สิงหาคม 2560

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
17 สิงหาคม 2560
ตะลุยเจแพน 2016




ทริปนี้เป็นทริปที่มีโอกาสได้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เราชอบอยู่แล้วพอได้ไปจึงทำให้ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ เราจึงอยากนำรูปมาภาพความทรงจำของเรามาแบ่งปันถึงแม้บางสถานที่เราลำดับขั้นไม่ถูกว่าอะไรก่อนหลัง เดินทางยังไงนะ หรือชื่ออะไร(ชื่ออ่านยากอ่ะ) แต่ภาพเหล่านี้ก็ทำให้เรารู้ว่า ครั้งหนึ่งเราเคยไปที่นี่

เราทำแพลนนานมากๆ นะ แบบละเอียดยิบเลย เพราะว่ากลัวไม่ผ่าน ตม.กลัวหลงทาง กลัวคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง สารพัดกลัว

ถ้าเพื่อนๆสนใจเข้าไปศึกษารายละเอียดการเดินทางต่างๆ ที่เราทำไว้ สามารถเข้าไปตามลิงค์ได้ค่ะ https://drive.google.com/drive/my-drive  แต่ลิงค์ทั้งหมดเราทำไว้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมเป็นเอกสารไปใช้ที่ญี่ปุ่นนะค่ะ (ถ้าหากเพื่อนๆ ไม่สามารถดูลิงค์ได้ สามารถขอเอกสารเรามาได้ที่เมล์ kukkik_182533@hotmail.com)

อันนี้คือแพลนค่ะ

Travelto Japan

9 Apr- 17 Apr 2016

Date

Place

Hotel

Address

Visit

More

09-Apr

Osaka

Toyoko Inn Tsuruhashi

1531 Hunabashityo , Tennoji0667661045

DMK-KIX
XJ610 0215PM-2140PM

10-Apr

Osaka

Same

Osaka Castle, Takoyaki, Dotomburi Rd., Don Quijote,

11-Apr

Nara,Kyoto

Kiraku Inn

251 Umemoto tyo , Higashiyama
075
2024132

Nara Koen Park, Todaiji, Horyuji

12-Apr

Kyoto

Same

Kyoto Imperial Palace, Round Kyoto Area, Ginkakuji Temple

13-Apr

Kyoto

On bus

Kiyomizudera, Kinkakuji Temple

WILLER TRAVEL 8499298
京都駅八条口1-大崎西口
2320PM-0715AM

14-Apr

Tokyo

GrandParkPanexTokyo

5-9-19 Kamata

Ueno Park (Zoo), Takeshita shopping street, Tokyo Plaza Omotesando Harajuku

15-Apr

Tokyo

Same

Disney Land, Rainbow bridge

16-Apr

Tokyo, Yokohama

Same

Minato Mirai 21, Sky Gardem Observatary, Cub Noodle Musuem, Daibutsu

17-Apr

Tokyo

Same

NRT-KLL MH89 1030AM-1645PM
KLL-BKK
MH780 1750PM-1855PM

และนี้คือลิงค์เว็บต่างๆ ที่เราใช้สำหรับศึกษาข้อมูล

เกี่ยวกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น

//www.jnto.or.th

www.jnto.go.jp/eng/arrange/transportation/index.html

www.hyperdia.com

www.jorudan.co.jp/english

Map

www.mapfan.com/en/en_m.cgi

www.yokosojapan.org/th

Hotel

Osaka www.tokyo-inn.com

Tokyo //grandpark-px.jp/en/Tokyo/index

Kyoto //kirakuya-kyoto.com/room

สำหรับการเดินทางครั้งนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆ เราไม่ได้ออกสักบาท ฉะนั้น เราก็เลยไม่รู้ว่ายอดเงินเท่าไร 

วันแรก (วันที่ 9 ไปเจแปน - โอซาก้า)

เราเริ่มเดินทางช่วงบ่ายวันที่ 9 และไปถึงดึก เสร็จสรรพ ออกจาก ตม. ก็เกือบๆ เที่ยงคืน เราบินไปลงที่สนามบินโอซาก้า และจะกลับมาไทยจากสนามบินนาริตะโตเกียว การเดินทางโดยเครื่องบินไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก ตื่นเต้นเป็นบ้า 55+

