Home decoration, Interior design, and Lifestyle
ประสบการณ์ลึกลับ...ใช่ผีหรือเปล่า

เคยเจอจะๆ ครั้งนึงสมัยที่ยังทำงานที่มาเลเซีย ปี 49 เห็นจะได้ ดิฉันต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ปกติฝ่ายวิเทศที่กรุงเทพฯ จะจองห้องพักให้ ก่อนเดินทางก็โทรถามเขาบอกว่าเป็นโรงแรมนึงบนถนนรัชดาภิเษก

ตอนนั้นมาถึงกรุงเทพฯ ก็เย็นแล้วค่ะ ไปเอารถที่บ้านแล้วก็ขับมาโรงแรม ไปถึงโรงแรมก็บอกว่าที่ทำงานจองไว้ให้ห้องนึง พนักงานก็บอกว่าไม่มีการจอง และตอนนี้ห้องก็เต็มหมดแล้ว เราก็ยืนยันว่าต้องมีสิ ปกติวิเทศเขาต้องจองให้ทุกคนที่กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ก็เลยโทรหาวิเทศ เขาบอกจองให้แล้วแต่เป็นอีกโรงแรมที่อยู่ใกล้กัน อ้าวเราผิดเอง

แต่เป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทางมากแล้ว ถ้าจะให้ขับรถไปอีกโรงแรมหนึ่งที่แม้ว่าจะอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ไหว ก็ถนนรัชดาภิเษกรู้ๆ กันอยู่ว่ารถติดมาก ไหนจะต้องยูเทิร์นอีก เลยบอกวิเทศให้พูดกับพนักงานโรงแรมว่าขอพักที่นี่ล่ะ

ตอนแรกน้องพนักงานก็บอกว่าห้องเต็มหมดแล้วจริงๆ พอทนเซ้าซี้ไม่ไหว เธอดูหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดหลังจากที่กดๆ หน้าจอสักพัก เธอก็บอกว่า หาได้ห้องนึงว่างอยู่พอดี ห้อง 1009 เรากับสามีดีใจมากรีบหิ้วกระเป๋าขึ้นห้องทันที ตอนนั้นก็สักทุ่มได้แล้วมั้ง ไปถึงห้องพอเปิดประตูเข้าไป รู้สึกเลยว่าห้องมันทึมๆ อับๆ ชอบกล ขนาดเปิดไฟแล้วก็ยังทึมๆ ขมุกขมัว ตอนนั้นลืมนึกไปว่าความรู้สึกแรกจะบอกอะไรได้ แต่คิดให้โรงแรมแทนว่ามันเป็นทาวเวอร์เก่า

ผิดสังเกตุแรกคือ เวลาเก็บของเข้าตู้เซฟ พอปิดเซฟ เซฟจะผลักออกมาเองสองสามครั้งกว่าจะปิดใหม่ได้ กับมีเสียงเคาะ กุก กุก กุก อยู่แถวตู้เย็น (ตู้เสื้อผ้า เซฟและตู้เย็นจะอยู่ในตู้บิลท์อินเดียวกัน) เราก็ไม่ได้นึกอะไร เพราะปกติตู้เย็นมันจะมีเสียงแบบนี้อยู่แล้ว คืนแรกนอนหลับสนิท เพราะเพลียมาก คืนที่สองก็หลับอีกไม่ได้ยินอะไรมากไปกว่าเสียง กุก กุก กุก แถวตู้เย็น

คืนที่สามนี่หายเพลียแล้วค่ะหลังจากที่นอนเต็มอิ่มมาสองคืน คืนนี้หลังจากออกไปทานข้าวข้างนอกกลับมาก็นอนดูทีวีกัน ช่วงที่ดูทีวีก็มีเสียงกุก กุก อยู่บ้างแถวตู้เย็น ก็ยังไม่นึกว่าเป็นผี นึกว่าคงเป็นกระแสไฟฟ้าอะไรสักอย่าง

