สวัสดีค่า วันนี้มีเรื่องมาเล่า พอดีช่วงก่อน มือถือ Samsung Galaxy Note 4 ที่ใช้อยู่
มีปัญหาแบตเตอรี่หมดไว ( พอมันเห็น Note 5 ออก มันก็เริ่มมีอาการ 
)
แต่นอกนั้นไม่มีปัญหาใดๆ การใช้งานคือ ตอบไลน์ลูกค้าซะเป็นหลัก โทรออก รับสายบ้าง
ใช้งานจุกจิก เล่น Facebook / Instagram แต่รู้สึกแบตหมดไวในช่วงหลังๆจากการใช้งานเท่าเดิม
เลยแวะเอามาให้ที่ศูนย์ Samsung เช็คสภาพเครื่อง คือ ถ้าเครื่องไม่ได้มีปัญหา แต่รู้สึกระแวงๆ ก็ไปให้เช็คได้ค่ะ
จริงๆเค้ามีศูนย์บริการลูกค้า หรือ Customer Service อยู่หลายสาขาค่ะ
แต่ที่ไปในวันนี้เลือกเอาที่เดินทางสะดวก หาง่าย คือ สาขาสยามสแควร์ 1 หรือ SQ1
ลงรถไฟฟ้าสถานีสยามก็คือถึงเลย ใครผ่านไปผ่านมา คงเคยเห็นตอนรอรถไฟฟ้า
ชั้น 2 /3 เป็นบริการขายค่ะ บริการหลังการขายจะเป็นชั้น 4 จ้า
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 น - 21.30 น
ส่วนพิกัดเดี๋ยวบอกอีกทีท้ายบล็อกนะคะ ^^
พอเข้าไปแล้ว ก็จะมีพนักงานต้อนรับเข้ามาสอบถามว่าต้องการติดต่ออะไร
แล้วก็กดบัตรคิวเพื่อรอ เรียก ระหว่างที่นั่งรอนั้นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
ที่นั่งกว้างขวาง และมีหลายจุด มีน้ำดื่ม กาแฟ พร้อม
มี Wifi ให้บริการ จุดชาร์ตแบตก็มี
และยังมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้อัพเกรดเวอร์ชั่นมือถือด้วยค่ะ
มุมนี้ติดริมหน้าต่าง นั่งมองรถไฟฟ้าวิ่งชิลๆจิบกาแฟระหว่างรอได้เลยทีเดียว
ระหว่างรอคิวเรียก ก็ค้นพบว่า จริงๆแล้ว ถ้าเครื่องมีปัญหา ค้าง เครื่องร้อน หรือปัญหาอื่นๆ
สามารถปรึกษาเค้าได้ 3 ช่องทาง กับ Samsung FlexiService
ช่องทางที่ 1 Call Center เปิดให้บริการ 24 ชม
ช่องทางที่ 2 Live Chat คุยปรึกษาผ่านทางแชทหน้าเวป มีเวลาทำการ ไม่ดึกมากค่ะ
ช่องทางที่ 3 Remote Service แต่ต้องดาวน์โหลดแอพเพิ่มเติม จะลงให้ด้านท้ายบล็อกค่ะ
นอกนั้นยังมีป้ายแพคเกจประกัน ที่ทำกับกรุงเทพประกันภัยนำเสนออยู่เพิ่มเติม
ใครไลฟ์สไตล์ผาดโผน เสี่ยงมือถือหล่นน้ำ ก็ป้องกันไว้ได้เช่นกันจ้า
ถ้าเครื่องใครมีปัญหาหนัก อย่าลืมแบ็คอัพข้อมูลไว้นะคะ
ก่อนส่งซ่อมอย่าลืมนำ เมมโมรี่การ์ดออกก่อนด้วยเช่นกัน
ใครที่ไม่ได้ซื้อเครื่องมือถือหรือแท๊บเล็ตกับที่ศูนย์ แต่เป็นร้านค้าข้างนอก
ก็นำบิลเงินสด หรือใบกับกำภาษี มาทำเรื่องเคลมประกันได้เช่นกัน (กรณียังไม่หมดประกันน๊า )
และแนบสำเนาบัตรประชาชนด้วยค่ะ แต่ถ้าประกันหมดแล้วก็มาให้เช็คอาการได้ตามปกติค่ะ
และแล้วก็ได้ถึงเวลาของจิ๊บ ก็ให้ช่างเค้าช่วยตรวจดูอาการว่าเครื่องมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
