|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
>> Death at a Funeral .. เสียงหัวเราะในงานศพ
เคยรู้สึกกันบ้างไหม..
ว่า หนังตลกจากฝั่งอังกฤษ มักจะออกมา "ดูดี มีตระกูล" มากกว่า หนังตลกจากฝั่งฮอลลีวู้ด..
ไม่ได้หมายความว่า หนังตลกจากฝั่งอังกฤษดีกว่าฝั่งฮอลลีวู้ดทั้งหมดนะ..
แต่ประมาณว่า .. หากได้ยินว่าเป็นหนังตลกสัญชาติอังกฤษเมื่อไหร่.. อุ่นใจได้ 70% ว่า น่าจะออกมาดี
ยกตัวอย่างง่ายๆ หนังตลกแนวล้อเลียน.. นานแค่ไหนแล้ว ที่ฮอลลีวู้ดจะผลิดหนังตลกล้อเลียนดีๆมาเรื่องหนึ่ง.. ในขณะที่ฝั่งบริท ส่งผลงานผ่านตาคนดูไปไม่นาน กับ ภาพยนตร์ตลกล้อเลียนหนังผีซอมบี้เรื่องดัง Shaun of the Dead ตามด้วยหนังตลกล้อเลียนหนังแอคชั่นอย่าง Hot Fuzz
Death at a Funeral ถึงจะเป็นงานกำกับของผู้กำกับ Frank Oz ที่แม้จะีมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อังกฤษ แต่ผลงานส่วนใหญ่ของเขา ก็ไม่มีส่วนผสมของความเป็นอังกฤษอยู่เท่าไหร่..
หรือแม้ว่า หนังเรื่องนี้ จะไม่ได้ถือสัญชาติอังกฤษ 100%..
แต่น่าดีใจที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับ "ความดี" จากกลิ่นอายความเป็นหนังตลกสัญชาติอังกฤษมามากมาย.. ความเป็นอังกฤษ ในหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่นักแสดง หรือสถานที่ถ่ายทำ..
ถึงแม้ว่า บทภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ เลือกที่จะเล่นกับมุขตลก "ขำๆ" (silly joke) ซะส่วนใหญ่.. แต่นั่น ก็ไม่ได้หมายความว่า บทภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกเขียนขึ้นมาแบบ "โง่ๆ"
(ขอเลือกที่จะใช้คำว่า มุขตลกขำๆ อธิบายถึง มุขตลกที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความคิดง่ายๆ -แต่ไม่ใช่คิดง่ายๆนะ- หรือ silly joke)
เพราะความฉลาดของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ที่การเรียงร้อย มุขตลกขำๆ เหล่านี้.. ให้เป็นตัวผลักดัน ให้เกิดเรื่องราวต่อๆมา ได้อย่างลื่นไหล.. ไม่ทำให้คนดูสะดุดกลางทาง.. ด้วยคำถาม ทำไม.. ทำไม.. ทำไม.. ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น (ด้วยแรงส่งจาก มุขขำๆ) ปรากฏอยู่หน้าจอ โดยไม่ทิ้งให้คนดูนั่งงง (ด้วยความรำคาญ) ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?
ที่สำคัญคือ.. มุขตลก เวลาถูกปล่อยมาที ก็ฮากระจาย..
ถึงจุดนี้ ก็อย่าเพิ่งคิดไปว่า หนังเรื่องนี้ จะเป็นหนังตลกประเภท หัวเราะตกเก้าอี้.. ซึ่งจริงๆแล้ว แม้มันจะ็มีมุขบางมุขที่ทำเอาเกือบตกเก้าอี้.. แต่นี่ไม่ใช่หนังที่เดินเรื่องไปเหมือน โรงงานผลิตมุขตลก.. ส่วนที่เป็นดราม่า ก็ถูกผลิตออกมา และถูกเล่าไปพร้อมๆกัน
สิ่งที่หนังเรื่องนี้ ได้รับมาจาก "กลิ่นอาย" ของความเป็นหนังตลกอังกฤษชั้นดี นอกจาก ความเป็นธรรมชาติ ของมุขตลก อย่างที่กล่าวมาข้างต้น.. ยังไปอยู่ในส่วนของ "บทพูด" ที่ "ฉลาด".. แต่ไม่ถูกปรุงแต่งจน "ประหลาด"..
