*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 
การมาสหรัฐฯ แบบไม่คาดฝัน





ผมรับราชการมานานแสนนาน ก่อนจะมาเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา รัฐบาลไทย และสำนักงาน ก.พ. ไม่ได้จัดสรรทุนรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมานานกว่า ๑๐ ปี เหตุผลประการหนึ่งที่ สำนักงาน ก.พ. อ้าง คือ นักเรียนทุนในอดีตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กรมตำรวจในอดีต ไม่รักษาคำมั่นสัญญา ประเภทว่าได้ทุนมาแล้ว ไม่ยอมกลับไปทำงานตามที่สัญญากำหนดบ้าง หรือ กลับไปเหมือนกัน แต่ไม่ยอมกลับไปทำงานเป็นอาจารย์ฯ ตามสัญญา โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยงาน มักจะดึงนักเรียนทุนที่จบการศึกษาจากต่างประเทศไปใช้งานประจำสำนักงานของตนเอง เป็นต้น ฟังดูแล้วก็ดูจะเป็นเหตุผลที่ดีเหมือนกัน แต่ว่าทุกหน่วยงานก็มีคนหนีทุนการศึกษาเหมือนกัน แต่ทำไมตัดทุนเฉพาะในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพียงแห่งเดียว

เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล โดยสำนักงาน ก.พ. ได้จัดสรรทุนสำหรับพัฒนาข้าราชการตำรวจ จำนวน ๔ ทุน แบ่งเป็น ๒ ทุนสำหรับศึกษาปริญญาโทและเอกทางกฎหมาย และ ๒ ทุนสำหรับการศึกษาปริญญาโทและเอกทางนิติวิทยาศาสตร์ ผมซึ่งได้ละทิ้งภาษาอังกฤษไปเป็นเวลาเกือบสิบปี จึงได้เริ่มลงมือรื้อฟื้นความรู้ภาษาอังกฤษเดิมที่ได้รับการปลูกฝังสมัยมัธยมศึกษาตอนปลาย อยู่หลายเดือน แต่ก็มีปัญหาเยอะพอสมควร เพราะในขณะนั้น ปฎิบัติหน้าที่ นิติกรฯ และเป็นหัวหน้าแผนกแล้ว จึงมีภารกิจมากมาย แต่ก็ต้องพยายามสุดกำลัง ท้ายที่สุด จึงสอบ TOEFL ผ่านได้มา

ผมได้เริ่มสมัครเรียนในโรงเรียนกฎหมายในสหรัฐ โดยมาจากพื้นฐานที่ไม่เคยสนใจจะมาเรียนต่างประเทศเลย จึงไปสอบถามจากอาจารย์หลายท่านที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันที่ผมผูกพันมาก เพราะเรียนที่นี่นานมาก นานถึง ๙ ปี ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่าทำไม ผมจึงเรียนนานขนาดนั้น ผมเริ่มเรียนปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ก่อน ในขณะที่ทำงานเป็นพนักงานสอบสวนแห่งหนึ่ง ก็ได้พบปะกับทนายความ ที่ท่านแสดงตนข่มว่าท่านจบนิติศาสตร์ มีความรู้ความสามารถเหนือกว่าใคร พร้อมดูหมิ่นข้าราชการตำรวจที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจว่าโง่เสียเต็มประดา หลังจากจบโทรัฐศาสตร์ จึงต้องหันมาเรียนนิติศาสตร์ภาคบัณฑิตที่ธรรมศาสตร์ และก็เรียนต่อปริญญาโทคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รวมเวลา ก็ ๙ ปีพอดี ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นการมาเรียนกฎหมายแบบไม่ได้เจตนา แต่อยากจะรู้ว่า เรียนกฎหมาย และเนติบัณฑิต แล้วจะกลายเป็นเทวดา เหมือนอย่างที่นักกฎหมายหลายท่านยกตนข่มท่านเหนือผู้อื่นอยู่เสมอหรือไม่ ซึ่งท้ายที่สุด หลังสอบสำเร็จการศึกษาทั้งจบตรี/โทกฎหมาย และ เนติบัณฑิต ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันทำให้ผมเป็นเทวดาตรงไหน กลับได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายว่า ความจริงแล้ว ยังมีนักฎหมายที่ดูถูก เอารัดเอาเปรียบ ผู้ไม่รู้ทางกฎหมายอย่างมากมายมหาศาล



การสมัครเรียนต่อ ผมได้พิจารณาปัจจัยหลายประการ โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุด ก็คือ เรื่องเงินทุนที่รัฐบาลให้ผม เดือนละ ๑๐๐๐ เหรียญ ว่าเมืองไหน มันจึงจะพออยู่รอด ผมจึงตัดมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเมืองใหญ่ออกไปทั้งหมด เพราะผมไม่อาจจะขอเงินทางบ้านได้อีกแล้ว หากเงินที่รัฐบาลให้นั้นไม่เพียงพอที่จะดำรงชีวิตได้ Indiana University – Bloomington จึงเป็นคำตอบสุดท้ายของผม ผมเคยรู้จักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตั้งแต่ครั้งเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ว่า มหาวิทยาลัย Indiana ได้ช่วยเหลือทางวิชาการแก่คณะรัฐศาสตร์ นานช้านาน ตั้งแต่ครั้งที่ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งปัจจุบัน คือ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ยังสังกัดอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีศิษย์เก่าผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น ศ.ดร.อมร รักษาสัตย์ ซึ่งท่านจบจากสถาบันแห่งนี้ด้วย



รัฐอินเดียนน่า เป็นรัฐเก่าแก่ตั้งแต่ในยุคแรกของสหรัฐ คือ ประมาณ ๑๘๑๒ และมหาวิทยาลัยอินเดียนน่า ก็ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.๑๘๒๐ ก็เกือบจะสองร้อยปีแล้ว บรรยากาศทั่วไปสวยงามมาก มีพื้นป่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กระจัดกระจาย ภายในเขตมหาวิทยาลัย ร่มรื่นเหมาะสมสำหรับการเรียนมาก ไม่มีสิ่งใดจะรบกวนจิตใจให้ไขว้เขวได้ เพราะสิ่งยั่วยุทางโลกียสุข แทบไม่มีเลย มีร้านเหล้าบ้างเล็กน้อย เพราะบลูมมิงตัน เป็นเมืองเกษตรกรรม เต็มไปด้วยไร่ข้าวโพด ป่าเขาลำเนาไพร และ ธรรมชาติที่สวยงาม อีกทั้ง ชาวเมืองบลูมมิงตัน ท่านเป็นคนไม่ยอมให้มีการพัฒนาอะไรมาก อย่างเช่น ทางหลวงเชื่อมระหว่างเมือง Interstate นี่ ก็มีการโต้แย้งกันหลายปี กว่าชาวบ้านจะยอมรับให้สร้างถนนนี้ ผ่านเมืองบลูมมิงตันได้ ท่านที่สนใจจะเข้าไปดูความสวยงามของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็ลองเข้าไปดูที่ Indiana University Bloomington website ได้



ทะเลสาบมอนโร ใกล้กับมหาวิทยาลัยอินเดียนนา เขาเล่ากันว่า ทะเลสาบแห่งนี้ เกิดจากการขุดหินที่นี่ ไปก่อสร้างอาคารที่มหาวิทยาลัยอินเดียนนา ตั้งแต่ปี ๑๘๒๐ ปัจจุบันเป็นที่พักผ่อนฯ แล่นเรือใบ ตกปลา และขับเรือได้ ราคาผ่านประตู ๓ เหรียญ ครับ


ถ้าพูดกันเรื่อง Ranking แล้ว มหาวิทยาลัยอินเดียนน่า ก็เป็นที่ยอมรับหลายสาขาวิชา เช่น คณะดนตรี ซึ่งเปิดการเรียนการสอนกันจนถึงปริญญาเอก ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ ๑ ของสหรัฐ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งเป็นอันดับ ๓ ของสหรัฐ หรืออีกหลายคณะก็จัดเป็นอันดับต้น ๆ เลย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยที่เป็นของรัฐบาล (Public University) ด้วยกัน สำหรับโรงเรียนกฎหมายของผม Indiana Law School ก็มีชื่อเสียงในระดับปานกลาง ไม่เด่นดังแบบมหาวิทยาลัยเอกชนทั้งหลาย แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐโดยเฉพาะ U.S. News มีปัญหาในเรื่องความน่าเชื่อถือและความสมเหตุสมผลของปัจจัยที่ใช้จัดอันดับเยอะมาก อีกทั้ง ผมเชื่อว่าการที่เราจะได้รับความรู้มากหรือน้อยเพียงใดนั้น มันขึ้นกับตัวเราเอง เรื่องอันดับจึงเป็นเรื่องรอง ๆ ลงไป



