+++ สวัสดีปีที่ 3 ค่ะแม่ +++
2 มีนาคม 2551
วันนี้จะเป็นวันที่เราเขียนถึงแม่อีกครั้งนะคะ ไม่ได้จะทำให้เศร้าอะไรหรอก แต่เมื่อวานเป็นวันครบรอบ 3 ปี ที่แม่เสียไปน่ะค่ะ ก็เลยจะอัพบล็อกเรื่องของแม่เก็บเอาไว้ดูน่ะ
ชีวิตของเรานับแต่จำความได้ แม่เนี่ยดุ๊ ดุ ดุมากเลย (ฮี่ๆ ขอพูดความจริงนะแม่ ) ก็นั่นแหละ ตอนเด็กๆแม่เรายึดถือคติ "รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี" ใครทำผิด มาๆๆ แม่จะถามว่าเอากี่ชุด (หนึ่งชุดเท่ากับ 12 ครั้ง) ง่ะ แม่.. จูรี่เอา 1 ส่วน 12 ชุดอะ แต่แม่น่ะ รู้ก็รู้ว่าตีผ่านกระโปรงนักเรียนน่ะ เสียงดังแต่ก็ไม่เจ็บร้อก แม่ก็ทำท่าตีให้พี่ๆน้องๆเห็นว่าเท่าเทียมกันไปซะงั้น (ฮี่ๆ แม่ก็แอบใจดีนะ) แม่ชอบเล่าเรื่องราวตอนเด็กๆให้ฟัง ว่ากว่าที่แม่จะเก่งขนาดนี้ได้ แม่ต้องผ่านอะไรมาบ้าง โห ฟังแล้วหยั่งกะนักสู้แน่ะ
แม่เกิดในครอบครัวคนจีน คุณตาเป็นหมอจีนที่เก่งมากๆ มีตำราเยอะแยะไปหมด แม่ได้เรียนภาษาจีนด้วย ก็เลยได้อ่านตำราอยู่บ่อยๆ โตขึ้นมาแม่ก็เลยมีอาชีพเป็นหมอจีนคู่กับอาชีพหลักอีกอย่าง แม่สอบได้ใบประกอบโรคศิลป์แพทย์แผนโบราญด้วยนะ เก่งจัง เราเองโตขึ้นมาได้ก็ยาแม่นี่แหละ ไม่เคยกินยาปัจจุบันเล้ย จนมาเข้ามหา'ลัยนู่น แม่ขยันแล้วก็เรียนเก่งมากๆ ทำงานหลายด้านด้วย ช่วงเรียนมัธยมจบ แม่ก็ทำงานหลายอย่าง ทั้งเป็นครูสอนภาษาจีนด้วย ไทยด้วย แล้วก็ไปเรียนตัดเสื้อ เป็นดีเจวิทยุด้วยน้า (แม่ชอบอวดว่าเมื่อก่อนแม่เป็นดีเจเสียงระฆังทอง มีแฟนๆเขียนจดหมายมาหาทุกวันเลย อิอิ) จนได้มาเรียนนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์นี่แหละ สุดท้ายแล้วแม่ก็เลยได้เป็นผู้พิพากษาหญิงคนแรกๆของเมืองไทยไปเลยล่ะ อ้อ ระหว่างเรียนเนติฯเลยได้มารู้จักกับพ่อ ฮี่ๆ รักกัน 8 ปี กว่าจะแต่งงาน มีลูกๆตั้ง 5 คน กลายเป็นโรงละครลิงในบ้านไปเลย
พ่อกะแม่สวีทกัน วี้ดวิ้ว
ก็เพราะเป็นผู้พิพากษาด้วยกันทั้งคู่ ตอนเด็กๆนั่งอยู่ในรถก็เลยฟังพ่อกะแม่ถกปัญหากฏหมายกะคดีความตลอด (ยกเว้นหลังตระเวนรับลูกๆครบทุกโรงเรียนแล้ว จะได้ยินแต่เสียงเด็กๆเจี๊ยวจ๊าวตลอดเวลา ) ตอนเช้าแม่ก็จะสั่งให้พี่ติวหนังสือน้อง ไม่ก็แม่ติวเองระหว่างทางไปโรงเรียน ได้กำไรโข แทบไม่ต้องอ่านหนังสือเองเลยล่ะ กว่าจะโตกันขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนได้ ท่าทางแม่คงเหนื่อยน่าดู ทั้งต้องทำงานตัวเอง ตรวจการบ้านให้ลูก เป็นหมอจีน จัดยาให้คนไข้ ก่อนนอนก็ต้องตุ๋นยาจีนให้ลูกๆกินทุกเช้า แม่ต้องหอบแฟ้มคดีมาเขียนที่บ้านแทบทุกวันเป็นตั้งๆเลย ตอนเด็กๆแม่พยายามเอาพวกเรามาสอนภาษาจีนอยู่พักนึง หลังจากเห็นว่าไอ้พวกนี้โค-ตะ-ระ ไร้แวว มัวแต่เล่น ก็เลยเลิกสอนไป