ตม. ที่นี่ผ่านไม่ยาก แต่กว่าจะผ่านโคตรนาน คนเยอะมากๆๆๆๆ แต่จะมาเจอด่านเปิดกระเป๋าจ๊ะ เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามาเที่ยวหรอ? มากี่วัน? ถึงตอนนี้แล้วจะไปต่ออย่างไรเพราะตอนนั้นก็ดึกมากจนรถไฟจะหมดแล้วไง เขาก็ขอเปิดกระเป๋า เราก็โอเคๆ คือ ชุดชั้นในชั้นอย่าเปิดนะคิดในใจ

เสร็จจากเช็คกระเป๋า เดินออกมาจากประตู บุคคลที่ไม่ได้เจอกันนานกว่า 1 ปีเต็มๆ ก็รออยู่ คืออารมณ์นี้ดีใจมากอ่ะ เราก็รีบกันเลยค่ะ รถไฟจะหมด วิ่งๆๆๆ ไปขึ้นรถไฟ เกือบไม่ทัน เที่ยวสุดท้าย หอบๆๆ

ลงจากรถไฟ เราต้องไปต่อแท็กซี่ไปที่พักเพราะว่าเวลานี้ไม่มีรถประจำทางแล้วค่ะ เรารู้สึกชอบแท็กซี่เขาอ่ะ สะอาด ดูดีรถจะต่อแถวกัน เราจะต้องเดินไปขึ้นรถคันที่เปิดประตูรอไว้ รถที่เปิดประตูคือคันแรกที่จอดรถ

ถึงโรงแรมแล้ว เลยเที่ยงคืนแล้วด้วย เป็นการเดินทางที่ยาวจริงๆ เหนื่อย และต้องพักกันก่อน

วันที่ 2 (วันที่ 10 โอซาก้า)

เช้าวันนี้ เราล่าโอซาก้ากันแต่เช้าเลย เราเลือกใช้พาส (ตั๋วเดินทาง) สำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถขึ้นรถไฟ และเข้าสถานที่ต่างๆ โดยมีรายละเอียดบอก ซึ่งอันนี้เราไม่ได้เป็นคนจัดการ แฟนเราจัดการทุกอย่าง อย่างที่บอกเรื่องการเดินทางเราจะไม่รู้เลย แต่จำได้ว่าจ่ายเงินไม่เท่าไร แต่นั่งรถไฟใต้ดิน JR รถเมล์แล้วก็เข้าชมสถานที่ ได้เยอะอยู่


ที่แรกที่เดินทางมา คือ Osaka Castle (ปราสาทโอซาก้า)



จะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีคนญี่ปุ่นมากมาย ตื่นกันแต่เช้า ออกมาวิ่งออกกำลังกาย พาน้องหมามาเดินเล่นบ้าง ดอกซากุระที่นี่ยังคงบานอยู่ อยากเห็นมานาน ได้เห็นแล้ว เขาดูบอบบาง น่าเด็ด เอ้ย!!! น่าทะนุถนอม อากาศดีมากเลย แต่เราแอบหนาวนิดหน่อย เราขี้หนาวมาก 14-16 องศา ประมาณนั้นเองหนาวจุง

เราเข้าไปในปราสาทโอซาก้า จะมีโซนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโอซาก้าและญี่ปุ่น เดินชมรอบๆ สักพัก



ถัดจากเดินชมปราสาท เดินชมรอบๆ มันช่างใหญ่โต และสวยงามอ่ะ แล้วคือแค่เดินที่เดียวจำได้ว่าขาลากแล้ว




ต่อมาเราเลยจะพักผ่อนขาด้วยการล่องเรือชมซากุระ 2 ฝั่งแม่น้ำ 


เมื่อได้รอบเรือที่จะลงแล้ว เราก็รอเวลาค่ะ แป๊บเดียวก็ถึงเวลาล่องเรือ เอาซากุระ 2 ฝั่งแม่น้ำมาให้ดูกัน โรแมนติกจริงๆ มองไปก็เห็นหนุ่มสาวนั่งปิกนิคอยู่ใต้ต้นซากุระบ้างเด็กๆ ครอบครัวบ้าง