รวมไปถึงตัวละครที่้มีอะไร "น่าสนใจ" อยู่ในตัว.. แต่ไม่พยายามเรียกร้องความสนใจจากคนดูมากไป ด้วยการใส่อะไรต่อมิอะไร จนกลายเป็นตัวละครที่ "แปลก" ผิดมนุษย์มนา..
หากข้อดีของหนังเรื่องนี้ คือ การได้รับ "กลิ่นอาย" ของความเป็นหนังตลกอังกฤษชั้นดี
ข้อเสียของ Death at a Funeral ก็คงอยู่ที่ การที่ไม่สามารถรับกลิ่นอายนั้นมาได้เต็มร้อย.. ในบางช่วง จะพบว่า มีมุขตลกที่เล่นกันง่ายๆ .. ง่ายเกินไป อันเป็นเครื่องหมายของการเดินไปเจอทางตันของบทภาพยนตร์.. ซึ่งไม่แตกต่างเท่าไหร่เลย กับมุขตลกที่เราเห็นเป็นประจำสี่ฤดู ในหนังตลกดาดๆของฮอลลีวู้ด .. นอกจากจะทำให้อารมณ์ตลกของหนังสะดุดแล้ว.. มันยังไม่ตลกเลย.. ไม่แม้แต่นิดเดียว.. แถมยัง "เหม็น" มากๆ
(อะไรเหม็น.. ไปดูกันเองแล้วกัน อิๆ)
แถมพล็อตเรื่องบางส่วน ก็ดูจะไร้ซึ่งคุณค่าเหลือเกิน.. แถมยังทำให้บางช่วงของหนัง ดำเนินไป อย่างไร้ความน่าติดตาม.. ซึ่งถ้าหากส่วนนี้ถูกตัดออกไป.. ก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆให้กับตัวหนังโดยรวม.. แถมยังจะทำให้หนังกระชับมากขึ้น
ยังดีที่ว่า ข้อผิดพลาดข้างต้น.. มันมีให้เห็นเป็นบางช่วงสั้นๆ.. และไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ..
และมันก็ยังไม่ใหญ่พอที่จะไปทำลายความดีงามส่วนอื่นๆที่หนังทำไว้..
แต่ก็นั้นแหละ..ข้อผิดพลาดเหล่านี้ มันก็ไม่ใช่สิ่งเล็กๆ ที่จะสามารถนำความดีส่วนอื่นๆมาบดบัง เพื่อกลบเกลื่อนได้เช่นกัน..
ในส่วนของผู้กำกับเอง.. หลายครั้งทีเดียว เวลาที่ตัวหนังเดินเรื่องมาถึงจุดๆหนึ่ง ที่มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ณ เวลานั้น.. จะรู้สึกได้ชัดว่า .. พี่ท่านจะเสียศูนย์ คุมหนังไม่อยู่..
ยกเว้น ในฉากไคลแมกซ์ช่วงท้ายเรื่อง.. ที่แม้ว่าจะเกิดเหตุยุ่งเหยิงวุ่นวาย (ในเนื้อเรื่อง) อย่างไร.. ตัวหนังก็ไม่ "หลุด".. หรือ สับสับอลหม่านไปตามเนื้อเรื่อง..
ส่วนนักแสดงในเรื่องนี้.. ก็ทำหน้าที่ได้ดีกันทุกคน.. อาจจะไม่มีใครโดดเด่น หรือควรคู่กับรางวัลออสการ์ ฯลฯ.. เพราะจริงๆแล้ว.. บทหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมา เพื่อโชว์ฝีมือการแสดงโดยเฉพาะ..
แต่หากจะพูดว่า.. ทีมดารานักแสดงทีมนี้ ไม่ได้มีความดีความชอบอะไรเลย.. มันก็ไม่ถูก..
