~*~ ฉันชื่อ จุงหลิง ~*~ ~*~ This's Me " Junghling " ~*~
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
14 เมษายน 2552
 
 
ประชาธิปไตย และที่มาของเหลืองและแดงตามความคิดเห็นของเรา

ประชาธิปไตย และที่มาของเหลืองและแดงตามความคิดเห็นของเรา


เราไปตอบกระทู้นี้ไว้ที่พันทิปค่ะ ในห้องสมุด รู้สึกดีมากมายที่ได้ไปแสดงความคิดเห็นที่นั่น เพราะถ้าเอาข้อความเหล่านี้ไปลงที่ราชดำเนินคงกลายเป็นกระทุ้ทะเลาะเบาะแว้งอีก


ใครอยากตามไปอ่านความคิดเห็นคนอื่นเชิญได้นะคะ //www.pantip.com/cafe/library/topic/K7735173/K7735173.html


ส่วนเราขอรวบรวมทุกความเห็นของเรามาเรียบเรียงไว้ที่นี่ค่ะ


____________________________


ในความคิดเห็นจองคนที่ศึกษาระบบระบอบมาไม่ได้มากมายนัก อาศัยอ่านหนังสือบ้าง ตามข่าวสารบ้าง อาจไม่ครบถ้วยทุกมุม แต่ก็พยายามจะหาข้อมูลในระดับหนึ่งเพื่อทำความเข้าใจกับคนทุกๆฝ่าย

แล้วเราก็ได้ประมวณผลออกมาเป็นความคิดเฉพาะตัวของเราดังนี้ค่ะ

ประชาธิปไตย  คืออะไร ???

ตามความเห็นประชาชนธรรมดาๆ ที่ได้รับการศึกษาระดับหนึ่ง ( ที่หลายๆคนบอกว่าเป็นการศึกษาที่ไม่ได้ให้ความรู้ด้านนี้ได้ดีนัก )  เราถือว่าคือหนึ่งในชนชั้นกลางค่ะ มีหน้าที่ทำมาหากิน เลี้ยงครอบครัวเสียภาษี ดูแลคนในปกครอง และใช้จ่ายเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เฉกเช่นเดียวกับคนทุกชนชั้นในประเทศไทย

เราติดตามข่าวสารบ้านเมืองตามสมควร ไม่ได้มาก แต่ก็ไม่ถือว่าน้อย ตามความสามารถในการเช้าถึงสื่อได้มากกว่ากลุ่มรากหญ้า  "บางคน"  ขอย้ำช้ดๆตรงคำว่าบางคน นะคะ

ในความเห็นของเรา เรามองว่า ประชาธิปไตยคือ การที่คนเราทุกคนในสังคมที่ปกครองโดยระบบนี้มีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียม  มีสิทธิในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น และมีสิทธิในการเรียกร้องและปกป้องสวัสดิภาพและสิทธิของตัวเองตามความเหมาะสม และแน่นอนว่าในสังคมที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก การที่ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นก็ย่อมต้องเกิดการขัดแย้งเพราะเราเชื่อว่าเมื่อใดที่มีคนได้ประโยชน์ย่อมต้องมีคนเสียผลประโยชน์เสมอ

เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยจึงต้องมีกลไกในการตัดสินความขัดแย้งในเรื่องของการแสดงออกและความคิดเห็นที่แตกต่างโดยการยึดหลักเสียงข้างมากหรือเสียงส่วนใหญ่

และการปกครองระบอบนี้จะสำเร็จและไม่ก่อให้เกิดปัญหาก็ต่อเมือเสียงส่วนน้อยให้การยอมรับในการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่หลังจากที่ตนเองได้แสดงความคิดเห็นของตนไปแล้ว


แต่ประชาชนในสังคมไทยมีหลายล้านคนจะมาให้ยกมือโหวตเสียงกันทุกครั้งเวลาจะทำอะไรก็คงไม่สะดวกนัก นั่นจึงนำมาซึ่งการเลือกผู้แทน