โรคภัยเริ่มมาเยือนแม่ ก็ตอนที่แม่เริ่มปวดท้องบ่อยๆ เข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายต้องผ่าตัด ช่วงนั้นเราเป็นคนนอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลทุกวันเลย กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอนเพราะแม่ปลุกบ่อย เล่นเอาอ่านเพชรพระอุมาจบไปหลายเล่ม พอผลการผ่าตัดออกมา เราก็รีบวิ่งไปขอดู
"CANCER"
มะเร็ง... คำที่เราเคยใช้ เคยพูด เคยฟังโดยไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้มันเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาข้างหน้าเรานั่นเอง เดินกลับมาห้องน้ำตาคลอเบ้า แม่ถามก็ไม่ยอมบอก แต่สุดท้าย บ้านเราก็ถือคติว่า คนไข้ต้องรู้ทุกอย่าง ... ไม่ต่างจากที่คิดเลย แม่ต่อสู้กับโรคนี้ได้สบายมาก หลังผ่าตัดแม่ก็ออกกำลังกาย กินเยอะๆ ไปเดินสวนรถไฟ เล่นโยคะ โอ๊ย เยอะแยะ จนอ้วนท้วนเหมือนเดิม แถมยังเที่ยวแหลก ไปเมืองจีน ไปต่างจังหวัด ไปเที่ยวเกาะ ไปทะเล เพียบ แม่นี่เก่งไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
นี่รูปตอนไปเที่ยวเกาะเหลายา แม่รำไท้เก๊กทุกเช้าเลย
ตอนน้องชายบวช แม่ดีใจสุดๆ
เจ้าเพชรกับเจ้าโตโต้ หมาที่บ้านที่แม่รักมาก เจ้าโตโต้ตายไปก่อนตั้งแม่แม่ไม่สบายมากๆ ส่วนเจ้าเพชร หลังจากแม่เสียได้ 2 วัน ก็ไปพบมันนอนนิ่งอยู่ข้างบ้าน จากไปอย่างสงบตามไปดูแลแม่ต่อบนสวรรค์
5 ปีถัดมา แม่เข้ารับการผ่าตัดอีก 2 ครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าแม่ก็ยังเข้มแข็งอยู่ได้ตลอด ความจำยังเฉียบคมเหมือนเดิม พวกเรารู้ดี ว่าแม่จะต้องเจ็บแค่ไหน แม่เองก็เข้าใจโรคของตัวเองเป็นอย่างดี ศึกษา อ่านหนังสือ จนเอามาพูดกับพวกเราได้เป็นฉากๆ เอ้อนะ แม่ก็ยังเป็นแม่อยู่นั่นแหละ
หลังผ่าตัดครั้งที่ 3 แม่ทรุดลงเรื่อยๆ และเร็วมาก วันนึง เราไปค้นๆรูปเก่าๆ เจอรูปของแม่สมัยสาวๆ แม่สวยจัง ก็เลยเอาไปบอกแม่ว่า
"แม่ๆ รูปนี้จูรี่ขอนะ"
"อื้อ เอาไปสิ เอามาๆ เดี๋ยวแม่เซ็นชื่อให้"
หลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็จากไปโดยไม่มีวันกลับอีก . . . เมื่อวาน ครบรอบวันเสียของแม่ เราก็เลยไปทำบุญ ไหว้พระที่วัดเบญจฯ วัดที่พี่ชายกับน้องชายบวช ได้แต่บอกกล่าวแม่บนสวรรค์ว่า
"แม่คะ พวกเรายังรักแม่ ยังคิดถึงแม่ตลอดเวลา แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราจะพยายามทำชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุด
รักแม่ค่ะ"
Create Date : 03 มีนาคม 2551 |
|
25 comments |
Last Update : 3 มีนาคม 2551 22:17:38 น. |
Counter : 543 Pageviews. |
|
|
|