เสร็จจากเรือก็เดินๆ อยู่แถวๆ นั้น มีพ่อครัวกำลังทำเส้นราเมนหรืออุด้งอยู่น่าสนุกอ่ะ


จากนั้นเราก็นั่งรถไฟกันไปต่อ เพื่อไปนั่งชิงช้าสวรรค์ TempozanFerris Wheels 



ติดกับชิงช้าสวรรค์ก็มีห้างฯ อยู่ Tempozan Market Place เราเดินชมก่อนที่จะไปนั่งชิงช้าสวรรค์กัน



ใกล้ๆ กันมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แต่เราไม่ได้เข้า


อันนี้เป็นภาพมุมสูงจากชิงช้าสวรรค์ ตัวชิงช้าเป็นกระจกเล่นเอาขาสั้นนั่งขัดตะมาตกับพื้นเลย


และมีเรือ Santa Maria เราไปที่นี่เป็นที่ต่อไป ล่องเรือค่ะ




ภายในเรือจะมีร้านอาหาร และชั้นล่างเรือจะเป็นเหมือนการจัดแสดงเล็กๆ พวกของเก่าๆ ที่ใช้ในเรือ



เสร็จจากนั่งเรือแล้ว เราก็ไปถนน Dotomburi

ระหว่างทางไปเราเดินผ่านกลุ่มแสดงดนตรีเปิดหมวกค่ะ เจอรุ่นใหญ่เลยอิอิ



ถึงแล้วถนน Dotomburi สัญลักษณ์เด็ดของโอซาก้า เราไปตามล่าทาโกะยากิของโปรด เจ้าอร่อยกันเลย คือต้องเป็นที่นี่ เดินหานานมาก





มันอร่อย และรสชาติแตกต่างจากที่เรากินกันเลย มันชิ้นใหญ่มากและข้างในเขานุ่มมาก อารมณ์เหมือนยังไม่สุกแบบนั้นเลย แต่ติดใจ ถูก อร่อย แนะนำๆๆ

เดินเล่นกันสักพัก 




ถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะอันเลื่องชื่อ



เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ จนบ่าย เลยไปสวนสัตว์กันแล้วเราจะกลับมาที่นี่อีกรอบตอนเย็นค่ะ

สวนสัตว์ที่โอซาก้า Red Panda เอาใจเราไปแล้วววววว น่ารักเวอร์


ป้ายห้องน้ำเขาน่ารักดีเนอะ


อันนี้เราเพิ่งเคยเห็น เสือตัวใหญ่ขนาดนี้ อยู่ในกระจกที่คงจะหนามากๆมันเดินไปเดินมา แล้วก็เดินมาที่บ่อน้ำ เสร็จแล้วเขาก็เอาตัวลงไปแช่น้ำพอแช่เสร็จมันก็ลุกขึ้นมาเกาะขอบบ่อแล้วฉี่จ๊ะเสร็จมันก็ออกมาจากบ่อแล้วกินฉี่ที่มันเพิ่งจะผสมกับน้ำไปตะกี้ คือมองแล้วฮ่ามากกกอ่ะ คิดแล้วยังขำอยู่เลย



หน้าตาสิงโตก็ฮ่าไม่แพ้กัน


อยู่ที่สวนสัตว์สักพัก ช่วงบ่ายเรากลับมาที่ถนน Dotomburi อีกครั้งเพื่อมาชมบรรยากาศยามค่ำคืน







Pablo ร้านนี้อยากเข้านะ แต่ไม่ได้เข้า เห็นมีรีวิวเยอะอยู่



มาทานอาหารเย็นกันดีกว่า อาหารเย็นมื้อแรก อร่อยเพิ่มเส้น ^^



ออกมาฟ้าก็มืดแล้ว กูลิโกะซังมีไฟแล้ว 


เราเดินเข้าออกร้านของที่ระลึกอยู่หลายร้านร้านที่ขึ้นชื่อที่มีชิงช้าข้างหน้า Don Quijote อันนี้คนไทยชอบเข้าเห็นป้าย “สุขสันต์วันสงกรานต์” ด้วย


ปิดวันนี้ด้วยการล่องเรือเพื่อชมบรรยากาศยามค่ำคืนที่ถนนสายนี้อีกค่ะ

วันที่ 3 (วันที่ 11 นารา&เกียวโต)