และการเมืองแบบไทยๆ ผู้แทนหรือท่าน ส.ส. ทั้งหลายก็ดันไม่ใช่ผู้แทนที่แท้จริง เพราะเวลาตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างก็มิได้คำนึงถึงคนที่เลือกท่านเท่าไหร่นักแต่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นใหญ่โดยเพื่อไม่ให้น่าเกลียดมากนักก็จะพยายามหาเหตุสนับสนุนความชอบธรรมให้กับตนเองหรือไม่ก็สร้างนโยบายเชิงทุนนิยมเพื่อให้ผลประโยชน์แก่ผู้ที่เลือกท่านเหล่านั้นมาบ้าง เพื่อมิให้เจ้าของผู้แทนเหล่านั้นเกิดการต่อต้าน อีกทั้งยังเป็นการซื้อใจประชาชนสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป

ที่นี้ทำไมถึงมีเหลืองหรือแดง

มันเกิดจากคนที่เสียผลประโยชน์กลุ่มหนึ่ง คือ เสื้อเหลือง

แกนนำของเสื้อเหลือเมื่อย้อนกลับไปดูก็จะพบว่ามีความสัมพันธ์มากมายกับอดีตนายก แต่เมื่อวันนึงที่ความสัมพันธ์นั้นสะบั้นลง ผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็เกิดเหตุ  "ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่"  ปรากฏการณ์แฉระดับชาติก็เกิดขึ้น

แล้วประชาชน เจ้าของเสียง บางคนก็ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยได้รู้  ประชาชนที่เคยศรัทธาบางส่วนก็เริ่มเสื่อมศรัทธา และประชาชนบางส่วนที่ได้รับข้อมูลเหล่านั้นก็เริ่มเกิดการรวมตัวขึ้น เพราะรู้สึกถึงความไม่ชอบธรรมของท่านอดีตนายก

อีกทั้งกรณีขายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วพยายามที่จะทำก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนบางกลุ่มเป็นวงกว้าง  และเมื่อประชาชนที่มีความไม่พอใจในตัวท่านอดีตนายก หลายๆกลุ่มมารวมกัน การป้อนข้อมูลให้ประชาชนที่มีอคติอยู่แล้วให้เพิ่มความรุนแรงและเกลียดชังมากขึ้นก็เป็นเรื่องง่าย

เหมือนเช่น เราเห็นคนคนนึงกำลังขโมยของ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นการขโมยครั้งแรกของเค้า แต่เมื่อมีใครสักคนมาบอกว่า เฮ้ย ฉันก็เคยโดนมันขโมยนะ อีกคนก็บอกว่าคราวก่อนมันทุบรถฉัน  จากการที่เราเห็นแค่แง่เดียวว่าเค้าไม่ดี เมื่อมีคนป้อนข้อมูลว่าเค้าไม่ดีในแง่อื่นๆอีกมันก็สามารถเชื่อได้โดยง่าย โดยที่บางทีข้อมูลที่ได้รับจริงบ้างเท็จบ้างก็ไม่รู้ แต่จากประสบการณ์ร่วมที่มีมันก็เพิ่มน้ำหนักให้ข้อมูลเหล่านั้นน่าเชื่อถือ

เมื่อคนเลื้อเหลืองรวมพลกันได้มากเข้า การปลุกเร้าจากแกนนำอันเข้มข้น สถานการณ์สภาพแวดล้อมก็ก่อให้เกิดความฮึกเหิม และเริ่มรู้สึกว่าประชาธิปไตยมันไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง เพราะคนที่เราเลือกเข้าไปมันไม่ได้ทำหน้าที่ตามอย่างที่เราอยากจะให้ทำ  มันไม่ได้เป็นตัวแทนของเราอย่างแท้จริงจึงเกิดการเมืองภาคประชาชนขึ้น  และเริ่มขับไล่นักการเมืองที่พวกเขาเชื่อว่า " โกง " ออกไป

หลังจากการชุมนุมอดีตท่านนายกก็ยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่  ซึ่งนั่นก็ถือเป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่เหล่าประชาชนเสื้อเหลืองก็ยังคิดว่า มันไม่ถูกเพราะยังมีประชาชนอีกมากที่ไม่ได้รับข้อมูลการทุจริตของทักษิณ  และด้วยอำนาจเงินที่ทักษิณมี อีกทั้งนโยบายต่างๆที่ทักษิณทำ มันได้ซื้อเสียงชาวบ้านระดับรากหญ้าไว้แล้ว  อีกทั้งการกำหนดวันเลือกตั้งที่กระชั้นชิด จนทำให้พรรคการเมืองอื่นๆตั้งตัวไม่ติด  จึงทำให้หลายๆพรรคการเมืองพากันบอยคอตไม่เข้าร่วมการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็เป็นที่มาของการเลือกตั้งระหว่างพรรคการเมืองกับช่องไม่ลงคะแนน ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทยที่ ปรากฏว่าหลายจังหวัดประชาชนที่ออกไปเลือกตั้งแต่กาไม่ลงคะแนนสูงกว่าผู้แทนที่ได้รับเลือก