เรื่องการมาเรียนในโรงเรียนกฎหมายฯ นั้น ผมได้รับทราบถึงความแตกต่างของการเรียนกฎหมายในเมืองไทยในระดับปริญญาตรี กับการเรียนการสอนทางกฎหมายสหรัฐ ซึ่งจัดเป็น Professional School เป็นอย่างมาก ที่เมืองไทยเรา การเรียนกฎหมาย ก็จะใช้วิธีการบรรยายโดยอาจารย์เป็นหลัก ไม่มีการมอบหมายให้นักเรียนไปทำการค้นคว้า หรืออ่านหนังสืออะไรมาก่อน โดยอาจารย์ส่วนใหญ่ ก็จะพูดบรรยายไป หรือบอกจดก็มี ส่วนการเรียนในสหรัฐ อาจารย์จะระบุถึงหนังสือที่เราต้องอ่าน และกำหนดเนื้อหาที่นักศึกษาจะต้องเตรียมตัวอ่านไปก่อน แต่ละวิชาก็จะประมาณ ๓๐ หน้าขึ้นไป ในแต่ละคาบการเรียน ผมได้พบว่า ภาษากฎหมายมันแปลกมาก ส่วนใหญ่คำศัพท์ที่ใช้ ก็จะเป็นคำศัพท์ที่มีความหมายแตกต่างจากคำศัพท์ธรรมดา นักศึกษากฎหมาย จึงต้องมีคัมภีร์ คือ Black’s law dictionary เพื่อตรวจสอบความหมายว่า มันหมายถึงอะไรกันแน่ สำหรับผมแล้ว ช่วงแรกมันเป็นช่วงที่เวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผม เพราะนักเรียนอเมริกัน ที่เรียนในหลักสูตร Juris Doctor หรือ J.D. เขาจะเตรียมตัวมาอย่างดี และถกเถียงกันอย่างเมามัน ผมเองที่ไม่คุ้นกับสำเนียงภาษาอังกฤษของนักเรียนที่มาจากทั่วสารทิศของสหรัฐอเมริกา งงไปเลย ก็ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะมาเรียนต่างประเทศนั่นแหละ เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก บ้านผมมันไม่รวยพอที่จะมาเรียนเองได้ อีกประการหนึ่ง คือ ไม่มีปัจจัยกระตุ้นให้เรามีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และความทะเยอทะยานในการมาเรียนต่อต่างประเทศ เมื่อมาเรียนจริง ๆ ผมจึงต้องใช้ความพยายามมากกว่าเด็กสมัยใหม่ ที่ความจำยังดีมาก (ผมเชื่อเลยว่า พอคนเราแก่ตัวขึ้น หัวสมองเราไม่ว่องไวเหมือนเด็ก ๆ) วัน ๆ ต้องอ่านหนังสือประมาณ ๘ ชั่วโมง ไม่รวมเวลาที่นั่งเรียนในห้อง ทรมานจริง ๆ



ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่ Indiana University-Bloomington ผมไม่เคยรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยผมสวยอย่างที่ข้อมูลแจ้งว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการ Vote ว่าสวยติดหนึ่งในห้าของสหรัฐเลย จนกระทั่ง ผมเรียนจบและรับปริญญา เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ปีที่แล้ว นั่นแหละ ผมมาเดินรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ในป่าซึ่งมีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านกลางมหาวิทยาลัย มีทางเดิน ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ประมาณสองคนโอบ ฯลฯ มันสวยจริง ๆ



[Last Update : May 8, 2005 6:18:43]






Create Date : 08 พฤษภาคม 2548
Last Update : 11 มิถุนายน 2553 13:01:22 น. 45 comments
Counter : 840 Pageviews.

 
....ในขณะที่ทำงานเป็นพนักงานสอบสวนแห่งหนึ่ง ก็ได้พบปะกับทนายความ ที่ท่านแสดงตนข่มว่าท่านจบนิติศาสตร์ มีความรู้ความสามารถเหนือกว่าใคร พร้อมดูหมิ่นข้าราชการตำรวจที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจว่าโง่เสียเต็มประดา ...

ตอนนี้เรียนมามากแล้วคงรู้แล้วซิว่า ทำไมเค้าคิดอย่างนั้น เพราะตรไม่ได้ใช้กม. อย่างเที่ยงตรง อาศัยหลบๆหลีกๆ เพื่อผลประโยชน์ตัว
ก็เป็นเปตุผลว่าทำไมประชาชนถึงไม่ชอบ ตร. ขนาดเข้าขั้นเกลียด
มีเหตุผลที่น่าเชื่อว่า สังคมทุกวันนี้เลวเพราะ ตร. มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เป็นเช่นนั้น


โดย: สิรภพ IP: 221.128.103.242 วันที่: 8 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:18:44 น.  

 
ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังคะ

พูดถึงตำรวจดีๆก็มีนะคะ แต่เลวๆไหงมันดูจะมากเสียกว่า

จบแล้วก็อย่าลืมนำมาพัฒนาสังคมนะคะ


โดย: KoPoK วันที่: 8 พฤษภาคม 2548 เวลา:19:07:55 น.  

 
เขียนยาวมากเลยครับ มีความตั้งใจเล่าเต็มเปี่ยมจริงๆ
ดูจากอายุคุณก็34แล้ว รุ่นพี่ผมหลายๆปีเลย แต่มีความพยายามดีครับ ไปเรียนไกลบ้านแบบนั้นแถมภาษาอังกฤษไม่ค่อยพร้อมด้วยยิ่งลำบาก ผมเองก็ไม่เก่งeng เท่าไหร่
คิดคล้ายๆคุณสมัยก่อนละ ไม่อยากไปเรียนต่างประเทศเลย
อืม ที่จั่วหัวบล็อกคุณอ่ะ เจ๋งดีครับ


โดย: Carlziess Lens วันที่: 8 พฤษภาคม 2548 เวลา:20:07:25 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ครับ ผมเขียนเล่าเรื่อง วัตถุประสงค์อย่างหนึ่งก็เพื่ออยากจะสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างตำรวจและคนทั่วไปนะครับ จริง ๆ รัฐบาลได้ละทิ้งการพัฒนาตำรวจไปนานมาก โดยเฉพาะสมัยที่นายกรัฐมนตรีจบจากนิติศาสตร์ ท่านบอกว่า “ไม่มีใครบังคับให้มาเป็นตำรวจ” ทนไม่ได้ก็ลาออกไป

มาเรียนกฎหมายแล้ว ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่า การจบนิติศาสตร์ และเนติบัณฑิต จะทำให้คนเรียนกฎหมายกลายเป็นเทวดาขึ้นมาได้เลย ผมกลับคิดว่า มีนักกฎหมายมากมายที่ไม่เคยได้เรียนรู้และยึดมั่นในจริยธรรมและคุณธรรม โดยแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว บนความไม่รู้กฎหมายของคนธรรมดาอย่างมากมาย แถมสภาพนายความ ท่านก็่ช่วยเหลือทนายกันเอง ยามเมื่อมีคำร้องเรียนเกี่ยวกับคดีมรรยาททนายความฯ

เรื่องพฤคิกรรมตำรวจนี้ นักปราชญ์ท่านบอกว่า พฤติกรรม ตำรวจ เป็นเครื่องสะท้อนความคิดและค่านิยมของสังคมนั้น ๆ เป็นอย่างดี หากสังคมยึดมั่นในคุณธรรม ไม่แสวงประโยชน์ ไม่ทุจริตฯ ตำรวจที่ทุจริต ย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้ ผมก็เชื่ออย่างนั้น ขอยกตัวอย่างตำรวจในญี่ปุ่นและแคนนาดา ตำรวจที่นั่นได้เงินเดือนสูงมาก ๆ เพราะเขารู้ว่า ตำรวจมีอำนาจบังคับใช้กฎหมายอย่างมากมาย หากให้เงินเดือนแบบไทย ๆ คือ เริ่มต้นที่เดือนละ ๔,๗๐๐ บาท แถมไม่มีสวัสดิการบ้านพัก ฯลฯ สถานการณ์มันคงจะย่ำแย่มาก อย่างในญี่ปุ่น จึงให้เงินเดือนสูงมาก ๆ พร้อมมีบ้านพัก และสวัสดิการอื่น ๆ มาก ภายใต้มาตรการควบคุมโดยโครงสรั้างทางสังคมที่เรียกว่า Homogeneous ที่ประชาชนร่วมกันป้องกันและควบคุมอาชญากรรม และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการป้องกันอาชญากรรมฯ ข้าราชการญี่ปุ่น ไม่อาจทำงานนอกเวลาได้ โดยการทำงานนอกเวลาของข้าราชการ เป็นการทำผิดกฎหมายอาญา ฯ เขาจึงต้องให้เงินเดือนสูง เพียงพอที่จะดำรงชีพได้อย่างมีเกียรติครับ

ผมได้แต่หวังว่า สักวันอ่านผู้อ่าน ที่จะกลายเป็นผู้นำประเทศในด้านต่าง ๆ คงพร้อมที่จะให้เปิดใจ และหาทางออกแก่สังคมไทย มากกว่าการตำหนิอย่างสังคมในปัจจุบันครับ


โดย: Pol (POL_US ) วันที่: 9 พฤษภาคม 2548 เวลา:3:00:01 น.  

 
ขอให้การเรียนปริญญาเอกราบรื่นนะคะ..


โดย: ชบาข้างรั้ว วันที่: 9 พฤษภาคม 2548 เวลา:9:38:33 น.  

 
ขออภัยที่เขียนตรงๆ

ตอนสมัยผมอายุสัก16ปี ราว ปี2536 พ่อผมเซ็นเช็คเด้งเป็นเงินประมาณ 3แสนบาท คืนนั้นพ่อผมกลับบ้านดึกเข้าใจว่าคงไปวิ่งหาเงิน มีตำรวจเต็มเครื่องแบบประมาณ3-4คนมาที่บ้านผมพร้อมกับขู่ให้ผมบอกพ่อให้ระวังถ้าไม่ไปจ่ายเงินผมจะถูกอุ้ม!!!

