Ain't Just About 'CUTE'
Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
17 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

>> Lars and the Real Girl ... ผู้ ห ญิ ง ข อ ง ล า ร์ ส



หลายครั้งหลายครา.. ที่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะมาพร้อม พล๊อตเรื่องสุดจะเจ๋ง อ่านดูแล้ว หวังไว้ได้เลยว่า ภาพยนตร์ที่เป็นเจ้าของพล๊อตเรื่องนี้ มันต้องเยี่ยมแน่นอน..

บางครั้ง.. ผลสรุป มันก็ออกมาตรงกับความคาดหวัง

บางคราว.. ผลที่ออกมา กลับไม่สามารถ ดีได้สุดๆ ตามที่คาดไว้

และบ่อยครั้งทีเดียว.. ที่มีภาพยนตร์ กับพล็อตเรื่อง ครอบคลุมความเยี่ยมยอดในทุกๆส่วน แต่พอถูกนำมาขยายความเป็นหนังชั่วโมงครึ่ง ผลงานที่ออกมาให้ได้ชม กลับย่ำแย่ ห่างไกลจากความเยี่ยมของพล็อตเรื่องเหลือเกิน

แต่จะมีสักกี่ครั้งเชียว ที่จะเจอภาพยนตร์ ที่มาพร้อมกับพล็อตเรื่อง ที่อ่านดูแล้ว พาลจะทำให้เกิดความลังเลใจ.. ว่ามันจะออกมาเวิร์กได้อย่างไร.. แต่สิ่งที่ได้รับ กลับเป็นผลงานที่ เยี่ยมยอด อย่างน่าเหลือเชื่อ..

Lars and the Real Girl คือ (หนึ่งใน)ภาพยนตร์(เหล่า)นั้น



Lars and the Real Girl เล่าเรื่องของ ลาร์ส ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับชีวิตเหงาๆ มาตลอดชีวิต ถึงขั้นว่า มันทำให้ลาร์ส เข้าใจไปว่า ความเหงา คือ ตัวตนของเขา

หากความเหงาของนังมิว ถูกนิยามด้วยคำว่า เ-ี้ย..

ความเหงาของลาร์ส ก็คงบอกได้คำเดียวว่า โคตรเ-ี้ย..

เพราะผลกระทบที่มันได้ทิ้งไว้ให้กับ ลาร์ส มันไม่ใช่แค่ ความคิดที่ว่า "โลกนี้ ไม่มีที่ให้กับเขา" อย่างที่นังมิวมันรู้สึก..
แต่มันถึงขั้นที่ "ลาร์ส" ต้องสร้างโลกส่วนตัวของตัวเองขึ้นมา.. ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก.. ใครๆก็มีโลกส่วนตัว.. แต่ที่ร้าย ก็คือ เขาได้ตัดตัวเองออกจากสังคม และไม่เหลือความสัมพันธ์ใดๆกับ "โลกของความเป็นจริง" ที่อยู่รอบตัวเขา..

วิกลจริต.. หรือ "mental disorder" คงสามารถนำมาใช้ได้ในกรณีนี้

หากนังมิว มันขาดความรักจากไอ้โต้งไม่ได้ฉันท์ใด..

ลาร์ส ก็ขาด "ความรัก" ไม่ได้ฉันท์นั้น

(มิว; ทำไมต้องเอากรูมาเปรียบอีกแล้วว้าาา)

เพราะสุดท้าย.. โรคจิตหรือไม่.. ยังไง ลาร์ส ก็ยังเป็น "มนุษย์" คนหนึ่ง ที่ยังต้องการ "ความรัก"

ทางออกของลาร์สในเรื่องนี้ ก็คือ การสั่งตุ๊กตาหุ่นเหมือนจริงมาตัวหนึ่ง.. และเล่นบทพระเจ้า ขีดเขียนพรหมลิขิตของตุ๊กตาตัวนี้ ให้เป็น "เนื้อคู่" .. ให้เป็น "ผู้หญิงของฉัน".. โดยเรียกชื่อ"อีฟ"ของเขาตัวนี้ว่า "บียอนคา"..

หนังใช้เวลาในการเล่าเรื่องในจุดนี้ ไม่นาน.. เพื่อที่จะไม่ให้หนังเยิ่นเย้อไปจนน่าเบื่อ.. แต่ด้วยความสามารถของผู้กำกับ Craig Gillespie และผู้เขียนบท Nancy Oliver รวมไปถึงการแสดงขั้นเทพของดาวรุ่ง Ryan Gosling (ที่นับวัน จะยิ่งเพิ่มพูนบารมีของนักแสดงที่ดี ขึ้นเรื่อยๆ).. แค่เวลาเพียงไม่มาก .. หนังก็ประสบความสำเร็จไปแล้ว กับการผูกมัดคนดู ให้เข้าใจ และเริ่มที่จะรู้สึกผูกพันในตัวละคร "ลาร์ส"

หลังจากนั้น หนังก็เดินเรื่อง โยงไปเล่าเรื่องของ "คนรอบตัว" รวมไปถึง "สังคมรอบข้าง".. ของลาร์ส

ในช่วงนี้นี่เอง.. ที่เกิดสิ่งที่ไม่ได้คาดหมายขึ้นมา..

ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่ในส่วนของเนื้อเรื่องหรอก.. ไม่สปอยจ้า.. เอ๊ะ หรือสปอยหว่า..

สิ่งที่ไม่ได้คาดหมายนั้น ก็คือ การที่หนังเรื่องนี้ ได้เล่าเรื่องต่างๆของมัน ในมุมมองที่ไร้เดียงสา.. มากๆ.. มองโลกในแง่ดีมากมาย

แรกๆ มันก็เป็นข้อด้อยเล็กๆของหนังนะ.. เพราะมันเกิดความรู้สึก "ไม่จริง" (fake) ขึ้นมาตะหงิดๆ.. แต่พอหนังเดินเรื่องมาเรื่อยๆ ไอ้ข้อด้อยข้อนี้ มันก็จางลงไปเรื่อยๆ.. จนกระทั่งถึงจุดที่หนังเรื่องนี้ ปิดฉากตัวเองลง.. ถึงได้เข้าใจว่า ไอ้การมองโลกในแง่ดีมากๆของหนัง จริงๆสร้างผลกระทบ(ในแง่บวก) ให้กับตัวหนังมากมาย

มาถึงจุดนี้ มันจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า .. ทั้งๆที่หนังมีส่วนผสมของ "การมองโลกในแง่ดี" จนเกินจริง.. อะไรทำให้หนังเรื่องนี้ "เวิร์ก" ในสายตาของผู้เขียน

ก่อนที่จะอธิบายเป็นส่วนๆ.. ขอตอบสั้นๆว่า สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้ผล นั่นก็คือ "ความจริงใจ" ของคนทำหนังเรื่องนี้..



ส่วนแรกที่ต้องพูดถึง ก็คือ บทภาพยนตร์ของ Nancy Oliver ที่หยิบยกเอาประเด็นของ ผู้ป่วยทางจิต มาเล่าในบทภาพยนตร์ที่มี "อารมณ์ขำขัน" ปนอยู่.. แถมยังนำมาเป็น ตัวละครหลัก ในเรื่อง.. ลองถ้าว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้ขาดความจริงใจจากผู้เขียนบทไป.. หนังคงกลายเป็นหนังเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ได้ให้อะไรกับคนดูเลย นอกจากความรู้สึก offensive ที่เกิดขึ้นกับตัวละคร

(แหม .. ไม่อยากหยิบอะไรมาเปรียบเทียบเลย.. มันเป็นนิสัยที่ ไม่ดี ไม่ควรทำ.. แต่จูริง ไม่ใช่ "ชี".. พอมาถึงจุดนี้ มันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นหนังที่เกลียดมากๆที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว .. I Now Pronounce You Chuck and Larry..
นอกจากจะไม่ตลกแล้ว ยังเสแสร้งแกล้งรักเกย์ได้อย่างหน้าด้านๆ ด้วยใจความที่ได้จากหนังเรื่องนี้ว่า.. "เฮ้.. หนังของเราอยากบอกให้สังคมรู้ว่า ให้โอกาสให้กับกลุ่มเกย์หน่อยนะ.. เขาก็เป็นคนเหมือนๆกัน.. แต่อย่าลืมนะ ว่า "คน" กลุ่มนี้ มันช่างแปลกประหลาดแค่ไหน".. คำว่า เป็นแค่หนังตลก ไม่ใช่ข้ออ้าง ที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจาก ความผิดชุ่ยๆข้อนี้)

จำ The Other Sister ได้ไหม.. หนังเรื่องนั้น ก็นำเอาตัวละคร "ผู้ป่วยทางจิต" มาเป็นตัวละครหลักในการเดินเรื่องเช่นเดียวกัน.. แต่ด้วยความที่ "ไม่ได้มีความเข้าใจใน ผู้ป่วยทางจิต".. (ถึงจะตั้งใจดีก็เถอะ).. ทำให้ตัวละครกลายเป็นแค่ สิ่งมีชีวิต ที่มีการกระทำแปลกไปจากคนธรรมดา.. ถือเป็นการทรยศตัวละครของตัวเองโดยตรง และเป็นการดูถูกคนดูโดยทางอ้อม

แต่ Nancy Oliver รักตัวละคร ลาร์ส มากๆ .. ไม่เคยมองว่า ลาร์ส เป็นสิ่งแปลกปลอมที่หายใจได้.. ไม่เคยมอง ลาร์ส ในมุมมองที่เย้ยหยัน.. ไม่เคยคิดทรยศ ตัวละครของเธอตัวนี้.. แต่ก็ไม่ได้ "โอ๋" ตัวละครตัวนี้จนเกินไป.. ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ จากการเขียนของเธอนั้น.. ในทุกสถานการณ์ เธอเข้าใจเสมอว่า ลาร์ส เป็นคนๆหนึ่ง ที่มีหัวจิตหัวใจ แต่ด้วยโชคที่ไม่เข้าข้าง.. ด้วยสภาพแวดล้อมที่ ลาร์ส เติบโตมา มันทำให้เขากลายเป็น "ผู้ป่วย" ทางสังคม..

