ฉันจะกอดแม่ บอกแม่ว่าฉันจะไม่ไปไหนอีก จะบอกว่า น้องหนูรักแม่ค่ะ
จากบทความดีๆครับ U_U
ขอขอบคุณ : วารสาร Chonburi Vocational College 2549 






ฉันรู้สึกมึนหัวตุบๆ คงเป็นเพราะการเดินทางอันยาวนาน หลังจากที่พี่ชายโทรทางไกลมาบอกว่าแม่ไม่ค่อยสบาย แม่อยากพบฉันมาก ฉันอยู่ในความเงียบชั่วครู่ แล้วบอกพี่ว่าจะไป...
นานแล้วนะที่ไม่ได้กลับบ้าน
............................
ฉันเก็บของใช้ส่วนตัวบางอย่าง ว่าจะหาของฝากอะไรไปฝากแม่บ้างแต่ก็ไม่ทัน จองรถบัสจากขนส่งสายใต้เที่ยวดึก มาถึงบ้านเกิด จวนใกล้ค่ำ นั่นคงเป็นเหตุผล...ข้ออ้างที่ดีสำหรับฉันเสมอ ว่าทำไมไม่ค่อยมาเยี่ยมเยียนแม่เลย หลังจากเรียนจบแล้วไปทำงานที่กรุงเทพฯ อากาศช่างอบอ้าวเสียเหลือเกิน เมฆคล้ำเริ่มก่อตัวลิบๆ ฝนน่าจะตกนะ ฉันรีบเร่งฝีเท้าเดินตามทางลูกรังคดเคี้ยวไปตามสวนยาง อยากให้ถึงบ้านแม่ก่อนค่ำ
.............................
ครอบครัวของฉันมีฐานะไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจากพ่อที่เป็นครูประชาบาลเสียชีวิตลง แม่ได้รับเพียงเงินบำนาญเล็กๆ น้อยๆ ทุกๆ เดือน ซึ่งไม่พอเลี้ยงสามชีวิตในบ้าน ถึงแม้แม่จะอดทนทำงานทุกอย่าง ตื่นเช้าไปกรีดยางในสวน กลับมาทำกับข้าว พาพวกเราไปโรงเรียน แล้วทำขนมไปส่งที่ตลาดทุกวัน แม่ไม่เคยปริปากพูดอะไร นั่งขลุกอยู่ในครัวเงียบๆ หลังจากที่พวกเราทำการบ้านเสร็จแล้ว ไม่ออกไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ...แต่ไปนั่งข้างๆ ช่วยแม่ห่อขนม...เจียดใบตอง แม่จะยิ้มทั้งดวงตาและใบหน้าที่มันไปด้วยเหงื่อ เรารู้ว่าแม่มีความสุข
นึกๆ ดู...ฉันและพี่ไม่เคยเห็นแม่มีเสื้อผ้าใหม่เลย แต่พวกเรา แม่จะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เสมอ ญาติฝ่ายพ่อในตัวจังหวัดมาขอฉันกับพี่ชายไปเลี้ยง แม่เป็นคนใจแข็ง ยืนกรานบอกกับทุกคนว่า ลูกสองคนแค่นี้ฉันเลี้ยงเองได้ แต่เมื่อป้า... เอ่ยถึงการศึกษาของเราทั้งสอง ซึ่งแม่เองยอมจำนนต่อเหตุผลนี้ แต่ยอมให้พี่ชายไปแค่คนเดียว เพราะฉันเองเป็นผู้หญิงและยังเล็กเกินไปนัก
..........................
แดดเป็นสีตากผ้าอ้อม แดงฉานเหมือนสีเลือด ลมนิ่งใบไม้ไม่ไหวติง ไร้เสียงแมลงใดๆ ฉันยืนนิ่งใต้ต้นไม้ หน้าโรงเรียนประชาบาลที่ฉันเคยเรียนตอนเป็นเด็ก น่าแปลกใจ ชิงช้าใต้ต้นยางยังคงอยู่เหมือนเดิม มีร่องรอยซ่อมแซมกัดกร่อนไปทั่ว ตอนเด็กแม่มักจูงฉันมาส่งที่โรงเรียนทุกวัน ตอนกลางวัน เด็กบางคนเอาข้าวมากินหรือกลับบ้านไปกิน แต่สำหรับฉันแม่จะหิ้วเถาปิ่นโตมาให้เสมอ ฉันชอบนั่งกินที่ชิงช้า แม่ไกวเบาๆ... บอกว่า กินไวๆ นะน้องหนู จะได้โตเร็วๆ แล้วจะได้ไกวให้แม่นั่งบ้าง ตอนเย็นแม่จะกลับจากตลาดมายืนรอฉันตรงนี้เสมอ ช่วยเก็บลูกยางนากลมมีปีกสีน้ำตาลแดงที่ร่วงอยู่ตามพื้น โยนขึ้นไปบนท้องฟ้าให้ปลิวหล่นลงมาช้าๆ ฉันจะวิ่งแจ้นไปเก็บมาให้แม่อีก
"...แม่จ๋า โยนสูงๆ อีก โยนสูงๆ นะ..."
แม่ยิ้มทั้งใบหน้า โยนลูกยางขึ้นไปอีก
ฉันมองลูกยางหมุนลิ่วๆ ปลิวไปไกล ฉันกอดขาแม่
"...น้องหนูรักแม่ค่ะ..."
..........................