ผมจำหน้าและยศของตำรวจนายนั้นได้อย่างดี(ยศ พ.ต.ท) พร้อมกับตั้งใจไว้ว่าเมื่อมีอำนาจจะจัดการกับระบอบตำรวจทรราชย์ในประเทศไทย แม้มันจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่ผมคิดว่าความทรงจำของคนธรรมดาแทบจะทุกคนในประเทศไทย ไม่ดีกับตำรวจอย่างมากๆ

การปฏิรูประบอบตำรวจเป็นเรื่องเร่งด่วน การเพิ่มผลตอบแทนและการปรับลดอำนาจที่มากเกินไป เป็นทางออกหนึ่งที่ควรพิจารณา หวังว่า รัฐบาลที่กำลังสถาปนาระบอบตำรวจอย่างรัฐบาลชุดปัจจุบันจะใคร่ครวญเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง

และขออภัยถ้าข้อเขียนอย่างตรงไปตรงมาของผมกระทบ คุณ POL_US และตำรวจดีๆอีกหลายคน


โดย: ปริเยศ IP: 161.200.255.161 วันที่: 9 พฤษภาคม 2548 เวลา:10:41:01 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาแบ่งปันค่ะ แต่ขอโต้แย้งนิดนึง ได้อ่านตอนที่คุณ pol_us ไปเข้าโรงพยาบาล จริงๆแล้วพยาบาลที่เมกาเนี่ย ไม่ได้มือหนักเสมอไปทุกคนนะคะ ...>_<


โดย: missmeka วันที่: 10 พฤษภาคม 2548 เวลา:11:36:57 น.  

 
To khun ชบาข้างรั้ว, thank you very much. I will study my JSD or Ph.D. in law this Fall, 2005 leaw krub. Thank you very much for visiting my blog krab.

To Khun ปริเยศ, I actually had subjected to almost the same problem as you when I was young na krab. However, I always think that I must do something to better this organization. Even though I cannot do, I have to speak to sell my idea; even though I cannot even speak, I will think about it krab. That police officer you said had the same rank with me now; it is coincidentally; or it was me?

To khun missmeka, thank you very much for visiting my blog na krab. Congratulations for you great opportunity to work as a nurse in the U.S.


โดย: POL_US วันที่: 11 พฤษภาคม 2548 เวลา:3:47:47 น.  

 
ขอให้พี่เรียนจบเร็ว ๆ จะได้มาช่วยกันพัฒนาตำรวจไทยของเรา


โดย: น้องรุ่น๕๐ IP: 203.113.77.132 วันที่: 11 พฤษภาคม 2548 เวลา:22:15:06 น.  

 
คุณ Pol_US ผมจะรอดูการปฎิรูประบบตำรวจที่ดำเนินงานโดยคุณ ชิดชัย(ท่านเป็นนักการเมืองแล้ว ผมเลยไม่ใส่ยศ หวังว่าคุณPOL_USคงเข้าใจนะครับ)และจะลองวิจารณ์ดูในฐานะประชาชน ครับ แต่การขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมคงต้องรอประมาณกล่งปีนี้หรือปลายปีครับ ผมคงจะเฝ้าดูและเสนอข้อคิดเห็นในเชิงวิชาการเพื่อพัฒนาตำรวจเช่นกันครับ


โดย: ปริเยศ IP: 58.9.248.247 วันที่: 12 พฤษภาคม 2548 เวลา:20:46:30 น.  

 
คนได้เงินเดือนน้อย...มักทุจริต

คนได้เงินเดือนมาก....มักสุจริต

เหรอ...คิดงั้นเหรอ??


โดย: ปราศปม IP: 203.107.196.188 วันที่: 14 พฤษภาคม 2548 เวลา:2:01:09 น.  

 
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ผมได้แต่หวังว่าสิ่งที่ผมเขียน ซึ่งมาจากการอ่านฯ และดูต้นแบบ อาจจะนำไปใช้ได้สังคมไทยบ้างไม่มากก็น้อย เรื่องเงินเดือนมากหรือน้อย จะเกี่ยวกับการทุจริตหรือไม่ คงไม่ใช่ปัจจัยหลักตัวเดียว เป็นที่รับรู้กันว่า ปัจจัยที่มีผลต่อแนวคิดและจิตใจ คงไม่ใช่มีปัจจัยหลักตัวเดียวที่มีผล โดยขณะปัจจัยอื่นไม่มีผลเลย มันมีลักษณะที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แบบ interdependence ตามคำกล่าวที่ว่า “เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว” หากเงินเดือนไม่มีผลต่อการทุจริตหรือสุจริตเลย ก็คงจะดี คนที่ทำงานตามบริษัทฯ ก็ไม่ต้องรับเงินเดือน รับแต่คำชมไปฯ สังคมเราก็เชื่อว่าเงินเดือนมีผลต่อการทุจริตหรือสุจริต โดยดูจากรายงานการประชุมของรัฐสภาไทย ในขณะที่เพิ่มเงินเดือนตุลาการและพนักงานอัยการฯ ก็จะพบว่า การให้เงินเดือนตุลาการและอัยการสูง มากกว่าข้าราชการอื่น ๆ ก็อ้างเหตุผลนี้ เป็นเหตุผลหนึ่งเหมือนกัน คือ ต้องให้เงินเดือนสูงเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติและไม่ทุจริตฯ ผมไม่ทราบว่าจะมีเครื่องวัดอะไรได้มากน้อยเพียงใด

ผมเชื่อว่า ถ้าคนเราท้องไม่อิ่ม แล้วเส้นจริยธรรมเปราะบาง พร้อมกับมีโอกาสทำผิดได้ง่าย ฯ โดยเฉพาะ คนไทยเรา เป็นที่ยอมรับว่า ถ้าตนเองประสบปัญหา จะถูกบังคับใช้กฎหมาย เราก็ชอบที่ทำอย่างไรก็ได้ที่ไม่ให้ต้องถูกจับกุมฯ แต่ถ้าเป็นคนอื่นจะถูกดำเนินคดี เราจะเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะสังคมเราเป็นแบบสองมาตรฐาน ให้บังคับใช้กฎหมายกับคนอื่นอย่างเคร่งครัด แต่กับตนเองแล้ว ก็จะคิดอีกอย่างหนึ่งเสมอฯ

ถ้าคนเราท้องอิ่มฯ และมีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง ลงโทษจริงจัง สังคมนับถือคุณค่าแห่งความดีและคุณธรมยิ่งว่าวัตถุนิยมฯ อะไร ๆ ก็คงจะดีขึ้น

ทุกประเทศมีปัญหาเรื่องตำรวจ และมีพัฒนาการที่คล้าย ๆ กัน คือ การเริ่มต้นที่ปัญหา ประชาชนเข้ามาเรียกร้องให้แก้ไข หลายประเทศระบบตำรวจเพิ่งได้รับการปรับปรุงไม่นาน อย่างอังกฤษ ก็เพิ่งปรับปรุงหลังปี ๑๙๙๔ หลังเกิดปัญหาประชาชนเดินขบวนประท้วงตำรวจฯ

ผมได้แต่เสนอความเห็นของผม เพราะผมคิดว่า ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มันจะดีหรือไม่ ถูกแค่ไหน เรื่องในทางสังคมวิทยา ไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์จะวัดได้อย่างแน่นอน แล้วแต่ว่าจะมองจากมุมไหน ปัญหาเรื่องเดียวกัน ก็มองได้หลายมุม แต่ผมเชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมหลาย มันเป็นปัญหาเชิงระบบฯ และไม่ได้เกิดจากปัจจัยใด ปัจจัยหนึ่งโดยเฉพาะ การแก้ไขปัญหาจึงต้องแก้ในเชิงระบบ ไม่ใช่ เพิ่มเงินเดือนฯ แล้วจบกัน ทุกอย่างดีขึ้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ






โดย: POL_US วันที่: 14 พฤษภาคม 2548 เวลา:13:52:25 น.  

 
อยากไปเรียนบ้าง


โดย: เกิดมาราศีมีน วันที่: 17 พฤษภาคม 2548 เวลา:18:02:06 น.  