พอปิดทีวีปิดไฟนอน ปกติคุณสามีจะต้องปิดไฟทุกดวงให้มืดหมดเวลานอน ในห้องมืดสนิท พอเสียงทีวีเงียบลงเท่านั้นแหละ เสียงกุก กุก ที่อยู่แถวตู้เย็นก็เริ่มถี่ขึ้น แล้วก็เริ่มย้ายจากตู้เย็นไปตามมุมโน้นมุมนี้ของห้อง กุก กุก กุก เดี๋ยวก็อยู่ที่ปลายเตียง ไปที่หน้าต่าง สักพักก็กลับมากุก กุก ข้างเตียงเรา

แย่จัง คืนนี้พยายามจะข่มตาหลับก็ไม่หลับ เพราะนอนเต็มอิ่มมาแล้ว อีกทั้งสงสัยเจ้าเสียงนี้ว่ามันดังมาจากอะไรที่ไหน แต่เสียงมันก็อยู่ในห้องนี่ล่ะค่ะ ดังขึ้น ถี่ขึ้นเรื่อยๆ สักพัก อยู่ๆ ไฟปลายเตียงก็เปิดขึ้นเอง เกรย์ก็ลุกขึ้นไปปิด พอนอนได้สักห้านาที ไฟตรงโซฟาก็เปิดอีก ก็ลุกไปปิดอีก นอนไปได้สักหน่อย เอาอีกแล้ว ไฟหน้าประตูห้องน้ำก็เปิดเองอีก คราวนี้พอเกรย์เดินไปปิด เขากลับมานอนแล้วบอกว่า แปลกมาก เขาจำได้ว่าเขาปิดไฟตรงนี้แล้วจริงๆ แต่พอเดินไปปิด สวิทไฟมันอยู่ที่ตำแหน่งเปิด เอาล่ะสิ เรานึกได้แค่อย่างเดียวแล้วล่ะว่าไม่ใช่อื่นใดแน่

เสียงเคาะไปตามห้องยังดังอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็เป็นเสียงเหมือนมีคนมากดมาสเตอร์ที่อยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงด้านเรา เหมือนกดปรับแอร์ ทั้งๆ ที่เราวางสร้อยพระไว้ตรงนั้น ยิ่งไปกว่านั้น สลับกับเสียงเคาะ จะเป็นเสียงประตูห้องน้ำเปิดดังแอ๊ดช้าๆ เหมือนคนเปิดประตูเข้าห้องน้ำ แล้วก็เป็นเสียงเปิดน้ำ แล้วก็เสียงน้ำหยดดังติ๋งๆ อันนี้จะว่าเป็นเสียงจากห้องข้างๆ ก็ไม่เหมือน เสียงจากทีวีก็ไม่เหมือน คล้ายๆ กับเสียงจาหหนังสยองขวัญ แต่มันเหมือนดังมาจากไหนก็บอกไม่ถูก

เสียงเคาะสลับกับเสียงเปิดประตูห้องน้ำกับเสียงน้ำหยดติ๋งๆ ดังไปสักพัก ในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว เลยพูดขึ้นมาดังๆ ว่า เราสองคนมาทำงานขอมานอนที่นี่เพื่อพรุ่งนี้จะไปทำงานนะ อย่ามารบกวนเลย แล้วจะทำบุญไปให้ เสียงทั้งหลายก็เงียบลงในขณะที่เราพูด เงียบเลยนะคะ ไม่มีเสียงเคาะอะไรเลย พูดจบก็ยังเงียบไปสักพัก แล้วก็ดังอีก คราวนี้เคาะไปที่ปลายเตียง แล้วอยู่ๆ เสื้อที่เกรย์พาดอยู่ตรงโซฟาก็หล่นลงมา แล้วเสียงเคาะก็มาหยุดที่ปลายเตียง เรารู้สึกเหมือนลมเย็นๆ ปัดที่ปลายเท้า เท่านั้นแหละเราเลยส่งเสียงดังทันทีบอกเกรย์ว่า "Gray, I'm scared!" เกรย์ว่ายังไงรู้ไหมคะ เขาบอกเราว่า "Me too." โธ่ไม่เป็นที่พึ่งเลยนะ

คืนนั้น ความรู้สึกว่าเจอผีในโรงแรมเข้าแล้วนี่มันเป็นความรู้สึกทั้งกลัวทั้งโมโหเลยนะ ฟังเสียงเคาะไปจนถึงรุ่งเช้านั่นแหละ