เช้าวันนี้เราเดินทางจากโอซาก้าไปนารากัน โดยเดินทางด้วยรถไฟฉึกกะฉักๆ ถึงแน่นอน ไม่เลทชัวร์

นารา ขึ้นชื่อเรื่องกวางค่ะ กวางเต็มเป้ยยย ขนเขานุ่มและไม่ต้องกลัวว่าเขาจะมาทำร้ายนะ ถูกตัดเขาเรียบร้อย (รู้สึกสงสาร)

ตามข้างทางเดินจะมีคุณลุงคุณป้าขายอาหารให้กวางอยู่ เราก็ซื้อ แล้วด้วยความไม่รู้ก็เอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ถูกกวางรุมม มาดม มางับเสื้อเราใหญ่ มันเจ็บนะ ฉันไม่ใช่อาหาร (ไหนบอกว่าไม่ทำร้าย?แต่จะร้ายยังไงก็น่ารักอ่ะ)ชอบสุดๆๆๆ


เราเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงวัด กวางหน้าวัดก็มีเต็มไปเลยเหมือนกัน



นี้คือวัด Todaiji ซึ่งมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ องค์พระก็ใหญ่พอสมควรเลย 






ก่อนเข้าไปด้านใน มีรูปปั้นเฝ้าประตูอยู่ด้วยทั้ง 2 ฝั่ง


พระพุทธรูปขนาดใหญ่



รอบๆ ด้านในจะมีให้เดินชม 


หลังองค์พระจะมีเสาอยู่ หน้าตาแบบในรูปได้ความมาว่าถ้าใครสามารถลอดผ่านช่องเสานี้ได้จะมีโชคมีลาภ เรารออะไรล่ะเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ ที่ไปแย่งเด็กลอดค่ะ มันผ่านนะแต่ต้องให้อีกคนช่วยดึงแขนอีกฝั่ง 555+ เป็นอะไรที่ฮามาก เขาถามว่าอายไหม ไม่อายเจอกันรอบเดียว


เสร็จจากวัดนี้เราก็ไป Kyoto กัน เดินทางโดยรถไฟ ซึ่งระยะทางไม่ได้ไกลกันเท่าไร

ไปที่บ้านพักกันก่อน นอนเรียวกังแบบบ้านๆ ค่ะ อันนี้คือด้านหน้าที่พักเป็นเรียวกังราคาถูก ห้องน้ำรวม แต่ได้บรรยากาศเรียวกังเราก็พอใจแล้ว(ถ้าใครสนใจติดต่อเราได้ เราจะกลับไปหาชื่อโรงแรมมาให้นะ)



หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ เราก็ออกเที่ยวเหมือนเดิม ก็เข้าวัดเข้าศาลเจ้ากันไป เมืองเกียวโตเป็นเหมือนเมืองเก่าค่ะ มีวัด มีศาลเจ้า เยอะมาก


ชอบที่ชาวญี่ปุ่นก็มีบางส่วนที่ยังคงแต่งกายชุดประจำชาติกันอยู่ค่ะ



อันนี้จำชื่อไม่ได้ค่ะ


ในรูปเป็นทางก่อนเข้าวัด จะมีน้ำออกมาจากไม้ไผ่แบบนี้ นี้เขาบอกว่าเอาน้ำที่ไหลลงมาแปะๆหน้า จะสวย รีบเลยไง อยากสวย +++


บรรยากาศรอบๆ ค่ะ




เสร็จแล้วเราก็เข้าไปในวัดกัน Kiyomizudera หรือวัดน้ำใส




ลองเซียมซีแบบญี่ปุ่นดูบ้าง ด้านหนึ่งจะมีรูเล็กๆ อยู่รูหนึ่งแค่พอตะเกียบออกมาได้อันเดียว ได้มาแบบโชคไม่ค่อยดีเท่าไร TT


วัดนี้คนไทยชอบไปเที่ยวกันมาก เป็นวัดที่ใหญ่ทึ้งกับการก่อสร้างของเขาจริงๆ




มุมนี้ที่ต่อแถวยาวๆ เพื่อดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ค่ะก็เป็นความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเหมือนกัน รวมทั้งตรงบ่อน้ำเหรียญเต็มไปหมดเลย