นอกจากนี้ บทภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังถูกเขียนออกมาได้ชัดเจนในเรื่องของ "เส้นแบ่ง" ระหว่าง *ตลก* ที่ไม่กลายเป็น *ตลกไร้สาระ* .. หรือการสร้างอารมณ์ *ดราม่า* โดยไม่บีบอารมณ์จนโอเวอร์ จนกลายเป็น *ความฟูมฟาย*

ผลที่ได้รับก็คือ บทภาพยนตร์ที่สร้างรอยยิ้มให้กับคนดูได้พร้อมๆกับความประทับใจ.. พูดกันง่ายๆ ก็คือ หนังเรื่องนี้ ทั้งขำ ทั้งซึ้ง..

ตัวผู้กำกับเอง ก็ควรได้รับคำชมไปเท่าๆกัน.. บทภาพยนตร์ดีๆ อาจจะถูกขับไปลงเหว หากผู้กำกับ ไม่เก็ทอารมณ์ของหนัง หรือเก็ท แต่ไม่สามารถควบคุมให้ตรงออกมาตรงตามที่ควรจะเป็น.. บทดีๆ หากคนที่มีหน้าที่แปลงออกมาเป็นรูปเป็นภาพ ไม่มีฝีมือ.. มันก็ดีได้แค่ใน หน้ากระดาษ..

ยิ่งว่า เป็นบทที่มีความ "แปลก" อยู่ในตัว.. หากไปอยู่ในการกุมบังเหียนของคนอื่น.. ตัวหนังอาจจะถูกแต่งเติมสีสันจี๊ดๆ (ชอบนักแหละ หนังอิ้นดี้สมัยนี้) ซึ่ง "อาจจะ" ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย นอกจาก จะยิ่งทำให้คนดูรู้สึกเหินห่างกับเนื้อเรื่อง กับตัวละคร..

(กำลังกัดใครอยู่หรือเปล่านี่)

แต่ Craig Gillespie กลับเลือกที่จะเล่าเรื่องราว ในมุมมองธรรมดาๆ ง่ายๆ ตรงๆ ซึนทุกซีน ควบคุมได้อยู่หมัด ไม่ใช่แค่ว่า อารมณ์ของซีนไหนจะต้องออกมาเป็น "ยังไง" แต่เขายังสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี ได้อีกว่า "เท่าไหร่".. ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ ถึงบทจะดีอยู่แล้วก็เถอะ..

สิ่งหนึ่งที่อยากจะพูดถึงด้วยความชื่นชม.. ก็คือ ความเอาใจใส่ จากผู้เขียนบทและผู้กำกับ ที่มีต่อ ตัวละครตัวหนึ่งของเรื่อง Bianca.. ในสายตาของพวกเขา Bianca ไม่ใช่ตุ๊กตาบำเรอสุข.. เธอไม่ใช่แค่ ส่วนประกอบของฉาก.. เธอคือ ตัวละครของพวกเขาอีกตัวหนึ่ง

และ Lars and the Real Girl จะไม่ดีได้อย่างนี้ ถ้าหากขาดกลุ่มนักแสดงนี้ไป .. ไม่ว่าจะเป็น Patricia Clarkson, Emily Mortimer, Kelli Garner, Paul Schneider.. ไม่มีใครถูกกลบ.. ความเด่นของนักแสดงแต่ละคน มีให้เห็นเท่าๆกัน..

มาถึงส่วนสำคัญที่สุด ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ เวิร์ก.. นั่นก็คือ การแสดงที่เยี่ยมยอด.. อีกครั้ง.. ของ Ryan Gosling.. นี่เป็นตัวอย่างของคำว่า "ตีบทแตก" ได้เป็นอย่างดี.. เพราะตัวละครตัวนี้ มันมีความซับซ้อนทางจิตใจมากมาย และมันก็ไม่ใช่แค่นั้น มันยังมีเรื่องของการที่ตัวละครตัวนี้ มีลักษณะของอาการ mental disorder เข้ามาเกี่ยวอีกด้วย.. มันต้องใช้ความละเอียดอ่อน และความใส่ใจ จากนักแสดงในระดับสูงทีเดียว เพื่อที่จะไม่ให้ ตัวละครตัวนี้ออกมากลายเป็นตัวตลก.. Ryan Gosling ผ่านโค้งอันตรายนี้มาได้ และเขาก็ทำได้ดีอีกด้วย.. สิ่งที่ Ryan Gosling มอบให้ตัวละครตัวนี้ ไม่ใช่แค่ น้ำหนัก 10 กิโล หากแต่ว่าจะเป็นการเพิ่มชีวิตจิตใจให้กับตัวละคร ให้คนดูสามารถรู้สึก และเข้าถึงตัวละคร ลาร์ส ได้ง่ายขึ้น..