ในบทภาพยนตร์ที่อยู่ในประเภท "โชว์เดี่ยว" .. คือ ประเภทที่เรื่องราวทั้งหมด ถูกทิ้งน้ำหนักลงบนตัวละครตัวเอกตัวเดียว (หรือสองถึงสาม) ... หากจะมีการแสดงแย่ๆจากตัวละครสมทบ.. หรือน่ารำคาญอยู่บ้าง.. มันก็จะไม่ส่งผลเสียมากเท่าไหร่
แต่ในบทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของคนหลายๆคน อย่างบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่เล่าเรื่องราวของคนกลุ่มนึง ในงานศพงานหนึ่ง และมันก็ได้ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีในการแบ่งกระจายความเด่น ความสำคัญไปให้ทุกๆตัวละคร .. พูดได้เลยว่า ตัวละครทุกตัว นักแสดงทุกคน แบกหนังเรื่องนี้ไปพร้อมๆกัน.. เพราะฉะนั้น หนังจะไม่ออกมาเวิร์กอย่างนี้ ถ้ามีการแสดงที่น่ารำคาญจากคนใดคนหนึ่ง ปะปนอยู่
แต่ถ้าจะต้องเลือกมาพูด คงอยากพูดถึง Peter Dinklage และ Alan Tudyk .. คนแรกนั้น เล่นเป็นชายนิรนาม ผู้กุมความลับที่เป็นต้นเหตุของเรื่องป่วนๆ.. คนหลังรับบทเป็นชายหนุ่มที่ตั้งใจจะสร้างความประทับใจให้พ่อตาใน "งานศพ" งานนี้.. แต่กินยาผิด.. เลยกลายเป็นอีกต้นตอหนึ่งของเรื่องป่วนๆที่เกิดขึ้น
ตัวละครสองตัวนี้ เป็นสองในตัวละครไม่กี่ตัวในเรื่องนี้.. ที่ถูกเขียนมาเพื่อเป็นองค์ประกอบหลักของ "ความตลก" ในเรื่อง.. คนแรก ด้วยภาพลักษณ์ คนที่สอง ด้วยความซวย..
และทั้งสองตัวละคร ก็อยู่ท่ามกลางตัวละครอื่นๆ ที่เป็นผู้คนธรรมดา ไม่ได้ถูกเสริมแต่งดีกรีความตลกอะไรไปจากบทภาพยนตร์
จริงอยู่ว่า.. สิ่งที่นักแสดงทั้งสองได้ทำไว้ มันไม่ใช่เรื่องยากเย็น ถึงขั้นว่า ถ้าทำได้ ควรมอบออสการ์ไป..
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเล่น "บทตลก" ในหนังที่ตัวละครอื่นๆ "ไม่ตลกเลย".. ให้ออกมาแล้วไม่ "โดด" จากคนอื่น.. ต้องขอบคุณ ความพอดีของนักแสดงทั้งสองในการใส่ "ความตลก" ลงไปในตัวละคร.. ไม่น้อยไป.. เพื่อไม่ให้เป็น "ตัวละครที่กะจะให้ตลก แต่ก็ฝืด".. และไม่มากเกินไป.. เพื่อไม่ให้กลายเป็น.. "ตัวละครที่ตลก แต่ปญอ.ชิบหาย"..
ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้ จะเล่นกับอารมณ์ขำขัน ทำออกมาเป็นหนังตลก.. ซึ่งไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ หนังที่เล่นกับ "ความตาย" ควรจะเป็น.. แต่ Death at a Funeral ก็ไม่หลุดไปจากแนวคิด.. แก่นสาร ที่สามารถพบได้ในหนังที่เล่นกับเรื่องของ "คนตาย" ทั่วๆไป..
"ธีม" หรือ "แก่นสาร" นั้น ก็คือ การยอมรับความจริง.. ไม่ว่า "ความจริง" นั้น จะปวดร้าวเท่าไร..
แต่ก็เหมือนหน้าหนังนั่นแหละ.. ไอ้ธีมของ "การยอมรับความจริง" ในหนังเรื่องนี้นั้น.. ไม่ได้มาในรูปแบบที่จะได้เจอในหนัง "งานศพ" ทั่วๆไปหรอก..