 
ผมขอชื่นชมคุณที่เป็นคนเรียนเก่ง และเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากที่ครั้งหนึ่งเคยถูกนักกฏหมายหรือทนายความดูถูก เมื่อครั้ง เป็น พงส.ใหม่ ๆ ผมเองก็เป็น ตำรวจและเป็น พงส.ด้วย และครั้งหนึ่งในชีวิต ก็เคยเป็นทนายความมาก่อนเป็นตำรวจ เพราะผมจบนิติศาสตร์ มา ก็เคยถูกตำรวจ จำไม่ได้ว่า จบจาก นรต.หรือ นิติศาสตร์ มา ดูถูกผม ชีวิตของผมเลยเปลี่ยน จากอาชีพทนายความ มาเป็น ตำรวจเสียเอง และบัดนี้ ผมเริ่มเบื่ออาชีพตำรวจอีกแล้ว อยากกลับไปใช้ชีวิตที่ เป็นธรรมชาติ ยึดธรรมะ เป็นหลักในการทำงาน แต่ทุกวันนี้ สังคมตำรวจ มีผู้บังคับบัญชาที่วิสัยทัศน์มีแต่คับแคบ ทำให้ตำรวจต้องดิ้นรนหาสวัสดิการ เอง และยังมี่ผู้บังคับบัญชาที่บ้าอำนาจ โดยเฉพาะ พวกที่จบจาก นรต.บางคนไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอแต่เส้นดีได้เป็นใหญ่ แทนที่จะใช้คุณธรรมกับใช้อำนาจ ในทางเป็นลบ อย่างนี้ ท่าน จะมีความเห็นเป็นเหรียญสองด้านได้ไหม ในเมื่อ คุณ เคยถูกทนายความหรือนักกฏหมายดูถูกมาก่อน ส่วนผม เคยถูก ตร.ที่จบ จาก นรต. ทั้งที่ผมจบนิติศาสตร์ และเป็นทนายความมาก่อน และปัจจุบันนี้ ก็เป็น พงส. เพียงแต่ ผม จบ ปริญญาโท เมื่องไทย แต่ไม่มีปัญญาไปเรียนเมืองนอกเหมื่อนกับคุณ อยากให้คุณตอบผมมาบ้าง


โดย: พงส.รักยุติธรรม IP: 203.156.52.166 วันที่: 18 พฤษภาคม 2548 เวลา:15:43:00 น.  

 
ผมดีใจจริง ๆ ที่มีพนักงานสอบสวนเข้ามาอ่านบล๊อกของผมด้วย ผมก็มีความคิดอย่างเดียวกับท่านแหละครับว่า องค์กรตำรวจต้องได้รับการพัฒนาอย่างมาก ในทุก ๆ ด้าน โดยส่วนตัว ผมไม่เคยแบ่งแยกสถาบัน ระหว่าง นรต. หรือ นักเรียนอบรมฯ มาจากมหาวิทยาลัยฯลฯ ในขณะเป็นนักเรียนปกครอง เมื่อสิบกว่าก่อน ผมก็ปลูกฝังแนวคิดอย่างนี้ เพราะคนเราแบ่งแยกกันที่ดีเลว ไม่ใช่มาจากแหล่งกำเนิด นรต. หรือ มหาวิทยาลัยฯ

เมื่อครั้งผมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรฯ ใหม่ ซึ่งต้องทำสองหน้าที่ในเวลาเดียวกัน คือ งานนโยบายและแผน และ งานธุรการกำลังพล เมื่อ ปี ๔๓ ผมก็มีแต่นักเรียนอบรมนั่นแหละ ที่เป็นเพื่อนร่วมงานฯ และเมื่อย้ายไปดำรงตำแหน่งใหม่ ที่ทำหน้าที่นิติกรฯ ผมก็มีแต่นายตำรวจฯ ที่จบจากมหาวิทยาลัยฯ หลายแห่ง คือ สุโขทัยฯ รามฯ ธุรกิจบัณฑิตฯ จุฬาฯ และ ธรรมศาสตร์ฯ เป็นเพื่อนร่วมงานฯ ของผม เขาเหล่านั้นก็ทำหน้าที่ได้ดีฯ และผมเองก็มีส่วนส่งเสริมให้เพื่อนร่วมงานของผม ได้เติบโตในสายงานขึ้นไปเป็นสารวัตรฯ เพราะมันถึงเวลาของเขาฯ คนเป็น รอง สว. มาประมาณ ๘ หรือ ๙ ปี ก็ควรจะเป็น สว. ได้แล้ว ถ้าเขาทำงานได้ดีฯ ไม่งั้นคนก็จะท้อแท้ฯ ผมก็ช่วยเพื่อนร่วมงานฯ อย่างสุดกำลัง

โดยส่วนตัว ผมเชื่อมั่นว่า คนเรามีสมองฯ ใกล้เคียงกัน แต่จะใฝ่ดี เรียนรู้ หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งฯ ผู้ที่สอบเข้า นรต. ได้ ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า ได้ผ่านการคัดเลือกมาระดับหนึ่งฯ หลายท่านในวัยหนุ่มฯ ก็เคยยอมรับในที่สาธารณะว่า ใฝ่ฝันจะสอบเข้าโรงเรียนเหล่าฯ เป็นจำนวนมากฯ ในฐานะที่จบจาก นรต. ผมก็เชื่อมั่นว่า สถาบันโรงเรียน นรต. ได้ปลูกฝังแต่สิ่งดี ๆ ทั้งนั้น ฝึกอบรมให้รักและเคารพต่อประชาชน ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม อยู่ทุกวันฯ และเกือบจะตลอดเวลาฯ แต่ตัว นรต. จะรับเอาสิ่งปลูกฝังเหล่านั้นไปหรือไม่ เป็นเรื่องเฉพาะตัว ครับ ในด้านวิชาการฯ นรต. ก็เรียนที่นับหน่วยกิตได้เกือบ ๑๗๐ หน่วยกิตฯ ยังไม่รวมที่ไม่นับหน่วยกิตอีกจำนวนมากฯ วิชาการทางกฎหมายฯ ที่ นรต. ไม่ได้เรียน ก็คงเพียงในเรื่อง ป.วิ.แพ่ง และ ขั้นตอนอุทธรณ์ และฎีกาของ ป.วิ.อาญา เท่านั้น โดยส่วนตัว ผมจึงเชื่อว่า หาก นรต. ผู้นั้นใฝ่ดี เขาก็จะได้รับความรู้ที่ดีพอในการทำงานการเป็น พงส. และในด้านของการเป็นผู้นำที่ดีฯ โรงเรียน นรต. ก็สอนอยู่เสมอฯ แต่บุคคลเหล่านั้น จะรับไปปฏิบัติอย่างไร ก็มีหลายปัจจัยฯ ครับ

ผมได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จาก รร.นรต. มามาก แต่ตอนนั้นยังเป็นเด็ก ไม่เห็นภาพที่แท้จริงของโลกฯ อาจารย์ท่านสอนวิชาการสืบสวนสอบสวน ท่านก็มาพูดให้ฟัง ก็นึกไม่ค่อยจะออกเท่าไหร่ฯ แต่ก็เก็บตำหรับตำราไว้อย่างดี เมื่อมาทำงานจริง ถ้างานไม่ท่วมจริง ๆ และไม่ขี้เกียจ โดยมีระบบการวางแผนการทำงานที่ดี สำนวนก็ไม่ค้างฯ ผมเคยฝึกงานกับพี่สมชายฯ ซึ่งเป็นนักเรียนอบรมฯ จบจากรามคำแหงฯ พี่เขาก็สอนอะไรผมมามาก ฉะนั้น ในเรื่องของการแบ่งสถาบันฯ สำหรับผม จึงไม่มีในหัว

ส่วนเรื่องทนายความฯ ในคดีดังกล่าว ผมได้ให้เกียรติเขามาก เขาด่าผมแบบหมู แบบหมาฯลฯ ตำหนิว่าสอบสวนเหมือนเด็ก ป. ๔ ซ่อมคำถามกลฉ้อฉลฯ ทั้ง ๆ ที่คำถาม เป็นไปตามแบบฟอร์ม คือ ท่านเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ใดในคดีนี้มาก่อนหรือไม่ฯ แถมอวดอ้างการเป็นทนายฯ หากผมไม่ช่วยเหลือจะฟ้องคดีอาญา โดยทนายผู้นั้น อ้างว่าได้เคยฟ้องคดีตำรวจมาแล้ว ฯลฯ ผมได้แต่อดทนอดกลั้นฯ เพราะรู้ว่า ข้าราชการ จะทะเลาะกับประชาชนที่มาให้บริการ ก็มีแต่จะเสียเปรียบฯ สุดท้าย ก็ฟ้องคดีเขา จนศาลพิพากษาลงโทษกันไป ผมโกรธมาก แบบควันออกหู ดีที่ รร.นรต. ฝึกฝนมาเรื่องความอดทนมาเป็นอย่างดี ผมว่าถ้าเป็นคนธรรมดา ต้องชกกันตายไปข้างหนึ่งแล้วฯ

คนมันร้อยพ่อพันแม่นะครับ ผมกลับเป็นห่วงบ้านเมืองไทยเรา ในเรื่องกฎหมาย วิ.อาญา ที่ออกมาใหม่ ผมว่า บ้านเมืองมันจะแย่ เพราะดูกฎหมายจะล้ำสมัยมาก แต่ไม่มีเครื่องมือในการส่งเสริมประสิทธิในการทำงานของตำรวจฯ ผู้เสียหาย ก็จะย่ำแย่ไปด้วยฯ ผมเรียนที่สหรัฐฯ เกี่ยวกับ ป.วิ.อาญา ที่นี่ พอไปอ่าน ป.วิ.อาญา ที่แก้ไขใหม่ และเพิ่งประกาศใช้ ผมกลุ้มใจแทน พงส. และ ผู้เสียหาย เรื่องนี้ คงเป็นเกมส์การสร้างภาพฯ ว่าเราคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาฯ จนลืมความจริง ในเรื่อง ความสมดุล ระหว่างสิทธิผู้เสียหาย และประสิทธิภาพการดำเนินคดี ที่ต้องคำนึงถึงด้วย

ยินดีที่ ได้รู้จักฯ หากมีเวลาโปรดแวะมาใหม่ ครับ หากท่านมีข้อเสนอแนะประการใด โปรดชี้แนะครับ


โดย: POL_US วันที่: 20 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:06:25 น.  