(ไม่ทราบว่า ถูกมองข้ามในเวทีออสการ์ ไปได้อย่างไร)

แม้ว่า หนังเรื่องนี้ จะมีจุดศูนย์กลาง อยู่ที่ตัวของ ลาร์ส และผู้หญิงของเขา .. แต่ตัวหนังก็ไม่ได้ละเลย ในเรื่องของ คนและสังคมรอบข้าง.. เพราะในท้ายสุด เราก็พบว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ มันก็ไม่ใช่แค่เรื่องของ ลาร์ส.. หากแต่จะเป็นเรื่องของ "สังคม".. และความสามารถของ "สังคม" ในการเยียวยารักษาจิตใจคนๆหนึ่งที่บอบช้ำมาได้

บอกตรงๆ.. นี่ไม่ใช่ สิ่งที่คาดหวังไว้ว่าจะได้รับ จากหนังที่มีพล็อตเรื่องแบบนี้เลย..

A




 

Create Date : 17 เมษายน 2551
23 comments
Last Update : 18 เมษายน 2551 7:50:39 น.
Counter : 3262 Pageviews.

 

อ่านแรกๆ ที่ว่า "ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับชีวิตเหงาๆ มาตลอดชีวิต ถึงขั้นว่า มันทำให้ลาร์ส เข้าใจไปว่า ความเหงา คือ ตัวตนของเขา"... นึกไปถึง บทของ "ชาร์ลี" ใน Reign Over Me ขึ้นมาเลยฮะ ที่วันๆ เขาก็ใช้ชีวิตอย่างกะ "ลาร์ส" ในหนังเรื่องนี้เลยฮะ ..อยากดีจัง อารมณ์เหงาๆ อย่างนี้ชอบนักเชียว

ยิ่งได้นักแสดงฝีมือ อย่างนี้ ก็ยิ่งน่าชม แฮะ

 

โดย: haro_haro IP: 203.153.163.34 18 เมษายน 2551 8:48:18 น.  

 

หือ... หนังมันเข้าแล้วเหรอ

ตอนอ่านพล็อตทีแรกก็คิดเหมือนคุณครับ ว่ามันน่าสนใจมากๆ (ประมาณว่ามันคิดได้ยังไงวะ) หวังไว้เหมือนกันว่ามันน่าจะออกมาดีและน่าประทับใจเหมือนทีเคยรู้สึกกับหนังเล็กๆอย่าง Little Miss Sunshine

คงไม่ได้ดูในโรง (เพราะหนังแบบนี้ที่ระยองไม่เอามาฉายแน่ๆ) รอแผ่นอย่างเดียว

เห็นรายชื่อหนังที่คุณได้ดูแล้วตาเบิกโพลง เอาเวลามาจากไหนกันนี่???

 

โดย: แฟนผมตัวดำ 18 เมษายน 2551 10:08:53 น.  

 

^
^
+ คุณโอ๊ดครับ หนังดีๆ แต่ฟอร์มเล็กแบบเรื่องเนี้ยะ (รวมทั้งอีกหลายๆ เรื่องของปีที่แล้ว อย่าง Into the wild, The Savages, 3:10 to Yuma, Before the devil knows you are dead, The assasination of Jesse James., และอีกมากมายนับสิบๆ เรื่อง) ... ทางค่ายหนังไม่กล้าเอามามาฉายในโรงเมืองไทยหรอกครับ ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา ทั้งๆ ที่ก็ยังมีคนรักหนังอินดี้กลุ่มนึงที่พร้อมจะสนับสนุนหนังเหล่านี้ในโรงอยู่แล้ว ... ยังไม่รู้เลยว่าจะมีซักกี่เรื่องที่จะได้ลงแผ่น หรือไม่ก็ต้องรอดูตอนเป็นหนังเคเบิลทีวีโน่นเลยแหละครับ

+ เรื่องนี้ผมอยากดูด้วยองค์ประกอบหลัก 2 อย่างก็คือจี๊ดใจตั้งแต่อ่านพล็อตครั้งแรกแล้ว คิดได้ไงอ่ะ ตาอ้วนกับตุ๊กตายางเนี่ย เหอๆๆ (แล้วยิ่งรู้ว่าผู้คนรอบข้างปฏิบัติต่อลาร์สยังไงในหนัง ก็ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่) ... และอีกองค์ประกอบนึงก็คือ ไรอัน กอสลิ่ง นั่นแหละครับ (ป่านฉะนี้ ยังไม่ได้ดู Half Nelson เลยอ่า ) ติดใจฝีมือการแสดงเธอจากหลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้แล้ว

 

โดย: บลูยอชท์ 18 เมษายน 2551 10:26:49 น.  

 

เรื่องนี้ อยากดูมากถึงมากที่สุดอ่ะ เห็นตัวอย่างแล้ว อย่างที่ว่าน่ะว่า ไรอั่น กอสลิ่ง ยิ่งดู ยิ่งราศีจับจริงๆ แล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอเดียแปลกใหม่ที่หนังได้หยิบมาใช้เนี่ย ทำไมมันถึงสามารถไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างที่จูริงว่าได้หน่ะ ไม่รู้ว่าจะมีแผ่นขายเมื่อไรหนอ...

