั้งสิงห์ทองคำไว้ ให้โบกปูนทับอีกชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็จัดงานบำเพ็ญกุศลเฉลิมฉลอง 7 วัน 7 คืน
จากวันนั้นอีก 500 ปีต่อมา พระธาตุช่อแฮก็ทรุดโทรมปรักหักพังลงเป็นอันมาก จนถึง พ.ศ. 2467 ครูบาศรีวิชัย (หรือตุ๊เจ้าวัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน) นักบุญแห่งลานนา ได้มาเป็นประธานบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุ ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดแพร่ ประชาชนชาวจังหวัดแพร่ ซึ่งมี พระมหาเมธังกร (พรหม พฺรหฺมเทโว) อดีตเจ้าคณะจังหวัดแพร่ โดยรื้อเอาทองจังโกออกแล้วเสริมสร้างองค์พระเจดีย์ให้มีขนาดกว้างและสูงขึ้น โดยกว้าง 11 เมตร สูง 33 เมตร โดยรอบองค์พระธาตุมีลำเวียง หรือรั้วเหล็กล้อมรอบหนาแน่น มีประตูเข้า ออก 4 ประตู อยู่ทิศละประตูแต่ละประตูมีซุ้มสลักลวดลายอย่างงดงาม
กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนองค์พระเจดีย์พระธาตุช่อแฮ เป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478 และได้ประกาศกำหนดขอบเขตโบราณสถาน วันที่ 14 ตุลาคม 2532 วัดพระธาตุช่อแฮ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดราษฎร์ ขึ้นเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549
[พระธาตุช่อแฮ, //www.moohin.com]
... จาก "นมัสการพระธาตุช่อแฮ สำหรับคนปีขาล" ... [//www.learners.in.th/blogs/posts/370081]
พระธาตุช่อแฮ พระธาตุประจำปีเกิดปีเสือ (ปีขาล) พระธาตุช่อแฮ เป็นพระธาตุ1 ใน12 ราศี คือ เป็นพระธาตุประจำปีเกิดสำหรับคนที่เกิดปีเสือ (ปีขาล) หากนำผ้าแพรสามสีไปถวายจะทำให้ชีวิตมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้
การสวดและไหว้ ให้เริ่มต้นนะโม 3 จบ แล้วสวดตามด้วยคาถาบูชาพระธาตุ 5 จบ พลังบารมีจะดลบันดาลให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
พระธาตุช่อแฮ หมายถึง เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายและพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและประดับบูชาด้วยผ้าแพรอย่างดี
16.00 น. ออกเดินทางกลับ กทม. โดยจะแวะให้ทานอาหารเย็นกันตามอัธยาศัยระหว่างทาง ถึง กทม. ไม่เกินห้าทุ่ม โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
More Informations: - จังหวัดน่าน โดย MThai: //travel.mthai.com/region/5702.html - เที่ยวน่าน พักผ่อนที่น่าน สวรรค์บนดิน: //tiaownan.blogspot.com/2012/02/blog-post_1492.html
ได้ข้อมูลรายการทริปแล้ว เมื่อกลับมา คงได้มีโอกาสมาเล่าข้อมูลปัจจุบันในสถานที่เหล่านี้ เป็นข้อมูลบ้าง ^o^
แต่ที่สำคัญคือ การเดินทางโดยรถตู้เป็นเวลานานๆ ร่างกายจะไหวหรือไม่ ต้องลุ้นดูแลกันหน่อย เดี๋ยวไม่สนุก ... ....
[ Weather Nan at 7 Dec 2012 -01, Source: //www.tmd.go.th ]
[ Weather Nan at 7 Dec 2012 - 02, Source: //www.tmd.go.th ]
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2555 |
|
4 comments |
Last Update : 7 ธันวาคม 2555 11:27:47 น. |
Counter : 11231 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: pantawan 29 พฤศจิกายน 2555 23:24:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 3 ธันวาคม 2555 2:02:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 7 ธันวาคม 2555 0:22:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 7 ธันวาคม 2555 13:44:09 น. |
|
|
|
|
|
|
:Users Online
Jy Horseman
|
|
|
|
|
|
|
แวะมาเยี่ยมนานๆครั้ง
เมืองน่านป็นเมืองในฝันที่อยากไปเที่ยว
คงได้ไปเที่ยวแน่นอน
ภาพสวยคมชัดดีค่ะ