เสร็จแล้วเราก็เดินต่อไปยังจุดหมายถัดไป



มาถึงศาลเจ้า Haian




และเราไปต่อที่วัดนี้ จำชื่อไม่ได้ แต่เป็นวัดที่น่าสนใจอีกวัดหนึ่งจะมีสะพาน ซึ่งข้างบนสามารถเดินขึ้นไปดูได้ แล้วก็มีธารน้ำตกเล็กๆ บริเวณนี้ด้วย




เดินๆ ไปวัดอีก เจอซากุระร่วงลงบนทางน้ำเล็กๆ สวยไปอีกแบบทางเดินนี้เรียกว่า Philosopher’s Path Tetsugaku no michi



มาถึงวัดนี้เป็นวัดคู่กับวัดทองค่ะ Ginkakuji หรือวัดพลับพลาเงินนั่นเอง โดยรอบก็จะเป็นสวน มีเนินให้เดินขึ้นไปชมบรรยากาศเกียวโตได้ด้วย





อันนี้เป็นวัดคู่กันอย่างที่บอก วัด Kinkaku-ji ทำด้วยทองทั้งหมดดูรวยมากกก



เดินไปไม่รู้เท่าไรเหนื่อยแล้ว เราก็หาอาหารกินกันอันนี้เป็นมื้อกลางวันค่ะ


เสร็จจากมื้อกลางวันเราจะนั่งรถไฟไปเที่ยวกันต่อ ลักษณะรถไฟค่ะพนักงานขับรถทุกประเภทจะพูดตลอดทางเลย อยู่ไหนแล้ว การจราจรติดไหม อีกกี่นาทีจะถึงสถานีต่อไปคืออะไร เราว่าดีนะ ทำให้คนขับรถไม่ง่วงด้วย



มาถึงแล้ว สะพาน Togetsukyo เป็นสะพานที่ยาวมาก แม่น้ำใหญ่เว่อร์ อากาศที่นี่ดีเลย 



เรานั่งพักกันนาน ปิกนิคเล็กๆ ริมน้ำ 


หลังจากนั้นก็เดินทางต่อเดินไปทางๆ เดินเลียบป่าไผ่ เจอต้นซากุระต้นนี้ โอ้โห!!งดงามจริงเชียว


เราเดินป่าไผ่กัน บรรยากาศดีมากๆ ไม่ร้อน ไม่เหนื่อย แต่เริ่มหิว



อาหารเย็นค่ะ


เช้าวันต่อมา

เปิดเรื่องตั้งแต่เช้าด้วยขนมก่อนเลย




พลังพร้อม เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเดินไกลนิดหน่อย ที่ศาลเจ้า FushimiInari 






กับอุโมงค์ Torii (Torii แปลว่า เสา ค่ะ) เราเรียกว่าอุโมงค์เสาส้ม




เดินไม่สุดนะ เดินไม่ถึงด้านบนสุด ก็คนที่ไปด้วยบอกว่าพอแล้วๆ ต้องเดินอีกเยอะ ไปที่อื่นอีก เซงเลย แต่ก็เริ่มเหนื่อยเลยยอมเดินยอมกลับตอนเลยครึ่งทางไปนิดหน่อย





ชมบรรยากาศอื่นๆ ที่ตลาด Nishiki










และอาหารเย็นวันนี้


เราจะไม่ค่อยหนักมื้อกลางวันนะ ส่วนตอนเช้าเรากินไม่เยอะจะจัดใหญ่มื้อเย็นมากกว่า ตอนเช้าก็จะเข้า Family Mart ชอบกิน Onigiri แล้วก็กินขนมตลอดวัน เจออะไรแปลกๆ ไม่เคยกิน ก็กิน

วันนี้เราจะเดินทางไปโตเกียวด้วยรถบัสกัน รถบัสญี่ปุ่นที่เราได้นั่งเดินทางตอนกลางคืนเขาจะมีหมวกของเก้าอี้ครอบที่นั่งเรากันแสงอ่ะ คิดสภาพรถเข็นเด็กแล้วดึงหมวกมาคลุมเด็กได้อ่ะ เหมือนเปี๊ยบ แล้วเขาจะไม่ให้ผู้หญิงกับผู้ชายนั่งด้วยกันนะ จะต้องนั่งแยกฝั่ง หญิงก็หญิง ชายก็ชาย แต่ถ้ามาด้วยกันไม่เป็นไรเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดได้