 

โดย: BloodyMonday 18 เมษายน 2551 10:35:49 น.  

 

..

โอ๊ยย ผมเชยจัง - -" ที่เพิ่งแวะมาเยี่ยมชม ..แบบนี้เจอขุมทรัพย์ Blog หนังเข้าอีกที่แล้ว อิอิ ^^

สงกรานต์ที่ผ่านมา ไม่ได้ไปไหนจ้า วนเวียนโต๋เต๋อยู่ในห้าง และโรงหนัง ... เป็นโรคกลัวน้ำกะแป้ง - -"

..

 

โดย: POGGHI 18 เมษายน 2551 13:52:11 น.  

 

หนังเรื่องนี้ยังไม่วี่แววจะเข้าไทยครับ แต่ก็ไม่ควรคาดหวัง เพราะคงเป็นไปได้ยากสำหรับหนังแนวไม่น่าจะทำเงินแบบนี้
...แค่หนังอย่าง Juno ได้ฤกษ์มาฉายก็ถือเป็นบุญแล้วฮะ

เรื่องนี้หน้าหนังชวนดู ไม่ใช่แค่พล็อตอันประหลาด แต่ยังมีนักแสดงที่ผมชอบอย่าง Patricia Clarkson แสดงอยู่ด้วย
...หากพักหลังๆ ผมก็เริ่มเบื่อๆ กับเรื่องราวของความ "ผิดปกติทางจิต" อยู่บ้าง ทำให้ความสนใจ (แอบ) ลดลงไป

Ryan Gosling ได้ชิงทั้ง Golden Globe, BFCA, SAG นะครับ ตอนแรกนึกว่าจะได้ชิง Oscar เสียอีก แต่สุดท้ายก็ตกชะตากรรมเดียวกับ Emile Hirsch (Into the Wild) และ James McAvoy (Atonement)
...นักแสดงหนุ่มทั้งนั้น ฤ จะสู้บารมีของพ่อเฒ่า Tommy Lee Jones (In the Valley of Elah) ได้
...คงมีแต่บทสุดเฉียบของ Nancy Oliver เท่านั้นที่ฝ่าด่านอรหันต์เข้าไปชิงกับยักษ์ใหญ่ Juno ได้ แต่ก็โดนฝ่ามือยมฑูตและท้องโตๆ ของน้องเพจทำร้าย จนไม่ได้ออสการ์ (เริ่มเพ้อเจ้อแล้วฮะ)

Happy weekend ครับพี่จูริง
(... อืม หมดหน้าเทศกาลแล้ว ยังใช้โอกาสของวันหยุดสุดสัปดาห์ ได้อีกๆ)

 

โดย: รังสีไอฟ่า 18 เมษายน 2551 17:00:03 น.  

 

Taxi to the Dark Side ก็ยังไม่ได้ดูซะทีหนอ ช่วงนี้ต้องดูอะไรที่มันชุ่มชื่นๆอะน่ะ

ข้างขวา อยากดูตั้งหลายเรื่องเลย The King of Kong: A Fistful of Quarters, Dr. Seuss' Horton Hears a Who!, Dan in Real Life แล้วก็เรื่องนี้อีก

 

โดย: BloodyMonday 18 เมษายน 2551 21:44:30 น.  

 


อยากดูอ่ะ ทำไมไม่เข้าไทยฟะ

 

โดย: merveillesxx 18 เมษายน 2551 23:59:17 น.  

 

ผมดูแล้วเช่นเดียวกันคับ
ชอบมาก
เป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มมากอีกเรื่องของปีเลย
และไม่น่าเชื่อว่าหนังพล็อตเหวอๆ แบบนี้ จะทำออกมาได้ละมุนละไมมากๆ

ผมชอบที่หนังไม่บีบเค้น ไม่ฟูมฟาย ทุกอย่างของหนังทำออกมาในจังหวะแบบกำลังพอดี ทั้งการแสดงของนักแสดงในเรื่องรวมถึงบทที่มองโลกในแง่ดีแบบกำลังพอดี ทำให้เราเข้าถึงหนังได้โดยไม่มีข้อขัดแย้งในใจว่า "เรื่องแบบนี้มันจะมีในโลกหรอวะ?"

พอดูจบผมแนะนำให้คนรอบๆข้างดู แต่พอเล่าเนื้อเรื่องย่อ ไม่มีใครคิดอยากดูเลย 55+ แต่ก็พอจะเข้าใจ เพราะเนื้อเรื่องแบบนี้ ฟังผ่านๆ ผมก็พาลนึกถึงหนังเซอร์แตก ที่มีตัวละครจิตปั่นป่วนอันมาพร้อมบรรยากาศพะอืดพะอม

 

โดย: TG IP: 125.24.230.227 19 เมษายน 2551 23:52:00 น.  

