ชิวๆในริมปิง นั่งเรือหางแมงป่องจิบชาเวียงจุมออนดินเดอร์ณ.กู๊ดวิว♥ปิดทริป♥CNX Trip 'Apr 2011(Part 12)
ปิดทริปเชียงใหม่หัวใจเวิ้ยเว้อกันซะทีเน๊อะ! ไปเที่ยวชิวๆกับกิจกรรมชิคๆริมแม่น้ำปิงกันค๊า โปรแกรมนี้สามารถเที่ยวกันได้ภายในครึ่งวัน รีเล็กซ์สบายๆไม่เร่งรีบอะไรปล่อยชีวิตให้เดินไปช้าๆตามกระแสน้ำ วิ้ววววววววววว..........
เราเริ่ม on tour กันตอนเที่ยงครึ่งด้วยโปรแกรมนั่งเรือหางแมงป่องล่องแม่น้ำปิงชมวิวและวิถีชีวิตเมืองเชียงใหม่ จริงๆแล้วเรือหางแมงป่องมีตารางวิ่งอยู่ตลอดทั้งวันเริ่มตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้า ถึงประมาณ 5 โมงเย็น (ข้อมูลไม่แน่นพอเพราะลืมไปนั่นเองเลยขอเน้นคำว่า-ประมาณ เหอะๆขออภัยไว้ณ.ที่นี้) และบริษัทหรือผู้ประกอบการที่ให้บริการนำเที่ยวด้วยเรือหางแมงป่องก็มีด้วยกันหลากหลายให้เลือกใช้บริการ แต่ต้องเลือกให้ดีๆน่ะค่ะเพราะคุณๆท่านๆอาจไม่ได้นั่งเรือหางแมงป่องทรงออริจินัล
พูดแล้วก็นึกให้ชวนเซ็งในเวลานั้น ติ๊กจองผ่านเอเย่นต์ทัวร์ทางอินเตอร์เน็ตโดยไม่รู้ว่าเรือที่เอเย่นต์นั้นๆคอนเทคไม่ใช่เรือหางแมงป่องออริจินัล หากแต่เป็นเรือหางยาวขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงขึ้นให้มีรูปทรงและขนาดใกล้เคียงกับเรือหางแมงป่อง ทั้งที่ก่อนใช้บริการก็โทรยืนยันกับพนง.เอเย่นต์ทัวร์เป็นมั่นเป็นเหมาะและถามกำชับว่าใช่เรือหางแมงป่องจริงรึป่าวพนง.ก็ยืนยันหนักแน่นว่าใช่ชัวร์ แต่เมื่อไปถึงท่าเรือที่ให้บริการก็ถึงกับอึ้ง เอิมมมทำไมทรงเรือ หลังคาเรือมันไม่ใช่อย่างรูปในเวปไซด์หว่า แต่ทำยังไงได้นาทีนั้นอีกไม่กี่ก้าวเท้าก็จะลงเรือแล้ว คิดในใจเอาว่ะ! ไหนๆก็ทริปวันสุดท้ายแล้วอย่าวีนอย่าเหวี่ยง เราไปถ่ายรูปเรือหางแมงป่องของจริงเวลาแล่นเรือสวนก็ได้ นั่งอยู่ใต้หลังคาถ่ายรูปมาก็มองไม่เห็นอยู่ล่ะ คิดได้เน๊อะ
โฉมหน้าเรือห้องแมงป่อง ซึ่งอิฉันพลาดไปแล้ว
นี่ก็อีกลำหนึ่งสีสันสะดุดตามีลายฉลุสวยงามโปรดสังเกตุท้ายเรือ ซึ่งเป็นที่มาชองชื่อ "เรือหางแมงป่อง"
ภายในลำเรือล่องทริปชิวริมปิง พร้อมโฉมหน้านายท้ายพ่วงท้ายตำแหน่งไกด์นำเที่ยวบรรยายสถานที่ที่เรือแล่นผ่าน ปล.โปรดสังเกตุเรือริมข้างซ้าย นั่นแล.คือทรงเรือที่ติ๊กได้ใช้บริการ
Let's Go
ชิวล์ๆค๊า ชมวิวกัน
*แก้ไขค๊า สะพานเหล็กข้างสะพานนวรัฐ โลเคชั่นนี้โด่งดังจากหนังเรื่องเพื่อนสนิท ใช้ถ่ายทำฉีนๆหนึ่งที่ไข่ย้อยขี่มอร์เตอร์ไซด์กับดากานดา
นายท้ายเรือบรรยายว่าบ้านเรือนไทยในรั้วรอบอณาเขตนี้คือบ้านส่วนพระองค์ที่ประทับขององค์พระเทพฯ ปล.ถ่ายบ้านริมน้ำมาหลายหลัง ชักไม่แน่ใจว่าใช่หลังนี้ป่าว อาการปลาทองกำเริบอีกแล้ว
หลังจากเรือล่องผ่านริมแม่น้ำปิงจนสุดเส้นทาง นายท้ายเรือก็หยุดณ.จุดแวะพักที่สวนพืชสมุนไพรไทยเพื่อการเรียนรู้(สำหรับนักต่างชาติล้วนๆ) พร้อมเสริฟน้ำสมุนไพรและผลไม้ให้คลายร้อนก่อนล่องเรือกลับ