 
เป็นความรู้ใหม่สำหรับผมครับ น้องแจ้น ขอบคุณมาก ผมรู้ว่าเมื่อก่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ต้องมาเรียนที่คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ที่นี่ ท่านอดีตอธิบดีกรมตำรวจ คือ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ ท่านก็จบจาก SPEA เหมือนกัน

ตอนผมจบโรงเรียนนายร้อยฯ ใหม่ ๆ ก็สมัครเรียนต่อโททางรัฐศาสตร์ ๒ แห่ง คือ ที่ มธ. กับ จุฬาฯ แต่พอไปเห็นรูปแบบและธรรมเนียมปฏิบัติที่จุฬาฯ ผมเลยเปลี่ยนใจ เพราะรุ่นพี่ ๆ ที่ไปเรียนที่จุฬาฯ ต้องแต่งกายแบบเกือบเต็มยศ คือ ใส่เชิ้ต ผูกผ้าพันคอฯ (เนคไท) ผมคิดว่า ผมอยู่ในกรอบระเบียบวินัยที่เคร่งครัดมานานพอแล้ว ขอไป มธ. ดีกว่า ซึ่งตอนนั้น มีคนสมัครกว่า ๑ พันคน และเขารับเข้าเรียนเพียง ๑๕ คน เข้าไปได้ก็ดีใจใหญ่ โดยเฉพาะการแต่งกายไปเรียนนี่ สบายสุด ๆ รากรองเท้าแตะฯ ใส่เสื้อยืดคอกลม เข้าไปเรียนก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าเป็นจุฬาฯ คงถูกเชิญออกจากห้องเรียน

เมื่อมาเรียนที่สหรัฐฯ เลยนึกถึง มธ. ขึ้นมา มันดีจริง ๆ ไม่เห็นต้องมีเครื่องแบบนิสิต นักศึกษา ให้มันวุ่นวายฯ ใครจะแต่งอะไรก็แต่งไป บางคนลากชุดนอนฯ มาเลยก็มี บางคนรักหมาจัด เอาหมาไปนั่งฟังเลคเชอร์ด้วยฯ ก็มี

ผมก็ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาจากทั้ง ที่ รร.นรต. และที่ รัฐศาสตร์ มธ. นำไปพัฒนางานที่รับผิดชอบมากมายฯ เขียนโครงการพัฒนาหน่วยงาน ตามหลักการงบประมาณ การบริหารและจัดการองค์กรฯ ให้เข้ากับหลักกฎหมาย ตาม พรบ.วิธีการงบประมาณฯ และ พรบ.เงินคงคลังฯ ผมว่าคนที่เรียนรู้ทั้งสองทางนี้ คือ รัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ จะทำให้แนวคิดไม่ตีบตัน ไม่คับแคบ และบริหารงานได้คล่องตัว บนความถูกต้องของหลักกฎหมายฯ ว่าง ๆ น้องแจ้นฯ ก็ไปเรียนกฎหมายด้วย จะเกิดประโยชน์ต่อการทำงานเป็นอย่างยิ่ง

ขอบคุณที่ให้ข้อมูล และเข้ามาเยี่ยมเยียนครับ


โดย: POL_US วันที่: 23 พฤษภาคม 2548 เวลา:4:37:00 น.  

 
อยากฝากบอกคุณสิรภพ หน่อยนะว่า ลองปรับความคิดเป็นกลาง ๆ หน่อย...แล้วจะรู้จริงๆ ว่า "สังคมเลว เพราะตำรวจท้อแท้"
ตำรวจดี ๆ ยังมีเยอะ ไม่งั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงโดนยุบไปแล้ว ...เวลาคุณเดือดร้อน คนที่คุณคิดถึง มักจะเป็น "ตำรวจ" ....
น้ำไม่ไหล ไฟดับ งูเข้าบ้าน ฯลฯ ต้องเรียกตำรวจไปช่วย ซึ่งตำรวจไม่ได้เรียนมาทุกอย่าง แต่ประชาชนอยากให้ช่วยทุกอย่าง

ผมในฐานะตำรวจฝ่ายสืบสวนคนหนึ่ง ยอมรับว่าตำรวจหลายนายสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับประชาชน โดยเฉพาะสายงานจราจร ....แต่พวกคุณรู้บ้างไหมว่า...ในเวลาที่คุณทุกคนนอนหลับสบายภายใต้ผ้าห่มนุ่ม ๆ แอร์เย็น ๆ ...ยังมีตำรวจไทยอีกหลายนาย คอยเสี่ยงชีวิตจับโจรผู้ร้าย และปกป้องภยันตรายให้พวกคุณ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาต

ถ้าจะบอกว่าก็จ้างแล้วนี่...ลองเปรียบเทียบดูเงินเดือนกับผู้พิพากษา หรืออัยกาย ที่แตกต่างกันอย่างสุดโต่ง ...ตำรวจเงินเดือนระดับสัญญาบัตร อย่างมาก ร.ต.อ. ประมาณ 15,000 บาท ชั้นประทวนประมาณ 10,000 บาท ส่วนท่าน ๆ ทั้งหลายประมาณ 30,000-60,000 บาท แตกต่างกันมาก


เวลาทำงานตำรวจ 365 วัน หยุดแค่เป็น ชม. ส่วนท่าน ๆ เสาร์อาทิตย์หยุด....หากต้องขอหมายค้น หมายจับ ก็ต้องไปหาท่านที่บ้าน (ออกระเบียบมาเพื่อความสะดวกของตน) ทั้งๆ ที่สิทธิของประชาชนถูกริดรอน โดยท่านไม่รู้สึก...ญาติพี่น้องเขาถูกปล้น ฆ่า ..คนร้ายก็รู้ตัว...แต่กว่าจะไปหาบ้านท่าน ...คนร้ายหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้....."ความยุติธรรม ถ้าไม่ได้รับการดูแลในทันที ก็เหมือนไม่ได้รับความยุติธรรม"

อีกทั้ง กม. ก็ออกมาคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (โจร) มากกว่าคนดี... ทำงานยากมาก ๆ ไม่ใช่ว่าตำรวจทุกคนจะใช้อำนาจตามอำเภอใจได้ ...ปัจจุบันมีคณะกรรมการต่างๆ มากมาย....แต่ควรให้อำนาจตำรวจได้ทำงานช่วยเหลือประชาชนมากกว่านี้ ....ถ้าทำผิด ก็มาว่ากัน...ไม่ใช่ไม่ให้อำนาจทำ...

ตอนนี้ตำรวจหลายนาย...คิดว่าทำได้เท่าที่ กม.ให้อำนาจ..(สบายดีกว่าไหน ๆ ) ทำไม่ได้ก็บอกไปว่า กม.ไม่ให้อำนาจ

แล้วใครเดือดร้อน...(สมน้ำหน้า.!)
วันใดขาดพวกผม(ตำรวจที่ยังมีอุดมการณ์) แล้วจะรู้สึก..!!!!!



โดย: ตำรวจไทยคนหนึ่ง IP: 221.128.98.237 วันที่: 23 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:37:18 น.  

 
ยังไง ๆ ก็ภูมิใจที่เป็นตำรวจ และได้สร้างสิ่งดี ๆ ให้สังคม...แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางเสียงดูถูก ดูแคลน แต่ผมจะพยายามรักษาเกียรติภูมิของตำรวจให้ดีที่สุด

ผมจบ นรต. และธรรมศาสตร์ เหมือนคุณ ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนก้าวไปในสิ่งที่หวัง
ส่วนผมยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ....

เคยมีประสบการณ์ถูกเหยียดหยาม จากทนายความบนโรงพักเหมือนกัน....แต่แล้วผมก็จบนิติศาสตร์แล้วเหมือนกัน (ขอขอบคุณศัตรูที่ทำให้ผมแกร่งขึ้น)


โดย: ตำรวจไทยคนหนึ่ง'รุ่น 47 IP: 221.128.98.237 วันที่: 23 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:43:59 น.  

 
สวัสดีครับเพื่อนฯ

ดีใจที่ยังไม่ลืมกัน ผมนะเห็นใจท่านจริง ๆ จนป่านนี้ ตร.ยังไม่เห็นความดีของท่าน ยังปล่อยให้ท่านเป็น รองสารวัตรฯ อยู่ ระบบ ตร. เรามันน่าจะดีกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้น คนดีมีฝีมือ ก็จะหนีจากองค์กรตำรวจ ไปยังองค์กรอื่นกันหมดฯ ผลเสียหาย จะตกทั้งองค์กรตำรวจเอง และต่อประชาชน เพราะตำรวจที่ได้ดิบได้ดี มีแต่เฉพาะที่มีเส้นสาย แต่ทำงานไม่ได้ ถึงเวลานั้น องค์กรจะเสื่อมฯ ประชาชนก็จะเดือดร้อนฯ

คนเราต่างจิตต่างใจ อย่าไปว่าคุณสิรภพฯ เขาเลย เขาอาจจะเจอประสบการณ์ไม่ดีจากตำรวจมามาก เขาจึงพูดเช่นนั้น ก็เป็นธรรมดา คนเราเจออะไรไม่ดี ก็จะเหมาทุกอย่างว่าเป็นอย่างนั้นไปหมด ความจริง ก็อย่างที่เพื่อนว่า ถ้าองค์กรตำรวจ มันไม่มีอะไรดีเลย รัฐบาลเขาก็คงจะยุบมันทิ้งไปแล้ว