 

ใช่แล้วค่ะ.. คุณ TG

(กำลังจะสปอยนะ.. ข้ามไปได้เลย)

สังคมรอบตัว ลาร์ส เนี่ย มัน.. too good to be true.. แต่มันน่าทึ่งที่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง.. หนังมันออกมาเวิร์กมากๆ

และคุณก็พูดได้ตรงเผงเลย.. ว่า อ่านพล๊ิอตเรื่องเนี่ย มันต้องเป็นหนังเซอร์แตกแน่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นหนังที่ละมุนละไมมากๆ

 

โดย: จูริง 20 เมษายน 2551 0:23:58 น.  

 

อยากดูมากๆ ครับ
พล็อตก็เจ๋งสุดๆแล้วอะ

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูหนังแผ่นรางวัลเลยแฮะ
มีแต่หนังแผ่นเก่าๆๆๆๆๆ 55+

 

โดย: nanoguy IP: 125.24.76.54 20 เมษายน 2551 6:25:15 น.  

 

คุณนาโนกาย ไม่คิดจะสมัครสมาชิกใหม่เหยอ..

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ..

 

โดย: จูริง 20 เมษายน 2551 6:46:37 น.  

 

วันนี้ อยากเขียนบลอกใหม่จัง..

แต่ไม่รู้จะหยิบเรื่องอะไรมาคุยดี

 

โดย: จูริง 20 เมษายน 2551 6:47:49 น.  

 

น่าดูจัง แต่สงสัยคงต้องรอแผ่นอย่างเดียวเลย

วันนี้หยุดอีกวัน มีความสุขกับอาทิตย์สดใส
happy weekend นะคะ

 

โดย: ม่านฟ้านาคราช 20 เมษายน 2551 9:55:19 น.  

 

เอ้า รออ่าน คิดออกแล้วรึยัง

 

โดย: บลัดดี้มันเดย์(จริงๆ) IP: 124.120.62.195 20 เมษายน 2551 18:23:51 น.  

 

+ แจ้งแทน (เพื่อแซ่บ) คุณน้อง nanoguy โดนประกาศิตมืดจากพันธุ์ทิพย์อ่ะครับ ก็เลยไม่สามารถสมัครสมาชิกใหม่ที่นี่ได้ (รู้สึกว่าจะยื่นเลขบัตรประชาชนแล้วโดนเด้งหลายรอบ ประมาณนั้น ) ... ส่วนเบื้องหลังก็ถามไถ่กันเอาเองแล้วกันน้า

+ แหะๆ ช่วงนี้อียิปต์ปิดเทอม (เหมือนเมืองไทย) เหรอคับเนี่ย? ถึงได้เบื่อซะขนาดนี้อ่า ... เขียนเรื่องไรก็ได้อ่ะครับ หนัง, ดารา, ผู้หญิง, ผู้ชาย, เม้าท์นั่นนี่โน่น อ่านได้หมด ... ถ้านึกไรไม่ออก เอาเรื่องข่าวน้องพิชชี่ กับวงออกัสท์ มาอัพเดท ก็ไม่เลวนะครับ (อยู่ที่โน่น จะรู้มะเนี่ย แหะๆ ) เพราะไม่อยากให้เป็นวงเฉพาะกิจ อยากให้น้องๆ เค้ารวมทีมทำเป็นวงดนตรีมืออาชีพกัน ออกอัลบั้มอื่นๆ มาจริงๆ เลยอ่า แบบว่าชอบเพลงแนวที่มีเครื่องดนตรีแบบที่พวกเค้ามีอ่ะครับผม

+ ของพี่ กำลังจะอัพหน้าหนังอันใหม่พอดี ว่าจะสรุปหนังที่ได้ดูไป เป็นรายไตรมาส เพราะปีที่แล้วสรุปตอนสิ้นปี คีย์ซะมือบวม หัวบานเลยอ่า ... ส่วนไอเดียอื่นๆ ที่เคยคิดไว้ในหัว ก็มีหัวข้อ "หนังเก่าๆ ที่เรารัก 1-2-3- ..." กับว่าจะอัพเดทดาราใหม่ๆ ดูมีแวว (หรือหน้าตา) ดีๆ มาแนะนำชาวบล็อกกันอ่ะครับผม (แค่ 2 หัวข้อนี้ ก็หากินได้อีกหลายหน้าแล้วนะนั่น)

+ เออ! เคยสงสัยอีกอย่าง ว่าคุณน้องจิงรู๋ สามารถหาหนังประมาณรายชื่อที่ลิสต์ไว้ด้านขวามาดูได้อย่างไรอ่ะครับ? สั่งแผ่นเอาจากเน็ตหรือว่าใช้โหลดมาดูอ่า เพราะมีหลายเรื่องที่น่าดู แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเข้าโรงหรือมาลงแผ่นขายในเมืองไทยอ่ะครับ

+ ก็ขอให้หายเบื่อเร็วๆ เน้อ ... รออ่านหน้าใหม่อยู่จ้า

 

โดย: บลูยอชท์ 21 เมษายน 2551 15:33:38 น.  