ทริปล่องเรือนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 3 ชม. หลังจากจบทริปล่องเรือ(สมุติว่าคือ)หางแมงป่องแล้ว ก็ประมาณบ่าย 3 โมงพอดิบพอดี อากาศเดือนเมษาช่วงสงกรานต์ก็ร้อนเอาการเลยทีเดียว โปรแกรมดับร้อนของเราที่ได้วางไว้ก็คือไปนั่งจิบชาที่ร้านชาชื่อดังซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในเชียงใหม่ แอ่นแอ๊นแอ้น นั่นก็คือร้าน "เวียงจุมออน" ชื่อฟังดูแปลกหูใช่ไหม๊เอ่ย
"เวียงจุมออน" Vieng Joom On เป็นร้านชาสุดชิคแสนเก๋ทั้งชื่อและคอนเซปของร้าน เริ่มต้นที่ชื่อก่อนเลยค่ะ "เวียง" = เมือง "จุมออน" = สีชมพู ซึ่งเป็นที่มาของคอนเซปร้านที่เน้นและตกแต่งด้วยสีชมพูเป็นตีมหลักโดยตัวร้านจะทาสีชมพูสะดุดตา ติ๊กเคยดูรายการ TV.รู้มาว่าเจ้าของร้านซึ่งเป็นอาจารย์หมอชอบดื่มชาและก็ชอบสีชมพู ก็เลยริเริ่มเปิดร้านชาน่ารักๆแห่งนี้ขึ้นมา วันที่ไปลูกค้าเยอะมากเลยไม่ได้เก็บภาพภายในร้านสักเท่าไหร่ ภายที่ได้มาก็มาจากมือถือเบลอซะไม่มี ยกเว้นชุด Tea Time เก็บภาพมาจนจุใจ
ด้านหน้าตัวร้านกับป้ายสีชมพู๊ชมพู เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปตัวร้านเก็บมาด้วย
ภายในร้านตกแต่งหวานไม่แพ้สีตึก ด้านหน้าเป็นโซนขายสินค้าพวกชาและอุปกรณ์การชงชา เพคเกจจิ้งน่ารักมากค่ะ
ตะกร้อชงชารูปทรงน่ารักๆ แอบเสียดายที่ไม่ซื้อกลับมาสักชิ้น
ภายในร้านหากใครต้องการนั่งในแอร์เย็นๆพร้อมจิบชาไปพลาง ซึ่งไม่ใช่ติ๊กเพราะเรามีเพลนจะออกไปชมวิวริมปิง
โซนเอาท์ดอร์ชานระเบียงมีตั่งโต๊ะเก้าอี้ตัวเตี้ยๆบนเพดานมีผ้าระย้าได้อารมณ์อินตะลาเดีย+vintage+english style คละค้นหลากอารมณ์มาก
บริเวณโต๊ะด้านนอกติดริมแม่น้ำปิงล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย โดยทางร้านได้กางร่มเพื่อบังแสงแดดให้ลูกค้า
ชาร้อนและชาเย็นซึ่งเป็นตัว Signature ประจำร้าน
โปรดอย่าถามว่าชาตัวนี้ชื่ออะไรเพราะปลาทองตัวนี้ก็จำไม่ได้เช่นเดียวกัน
ถึงแม้จะร้อนแค่ไหนเราสองก็ไม่หวั่นแม้วันร้อนมาก ไม่ลองชาเด่นประจำร้านจะเสียดายเพราะไม่รู้จะได้มาอีกรึป่าว
Tea Time Set เสริฟมาเป็นชุดเซ็ตนี้ราคาประมาณ 500++ อยากจะบอกว่าราคาไม่ต่างจากร้าน L'Espace By Mandarin Oriental เลย
ชาเย็นตัวนี้ก็เป็น Signature Teahouse เช่นกัน
ชั้นแรกเป็นขนม เบเกอรี่ เค้ก นานาชนิดชิ้นเล็กพอดีคำ
ชั้นต่อมาเป็น แซนด์วิชชิ้นน้อยจ๊าบได้ในคำเดียว
ชั้นสุดท้ายเป็นบรรดาผลไม้ตามฤดูกาลเสริฟพร้อมแยมสตอเบอรี่
แสงแดดยามอัสดง วู้ส์ใช้คำหรู
