ยินดีต้อนรับทุกคนค่ะ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

Cairo, Egypt Part 2







ไคโร อียิปต์ ไม่ไปไม่ได้จริงๆนะ (ตอนจบจ้ะ)

เช้านี้ (2 ธันวา) นัดลุงมารับ 10 โมงเช้า ดีที่ตั้งนาฬิกาไว้ก่อน ไม่งั้นแย่เลย ตื่นมากันประมาณ 7 โมงครึ่ง ลงไปกินบุฟเฟ่ต์กัน ราคาห้องพักคืนละตั้ง 300 US$ แต่ดันไม่มี free breakfast แต่ก็ไม่แพงมาก หัวละ 160 LE ก็ประมาณ 30 US$ ก็กินเยอะหน่อย แล้วก็กินไข่ต้มกันคนละฟองสองฟอง เอาแรงไว้เดิน museum วันนี้ แล้วก็คงผ่าเที่ยง กินอีกทีข้าวเย็นไปเลย ข้างนอกหากินยาก วันนี้เอาผ้าพันคอที่ซื้อเมื่อวานไปด้วย เผื่อจะเข้า Mosque อีก จะได้มีคลุมผม แล้วแบบว่าสีมันถูกใจมากๆ ส้มแดงฟ้าเขียว mix กันหมด เค้าชอบมากเลยอ่ะ




ไปถึง Egyptian museum ประมาณ 11 โมง คนยังไม่เยอะมาก จ่ายค่าเข้าคนละ 60 LE เค้าไม่ให้ถ่ายรูปข้างในเลยไม่มีรูปมาฝากให้ดูกัน จริงเค้ามีที่รับฝากกล้องด้านนอก แต่เปาแอบพกกล้องเข้าไปด้วย ไม่อยากฝาก กลัวหาย แต่เราก็ไม่ได้ถ่ายอะไร มีคนแอบถ่ายเยอะมาก ผู้หญิงอาหรับที่คลุมหน้าหมดเหลือแต่ตา ยกกล้องมาถ่ายที่คลุมหน้าพระศพตุตันคามุนแบบไม่กลัวใครจะจำหน้าเธอ จับเธอได้เลย เพราะเราเองก็ยังสงสัยว่า ถ้ามีเพื่อนแบบนี้ เดินเจอกันข้างนอก เจอกัน ยังไม่รู้เลยว่าเพื่อนชั้นรึเปล่าเนี่ย เปาบอกว่าเค้าคงจำกลิ่นกันได้แหละ กรรม!

แต่ต้องบอกว่า ตุตันคามุนเป็น Highlight ของที่นี่จริงๆ โลงที่ใส่พระศพมีทั้งหมด 3 ชั้น หรูหรา สวยงาม มีสลักรูปนกเหยี่ยวกางปีกปกป้อง แล้วก็ไปใส่ หีบหุ้มทองยักษ์ อีกน่าจะ 3 ชั้นเหมือนกัน เราไม่ได้อ่านละเอียดหมด เพราะมันเยอะมาก ของที่ขุดเจอพร้อมกันเรียกว่าถ้าตามไล่อ่านกันทีละชิ้นคงเป็นทั้งวันเลย ไม่รู้จะอ่านหมดมั้ย