 

ส่วนมาก ก็ไปหาดูตามโรงหนังนะคะ..

คือ ที่นี่เนี่ย.. ถ้าำไม่ใช่ช่วงซัมเมอร์.. จะไม่มีหนังอียิปต์ลงโรง.. ทำให้โอกาสของหนังนอก มีโอกาสลงโรงมากขึ้น..

อย่าง 21, The Hoax, Juno, Bucket List, Jesse James, La Vie en Rose เนี่ย.. ที่เมืองไทยยังไม่ลงโรงฉายใช่ป่ะ ที่นี่ เข้าฉายไปหมดแล้วนะ..

Death at a Funeral นี่ก็ฉายไปสองสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีโอกาสไปดูเลย

เนี่ย เมื่อคืน ควบไปสองเรื่อง August Rush + Fool's Gold (แย่ทั้งสองเรื่อง)

หนังไทยเนี่ย จะตามไปยืมแผ่นของเพื่อนมาดู

ส่วนหนังเล็กๆเนี่ย .. จะได้ดูตามชมรมฯต่างๆ.. อย่าง Into the Wild + Across the Universe เนี่ย.. และได้ดูบนจอใหญ่ด้วยนะ.. ไม่ใช่โปรเจกเตอร์เล็กๆ..

หนังพวกนี้นะ.. ส่วนมากทางชมรม เขาจะซื้อมาจากตัวแทนจำหน่ายจากประเทศเอมิเรต (ซึ่งมีหนังเข้าฉายเยอะมาก สัปดาห์ละ 5-6 เรื่อง.. ฝรั่งอยู่เยอะมั้ง) ที่ไม่มีใครซื้อมาฉายตามโรงทั่วไปที่อียิปต์

(และชมรมเนี่ย มีค่าสมาชิกด้วยนะคะ เดือนละ 750 ปอนด์ต่อคน .. ประมาณ 5000 บาทมั้ง.. แต่เราว่าคุ้มนะ)

หรือ เวลาทางสถานทูตต่างๆ จัดหนังให้ดู.. ประชาสัมพันธ์ต้วเองไปด้วยมั้ง จะมีประกาศให้ทราบตามหนังสือพิมพ์อยู่ทุกสัปดาห์ ว่าที่ไหน จัดฉายหนังเรื่องอะไร

และก็มีบ้างที่ซื้อแผ่นมาดู..

โหลดทางเนตนี่ ก็มี.. อย่าง Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street เนี่ย เห็นอยู่ในโปรแกรมนะ แต่.. รอไม่ไหวแล้ว.. หรือ Superbad ก็ให้คนเขา โหลดจากเน็ตมาดูเหมือนกัน.. แต่ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ เพราะเน็ตที่ใช้ ไม่ใช่ ADSL .. แต่ใช้ตัวดูดคลื่น Wireless น่ะ.. ซึ่งช้ามากกก.. ต้องอาศัยอ้อนวอนคนอื่นเขาให้ช่วยโหลด..

ส่วนช่วงนี้ จริงๆ ใกล้จะสอบนะ (ที่นี่จะซัมเมอร์เหมือนฝรั่ง ช่วงมิถุนา/กรกฎา นู่นแหละ)..

แต่ที่เบื่อ คือ อยากเขียน.. แต่มันไม่มีอะไรจะเขียน.. เนี่ย ว่าจะเพิ่มหัวข้อใหม่ ไว้รวมรวบรีวิวสั้นๆ ของหนังที่ได้ดู..

 

โดย: จูริง (ขี้เกียจลอกอิน) IP: 41.233.114.185 21 เมษายน 2551 23:03:23 น.  

 

เดือนละ 5000 กว่าบาทเลยเหรอฮ่ะ โหเราว่าก็ไม่ได้ถูกอะ
น่ะ(แต่ถ้าเดือนนึงดูสัก 40 เรื่อง เราว่าก็โออยู่)

เมื่อก่อนเราก็มีโอกาสได้ดูหนังมากกว่านี้อะน่ะ คือราคา
แผ่นมันตกอยู่แค่ 30 กว่าบาทเอง แล้วที่เราไปซื้อนี้ก็ลึก
ลับซับซ้อนดีเหลือเกิน แต่พอเราเข้าไปในห้องที่ขายแล้ว
โอ้โห อยู่ได้ทั้งวันเลย สิ่งที่เสียดายที่สุดตอนกลับมาไทย
ก็คือ ห้องนั้นแหละน่ะ

 

โดย: บลัดดี้มันเดย์(น่ะ) IP: 124.121.244.101 22 เมษายน 2551 11:53:27 น.  

 

^
^ ชอบอ่านรีวิว สั้นๆ ครับ
อย่างน้อยก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มาประกอบการตัดสินใจ
ในครั้งที่หนังจะเข้าโรง ^ ^ ทำเร็วๆ นะฮะ จะรีบมาอ่าน

 

โดย: haro_haro 22 เมษายน 2551 11:54:33 น.  