วันก่อนอาจรายงานประจำปีของสหรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์ Human Rights ปี ๒๐๐๔ ในประเทศไทย โดยรัฐบาลสหรัฐฯ อ่านแล้วตะลึงฯ โอ้แม่เจ้า สหรัฐมองประเทศไทยเลวร้ายมาก ในแง่ของการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทุจริตคอรัปชั่นในทุกองค์กรรวมถึงศาลด้วย เขาเขียนไว้อย่างหนึ่ง คือ เหตุแห่งการทุจริต เพราะตำรวจและผู้บังคับใช้กฎหมาย ไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาลฯ

อาจจะจริงอย่างเขาว่า เพื่อน ๆ ผมที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตำรวจ อายุแค่ ๒๗ ปี ก็เป็นระดับ Inspector หรือสารวัตรฯ ได้เงินเดือนเกือบ ๔,๐๐๐ เหรียญ และยังได้เบี้ยเลี้ยงมาอยู่ในสหรัฐอีกเดือนละเกือบ ๓,๐๐๐ เหรียญ ถามว่า ทำไมได้เงินเยอะขนาดนี้ เขาบอกว่า เพราะรัฐบาลเขาจัดสวัสดิการฯลฯ รวมถึง บ้านพักให้ข้าราชการญี่ปุ่นทุกคน คนที่มาอยู่สหรัฐฯ ก็ได้ในอัตราเดียวกัน เพราะเขาไม่ได้เช่าบ้านในญี่ปุ่น รัฐบาลก็จ่ายค่าเช่าบ้านและกินอยู่ในสหรัฐฯ แทน อิจฉาจัง

อีกหน่อยคงจะดีขึ้นนะเพื่อน คิดในแง่บวก หวังว่า ปีนี้ ตร. คงจะตอบแทนความดีของเพื่อนที่ไปสืบจับผู้ร้าย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มาหลายปี ให้ได้เป็นสารวัตรฯ กะเขาซะที นี่มันสิบกว่าปีแล้วนี่นะ ผมขอแนะนำเพื่อน ถือประวัติของตนเองฯ ไปพบท่าน พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วย ผบ.ตร. ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี มีคุณธรรม ครับ มันถึงเวลาแล้วเพื่อน

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียน รักษาสุขภาพดี ๆ เพื่อน ฝากความเคารพ และคิดถึงเพื่อน ๆ ทุก ๆ ท่านด้วย



โดย: POL_US วันที่: 24 พฤษภาคม 2548 เวลา:11:29:11 น.  

 
ในโลกของการศึกษาเราสามารถค้นคว้า คาดหวังอะไรได้อย่างเป็นอุดมคติพอสมควรล่ะครับ
อย่างน้อยแน่นอนที่สุดว่าในเชิงทฤษฎี..ทุกเนื้อหาสามารถตรวจสอบได้ในกระบวนการวิจัย ภายใต้โลกของการศึกษารวมทั้งในเชิงกระบวนการยุติธรรมและสาขาที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามยินดีที่วงการยุติธรรมไทยจะมีบุคคลากรที่มีคุณวุฒิและความรู้พื้นฐานเต็มเปี่ยมเพิ่มอีก 1 คนในอนาคต

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จ่ายภาษีให้เป็นต้นทุนสำหรับรัฐบาลไทย..ผมก็อยากคาดหวังว่า..เมื่อคุณกลับมาแล้วคุณจะนำความรู้ กลับมารับใช้สังคมคืนกำไรให้กับแหล่งทุนของทุน ด้วยจิตวิญญาณ อุดมการณ์ ในการที่จะดำเนินการกระบวนการยุติธรรมในเมืองไทยอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่อยากให้อุดมการณ์และจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เคยมีเมื่อครั้งยังอยู่ในโลกของการศึกษา ถูกบดบัง เบียดขับ ด้วยวัฒนธรรม ความอยุติธรรมและระบบอุปถัมภ์ทั้งหลายในสังคมไทย

ป.ล.ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชมในแนวคิดและพฤติกรรม วัฒนธรรมการทำงานของ ท่านอชิรวิทย์ ครับตังแต่เมื่อครั้งไปฏิบัติงานที่ ขอนแก่น..แล้วท่านอชิรวิทย์ ยังอยู่ที่นั่น


โดย: กุมภีน วันที่: 26 พฤษภาคม 2548 เวลา:8:20:52 น.  

 
มาอ่านค่ะ


โดย: Aisha วันที่: 26 พฤษภาคม 2548 เวลา:9:50:36 น.  

 
Thank you khun กุมภีน and Aisha very much for visiting my blog. I think you correctly indicate our society problems. The reality and the theory are not congruent, and sometimes they conflict each othere.

I think if we review the real problems of our society, we will find out that Thai citizens prefer "double standards." Most people will think that the rigid regulations should have been imposed on only other person, rather than himself. Most of Thai citizens would like to get privilege while others should not get such special rights or privilege.

I am also aware of my mind. The problems of normal person is that when he or she has an oportunity to make the malpractice, whether he or she will do or refrain from it. If such person who has such chance to get benefit but he can refrain from it, such person is the really good person. In reality, the person who always blames others has no such opportunity to gain such benefit. I am not sure whether such person who always others when he or she has the good chance to gain benefit, he or he will be able to refrain from it or not.

Thank you very much for visiting and giving me some instructions. It is very good for me because it will remind my mind all the time.




โดย: POL_US วันที่: 27 พฤษภาคม 2548 เวลา:13:39:40 น.  

 
คุณpol มีmailมั้ยคับอยากถามรายละเอียด llm at iub มีคำถามหลายอย่าง


โดย: noote IP: 58.8.246.8 วันที่: 3 มิถุนายน 2548 เวลา:12:40:17 น.  

 
Khun Noote:

You can contact me at: phon_31@yahoo.com. However, if you figure out in blog's web link, you will see the IUB TSA website. There are many currents students in "people directory," who can help you, rather than me because I have not studying at IUB any more. Well, if you still want to ask me, I am very willing to answer your questions krab.


โดย: POL_US วันที่: 3 มิถุนายน 2548 เวลา:13:13:20 น.  

 
พยายามอ่านอยู่ค่ะ
แหะ แหะ แต่ไม่รู้จะจบวันไหน
หึหึ หมดเวลาพักอีกแล้ว หงือ หงือ

แล้วจะกลับมาอ่านต่อเรื่อย ๆ นะคะ
กำลังสนุก และได้ความรู้เยอะเชียว


โดย: พรายทราย วันที่: 3 มิถุนายน 2548 เวลา:18:26:14 น.  

 
ขอบคุณนะค้าบ


โดย: noote IP: 58.8.247.222 วันที่: 4 มิถุนายน 2548 เวลา:0:10:25 น.  

 
มาระบายเรื่องของเพื่อนให้พี่อ่านหน่อย
ตำรวจดี ท้อแท้ .......จริงๆ เจ้าตัวเขาอาจไม่ท้อแท้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นตัวเองก็......
มีเพื่อนร่วนรุ่นคนนึง อยากเป็นตำรวจมากๆ (ด้วยเหตุผลส่วนตัวเปิดเผยไม่ได้) เหลืออีกเทอมจะจบตรี เพื่อนมันก็สอบติดพลฯ
ตั้งอกตั้งใจทำงานยังไงก็อยู่มันแค่..... แล้วมานก็ช่างเถรตรง เอาใจไม่เป็น (จีบ ญ.ก็ไม่เป็น แต่มีภริยาแสนสวยไปแล้ว)
นายก็มองข้ามหัว แถมรมณ์ไม่ดีก็ด่ามานซะงั้น
สอบนายร้อยอยู่หลายปี ............โอ้เย้! ดีใจกับเพื่อนมันจริงๆพี่ สอบได้เสียที เงินเดือนน้อยๆ ของมานก็ปรับขึ้นหมื่นเสียที แต่ก่อนก็เห็นเพื่อนทำงานพิเศษงกๆ
อยากให้คนเป็นนาย หันมามองตำรวจทื่อๆ ดีๆ บ้าง มองให้เห็นว่าคนที่เกิดมาเพื่ออยากเป็นตำรวจดีๆ พอใจกับเงินเดือนที่รัฐให้มา
มาแอบบ่นนะพี่


โดย: เกิดมาราศีมีน วันที่: 5 มิถุนายน 2548 เวลา:20:51:19 น.  

 
ผมได้ข่าวว่า ศ.ดร.อมร ท่านเสียชีวิตแล้วนะครับ


โดย: surachai_pal IP: 58.11.66.13 วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:19:38:47 น.  

 
จริงรึป่าว ครับ

ขอแสดงความเสียใจ ต่อท่านอาจารย์้ด้วยครับ



โดย: boatkung IP: 149.159.3.229 วันที่: 5 ตุลาคม 2548 เวลา:14:59:32 น.  