ทำไมแบตหมดไวขึ้นในระหว่างวัน ขั้นแรกที่เห็นช่างทำก็คือวัดกำลังไฟเครื่องก่อนเลย
จากนั้นช่างก็สอบถามการใช้งานของเราเบื้องต้น ปกติจิ๊บใช้โทรศัพท์จะไม่ค่อยปิดเครื่อง
หรือรีสตาร์ทเครื่องเลย ถ้าไม่มีเหตุให้ปิดเช่นแบตหมด หรืออัพเดทโปรแกรมต่างๆ
ช่างแจ้งเบื้องต้นว่า แอพ Sidesync ของจิ๊บทำงานค้าง เครื่องจะขึ้นบังคับปิดตลอด
ทำให้เครื่องมีการทำงาน ก็จะมีอาการเครื่องร้อน พอเครื่องร้อนก็กินไฟ
แก้ไขโดยการอัพเดทซอฟ์ทแวร์ อัพเดทโปรแกรม และก็ควรจะ Restart เครื่องเป็นประจำ
เพราะถ้าเครื่องทำงานในโหมด Standby หรือ เปิดเครื่องไว้เฉยๆครบ 100 ชั่วโมง
เครื่องจำทำงานช้าลง หรือแม้แต่โหมดประหยัดพลังงาน ก็มีส่วนทำให้เครื่องทำงานช้าลงเช่นกัน
ใครที่พบปัญหาคล้ายๆกันว่าแบตหมดไว จิ๊บก็ถามช่างมาเผื่อค่ะ
- ลองเช็ค Wifi / Bluetooth หรือโหมดหาสัญญาณต่างๆ
- SD Card ที่เสียบ บางครั้งถ้าไม่ตรง แล้วมันช็อต แต่ไม่ได้ช็อตรุนแรงไฟดูดอย่างนั้นนะคะ
แค่ช็อตเบาๆ ก็จะมีโอกาสทำให้เครื่องทำงานช้าลงเช่นกัน
- ส่วน App ทำความสะอาดเครื่องเช่น Clean Master ไม่แนะนำให้ลงเพื่อใช้งานเลยยยยย
เพราะมีเคสซ่อมเครื่อง เพราะเครื่องค้าง เปลี่ยนภาษาไม่ได้ ปรับตัวเล็กใหญ่ไม่ได้
หนักๆก็ปลดล็อคหน้าจอไม่ได้ มาเข้าศูนย์เยอะมากเพราะแอพเหล่านี้เป็นต้นเหตุ
เนื่องจากใช้การประมวลผลค่อนข้างเยอะนั่นเอง
- แล้วก็หมั่นรีสตาร์ทเครื่อง อาทิตย์นึง 2-3 ครั้งค่ะ ถ้าทำตามนี้เบื้องต้นแล้วยังไม่หาย
พามือถือท่าน เดินไปเช็คสภาพที่ศูนย์ได้เลยค่ะ ฮาๆ 
ซ่อมที่นี่ ส่วนใหญ่สามารถรอรับเครื่องกลับได้เลย หากมีอะไหล่
หากไม่มีอะไหล่ช่างก็จะแจ้งให้ทราบค่ะ แล้วก็นัดวันกัน
ไหนๆได้เจอช่างทั้งที เลยแอบถาม คนส่วนมาเค้ามีปัญหาอะไรกันบ้าง
ปัญหายอดฮิต
- สายชาร์ต ขาด !! เกิดจากทองแดงข้างในขาดเพราะงอสายประจำ
ก็เสียค่าใช้จ่ายค่าสายใหม่ หรือ Adapter ใหม่ 100 - 400 บาท
- เครื่องร้อน ไม่หายร้อนเลย !!! อันนี้ช่างบอกมีเยอะ แต่ก็ต้องเช็คว่าปัญหามาจากไหน
- ตกน้ำ หล่นน้ำ โดนฝน สารพัดเรื่องน้ำ !!! เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ถูกกับน้ำ ถ้าลงน้ำแล้วเกิดช็อต
อย่าเพิ่งเปิดใช้งาน นำเข้าไปให้ช่างเค้าแกะ ตรวจเช็คให้จ้า
- จอแตก !! อันนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนแน่นอน ก็สามารถเปลี่ยนจอใหม่ รอรับได้เลย
- กล้องถ่ายรูปไม่โฟกัส !!! อันนี้ก็อาจจะต้องเปลี่ยนกล้อง ก็ขึ้นอยู่กับว่า รุ่นไหน แต่อาจจะใช้เวลา 3-5 วัน
- ปากกาติด !!!!!! อันนี้เกิดขึ้นช่วงหลังๆ กับ Note 5 เกิดจากการลืมมอง คิดว่าตัวเองเอาออกได้