 

+ โอววว ... ขอบคุณน้องจิงรู๋นะครับ มาอธิบายซะกระจ่างเชียว ขวนขวายจากหลายทางเหมือนกันนะนั่น ... ชมรมหนังอินดี้นั่น ค่าสมาชิกแพงจริงๆ ด้วยแฮะ แต่ก็คงคุ้มแหละครับ กับรายชื่อหนังที่ได้ดูมาอ่า

+ สำหรับรายชื่อหนังที่ถาม ...
21 - เหมือนจะเข้าฉาย เร็วๆ นี้ (เห็นโปสเตอร์กับหนังตัวอย่างแล้ว แต่ไม่แน่ อาจหายไปเลยเหมือน Disturbia ก็เป็นได้)
The Hoax - คิดว่าคงไม่ได้เข้าฉาย
Juno - ตอนแรกก็คงไม่เข้าเหมือนกัน แต่พอติด 1 ใน 5 ออสการ์ ค่ายหนังก็เลยไปหามามั้ง เข้าฉายเมืองไทย 15 พ.ค. ครับ
Bucket List - ไม่น่าได้เข้า
Jesse James - ไม่เข้าเหมือนกัน
La Vie en Rose - ไม่เข้าโรงปกติ พี่ได้ดูในงาน BKK IFF. เมื่อปีที่แล้วครับ (ยังเชียร์มาริยง อยู่เลยตอนออสการ์ แต่แทบไม่อยากเชื่อว่าเธอจะชนะ จูลี คริสตี ได้จริงๆ ... เพราะปกติออสการ์ดูจะโปรดดาราอังกฤษมากกว่าฝรั่งเศสอ่า)
Across the Universe - เข้าประมาณ 2-3 โรงตอนต้นปี
August Rush - ไม่เข้า (แต่ Once เข้านะที่ลิโดก๊อปปี้เดียว)
Fool's Gold - เข้าโรงไปแล้ว (หนังแบบเนี้ยะล่ะ ชอบซื้อมาฉายกันนัก )

+ ดีครับ ... ทำรีวิวสั้นๆ ให้กับทุกเรื่องไว้ก็ดี (เพราะส่วนใหญ่รู้สึกจะได้ดูหนังดีๆ เร็วกว่าที่เมืองไทย) พี่จะได้ใช้เป็นอีก 1 ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกชมหนังจ้า

+ ป๋อล๋อ หน้าใหม่สรุปหนังไตรมาสแรก ทำเสร็จแว้วเน้อ เพิ่งโพสต์ไปตอนกลางวันนี่เองอ่า

 

โดย: บลูยอชท์ 22 เมษายน 2551 13:47:39 น.  

 

ไม่รู้จะมีโอกาสฉายโรงหรือเปล่านะเรื่องนี้ ถ้าเข้าคิดว่าจะลองหาเวลาไปดูให้ได้ครับ

 

โดย: joblovenuk 23 เมษายน 2551 1:10:16 น.  

 

ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่มีแฟนฝรั่งชื่อ Lars เหมือนในตัวละคร เลยเข้ามาอ่านดู

 

โดย: อามิกา IP: 125.26.199.227 27 กรกฎาคม 2551 3:22:22 น.  

 

แผ่นเพิ่งออกครับ ได้ดูแล้วอัดอั้น (ชอบมาก)
จนต้องเสิร์ชหาคนที่พูดถึงหนังเรื่องนี้... (แล้วก็มาจ๊ะเอ๋บล๊อกนี้^_^


ลาร์ส นี้ต้องบอกเลยครับว่าหนังกลมกล่อมมาก
plot สุดกู่มาก แต่หนังกลับออกมาดีเฉยเลย
plot แบบนี้ ไม่นึกว่าจะกลายเป็นหนัง feel Good ไปได้
เป็นหนังที่ประทับใจเรื่องหนึ่งของปีนี้เลย


เคืองนิดเดียว ตอนจบที่ลาร์ส...จะไปเดินเล่น (มันเร็วไปไหมลาร์สT_T)

 

โดย: ole IP: 202.139.223.18 11 พฤศจิกายน 2551 22:29:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จูริง
Location :
Cairo, Egypt

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนดูหนังธรรมดาๆคนหนึ่ง

แต่ชอบดูมากๆ

เฉลี่ยแล้ว ดูหนังวันละ 1.2536 เรื่อง (เวอร์)

TOP 10 OF 2009 .. as of Jul. 21
1. Revanche
2. Lake Tahoe
3. Anvil! The Story of Anvil
4. Du levande (You, The Living)
5. Üç maymun (Three Monkeys)
6. L'heure d'été (Summer Hours)
7. Up
8. Forbidden Lie$
9. Tokyo Sonata
10. Harry Potter and the Half-Blood Prince

TOP 10 OF 2008 .. FINAL!!
1. Waltz with Bashir
2. Wendy and Lucy
3. Man On Wire
4. Dear Zachary: A Letter to a Son About His Father
5. Paranoid Park
6. The Edge of Heaven
7. Young@Heart
8. Happy-Go-Lucky
9. Hunger
10. Let the Right One In
Friends' blogs
[Add จูริง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.