ดังนั้นประชาชนจึงรู้สึกว่าคุณ สส ที่ได้รับการเลือกตั้งในคราวนั้นไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนอย่างแท้จริง

เหตุการณ์ก็ชุลมุนจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย. เมื่อทหารออกมาปฏิวัติที่หน่อมแน้มที่สุด และประเทศก็อยู่ใต้การปกครองของคณะปฏิวัติและรัฐบาลที่มากทหารแต่งตั้ง เพื่อร่างรัฐธรรมมูญปี 50  

ซึ่งรัฐธรรมมูญปี 50 นี้ถูกร่างขึ้นมาจากความกลัว  ความกลัวการคอรัปชั่น จึงมีกฏหมายหลายๆข้อเพื่อป้องกันการทุจริตต่างๆ แต่ด้วยความกลัวที่มากเกินไปจึงทำให้มีกฏหมายบางข้อที่ลงโทษคนผิดชนิดเอามันทั้งยวง อย่างเช่นกฏหมายยุบพรรค ซึ่งได้สร้างปัญหามากมายในภายหลัง

จากนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งอีกครั้ง พรรคเดิมภายใต้ชื่อใหม่ ก็ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนอีกเช่นเดิม และเหตุการณ์มันก็คงจะจบลงโดยง่ายถ้ารัฐบาลที่ควรได้รับคัดเลือกเข้ามาเพื่อขับเคลื่อนบ้านเมืองแก้ปัญหาประเทศชาติกลับมุ่งมั่นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เป็นภารกิจแรก ๆ จึงปลุกเสื้อเหลืองให้ตื่นตระหนกอีกครั้ง ( ก็อย่างที่บอกว่ามันเป็นรัฐธรรมนูญที่เกิดจากความกลัว )

จึงนำมาซึ่งการชุมนุมอีกครั้ง แนวทางการเรียกร้องก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนมาถึงกรณีของจุดมุ่งหมายสูงสุดคือ การโค่นล้มอำนาจของทักษิณ  

ทีนี้ก็เกิดเรื่องสิค่ะ  เหล่าประชาชนบางกลุ่มที่เริ่มรำคาญกับพฤติกรรมของเสื้อเหลือง รวมถึงกลุ่มคนที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบของเสื้อเหลืองมารวมกับประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชน ทั้งที่เลือกเพราะยังมีความศรัทธาในทักษิณ และเลือกเพราะชอบในการบริหารงาน คนกลุ่มนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมเสื้อเหลืองไม่จบ ทำไมเสื้อเหลืองไม่หยุดในเมื่อพวกเค้าเลือกตั้งแล้ว และเค้าก็เลือกแล้วที่จะเอาพรรคพลังประชาชน ทำไมเสื้อเหลืองไม่ยอมรับความคิดเห็นของพวกเค้า


เสื้อเหลืองก็รุนแรงขึ้นในการเรียกร้องมากขึ้นจนนำไปสู่การปิดสนามบินซึ่งยิ่งเพิ่มจำนวนคนต่อต้านเสื้อเหลืองให้มากขึ้น

รวมถึงเมื่อมีการปลุกระดมจากคนใกล้ชิดทักษิณเป็รแกนนำให้หมุ่เสื้อแดงเพื่อผลประโยชน์ของทักษิณและพวกพ้องของตนด้วยส่วนนึง