เสียบเข้าไปเบาๆ แต่ดึงไม่ออก เค้าบอกว่า ห้ามเด็ดขาด เพราะเสียบผิดเข้าไป มีหลายเคส
ที่บางครั้งไปติดแง่งด้านใน ถ้าหักแล้วก็ซ่อมเปลี่ยนกันยาวยืด
หลังจากที่เจอปัญหา แก้ไขไป เค้ารับประกันนานเท่าไหร่ อันนี้ก็ถามไว้เพราะกลัวพังซ้ำ
ส่วนมากจะรับประกันอยู่ที่ 3 เดือน หลังซ่อมเสร็จค่ะ / ถ้าแบตเตอรี่ 1 ปี / สายชาร์ต 1 เดือน
แต่พวกอุปกรณ์เสริม เช่น จอ หรือขอบเครื่อง ฝาหลังเครื่อง ไม่มีประกัน ซื้อแล้ว พังแปลว่าทำเองนะ
Samsung FlexiService
ช่องทางที่ 1 Call Center ให้บริการ 24 ชั่วโมง โทร 02-689-3232 / โทรฟรี 1800-29-3232 ( เฉพาะเบอร์บ้าน )
อันนี้ให้คำปรึกษากับทุกผลิตภัณฑ์ของซัมซุงเลยค่ะ
ช่องทางที่ 2 Live Chat ที่ //www.samsung.com/th/support/flexiservice
เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00น. - 20.00น. / เสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00น. - 17.00น
ให้บริการเฉพาะ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ PC และ โน๊ตบุ๊ค
ช่องทางที่ 3 Remote Service ต้องติดตั้ง แอพพลิเคชั่น Smart Tutor ก่อนนะคะ
ขอใช้บริการโดย โทร 02-689-3232 / โทรฟรี 1800-29-3232 ( เฉพาะเบอร์บ้าน )
เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ 08.00น. - 18.00น.
ปิดท้ายพิกัดสาขาสยามที่จิ๊บไป คือลงจากรถไฟฟ้าปุ๊บ อยู่ตรงทางเข้าเลยค่ะ
เด่นเป็นสง่า แต่ศูนย์บริการจะไม่ได้เข้าทางชั้นเดียวกับทางเชื่อมรถไฟฟ้านะคะ
จะต้องขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ด้านหน้า แล้วเดินวนร้านชาไข่มุกข้างๆบันไดเลื่อน
เดินออกมาทางหน้าตึกค่ะ ชั้นจะต่อกับศูนย์บริการการขายด้านล่างเลยจ้า
ตรงกับพิกัดที่ติดป้ายโฆษณา Note 5 ค่ะ
ใครรู้สึกเครื่องมือถือหรือแท๊บแล็ตวันนี้แปลกๆ ค้างๆ ร้อนๆ
แบตหมดไว ก็ลองแวะไปให้เค้าเช็คให้ได้นะคะ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่
อย่างของจิ๊บก็ฟรีค่ะ รอคิวเล็กน้อยเท่านั้นเอง แนะนำไปช่วงก่อนเลิกงาน
ถ้าช่วงเลิกงานอาจจะคิวเยอะเป็นบางสาขาจ้า ^^
ใครมีข้อสงสัยก็โทรไปสอบถาม Call Center ก่อนได้จ้า โทร . 02-689-3232
อย่าลืมนะคะ มาแวะพูดคุย หรือฝากคำถามอื่นๆเพิ่มเติม
และอัพเดทเทรนด์เริ่ดๆก่อนใคร กันได้ที่ Facebook Fanpage และ Instagram
แล้วพบกันใหม่ ในบล็อกหน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า
) 
ปัญหายอดฮิต 
หลังจากที่เจอปัญหา แก้ไขไป เค้ารับประกันนานเท่าไหร่ อันนี้ก็ถามไว้เพราะกลัวพังซ้ำ 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