ข้างในมีห้องมัมมี่ 2 ห้อง เป็นห้องมัมมี่สำคัญๆ คือ ฟาโรห์กับราชินี ก็เสียค่าเข้าอีก คนละ 100 LE เค้าไม่รับ US$ เราเลยเอาเงินที่กันไว้ให้ลุงคนขับรถ จ่ายออกไปก่อน แต่ละห้องมีมัมมี่ประมาณ 12 มัมมี่ได้
โดยมากฟาโรห์จะถูกจัดท่านอนในลักษณะที่แขนไขว้กันบนหน้าอก แต่มี 1 มัมมี่ ที่เค้าก็จะใส่เครื่องหมายคำถามไว้ เพราะการวางแขน ต่างจากศพอื่น เลยไม่แน่ใจหมดว่าใช่พระศพฟาโรห์รึเปล่า เราจำชื่อไม่ได้หมด ปากกากระดาษก็ไม่พก ผิดพลาดจริงๆ เท่าที่จำได้ก็จะเป็น Rameses I, II, III, IV, V อยากรู้ ต้องไป search ในเน็ทเพิ่มต่อ แต่ต้องบอกเลยว่าตายกันตั้งแต่อายุน้อยๆ บางองค์ก็โดนยาพิษ บางองค์ก็บาดเจ็บ กระดูก ฟัน มีปัญหากันเยอะ แต่สภาพดีมากๆ ผมยังตรบ ขนตานี่ยังงอนเลย ศพราชินีมีผมหยิกเต็มหัวเลยด้วย แล้วก็มัมมี่รุ่นใหม่กว่าที่จะออกเป็นสีแดงๆ เนื่องจากการอาบด้วยน้ำยาอีกแบบนึง เค้าจะมี thermometer วัด แต่ละตู้จะประมาณ 50oC แปลกจังเลย ว่าทำไมมันต้องร้อนขนาดนั้น เสียดายที่มีเวลาศึกษามาไม่พอ ไม่งั้นคงเล่าได้มากกว่านี้ แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีอีกแล้วที่ได้มาดูให้เห็น แต่ที่นี่ต้องเข้ามาดูให้ได้ แล้วก็ทำให้เสียดายที่บ้านเราไม่มีการรวบรวมไว้ที่เดียวแบบนี้ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ของชาติไปเลย รับรองว่าคนไปกันตรึมแน่ เพราะของบ้านเราก็สวยงาม เก่าแก่พอควรทีเดียว แต่ที่สำคัญก็คือมีประวัติศาสตร์ของชาติอยู่ในของทุกชิ้น

อ่านเจอในเน็ทว่ามีของไม่ต่ำกว่า 6000 ชิ้น ถ้าใช้เวลาดูชิ้นละ 1 นาทีก็จะประมาณ 8 เดือนกว่าๆ กว่าจะดูครบ พวกชิ้นสำคัญ และชิ้นเล็กๆ จะถูกจัดเรียงในตู้ รูปสลักสำคัญ กับภาพ paint ผนังที่สกัดเอามา ก็จะครอบไว้ แล้วก็มีตัววัดความชื้นกับอุณหภูมิ เปาว่าคนโบราณมีมีอะไรอย่างอื่นจะทำหรือไงเนี่ย วันๆ สลักหินกันอย่างเดียว แต่เราเข้าใจว่าเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ของฟาโรห์อย่างนึงเพื่อข่มขวัญผู้ที่จะมารุกรานด้วย แล้วก็เพื่อแสดงว่ายุคของตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดไหน รูปสลักที่ใหญ่ๆ ก็มี แบบว่าสูงเท่าตึก 2-3 ชั้นเลย

เสียดายที่สุด ก็คือ ไม่มีเวลาไป Abu Simbel หรือ Luxor แต่เราตั้งใจเลยว่าต้องกลับไปทำงานหนักๆ เก็บตังค์มาใหม่อีก เผื่องวดหน้าเปาจะมาติดต่องานอีก เราก็จะพร้อมเก็บกระเป๋ามาด้วยเลย Abu Simbel นี่อยู่ทางใต้อียิปต์ ต้องนั่งเครื่องต่อไป หรือล่องเรือลงไป แต่อยากไปมากๆ ดูรูปมา มันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกินเลย

ออกมาด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ ดีที่เจอ Bank เลยแลกเงินเพิ่มอีก 100 นึง ก็นั่งกินน้ำกัน เดินมา 2 ชั่วโมงกว่า แต่ถ้ามากะทัวร์ จะพาเดินประมาณ 3 ชั่วโมงเพราะจะมีคนอธิบายด้วย ก็ดีมากเลยได้ความรู้มากกว่านี้เยอะ เราเวลาน้อย ก็ดูก่อน เดี๋ยวไปศึกษาตามทีหลังจากหนังสือเอา

ลุงมารับเรามุ่งหน้าไป Coptic Cairo หรือไคโรเก่า Highlight ก็จะมี Hanging Church, St. George Church แล้วก็ Coptic Museum ทางเดินเข้าไปเป็นทางเดินเก่าๆ กำแพงเก่าจริง