 
พี่พลครับ จะปรึกษาพี่หน่อยครับเรื่องทีแม่ผมถูกรถชน

วันนี้แม่ผมเอารถไปขี่ ปรากฏว่ารถที่ไปซ่อมโดยอู่ที่ยายแก่นั่นจัดการ ปรากฏว่า ล้อมันเบี้ยว ซึ่งมองดีๆจะไม่เห็น แต่จะรู้สึกว่ารถมันกระตุกๆเวลาขี่ แม่ผมจึงเอาไปที่ศูนย์อีกรอบครับ ศูนย์เค้าก็บอกว่า ล้อบิดมาก ต้องซ่อมอีก ซึ่งทางร้านที่ยายแก่นั่นเอาไปซ่อมนั้น ไม่ได้เช็คทั้งหมดเลยตั้งแต่แรก

ซึ่งตอนนั้นเธอเป็นคนถามแม่ผมเองว่าซ่อมรถที่ไหน แม่ผมก็บอกแล้วว่าให้เอาไปซ่อมที่ศูนย์ แต่เธอก็ยังดันเอาไปซ่อมร้านอื่น แถมมาว่าแม่ผมว่าเรียกร้องมาก แค่ซ่อมๆไปสตาร์ทติดก็พอแล้ว แถมตอนที่รถจอดอยู่ที่โรงพักน่ะ เธอใช้เส้นลูกชายซึ่งเป็นผู้กำกับโรงพักอีกอำเภอนึง มาเอารถออกไปซ่อมเอง ซึ่งผมไม่เเน่ใจว่าเค้าทำกันได้มั้ย อยากทราบน่ะครับพี่ การเอารถออกมาโดยที่เจ้าทุกข์เองไม่รู้เรื่องเนี่ย สามารถทำได้มั้ยครับ คือตำรวจที่รับเรื่องเองยังไม่รู้เลยครับว่ารถของแม่ผมน่ะมีคนเอาออกไปแล้วซะด้วยซ้ำนะพี่


อีกอย่างคือ ตอนที่ไปคุยกับตำรวจเพื่อเคลียร์เรื่องน่ะ
ลูกชายยายแก่นั่นที่เป็นผู้กำกับมาคุยแทน และดูๆทางสารวัตรที่รับเรื่องจะเรียกนายนั่นว่าพี่คับๆๆๆตลอด แถมเข้าข้างมันด้วย และดูจะพูดว่าแม่ผมผิดอีก ทั้งๆที่ตอนที่ผมไปดูสำนวนก่อนหน้านี้ สารวัตรคนนั้นพูดเองว่ายายแก่นั่นน่ะผิดเห็นๆ น่าจะยอมรับบซะ ผมก็เลย เอาละนะ ตำรวจไทย เริ่มแระ เริ่มจะไม่เป็นธรรมแล้วนะ


แม่ผมเลยจะไปแจ้งความเรื่องรถชนนี่ล่ะครับ ส่วนผมกำลังดูว่าจะเล่นยังไงกับคนพวกนี้ เพราะผมไม่ยอมแน่ๆ

ส่วนเรื่องค่าเสียหายอย่างค่าทำขวัญ ผมควรจะเรียกยังไงดีครับ ทางนั้นบอกว่าให้ไปดูมาว่าแม่ผมขาดงานกี่วันแล้วมาคิดเป็นเงินของรายได้ที่เสียไป และรวมค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม แต่ผมไม่เห็นด้วย เพราะมันไม่เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล เพราะผมต้องพาแม่ไปตรวจอีกอยู่แล้วครับ


ขอบรบกวนพี่ด้วยนะครับ อยากทราบน่ะครับ เพราะ ไม่แน่ผมอาจจะฟ้อง และอาจจะฟ้องตำรวจด้วยครับ


ผมอยากรู้นักว่า แสบๆอย่างยายแก่นั่น ถ้ามาโดนผมชนมันมั่งเนี่ย มันจะมาพูดอีกมั้ย ว่า"สุดวิสัย" หรือว่า"รถใหญ่ชนรถเล็ก รถใหญ่ไม่จำเป็นต้องผิดเสมอไปนะ"


ตอนนี้ผมไม่อยากเกิดเป็นคนไทยอีกแล้วครับ ตลอดมาเนี่ย เจอแต่คนเดนๆทั้งนั้น ไม่เข้าใจเลย คนดีๆในสังคมไปไหนกันหมด


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 20 มีนาคม 2549 เวลา:9:54:02 น.  

 
หวัดดีครับ แวะมาเยี่ยมเยียน ครับ ...
หวัดดีปีใหม่ ไทยครับ แฮปปี้สงกรานต์ ครับ ..
ผมก็ชอบ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ครับ มีนักมายากลอีกคนที่เก่ง ไปดูกันครับ ..

//www.youtube.com/results?related=japanese%20magic%20cyril%20takayama


โดย: ultrajack (~Ultra_Jack~ ) วันที่: 15 เมษายน 2549 เวลา:0:25:36 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 15 เมษายน 2549 เวลา:17:42:51 น.  

 
หนูขอชื่นชม ตัวพี่ก่อนเลย ที่เป็นลูกชาวสวนเหมือนหนู (บ้านเกิดหนูน่ะสมุทรสาคร หรือ ก้อเรียกได้ว่า สาครบุรี สมัยเมื่อ ร. 7 นู้น) แต่ได้ บากบั่นมาได้ขนาดนี้ พี่ถือว่าสุดยอดเลยในเรื่องความตั้งใจจริงที่จะเรียน สำหรับหนูถึงแม้จะไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่หนูก้อภูมิใจเช่นกัน ที่พ่อ แม่ชาวสวนอย่างหนู สามารถส่งให้หนูเรียนจบจุฬา และ ทำให้หนูได้ก้าวไกลข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาเรียนไกลถึง ป.โท อเมริกา นี่ได้
อ้อ ก่อลามาเรียนหนูสอนที่เตรียมทหาร และมีโอกาสได้สัมผัส ว่า ระบบอุปถัมภ์ กับสังคมไทย โดยเฉพาะข้าราชการทหาร ตำรวจ ยิ่งตำรวจ อีกกี่ร้อยปี ยังไง ก้อ ไม่หมด ไปจากสังคมไทยได้ เพราะมันมีมาตั้งแต่คำบัญญัติ นิยามตำรวจ เกิดขึ้น
แต่หนูก้อหวังว่าตำรวจที่ดี อย่างพี่ จะเป็น เหมือนดวงไฟเล็ก ๆ ที่ส่องประกายแสงในวงการตำรวจไทย แม้มันอาจให้ความสว่างนำทาง คนจำนวนมากนั้นได้ แต่อย่างน้อยมันก้อคือ ทางนึงที่อาจช่วยคนหลงทาง บางคน ให้ผ่านเส้นทางมืดมิดไปได้ หนูว่าพี่น่าจะเป็นอาจารย์ ให้ความรู้นรต.ให้บังเกิดปัญญา ได้ดีทีเดียว หวัง่าพี่คงตอบกระทู้ นะ


โดย: ครูเตรียมหาร namfon_sci@hotmail.com IP: 216.249.145.232 วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:14:13:26 น.  

 
โทษครับ คุณครูเตรียมทหาร

ผมเพิ่งผ่านเข้ามาดูบล๊อก เดิม ๆ ขอบคุณมากที่แวะเวียนเข้ามา แต่ผมอ่านแล้ว ค่อนข้างงง ครับ

ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมนะครับ ผมก็ตั้งใจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครับ


โดย: POL_US IP: 130.126.87.57 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:48:07 น.  

 
ผมทำหน้าที่จราจรครับ คำว่าตำรวจที่ดี และตำรวจที่ไม่ดี
ผมให้ความหมายไม่ได้ทุกวันนี้ผมเป็นทั้งสองอย่างเลยครับ เขาว่าผมอย่างนี้เสมอ
ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าจับใครหมายความว่าบังครับใช้กฎหมายใช่ไหมครับ
แต่ผมก็จะโดนไปด้วย 1ข้อคือ อยากใด้เปอร์เซนต์ เรื่องเล็กน้อย ยิ่งถ้ารู้จักผู้ใหญผู้โตแล้ว ผมคือคนชั่วหรือตำรวจชั่วก็เคยโดนมาแล้ว แค่ขั้นขอตรวจใบอนุญาติขับขี่ ผมก็เกือบจะโดนย้าย มีคำอีกเยอแยะที่ยังมึน
อย่าตึงกินไป อย่าจับข้อหาพิสดาร สงสารเขาคนจน ทุกอย่างที่ทำมาจาก กฎหมายและนโยบายของรัฐ บวกกับจิตสำนึกในความปลอดภัยทั้งระบบ ผมไม่เคยใช่อารมณ์ในการทำงาน ผมใช้เจตนารมของกฎหมายแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบ
ผมแจ้งสิทธิ ตามป.วิให้ทราบ
และที่สำคัญผมจะบังคับใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัยและความสดวกเป็นหลัก
แต่ทุกวันนี่ผมไม่จับใครเลย ผมกลัว
ผู้น้อย
นิติ


โดย: จ.ส.ต.รักชาติ IP: 58.9.5.132 วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:20:37:23 น.  

