อุปลมณี 09 สมณธรรม ตอนที่ 5
ดุ!
พระพุทธองค์เคยตรัสว่า เราย่อมฝึกคนด้วยวิธีอ่อนละมุนละม่อมบ้าง ด้วยวิธีรุนแรงบ้าง ด้วยวิธีทั้งอ่อนและละมุนละม่อมและทั้งรุนแรงปนเปกันไปบ้าง
หลวงพ่อก็เอาหลักนี้มาใช้เหมือนกัน และเมื่อท่านใช้วิธีรุนแรง หรือดุพระเณร ก็ทำให้ลูกศิษย์กลัวท่านมาก แต่เกือบทุกรูปยอมรับตรงกันว่า ท่านดุเท่าไร ก็ไม่รู้สึกต่อต้านไม่โกรธเลย ท่านอาจารย์เอนกเคยพูดถึงเรื่องนี้ว่า ความเป็นจริงแล้วท่านไม่ได้ดุ แต่ท่านจะเตือนสติของเราทันทีถ้ามีใครทำอะไรผิดพลาดขาดความระมัดระวัง อย่างเช่นพระเณรทำของตก เป็นต้นว่ากระโถน กาน้ำ แก้วน้ำ เสียงดัง เพล้งพล้างอยู่ในโรงฉัน หรือบางครั้งทำบาตรหล่น เป็นต้น
ถ้าเกิดเสียงดังไม่ว่าจากอะไรก็ตาม เป็นความพลั้งเผลอขาดสติของลูกศิษย์ ท่านจะเตือนขึ้นทันทีเดี๋ยวนั้นเลย บางทีเตือนด้วยสายตา แต่บางทีก็เตือนด้วยคำพูดเสียงดังคล้ายดุอย่างนี้ เออ! ไม่มีการสำรวมระวัง ไม่มีสติบ้างหรือ หรือไม่ก็ จะจับจะวางสิ่งของอะไรลงไปก็ให้มีสติบ้างสิ ปล่อยสติไปที่ไหน อย่างนี้เป็นต้น พระเณรทุกองค์จึงต้องพยายามสำรวมระวังที่สุดที่จะไม่ทำเสียง
แต่ถึงท่านจะพูดเสียงดังคล้ายกับดุ ท่านก็ไม่มีอะไร ไม่ว่าจะเป็นญาติโยมหรือพระเณร ถ้าทำผิดท่านก็เตือนเหมือนกัน แต่วันหลังก็เรียกใช้ธรรมดา เวลาพูดด้วย ตามปกติท่านจะพูดเรียบแม้กับเณรเล็กเณรน้อยก็เหมือนกัน ท่านพูดเรียบคล้ายพูดกับเพื่อน ยกเว้นบางรูปที่นิสัยหยาบกร้าน ท่านจะพูดกระตุ้นความรู้สึกให้ระวังตัวอยู่เสมอ
ถ้ามีเหตุที่จะต้องดุลูกศิษย์เป็นรายบุคคล หลวงพ่อพิจารณาก่อนว่าเขาจะรับได้หรือไม่ เพราะท่านดุเพื่อมุ่งผลในการปฏิบัติของลูกศิษย์ ไม่ใช่ดุเพื่อระบายความไม่พอใจ และการที่ดุนั้น หลวงพ่อก็พูดให้รู้สึกว่าเป็นการตำหนิที่กิเลสไม่ใช่ที่ตัวบุคคล เช่นว่า นี่แหละภาวนาไม่เป็น ไม่ดูจิตเจ้าของ จิตมีมายาสาไถยก็ไม่รู้จัก
แต่ปกติแล้วท่านจะไม่เทศน์เจาะจงว่าใครคนหนึ่งโดยเฉพาะ จะยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่าง เพื่อชี้โทษจากการกระทำนั้น ๆ มากกว่า แต่ท่านอาจใช้ภาษารุนแรงจนผู้ทำผิดอาย ร้อนตัวไปหมด บางครั้นท่านก็ใช้ลูกศิษย์เก่า เช่น หลวงปู่ลาดหรือพระอาจารย์สีนวลเป็นแพะรับบาป เพราะท่านรู้ว่าไม่ถือสา
พระอาจารย์ทองจันทร์เล่าว่า ครั้งหนึ่งหลังจากโดนหลวงพ่อดุ ผมรู้สึกชื่นชมมาก เพราะกินแต่ของหวานบ่อย ๆ ก็ไม่ค่อยดีเหมือนกันต้องเอาของเผ็ด ๆ บ้าง ทำให้หูตาสว่างไปเป็นเดือน ๆ กว่ามันจะมาอีก
แต่บางทีหลวงพ่อก็เอาหนักเหมือนกัน จนลูกศิษย์ถึงกับร้องไห้ก็มี ซึ่งมักเป็นกรณีที่พระต้องอาบัติหนัก เป็นเหตุให้พระกลัวท่านมาก และอาบัติสังฆาทิเสสจึงมีน้อย นับว่ามีอานิสงส์เหมือนกัน เพราะในระยะบวชใหม่พระนวกะจิตยังหยาบ หิริโอตตัปปะยังไม่มีกำลัง ก็ยังคิดถึงเรื่องทางโลกอยู่บ้าง ความกลัวอาจารย์อาจเป็นเครื่องยับยั้งอันเดียวที่จะช่วยยังอารมณ์เอาไว้ได้
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2554 17:09:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 451 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
facebookฝากข้อความได้ครับ
|
หลับฝันดี
๑ หลับคืนนี้ฝันดีนะที่รัก...
หลับตาพักหลับตาฝันถึงวันใหม่...
หลับคืนนี้คนดีฝันถึงใคร...
รู้บ้างไหมฉันตั้งใจฝันถึงเธอ...
|
|
|
|
|
|
|
|