โบสถ์อยู่ต่ำกว่าระดับพื้น เดินลงไปแล้วมันเก่ามากจริงๆ ดูศักดิ์สิทธิ์มาก เลยเพิ่งรู้ว่าลูงเป็นคนคริสต์ เพราะลุงเคารพ แตะภาพพระคริสต์ แตะผ้า แล้ว แล้วก็เอามามือมาแตะปาก หน้าผาก หน้าอกตัวเอง ดูแล้วช่างศักดิ์สิทธิ์มาก โบสถ์ที่นี่ต้องยอมรับเลยว่าโบราณจริงๆ มองขึ้นบนเพดานเก่ามาก เก้าอี้นั่งก็เก่า สวยงามมากเช่นกัน








อ้อ ที่นี่มีรถไฟใต้ดินด้วยจ้ะ เลยถ่ายรูปสถานีมาให้ดูกัน

เข้าไปดู Coptic Museum ค่าเข้าอีก คนละ 50 LE. Coptic museum ก็ถ่ายรูปไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่งวดนี้เราฝากกล้องไว้ด้านนอก ข้างในจะแบ่งเป็นห้องๆ ประมาณ 22 units โดยมากเป็นของทางศาสนาคริสต์ เป็นพระคัมภีร์โบราณ รูปภาพ ชุด เครื่องประดับ ซุ้มประตูเก่าที่เค้ายกมาเก็บไว้ ดูแล้วเหมือนทางยุคโรมัน เสาหินแบบมีลวดลายสลักด้านบน แล้วก็สลักรูปบนปูนด้านบนด้วย





Hanging Church







ออกมาตั้งใจจะไปกินข้าวเย็นล่องเรือบนแม่น้ำไนล์ แต่ลุงพาไปเรือที่นั่งชมวิวอย่างเดียว ไม่รู้จะอธิบายลุงยังไง หมดแรง แล้วพอถามราคาแล้วชั่วโมงละ 400 LE. เราเลยไม่เอา เพราะไม่ตังค์จ่าค่าลุงขับรถแน่ เราเลยให้ลุงรอ แล้วก็เดินดูแม่น้ำไนล์แทน คงเพราะจุดนี้อยู่ในตัวเมือง เราเลยว่าริมเจ้าพระยาบ้านเราดูดีกว่าแฮะ คือ ที่นี่อากาศไม่บริสุทธิ์เลย นึกว่าจะเดินสูดอากาศ ก็ไม่ไหว เราว่าถ้าล่องเรืออกไปก็คงสวยอยู่ เพราะมีแต่คนเล่าว่าโรแมนติก พลาดไม่ได้ แต่เราขอผ่านละกัน หมดตังค์แล้ว ก็มีเด็กๆ เข้ามาจะขายโน่นนี่ เดินได้ซักพัก ก็เลยกลับดีกว่า

ถึงโรงแรมตั้งใจจะ tip ลุง 100 LE แต่เหลือตังค์ไม่พอเลย tip ไป 50 LE ค่ารถ 2 วัน 500 LE เปาบอกว่าลุงนับแค่ 5 ใบก็เลิกนับแล้ว แถมลุงบอกว่า See you นะ เราก็อาบน้ำ ลงไปกินบุฟเฟ่ต์กัน เรากินเนื้อแพะอบกะพาสต้าไป อร่อยมาก กินที่เมกา กินไม่ได้เลย มันเหม็นมาก แต่ที่นี่ไม่มีกลิ่นเลย แล้วก็ปิดท้ายผลไม้กะ ขนม กะเค้กอร่อยมาก มีมังคุดด้วย แต่แข็งโด้กเลย ขับรถทับเรายังว่ามันไม่แตกเลยนะ ให้เด็กเสริฟมาหั่นให้ลูกนึงดูซิ นึกว่าเค้ามี trick อะไรในการปอกเปลือก แต่ไม่มีเลย กว่าจะหั่นได้ แล้วออกมาไม่ดีอีก อย่าไปกินมันเลย กินกีวี่แทนดีกว่า