ฉันคิดเรื่องเก่า น้ำตามันรื้นขึ้นมา มองหาลูกยางใต้ต้นไม้จะเก็บไปฝากให้แม่ อยากกอดแม่แล้ว บอกแม่ว่า...ฉันรักแม่มาก เหมือนตอนเป็นเด็ก มองหาลูกยางแต่ไม่มี แหงนหน้าดูต้นยางนาที่สูงลิบ จริงสินะ หน้านี้ต้นยางยังไม่ออกดอกเลย ฉันหยุดคิดเรื่อยเปื่อย คงต้องรีบเดิน อีกสักพักก็ถึงบ้านแล้ว
.............................
ลมนิ่งใบไม้ไม่ไหวติง ไร้เสียงแมลงใดๆ หญิงสาวตัดสินใจลัดเลาะไปตามสวน หล่อนมีความรู้สึกยะเยือกที่ท้ายทอย เงาวูบวาบอะไรบางอย่างผ่านไปมา เหมือนมีอะไรเดินตาม หล่อนเร่งฝีเท้าขึ้น ถ้าเพียงหล่อนเหลียวหลังกลับมา จะเห็นชิงช้าไม้ใต้ต้นยาง...ไกวตัวไปมา..ไปมา
.............................
บ้านของแม่เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง หลังคามุงกระเบื้องแป้นดินเผา ฉันเดินผ่านซุ้มดอกไม้ชมนาด กลิ่นหอมเหมือนข้าวใหม่ ทำให้นึกถึงวันที่ฉันเรียนวิทยาลัยครูประจำจังหวัดจบ ฉันตั้งใจจะบอกแม่ว่า ฉันอยากไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไม่อยากดักดานอยู่ในที่ไกลความเจริญอย่างนี้ แม่ไม่เห็นด้วย ฉันรู้สึกว่าแม่กับฉันช่างมีความคิดห่างไกลกันเหลือเกิน ฉันบอกแม่ว่า
"..หนูโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง หนูอยากทำงานที่กรุงเทพฯ เหมือนพี่หนุ่ม แม่เห็นแก่ตัว แม่อยากให้หนูอยู่กับแม่ไปตลอดชีวิตทำไม เมื่อตอนที่หนูเด็ก...ที่ป้ามาขอหนูกับพี่หนุ่ม ทำไมแม่ไม่ให้ไป หนูจะได้ไปอยู่กรุงเทพฯ กับป้า.."
แม่ไม่พูดอะไรเลย มองฉันอย่างปวดร้าว ฉันเองก็เสียใจ ที่ไม่น่าพูดไปอย่างนั้น ฉันเก็บข้าวของที่จำเป็น แม่เก็บตัวอยู่เงียบๆ ในห้อง
"..หนูจะไปแล้วนะคะแม่ แล้วจะเขียนจดหมายมาหา.."
..........................
ชีวิตใหม่ในกรุงเทพฯ ช่างวุ่นวายสับสน ใหม่ๆ ก็แปลกและตื่นเต้นดี ผู้คนสวยงามแต่ภายนอก ภายในคอยแต่ทำร้ายทับถมแก่งแย่ง ใส่หน้ากากเข้าหากัน ไม่ใช่ที่เหมาะกับฉันเลย ฉันมาทำไมกัน ฉันคิดถึงชิงช้า คิดถึงลูกยางนาแล้ว...ฉันเริ่มร้องให้คิดถึงแม่
........................
เสียงหมาหอนทอดยาวมาแต่ไกล พระอาทิตย์เพิ่งตก จันทร์เสี้ยวบางดูหดหู่ บ้านเกิดของฉันดูเป็นเงาทะมึน มีกิ่งก้านต้นไม้แห้งกรัง ยืนยื่นมือโบกไปมาเหมือนปีศาจ บรรยากาศวังเวง ลมหวีดหวิว ทำไมแม่ไม่ยอมเปิดไฟนะ ฉันส่งเสียงร้องเรียก
"..แม่จ๋า หนูกลับมาแล้ว แม่จ๋า.."
ฉันส่งเสียงร้องเรียกแม่อยู่หลายครั้ง ไม่มีเสียงตอบ อากาศเริ่มเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว หน้าต่างทุกบานปิดเงียบ...หรือว่าแม่ไม่อยู่นะ
แอ๊ดดดดด.....เสียงบานประตูฝืดด้วยสนิมเปิดออก ช้า..ช้า แสงวิบวับของตะเกียงลอดมาส่องเห็นใบหน้าหญิงชราที่มีรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า ผมสีดอกเลา หลุดลุ่ย กลิ่นอับๆ เหมือนกระดาษเก่าๆ ส่งเสียงตอบเบาหวิวเหมือนอยู่ไกลแสนไกล
"..นั่นใครมา ใคร.. น้องหนูเหรอลูก กลับบ้านแล้วเหรอลูก"
แม่ดูแก่ไปมาก หลังงองุ้มลง แม่คงทำงานหนักไป ฉันจะลาออกจากงานที่ทำงาน ฉันจะกลับมาอยู่กับแม่ ฉันจับมือแม่ที่เย็นเฉียบแข็งกระด้าง