 
ขอบคุณครับ จ.ส.ต. รักชาติ ที่เข้ามาเยือนครับ

ปัญหาของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ ขาดนโยบายที่ชัดเจน ขาดคู่มือที่ชัดเจน ในการให้ปฏิบัติงาน และความไม่มีหลักการของผู้ใหญ่ หรือ ผู้บังคับบัญชา ซึ่งส่วนใหญ่เติบโตจาการไม่เคยทำงานอย่างจริงจัง (มาจากการถือกระเป๋า กับเปิดประตูรถ)

เมื่อเกิดเรื่อง ก็พยายามจะหาทางเอาตัวรอดอย่างเดียว โยนความผิดให้ลูกน้องเรื่อยไป มันทำให้ลูกน้อง ขาดความมั่นใจในการทำงาน อีกหน่อย คงจะดีขึ้นนะ ได้แต่หวังว่าอย่างนั้น

แต่ถ้าเราทำงานถูกต้องตามหลักการแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผู้บังคับบัญชาที่มั่ว ๆ เขาก็เกรงเราได้เหมือนกัน เพราะถ้าเขาสั่งการผิด ๆ เขาต้องรับผิดชอบในท้ายที่สุด แล้วถ้าเห็นผิด เราก็คัดค้านให้ชัดเจน อย่างสุภาพฯ เราก็มีข้อแก้ตัว ไม่ต้องกลัวเวลาโดนฟ้องฯ

เอาใจช่วยครับ กระผมเคยเป็นผู้น้อยมาก่อน ระดับเล็กสุดของสัญญาบัตร รู้ดีว่า เวลาผู้ใหญ่สั่งการมั่ว ๆ ซั่ว ๆ เรารู้สึกอย่างไร ถ้าผมมีโอกาสเติบโต ผมจะเติมเต็มสิ่งที่ขาดในอนาคต


โดย: POL_US (POL_US ) วันที่: 8 มกราคม 2550 เวลา:15:42:24 น.  

 
เข้ามาอ่าน blog พี่โดยบังเอิญ น้องกำลังหาข้อมูลในการเรียนต่อ pos-doc อยู่คะ อ่านไปอ่านมา เลยไม่สามารถวางสายตาจาก blog พี่ได้เลยจริงๆคะ

ตอนนี้ น้องอ้อมเรียนปริญญเอกอยู่เกี่ยวกับ Research and Evaluation ตอนนี้ท้อใจจัง...


โดย: น้องอ้อม IP: 125.25.226.147 วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:18:57:39 น.  

 
บล็อคของคุณ มีประโยชน์ น่าศึกษาและอ่านเป็นความรู้มากๆเลยค่ะ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกไม่นาน เมืองไทยจะมีนักกฏหมาย ดีๆที่เคยเป็นตำรวจด้วย เพิ่มขึ้นอีกคน


โดย: paninee วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:22:07:24 น.  

 
Thank you krub Khun น้องอ้อม and Khun Paninee for visiting my blog krub!

I hope that I can do something for my country in the future krub! Just hope but cannot sure if I will have a chance krub!


โดย: POL_US IP: 130.126.85.134 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:2:43:56 น.  

 
ผมเพิ่งเข้ามาเจอ blog พี่ด้วยความบังเอิญเมื่อ 2 - 3 วันมานี้ และติดตามอ่านเรื่องของพี่ ประทับใจมากครับ ยอมรับเลยว่าพี่สุดยอดจริงๆ ตอนนี้ผมเป็นน้องใหม่กำลังเรียนกฎหมายอยู่ปี 1 ที่จุฬาฯครับและมีความใฝ่ฝันอยากต่อ LL.M ที่อเมริกา มากก็จะพยายามเตรียมตัวในด้านภาษาให้ดีที่สุด ตอนนี้ยังไม่เคยลองสอบ TOEFL เลยสักครั้งเคยแต่สอบ CU_TEP ได้คะแนน 540 ตั้งแต่อยู่ ม.5 ผมจบศิลป์- ฝรั่งเศสมาครับ ทีแรกเลยตั้งใจว่าอยากจะต่อโทที่ฝรั่งเศส(เพราะเคยรู้มาว่าค่าเทอมที่นั่นถูกเลยวางแผนเรียนสายฝรั่งเศส) แต่คิดไปคิดมาน่าจะเรียนที่อมริกาดีกว่า เพราะจะได้ภาษาอังกฤษซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กว่ากันมาก สาขาที่ผมสนใจคืออยากเรียนด้านBanking and Financial Law เพราะอยากทำ Law Firm ไม่รู้ฝันผมจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ยอมรับนะครับว่าอ่านเรื่องพี่แล้วรู้สึกเป็นแรงบันดาลใจมาก ว่าจะพยายามไปให้ถึง แต่การสอบทุนคงยากมาก อีกอย่างถ้าไปเรียนโดยใช้เงินส่วนตัวไม่รู้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน ถ้าจะตามรอยพี่ไปเรียนที่ยู...อินเดียนา หรือ อิลินอย ปีนึงต้องใช้เงินประมาณเท่าไรครับ จะได้ให้แม่เตรียมเก็บแล้วค่อยมาทำงานใช้คืน ช่วยแนะนำและเป็นกำลังใจด้วยครับ...


โดย: หมูอ้วน IP: 203.113.34.12 วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:53:33 น.  

 
เรียนน้อง หมูอ้วนครับ

ค่าเทอม ค่อนข้างแพงมากขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ ปีละ ประมาณ ๒.๗ หมื่นเหรียญ นะครับ แต่ถ้าเป็น รร. เอกชน อื่น ๆ อาจจะสัก ๓.๕ ถึง ๔.๐ หมื่นเหรียญ ครับ

ลองดูว่า ถ้าสอบทุนได้ แล้วมีความตั้งใจทำงานเพื่อราชการ ก็พยายามเถิดครับ ไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าพี่ทำได้ เชื่อว่า ทุกคนก็ทำได้ครับ


โดย: POL_US วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:5:51:35 น.  

 
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่มากครับที่เข้ามาตอบ ผมรออยู่นาน (นึกว่าไม่ตอบซะแล้ว) แต่พี่คงยุ่งมากทั้งเรียน และเที่ยว อ่านเรื่องเที่ยวยุโรปของพี่แล้วสนุกมากครับ ผมก็เพิ่งไปฝรั่งเศสเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๐ ไปมาหนึ่งเดือน(ช่วงปิดเทอม)สนุกเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่อยู่ที่ปารีส และเลยไปนอร์มังดี ๔ วัน (เห็นผมไปเมืองนอกอย่าคิดว่าเงินเยอะนะครับอาศัยอยู่ฟรี กินฟรี ป้าอยู่ที่นั่น มีตั๋วก็บินไปได้แล้ว) เรื่องค่าเทอมมหาลัยรัฐแพงจังนะครับแล้วถ้ารวมค่ากินอยู่ปีนึง สงสัยต้องมีล้านห้ามั๊ยครับ อย่างนี้ตองพยายามสอบทุนอย่างพี่ว่าจริงๆ ผมเห็น Mail พี่ให้คุณ noot จะขออนุญาติจดหมายคุยกับพี่บ้างจะสะดวกมั๊ยครับ....


โดย: หมูอ้วน IP: 203.113.35.7 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:36:20 น.  

 
เด่งมากเลยค่ะ คิดว่าคงเป็นพี่ หรือว่าจะเป็นกันนี่แหละค่ะ
ดีใจด้วยนะค่ะ


โดย: SweetPolarBear วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:22:48 น.  

 
เรียน น้องหมูอ้วน

คิดว่า ค่าเทอม และค่ากินอยู่ รวม ๆ ประมาณ ปีละ ๒ ล้านได้ครับ ไงก็ลองดูมหาวิทยาลัยของรัฐบาลเป็นหลักนะครับ

เรื่องการเรียนและความรู้ อยู่ที่ตัวเองจะขวนขวายนะครับ ไม่ว่ามหาวิทยาลัยจะ ranking สูงแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจอ่าน หรือ ห้องเรียนมหาวิทยาลัยใหญ่มาก ๆ เพราะอยากได้เด็ก LL.M. เยอะ ๆ

อย่างโรงเรียนชั้นนำหลายแห่ง รับเด็ก LL.M. ปีละหลายร้อยคน เพื่อจะได้ทำตังค์เยอะ ๆ .... แล้วไปจ้างเด็กอเมริกามาเรียน เพื่อดูดเงินจาก นร. ต่างชาติต่อไป ... รร.พวกนี้ ก็ไม่ได้ให้อะไรเราหรอกครับ เพราะห้องเรียนใหญ่ หรือ ให้เรียนโดยการออนไลน์ ฯลฯ ในความเห็นส่วนตัว เห็นว่าไม่ดีครับ


โดย: POL_US IP: 74.139.79.83 วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:9:51:51 น.  

 
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ พนักงานสอบสวน ของ ตร.
มันก็เกิดขึ้นอีก แม้จะเปลี่ยนชื่อองค์กร
กำหนดคุณสมบัติ ของ พนักงานสอบสวนไว้ใน พระราชบัญญัติก็แล้ว สุดท้ายก็แพ้ "คน" นะครับ เพราะอ้างข้อยกเว้น , อ้างหมายเหตุ จนทำให้ เป็นหน่วยงานรวมแหล่งเพาะเชื้อ
เราเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมไม่ได้ แต่เราเลือกสถานที่อยู่ได้ สงสัยใกล้จะต้องย้ายอีกแล้วกะมั้ง
กระบวนการคัดเลือกล้มเหลว พัฒนาก็ไม่ได้ วินัยก็ไม่มี สงสารแต่สังคมที่คนจน คนไร้ทางสู้ ถูกเอารัดเอาเปรียบ เสียภาษี แต่ต้อง "รอ" ความยุติธรรม
เป็นการผลัดดัน คนในสังคมให้อยู่ นอกกฏหมาย
กระทรวงยุติ-ธรรม


โดย: กรมตำรวจ2 IP: 125.24.182.6 วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:11:30:54 น.  

POL_US
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.