และทุกอย่างก็วนเข้าสู่พฤติกรรมเดียวกับเสื้อเหลือง คือเสื้อแดงที่เบื่อหน่ายเสื้อเหลือง เสื้อแดงที่มองว่าการเลือกตั้งคือประชาธิปไตยและมองว่าการที่เสื้อเหลืองไม่ยอมรับการเลือกตั้งคือการต่อต้านประชาธิปไตย ประกอบกับการให้ข้อมูลที่บิดเบือนบ้าง ข้อมูลด้านเดียวบ้าง กับกลุ่มชนเสื้อแดง ก็ทำให้ประชาชนคนเสื้อแดงมีความฮึกเหิมมากขึ้น ทุกอย่างก็เกิดขึ้นคล้ายๆกับตอนเสื้อเหลืองนั่นแหละ อาศัยอารมณ์ร่วมของผู้ชุมนุม โดยอาศัยหลักการว่า

" ศัตรู ของศัตรู คือมิตร " เหมือนๆกันทั้งแดงและเหลือง

จนเมื่อพรรคการเมืองถูกยุบและ ปชป. ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ทำให้เกิดข้อครหาว่าที่ผ่านมาการชุมนุมของเสื้อเหลืองนี่เพื่อ ปชป. หรือไม่

จึงเกิดการต่อต้านการขึ้นเป็นรัฐบาลของ ปชป. อย่างรุนแรง รวมถึงการฉวยโอกาสของทักษิณด้วยที่ต้องการกลุ่มประชาชนเพื่อปกป้องความผิดของตน และทำให้ตนสามารถกลับประเทศได้โดยไม่มีความผิดและได้รับเงินที่ถูกอายัดคืน

จึงนำมาสู่การโฟนอินครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเลียนแบบพฤติกรรมทุกอย่างของเส้อเหลือง เพราะมีบรรทัดฐานจากการดำเนินคดีกับคราวเสื้อเหลืองว่าช้าเหลือเกินจนดูเหมือนไม่ได้โดนลงโทษใดๆ  

แต่เสื้อแดงจะรุนแรงกว่าเสื้อเหลืองก็ตรงที่คนที่เข้ามาชุมนุมส่วนหนึ่งคือประชาชนชาวรากหญ้า ที่รู้สึกว่าเมื่อทักษิณอยู่ตัวเองอยู่ดีกินดีกว่านี้ ชาวบ้านที่ยึดมั่นในความกตัญญู ว่าในเมื่อเค้าดีกับเราเราก็ต้องปกป้องเค้า อีกทั้งเราเชื่อเหลือเกินว่าการที่สามารถดึงคนกลุ่มนี้มาร่วมได้นอกจากจะมาด้วยศรัทธาแล้วกำลังเงินของแกนนำหรือที่เรียกว่าท่อน้ำเลี้ยงนั้นต้องถึงพอสมควร เพราะเค้าคงไม่ได้มีเงินถุงเงินทั้งจะมานั่งชุมนุมโดยไม่ทำมาหากินได้

และกลุ่มประชาชนกลุ่มนี้แหละที่ควบคุมยากนัก เพราะเค้ามาด้วยศรัทธา และอารมณ์โกรธแค้นในความรู้สึกที่คนที่เค้ารักถูกทำร้าย

ที่นี้เมื่อความรุนแรงและความแตกแยกเกิดเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ คำว่าจุดยืนเพื่อประชาธิปไตยก็เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นความแค้น ความอยากเอาชยะ จนบางคนลืมถึงจุดมุ่งหมายที่ตัวเองมาชุมนุมตอนแรกไปหมดสิ้น

ที่นี้ปัญหาที่หนักที่สุดก็ตกอยู่กลับประชาชนธรรมดาๆ อย่างเราๆนี่แหละ คนทำมาหากิน ที่จะต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็ดดนจับเป็นตัวประกันอย่างช่วยไม่ได้  


เพราะฉะนั้นในมุมมองของเราตอนนี้ การชุมนุมทั้งหลายตอนนี้มันไม่ใช่เพื่อประชาธิปไตยแล้วค่ะ

จริงอยู่จุดเริ่มของมันอาจใช่ แต่ตอนหลังมันกลายหมดแล้ว  ประชาชนถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยเหล่าแกนนำ



ที่นี้มาเรื่อง ท่อน้ำเลี้ยง และระบบอำมาตย์ในความคิดน้อยๆ ของเรา

เรามองอย่างนี้นะคะ ( ผิดถูกก็ชี้แนะได้ค่ะ )