คืนนี้ไม่ได้อาบน้ำจ๊า ไม่เป็นไร เมืองเขาไม่มีแดด ทั้งวันไม่มีเหงื่อ รับได้ ล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำสาธารณะพอ

รถรอบดึก ระหว่างรอเราก็เดินห้างฯ วนไปซื้อของฝากกันซะตั้งแต่ตอนนี้เลย 55+

วันต่อมา

เราหลับและตื่นขึ้นมาที่โตเกียว สถานที่ดูแปลกตา (แปลกทุกที่) บรรยากาศเกือบจะดูวุ่นวายเลยละ ตอนนั้นเวลาประมาณ 7 โมงเช้า เราตกลงกันว่าจะเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยเข้าที่พักทีเดียวตอนเย็น น้ำไม่อาบตั้งแต่เมื่อวานทำใจ~~

เราฝากกระเป๋าที่ตู้ฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่งแล้วก็ล้างหน้าแปรงฟันกัน ก่อนที่จะเดินทางไปสถานที่ต่างๆ

รูปนี้เทียบให้เห็น รถไฟความเร็วสูง หัวกระสุน กับ รถไฟฟ้าธรรมดา เราไม่ได้มีโอกาสนั่งรถไฟหัวกระสุนนะ ราคาแพงเกิ๊น เสียดายเงิน ถึงแม้ใครๆ จะบอกว่า ลองสักครั้งก็เถอะ

อาหารเช้าค่ะ


สถานที่แรกที่ไปคือ ถ่ายรูปคู่กับ ตึกอาซาฮี ตึกที่เหมือนไฟลุกแต่เขาว่าเป็นฟองเบียร์ เอ๊ะ หรอ




เสร็จแล้วก็เดินไปต่อที่วัด Sensoji วัดที่มีคนเยอะมาก ขนาดนี้ 9-10 โมงเอง คนไทยเยอะมากเหมือนกัน ทางเข้าวัดจะมีร้านขายของที่ระลึกเยอะแยะมากมายให้เราเดินเลือก










มีโอกาสได้เซียมซีอีกครั้ง แต่โชคร้ายยังไม่หายเลยเลยต้องไปทำการสวดมนต์สักหน่อย


ตามรูปหลังจากจุดธูป อธิษฐาน เสร็จแล้วให้กวักควันธูปเข้าหาตัวนะเหมือนแบบนำความโชคดีมาให้ตัวเรา ประมาณนี้

จากวัดนี้เราไปสวนสัตว์กันต่อ สวนสัตว์ Ueno 



ไปชมแพนด้ากัน


ช้างนี้ช้างไทยนะ ดูแล้วอยากให้กลับบ้านจัง


หมีฮอกไกโด ตัวใหญ่มาก ครั้งแรกที่เห็น แล้วก็หลงรักจริงๆตัวใหญ่แต่น่ารัก แล้วก็ขนจะนุ่มไหมนะ?


นกฮูกกำลังตั้งครรภ์ เขาบอกห้ามแฟลต ห้ามเคาะกระจก


หมีขาว แมวน้ำ ยิ้มๆ กอริลล่า เสือและสิงโต






นกน้อย กระจิ๊ด แพนกวิน จิงโจ้ ม้าลาย ฯลฯ










จากนั้นเราก็ไปตลาด Ameyoko กัน คนเยอะมากจริงๆ เดินๆ แบบเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตนักร้องดังเลย




เย็นๆ เราก็ไปศาลเจ้า Meiji Jingu กัน เป็นศาลเจ้าที่เดินลึกกว่าที่เดินมาเลย


แล้วพวกถังสาเกนี้ เป็นกำแพงแล้วดูสวยเนอะ



กว่าจะเดินเข้ามาถึงศาลเจ้า




เสร็จจากศาลเจ้าเราเดินออกมาทางเดิน โฮย เหนื่อย

อันนี้เครปค่ะ ขึ้นชื่อว่าต้องลอง แต่เราว่ามันไม่ได้อร่อยมากนะ


กินเครปไปสักพัก ก็มาหาข้าวเย็นทานกัน 



รอเวลาเย็นๆ หน่อยเพื่อจะชมบรรยากาศย่านดัง 



มีไม่รู้กี่แยก แต่พอเป็นไฟแดงแล้วให้คนข้ามพร้อมๆ กันเหมือนอยู่ในหนังเลย ผีชีวะจะออกมาเปล่าเนี่ย