"...เห็นพี่หนุ่มบอกว่าแม่ไม่สบาย หนูเลยมาเยี่ยมแม่ ทำไมอยู่มืดๆ ล่ะคะ"
"...โรคคนแก่น่ะน้องหนู ไปอาบน้ำอาบท่านะลูกนะ แล้วมากินข้าวกินปลา.."
........................
หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ ยืนสางผมที่หน้ากระจกบานยาวที่เก่าคร่ำคร่า มีรอยร้าวพาดอยู่ที่มุมบาน ลมที่สงบนิ่งเริ่มพัดอื้ออึง ฟ้าแลบแปลบๆ หล่อนรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ เหลียวมองไปรอบๆ ห้องที่เคยคุ้นอบอวลด้วยเรื่องราวในอดีต สลัดความคิดออก เก็บของจุกจิก เดินออกจากห้อง ฟ้าแลบแปลบขาว ถ้าเพียงหล่อนเหลียวหลังกลับมาก็จะเห็นเงาของหญิงสาวยังยืนสางผมช้า...ช้า ในกระจกเหมือนเดิม
...........................
ฉันกินข้าวไปอย่างยากเย็น กับข้าวบางอย่าง เย็นชืดไร้รสชาติ แม่มองดูฉันกินอย่างเงียบๆ แม่คงไม่สบายมาก เลยทำอะไรไม่อร่อย แสงของเปลวตะเกียงส่องเงาของแม่เป็นรูปร่างต่างๆ รอยยับย่นบนใบหน้าดูเหมือนยิ่งบาดลึกลงชัดบนใบหน้า เสียงหมาหอนเริ่มทอดลงมาใกล้ๆ ฉันเหลียวมองรอบข้าง รู้สึกกลัวเหมือนตอนเด็กๆ แม่ยิ้มเหมือนรู้ใจ
"..กลัวผีเหรอน้องหนู ไม่ต้องกลัวหรอกลูก แม่อยู่ทั้งคน มาเหนื่อยๆ รีบนอนนะลูกนะ.."
"..ค่ะ แม่.."
ฉันยิ้ม คิดในใจพรุ่งนี้ตอนเช้า ฉันจะกอดแม่ บอกแม่ว่าฉันจะไม่ไปไหนอีก จะบอกว่า น้องหนูรักแม่ค่ะ
.............................
ฉันฝันร้าย เสียงหมาหอนมาหยุดที่หน้าบ้าน มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ดำทะมึน นุ่งผ้าแดงมายืนที่หน้าประตู แม่นั่งร้องไห้ยกมือผอมเกร็งไหว้
"..ท่านเจ้าคะ อย่าเพิ่งเอาไปเลยนะเจ้าคะ ได้โปรดนะคะท่าน.."
หญิงชราตื่นแต่หัวรุ่ง นอนไม่ค่อยหลับเพราะฝันร้าย แสงตะเกียงมองเห็นเงาลางเลือนตะคุ่มในมุ้งข้างๆ นางต้องไปตลาด วันนี้จะทำแกงอ่อมขี้เหล็กที่น้องหนูชอบ น้องหนูคงเดินทางเหนื่อย ยังคงนอนอุตุ..โถ น้องหนูของแม่
.............................
ทางลูกรังคดเคี้ยวตามสวนยาง สายหมอกขาวบางๆ ยังลอยอ้อยอิ่งค้างยอดหญ้า มีเพียงกลุ่มควันไฟจากเรือนครัวที่ที่แทรกอยู่ในขนัดสวนลอยขึ้นสูงแล้วละลายหาย นางไปตลาดเสร็จ เร่งฝีเท้าเดินผ่านต้นยางนาหน้าโรงเรียน นางสะดุ้งตกใจ เสียงรถยนต์มาจอดข้างๆ อ๋อเจ้าหนุ่มนั่นเอง ดีเหลือเกินวันนี้มาพร้อมหน้ากันทั้งพี่ทั้งน้อง ดวงตาของหญิงชราฝ้าฟางเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ นางยืนยิ้มอย่างมีความสุข ลมพัดชิงช้าไกวเบาๆ
..............................
ชายหนุ่ม ลงมาจากรถ ละล่ำละลักบอกมารดา
"...แม่ครับ ทำใจดีๆ นะครับ น้องหนูเสียชีวิตเมื่อวานนี้ รถบัสจากกรุงเทพฯ ประสานงากับสิบล้อ..."
"...โถ...น้องหนู ยังคิดถึง..."
นางรำพึงได้แค่นั้น...โลกรอบข้างมืดลงกะทันหัน ตะกร้าในมืดนางหลุด ร่างทรุดลงกับพื้นดิน
.............................
ลมพัดมาวูบใหญ่มีลูกยางลอยปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า ลูกยางลูกน้อยลูกหนึ่งหมุนคว้างลอย...ลอยอย่างช้าๆ ตกลงบนมือเหี่ยวย่นของหญิงชรา....เงียบ....เงียบ








อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม.. หนูรักพ่อกะแม่นะ U_U


mv อิ่มอุ่นปิดท้ายครับ 

อิ่มอุ่น - ด.ญ กชกร สมบูรณานนท์




อุ่นใด ๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม 
อุ่นอกอ้อมแขน
อ้อมกอดแม่ตระกอง
รักเจ้าจึงปลูก
รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกล
แม้เพียงครึ่งวัน
ให้กายเราใกล้กัน
ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน
อิ่มใด ๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน
น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร
แม่พร่ำเตือน พร่ำสอน สอนสั่ง
ให้เจ้าเป็น เด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็น ความหวังของแม่ต่อไป
ใช่เพียงอิ่มท้อง
ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
อุ่นไอรัก อุ่นละมุล ขอน้ำนมอุ่น
จากอกให้ลูกดื่มกิน
ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสอง เชื่อมโยงผูกพัน
ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป
ใช่เพียงอิ่มท้อง
ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
อุ่นไอรัก อุ่นละมุล
ขอน้ำนมอุ่น จากอกให้ลูกดื่มกิน..









Create Date : 02 มิถุนายน 2557
Last Update : 2 มิถุนายน 2557 6:52:37 น.
Counter : 6397 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สวัสดี ขอโทษ ขอบคุณ ไม่เป็นไร
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



Group Blog
มิถุนายน 2557

1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30