นั่งชมวิวริมแม่น้ำปิงมองเรือหางแมงป่องแล่นผ่านไปมา(55+) นั่งคุยกันเงียบๆดูผู้คนหลากหลายก็เพลินตาดีเหมือนกัน การเที่ยวแบบให้เวลาผ่านไปช้าๆรู้สึกว่าเป็นการชาตร์แบตให้ชีวิตอย่างแท้จริง ขืนให้ติ๊กไปเที่ยวแบบ Adventure ปีนเขา ล่องแพ เดินป่า คิดว่าคงไม่ไหวค่ะกลับจากการเที่ยวร่างคงแหลกเป็นชิ้นๆสลบคาเตียงข้ามวันค่อนคืนเป็นแน่ เมื่อนั่งชมวิวจนพระอาทิตย์ยามอัสดงผ่านไปจนเย็นย่ำใกล้จะค่ำเต็มที ได้เวลาของมื้ออาหารอีกแล้วสิ โฮ๊ะๆโฮว์วววววว ไม่หนีไปไกลจากเรื่องปากเรื่องท้องจริงๆ
ร้านอาหารมื้อค่ำนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้าน "Good View" ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านเวียงจุมออนห่างกันสักประมาณ 100 เมตร. เดินไปกินกันต่อได้ชิวๆ ร้านกู๊ดวิวเป็นร้านอาหารสไตร์ Pub & Restaurant มีทั้งบริเวณภายในร้านซึ่งเป็นห้องแอร์มีแบรนด์เล่นแนวป็อบร็อคร่วมสมัย และอีกโซนหนึ่งอยู่ด้านนอกร้านติดริมแม่น้ำปิงออกแนวเหมือนสวนอาหารริมน้ำใต้แสงเทียนได้บรรยากาศโรแมนติคอีกแบบหนึ่ง
ร้านกู๊ดวิวนี้ติ๊กถ่ายรูปมาได้น้อยมากเพราะสามีกำลังอารมณ์เสีย เพราะก่อนเดินก้าวเข้าร้านเพียง 5 ก้าวนังเมียโดนรถกระบะสาดน้ำใส่หัวเข้าโครมใหญ่(วันที่ 16 เมษา เค้ายังเล่นน้ำกันอยู่) พอเดินเข้าร้านพนง.ต้อนรับก็มองหน้านังเมียแบบแปลกๆหัวจรดทีน คุณสามีเลยสุดเหวียงจะไม่ยอมกินข้าวหน้าตาเป็นตูดหมึกตลอดมื้อดินเนอร์ แรกเริ่มเดิมทีคนโดนน้ำสาดก็หัวเสียอยู่หรอกแต่พอคนที่มาด้วยหัวฟัดหัวเหวี่ยง แอ๊ะ!ตูจะโมโหทำไมฟ่ะ
ริมรั้วรอบร้าน Good View ติ๊กเลือกนั่งเอาท์ดอร์ริมแม่น้ำ บอกแล้วไงวันนี้จะชิวริมน้ำทั้งวัน
มาดูเมนูกันเลือกแบบเบาๆดีกว่านะ
เรียกน้ำย่อยกันหน่อย "กุ้งแช่น้ำปลา"
ไก่ตะกร้อ เอ้ย "ไก่ตะกร้า" เสริฟพร้อมเฟรนซ์ฟรายส์
"ไส้กรอกเยอรมัน" โฮมเมดเนื้อแน่น
ร่างกายต้องการสีเขียวจากคลอโรฟิลล์ "ยอดฝักแม้วผัดไฟแดง"
ไม่รู้เป็นไรสิถ้าขาด "ข้าว" ในมื้ออาหารเหมือนร่างกายไม่ได้สะสมพลังงาน ชอบจังรองใบตองมาเพิ่มมูลค่าของสินค้าอีกแล้ว
บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกสุดท้ายของการปิดทริปเที่ยวเมืองเหนือในหน้าร้อน 2554 บล็อกต่อไปคงจะเป็นการรีวิวเที่ยวใต้ในวันฉ่ำฝน ช่างเลือกเวลาและสถานที่ในการเที่ยวจริงๆ หนาวก็ไม่ไปขึ้นเหนือท้าลมเย็น ซัมเมอร์ก็ไม่ยอมท่องทะเลอาบแดด ว่างเว้นจากการเที่ยวแล้วสงสัยต้องหันหน้าเข้าครัวพร้อมถืออาวุธครบมือสะสารภาระกิจ "ปฏิบัติการกะทะร้อนไร้พรมแดด" ที่ยังมีการบ้านค้างส่งทั้งหมด 4 มิชชั่น โอ้!เสร็จจากบล็อกนี้คงต้องควงตะหวิวเคาะกะทะกันอย่างเมามันส์เดี๋ยวเจอกันน่ะค๊าเหล่านางงามกะทะเหล็ก
Create Date : 10 มกราคม 2555 |
|
9 comments |
Last Update : 10 มกราคม 2555 14:10:41 น. |
Counter : 6536 Pageviews. |
|
|
|
ย้อนรอย่ไปทัวร์เชียงใหม่ด้วยนะจ๊ะ
รอบนี้นั่งเรือชม่แม่น้ํ่าชิล่ๆจริงจ้า
โห นั่งนานเลยตั้ง 3ชม คุ้มเลยจ้า
อาหารน่ะน่าหม่ําทั้งนั้นเลย ดูฮิโซจริงๆเด้อ
วันนี้หัดเม้นท์ผ่านมือถือนะคะ ดูเอ๋อๆนิดๆ แฮร่