วันนี้วันสุดท้าย เปามีประชุมตอน 11 โมง เราคงไม่ได้ไปไหนแล้ว โรงแรมอยู่นอกเมือง 20 กิโล ไม่ต้องถามถึงรถเมล์ รถเท็กซี่เลย น่ากลัวไปหน่อย วันนี้เลยนั่งพิมพ์เรื่องราวออกมา ก่อนที่จะลืมไป
ต้องบอกว่า ชอบกาแฟกะชาที่นี่มากๆ เราคนชอบกินกาแฟอยู่แล้ว Starbuck มาเจอยังต้องหลบไป มันอร่อยแบบพื้นๆ ไม่หรูหรา นุ่มๆ มันๆ ข้นๆ นมที่ใส่มันสุดยอด เราว่ากินได้ทั้งวันเลยมันหอมนุ่ม กินแล้วมีความสุขมากๆ นี่พิมพ์ไปก็อยากกินอีกแล้ว เย็นนี้เอาซะอีกเหยือกดีมั้ยเนี่ย คืนนี่คง check out ซัก ตี 1 ไปสนามบิน เครื่องออก ตี 4 ครึ่ง แต่ไม่ไว้ใจ Lufthansa ไปเผื่อเยอะๆ ก่อนเลยดีกว่า

เครื่องบินเที่ยวจากไคโรมาแฟรงเฟิร์ตก็ตื่นเต้นอีกแล้ว กัปตันประกาศ Emergency มีคนหัวใจวายบนเครื่องมั้ง เพราะเห็นแอร์วิ่งกันวุ่น เอาที่ปั๊มหัวใจออกมาใช้ เราก็เลยไม่ได้นอนเลย พอเราไปถึงแฟรงเฟิร์ต เครื่องบินก็ delay อีก 6 ชั่วโมง จาก 11 โมง เป็น 5 โมงเย็น เนื่องจาก Houston มีพายุหิมะเข้า มีแต่คนบ่นว่า อยู่ Houston มาเป็น 20 30 ปี ไม่เคยเจอหิมะแบบนี้ นี่เครื่องบิน landing ไม่ได้ เราก็เลยนั่งฟัง ipod เล่น sudoku ไปรอขึ้นเครื่อง โธ่ถัง ทำไมมันช่างเกิดอะไรมากมายขนาดนี้

สุดท้ายขึ้นเครื่อง หลับเป็นตาย ไม่มีทีวีให้ดูด้วย เราก็เลยนอนดีก่า แล้วในที่สุด ก็ถึงHouston อย่างปลอดภัย โชคดีที่จอดรถในอาคารสนามบิน ถึงจะแพงหน่อย แต่ตอนขับรถออกจากสนามบิน รถคันอื่นที่จอดด้านนอก น้ำแข็งหิมะเกาะหมดเลย รถเราปลอดภัยดี

และแล้วก็ต้องขอจบเรื่องราวยืดยาวไว้ ณ ที่นี้นะคะ อ่านแล้วจะออกไม่ทางการหน่อย ผู้เขียนก็งงๆ ตัวเองเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า ให้พ่อกะแม่ น้องและเพื่อนได้อ่านเล่น ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่าเราเล่าอะไรเนอะๆ

ขอบคุณค่ะที่ติดตามอ่าน

เมษ์กะเปา









 

Create Date : 11 ธันวาคม 2552
0 comments
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 12:10:02 น.
Counter : 2431 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


JellyJiJi
Location :
Houston, Texas United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบกิน ชอบนอน ชอบรดน้ำต้นไม้ อยากเก็บตังค์ทำสวนสวยๆ กับท่องเที่ยวที่แปลกๆ อยากถ่ายรูปเก่งๆ แต่ก็ไม่เริ่มหัดซะที เพราะขี้เกียจเกิ้น เอาเป็นพอดูได้ละกันนะคะ
ตอนนี้มาอยู่ไกลบ้าน ทำแต่อาหารกินเอง เลยทำกินเป็นงานอดิเรกอีก
Friends' blogs
[Add JellyJiJi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.