เรามองว่า จุดเริ่มของเสื้อเหลืองที่เราบอกคือเริ่มจากสนธิโดนปลดจากรายการเมืองไทยรายวัน ( หรือเปล่าจำชื่อได้ไม่แม่นนะคะ ) และความขัดแย้งกันเองกับทักษิณ จึงเกิดการจัดรายการนอกสถานที่ขึ้น

ที่นี้ก็มีแฟนรายการตามไปดูไปฟัง ซึ่งแน่นอนว่าสนธิก็มีจิตวิทยาในการพูดที่ดี รวมถึงการพูดในเชิงข้อมูลที่ดูน่าเชื่อถือ จึงก่อให้การความเชื่อถือในตัวสนธิมากขึ้น และขยายวงออกไป

หลังจากนั้นก็มีการพยายามจัดรายการผ่านเคเบิ้ล คือ ASTV ซึ่งเคเบิ้ลนี้เรามองว่าคนที่จะสามารถรับชมได้ต้องมีฐานะระดับนึงคือเป็นคนในระดับชนชั้นกลางเป็นส่วนมาก ( ต่างจากเสื้อแดงที่เริ่มต้นสื่อสารกับประชาชนด้วยรายการความจริงวันนี้ ที่สามารถรับชมได้ทางทีวีทั่วประเทศ ) ทีนี้ชนชั้นกลางซึ่งรายได้บางคนถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ซึ่งหลายๆคนโดนภาษีต่อปีไม่ใช่น้อย  พอได้รับข้อมูลที่มีการอ้างอิงข้อมูลที่ดูน่าเชื่อถือ ( ไม่ฟันธงนะคะว่าจริงไม่จริง ) ว่าทักษิณโกงภาษี ก็เกิดความอ่อนไหวและตื่นตัว

ทีนี้กลุ่มเสื้อเหลืองจากคนที่สนธิปลุกระดมและป้อนข้อมูล ก็ถูกร่วมกลุ่มด้วยกับกลุ่มของรัฐวิสาหกิจ จำนวนจึงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทีนี้เรามองอย่างนี้นะคะ เราเห็นความต่างของเสื้อเหลืองและแดงอย่างนี้คือ

อย่างที่ใครๆชอบพูดว่า เสื้อเหลืองส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนชั้นกลาง ในขณะที่เสื้อแดงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของคนรากหญ้า

ถ้าจากภาพข่าวเราก็จะพบว่า ในเบื้องต้นกลุ่มคนเสื้อเหลืองโดยมากจะเป็นผู้หญิง ประมาณอาซิ้ม และพวกคนแก่ ประเภทอาแป๊ะ และกลุ่มวัยทำงาน

ที่นี้พอการชุมนุมเข้มข้นขึ้นและทางแกนนำต้องการเผด็จศึก ก็เกิดนักรบศรีวิชัย ขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มนี้เราเชื่อว่า " จ้าง "ค่ะ

แต่เมื่อเรามองอย่างนี้ เราจึงคิดว่าการชุมนุมของเสื้อเหลืองจึงอาจจะใช้เงินสนับสนุนไม่มากเท่าเสื้อแดง เพราะเรามองว่าผู้ชุมนุมค่อนข้างมีฐานะพอสมควร  ฉะนั้นถ้ามีท่อน้ำเลี้ยงก็อาจไม่มากนัก ซึ่งก็อย่างที่หลายๆคนรู้ว่าหลังเกิดเสื้อเหลือง คนใกล้ล้มละลายอย่างสนธิก็สามารถผงาดสื่อได้อีกครั้ง  สือผู้จัดการ สามารถอยู่รอดได้ เพราะฉะนั้นถ้าสนธิจะเป็นคนจัดจ้างผู้ชุมนุมในบางส่วนก็เหมือนเป็นการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจตัวเองก็ไม่น่าจะแปลก  อีกทั้งทาง ปชป เองก็เห็นประโยชน์จากกลุ่มเสื้อเหลืองชัดเจนก็อาจเป็น ปชป ก็เป็นได้ อันนี้เรามองในแง่ว่าผลประโยชน์ที่จะได้ถ้าเสื้อเหลืองชนะการชุมนุมนะ

เห็นได้จากว่าหลังอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกเสื้อเหลืองก็สลายไปเลย และไม่มีการชุมนุมเรียกร้องอะไรอีก