แก่น (หรือธีม) ในเรื่องของ การยอมรับความจริง .. ถ้าเป็นในหนังที่มีพล็อตเรื่องวนเวียนกับ "คนตาย".. "งานศพ".. ส่วนใหญ่ก็คงอยู่ในกรอบของ การยอมรับความจริงว่า คนตาย ได้ตายไปแล้วนะ ตัดอกตัดใจ เงยหน้าสู้กับความจริงซะเถอะ อะไรประมาณนี้..
แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เล่นกับการยอมรับความจริงอีกประเภท.. นั่นก็คือ การยอมรับความจริงใน "ความจริง" ของผู้ตาย..
ซึ่งอาจจะเปรียบได้ว่า ตัวละคร Peter นั้น.. ก็คือ ความจริง ของผู้ตาย ที่ไม่มีใครรู้.. ตัวพระเอกเอง พอได้รู้ "ความจริง" นี้ของผู้เป็นพ่อเข้า.. ก็ยอมรับความจริงไม่ได้ พยายามปกปิด.. ซึ่งก็นำำพาไปสู่เรื่องยุ่งๆวุ่นทั้งหมดในเรื่อง.. ยิ่งปิด ยิ่งวุ่น..
(ถ้ายังไม่ดู ข้ามส่วนนี้ไปดีกว่านะ) . .
สุดท้าย เรื่องทั้งหมดก็จบลงได้ ด้วยการที่พระเอกสามารถ "ยอมรับความจริงในความจริงของผู้เป็นพ่อ" ได้..
. . . . .
(กลับมาอ่านต่อได้)
เพราะถึงตัวจะตาย.. แต่ก็อย่างที่เราเคยได้ยินมา
ความจริง.. เป็นสิ่งไม่ตาย..
B+
ปล. การหลีกเลี่ยงการชมหนังตัวอย่าง(ของเรื่องนี้)ก่อนชมหนังเรื่องนี้ จะช่วยให้เกิดความสนุกไปกับหนังมากขึ้น 12.46%
Create Date : 23 เมษายน 2551 |
|
17 comments |
Last Update : 23 เมษายน 2551 11:16:37 น. |
Counter : 2310 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์ 23 เมษายน 2551 15:03:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: BloodyMonday IP: 124.120.65.160 23 เมษายน 2551 22:19:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์ 24 เมษายน 2551 10:17:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: แมวเอิง 25 เมษายน 2551 0:01:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: เด็กม.ปลาย (Onlineza ) 25 เมษายน 2551 21:32:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: JamK. IP: 58.10.90.211 26 เมษายน 2551 18:29:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิมตึ๋ง 26 เมษายน 2551 19:42:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: จูริง 26 เมษายน 2551 21:28:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลัดดี้มันเดย์ IP: 124.120.63.53 26 เมษายน 2551 22:03:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: untalai IP: 58.9.42.137 27 เมษายน 2551 1:26:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Cairo, Egypt
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
คนดูหนังธรรมดาๆคนหนึ่ง
แต่ชอบดูมากๆ
เฉลี่ยแล้ว ดูหนังวันละ 1.2536 เรื่อง (เวอร์)
TOP 10 OF 2009 .. as of Jul. 21 1. Revanche 2. Lake Tahoe 3. Anvil! The Story of Anvil 4. Du levande (You, The Living) 5. Üç maymun (Three Monkeys) 6. L'heure d'été (Summer Hours) 7. Up 8. Forbidden Lie$ 9. Tokyo Sonata 10. Harry Potter and the Half-Blood Prince
TOP 10 OF 2008 .. FINAL!! 1. Waltz with Bashir 2. Wendy and Lucy 3. Man On Wire 4. Dear Zachary: A Letter to a Son About His Father 5. Paranoid Park 6. The Edge of Heaven 7. Young@Heart 8. Happy-Go-Lucky 9. Hunger 10. Let the Right One In
|
|
|
|
|
|
|
เดี๋ยว บ่ายมาอ่านจ้า ^_^