รูปปั้นสุนัขตัวนี้ เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์มาก ใครอยากรู้ไปหาอ่านดูนะเขาชื่อว่า ฮาชิตะ


หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่สถานีที่เราฝากกระเป๋าไว้ แล้วเดินทางไปโรงแรมค่ะทุ่มกว่าๆ แล้ว เช็คอินก็ 2 ทุ่มแล้ว ยังไม่จบ ต้องมีมื้อดึก


เช้าวันต่อมา

ดีสนีย์แลนด์++++++





วันนี้เราอยู่ดีสนีย์แลนด์ตั้งแต่เปิดยันปิดเลย เล่นกันวนไป สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบรรยายเป็นภาพไปเลย








พักกลางวันด้วยเกี๋ยวซ่าและอาหารนิดหน่อย



ต่อๆ หลังจากอิ่มแล้ว ก็มีแสดงพาเรดดีสนีย์พอดี



เสร็จแล้วเราก็เข้าออกเครื่องเล่นกันวนไปอีก












รอจนค่ำ เพื่อดูการแสดงพลุและพาเรดตอนกลางคืน โรแมนติกสุดๆ






เสร็จจากนี้ 2-3 ทุ่ม เราก็กลับที่พักค่ะ โดยแวะทานข้าวกันก่อน 

อันนี้เป็นมื้อสุดท้ายที่ญี่ปุ่น ซูชิห้ามลอกหน้ากินเนื้ออย่างเดียวนะ มันไม่สุภาพ แต่เรากินเนื้อให้แฟนกินข้าวค่ะ 5555


แล้วก็ลองเบียร์รสผลไม้ อร่อยไปคนละแบบ


เช้าวันต่อมา วันสุดท้ายที่ญี่ปุ่นแล้ว TT TT TT TT

วันนี้เป็นวันช็อปปิ้ง ซื้อของฝาก

แต่เราก็ไปชมเมืองกันก่อน มุมสูง โดยไปที่ตึกอะไรสักอย่างจำไม่ได้ 555




หลังจากนั้นก็ช็อปปิ้งวนไป หิวๆ ตอนบ่ายๆ ก็แวะกินข้าว


อร่อยเว่อร์ขอบอก

จากนั้นเราก็ช็อปวนไปจนเย็น ซื้อของกลับมาเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นขนมกับของกิน แล้วก็พวกแป้งทำขนมต่างๆ เราไม่ค่อยได้เครื่องสำอางค์หรอก แค่ขนมก็ต้องใส่กล่องลังใหญ่ๆ กลับมาอีกกล่อง 1 แล้วกระเป่านี้แทบปิดไม่ได้

หมดนวันแล้ว รู้สึกเร็วมากเลย พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว อยากอยู่ต่ออีกปีได้ไหม


วันถัดไปเราก็เดินทางกลับค่ะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเศร้าแค่ไหนการเดินทางกลับคนเดียว แล้วเป็นการต่อเครื่องครั้งแรกที่วิ่งสุดชีวิต ที่มาเลเซียกลัวตกเครื่องไง


ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ

เป็นเรื่องราวที่ลืมบ้างไม่ลืมบ้างแต่ถ้ามีอะไรที่อยากจะถามเราหาคำตอบให้ได้นะค่ะ

ขอบคุณที่อ่านมาจนสุดท้ายค่ะ




Create Date : 17 สิงหาคม 2560
Last Update : 6 กันยายน 2560 12:41:23 น.
Counter : 878 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

CutieFree
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Junket-Globe เป็นบล็อคที่เราสร้างขึ้น เพื่อเขียนเรื่องราวการเดินทางของเรา เพื่อนเป็นแนวทงให้เพื่อนๆ ที่อยากจะไปในสถานที่เดียวกัน
การเริ่มต้นเดินทางของเราเริ่มขึ้นแล้ว แล้วเพื่อนๆ จะรออะไรล่ะ ไปกัน Go Go
New Comments