รุ่งเช้าเราเลยไปที่ฟร้อนท์เกรย์บอกเขาว่าเมื่อคืนที่ห้องไฟมันเปิดๆ ดับๆ พนักงานก็บอกว่าคงเป็นอะไรเกี่ยวกับไฟฟ้า เดี๋ยวจะเช็คให้ ดิฉันมีธงแล้วว่าจะต้องเปลี่ยนห้อง ก็เลยบอกเขาว่ามันมีเสียงแปลกๆ ในห้องด้วยนะ คราวนี้พนักงานหลบตาไม่ตอบอะไร เราเลยบอกเขาว่างั้นขอเปลี่ยนห้องละกัน

คราวนี้เป็นห้องใหม่ในตึกเดียวกันแต่ชั้นสูงขึ้นไป วันนั้นเราต้องออกไปทำงานแต่เช้า ก่อนออกจากห้องก็เลยบอกสามีว่าไปก่อนนะ เธอเก็บของไปห้องใหม่ แล้วเจอกันตอนเย็นที่ห้องเลขที่....ย้ำเบอร์ห้องอีกทีกลัวจำไม่ได้

คืนนั้นที่ห้องใหม่ เราก็นอนดูทีวีอีกเช่นเคย คิดว่าคืนนี้คงนอนหลับสบาย ที่ไหนได้ พอปิดทีวีเท่านั้นแหละ เราได้ยินเสียงกุก กุก ดังจากนอกห้องเข้ามาในห้องทันที เหมือนเขากำลังรอเราอยู่นอกห้องจนกว่าเราจะปิดทีวีนอน ถามเกรย์ เขาบอกไม่เห็นได้ยินอะไรเลย สักพักหูข้างขวาของดิฉันก็อื้อขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ (ดิฉันนอนด้านขวาของสามี) คิดในใจว่ายังตามมาอีกแน่ะ กลัวก็กลัว ต้องนอนฟังเสียงไปอีกคืน แค่คืนนี้เสียงไม่ถี่เหมือนตอนอยู่ห้องเดิม ทิ้งระยะห่างพอสมควรทีเดียว

รุ่งเช้าถามเกรย์ว่า เธอคิดว่าเป็นผีไหม เขาตอบว่าไม่ แต่มันเป็นอะไรที่อธิบายได้ยาก เราก็เอาล่ะ เธอไม่กลัวแต่ฉันกลัว งั้นคืนนี้ฉันขอไปนอนบ้านแม่ที่เมืองนนท์นะ เธอนอนคนเดียวละกัน เขาก็โอเค พอไปถึงบ้านเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่าเขามาขอให้เราทำบุญไปให้เขานั่นแหละ เดี๋ยวแม่จะทำให้ เอาชื่อโรงแรมกับเบอร์ห้องมาละกัน แถมบอกอีกว่า เจอผีแล้วทิ้งสามีเลยนะ อ้าวแม่จ๋า ก็เขาบอกว่าเขาไม่เชื่อว่าเป็นผีนี่จ๊ะ แต่หนูทั้งเชื่อทั้งกลัวจนสยองจนนอนไม่ไหว ขอมานอนบ้านแม่ละกัน

รุ่งเช้าเรากลับไปที่โรงแรม เป็นวันเช็คเอาท์พอดี ถามเกรย์ว่าเมื่อคืนเป็นไง เขาบอกว่าเขารู้สึกกลัวเหมือนกัน ตอนสักตีสี่ตีห้าก็ได้ยินเสียงเคาะอยู่ในห้องอีก สงสารเขาเหมือนกันค่ะ เราไม่น่าทิ้งเขาไว้เลย


ลืมเล่าไปว่า ตอนที่เกรย์เก็บของกำลังจะเช็คเอาท์ ดิฉันนอนรออยู่บนเตียง มองไปที่โคมไฟหน้ากระจกตรงๆ ปลายเตียงเหมือนปลั๊กไฟไม่แน่นติดๆ ดับๆ สักพักเสียงเหมือนไฟช็อตดังปุ้บ ให้ตายเถอะ สิ่งที่ดิฉันเห็นในกระจกเป็นควันขาวๆ ก่อตัวขึ้นแป๊บเดียวแล้วก็หายไป ถ้าไฟช็อตแล้วเกิดควัน ควันมันต้องอยู่นอกกระจกจริงไหมคะ แต่นี่นอกกระจกไม่มีควันเลย ไอ้ขาวๆ นั่นมันอยู่ในกระจก คิดว่าเขาคงอยากแสดงตัวให้ดิฉันเห็นมากๆ แต่มันเช้าแล้ว พลังคงไม่พอ

แล้วเราก็จากโรงแรมนั้นมา ยังนึกถึงอยู่เรื่อยๆ เวลานั่งรถผ่านโรงแรมนี้ จนมาปี 52 เราไปทำงานที่มะนิลา เจอคนฟิลิปปินส์ที่ทำงานโรงแรม เขาบอกว่าเขาเคยทำงานที่โรงแรมนี้มาก่อน

เราก็เลยถามเจอรี่ฟิลิปปินส์คนนั้นว่าห้อง 1009 มีอะไรหรือเปล่า เขาก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่ามี นานมากแล้ว โรงแรมทำบุญให้แต่ก็ยังมีอยู่ บางครั้งเขาเข้าไปตรวจความเรียบร้อยก็จะได้ยินเสียงเคาะ บางทีก็เหมือนมีใครเดินตามเขาอยู่ในห้องจากปลายหางตา

เรื่องเกิดจาดสามีภรรยาชาวต่างชาติคู่หนึ่งที่มาพักเกิดมีปากเสียงกัน ฝ่ายชายเดินออกจากห้องไปเที่ยวข้างนอกคนเดียว ภรรยาก็เลยน้อยใจฆ่าตัวตายโดยเอาลวดแขวนผ้าในห้องน้ำรัดคอตัวเองแล้วยังไม่พอ ยังนอนในอ่างอาบน้ำเปิดน้ำให้ไหลจนท่วมตัวเองตาย

เราไม่ได้เล่าเรื่องที่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้าห้องน้ำ เสียงน้ำจากก็อกหยดติ๋งๆ ให้เจอรี่ฟังมาก่อน แล้วมันมาตรงกันได้ยังไงคะ

จากเหตุการณ์นี้จะให้อธิบายว่ายังไง เกรย์เองบอกว่าไม่เชื่อว่าเป็นผีแต่ก็ยอมรับว่าอธิบายไม่ได้

เรื่องนี้ทำให้เราเป็นคนกลัวมากๆ กับการไปพักตามโรงแรมคนเดียว ด้วยหน้าที่การงานก็เลี่ยงไม่ได้ด้วยสิ ทุกครั้งถ้าต้องไปพักโรงแรมคนเดียวจะเปิดไฟนอนค่ะ ถ้ากลัวมากๆ ตอนเช็คอินก็จะบอกฟร็อนท์ว่า น้องจ๋าไม่เอาห้องที่มีผีนะ

กลัวจริงๆ




Create Date : 23 พฤษภาคม 2554
Last Update : 23 พฤษภาคม 2554 21:14:08 น. 2 comments
Counter : 1015 Pageviews.

 
หลอนมาก ๆ เลย เราเคยนอนโรงแรมคนเดียว

สวดเลยค่ะ ตั้งแต่นะโม ยัน คาถาชินบัญชร

หลับสนิทรวดเดียว แม้ปวดฉี่ขนาดไหนยังหลับได้

เพราะตอนเช้าตื่นขึ้นมาท้องแข็งเลยอ่ะค่ะ ((สงสัยกลัว ร่างกายเลยตอบสนองแบบออโต้ รวบยอดทีเดียว ))


โดย: เด็กน้อยตัวแสบ วันที่: 23 พฤษภาคม 2554 เวลา:21:29:03 น.  

 
เลี่ยงยากจัง เราก็ทำงานที่ต้องค้างรร.บ่อยๆ มีเพื่อนบอกว่าให้ขอซื้อเตียงนอนน่ะค่ะ ช่วยได้ค่ะ


โดย: น้ำพันซ์ วันที่: 23 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:49:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tiwanon48
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Custom Search
New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Tiwanon48's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.