ซึ่งต่างกับเสื้อแดง ที่แม้จะมาด้วยศรัทธาแต่ก็ต้องการายได้เลี้ยงปากท้อง จึงต้องมีการอัดฉีดเงินพอสมควรกับการดำรงชีพได้

ทีนี้เรื่องของอำมาตย์ เป็นผู้สนับสนุน หรือไม่นั้น  เรียนตามตรงว่าเราไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง แต่เราพิจารณาจากการติดตามสื่อหลายๆ สื่อ ทั้งหนังสือพิมพ์ อินเตอร์เนต เราจึง "คิดว่า"  มันเป็นแค่ข้ออ้าง

ทำไมเราถึงคิดอย่างนั้นหรือค่ะ เพราะเราอาจได้ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะปักใจเชื่อได้ว่าระบบประชาธิปไตยล้มเหลวเพราะอำมาตย์  เพราะเรายังไม่เคยเห็นการเคลื่อนไหวจากอำมาตย์อย่างชัดเจนโดยเฉพาะการสนับสนุนเสื้อเหลือง นอกจากข้ออ้างจากเสื้อเหลืองที่พยายามทำให้คนเข้าใจว่าตนเองได้รับการสนับสนุนจากคนในวังหรือคนข้างวัง ซึ่งเรามองว่าอาจเป็นไปได้ที่เสื้อเหลืองเองก็ต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้เข้าร่วมชุมนุนว่าตนเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง

เราจึงขอมองว่าอำมาตย์เป็นข้ออ้างไว้ก่อน โดยเฉพาะการล้มล้างระบบอำมาตย์โดยการนำเรื่องของชนชั้นมากล่าวอ้าง เพื่อให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่โดยมากเป็นชาวรากหญ้าที่อาจมีความคับแค้นใจถึงความไม่เท่าเทียมในชนชั้นอยู่แล้วส่วนหนึ่งเกิดความคล้อยตามได้โดยง่าย

เพราะเรามองไม่เห็นว่าการมีหรือไม่มีองคมนตรี ( ไม่พูดถึงรายบุคคลนะคะ ) จะเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องประชาธิปไตยตรงไหน  ( เรามองไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่เรายังไม่เห็น )  เพราะอย่างที่ทราบว่าหน้าที่หลักขององคมนตรีคือการเป็นที่ปรึกษาในหลวง และที่มาขององคมนตรีก็คือการแต่งตั้งโดยในหลวง  เพราะฉะนั้นเราจึงมองว่าคนที่มีสิทธิจะไล่องคมนตรีออกก็คือในหลวง

ซึ่งการที่เสื้อแดงไปขับไล่องคมนตรีจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกกล่าวหาว่า พาดพิงในหลวง

ทีนี้ถ้าเสื้อแดงต้องการให้มันชัดเจนว่าองคมนตรีคนไหนไม่ควรอยู่ในตำแหน่ง ก็ควรเอาความผิดขององคมนตรีท่านนั้นออกมาให้ชัดแจ้ง ไม่ใช่เพียงการกล่าวอ้างจากแกนนำ  และถ้าความผิดขององคมนตรีชัดแจ้งจริงเราเชื่อว่าในหลวงที่ทำทุกอย่างเพื่อคนไทยมาตลอดก็ย่อมมี พระวินิจฉัย เองว่าควรให้องคมนตรีแบบนี้อยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่
(ใช้ศัพท์ถูกไหมไม่แน่ใจนะคะ )

ดังนั้นในความคิดเห็นของเรา อำมาตย์ เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพราะมันยังไม่ชัดเจนพอในความรู้สึกของเรา เป็นเพียงข้ออ้างให้สถานการณ์ครุกรุ่นสูงสุด และบีบให้ประชาชนที่มีความคับแค้นใจในเรื่องชนชั้นและห่วงประชาธิปไตยต้องเลือกว่าจะเอาระบบอำมาตย์หรือประชาธิปไตย


และในที่สุดการกระทำครั้งนี้เรามองไม่เห็นใครได้ประโยชน์นอกจากท่านทักษิณ ( ขอโทษคนที่สนับสนุนด้วยที่เราคิดแบบนี้จริง )

เพราะเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายลงก็ยิ่งเป็นเหตุให้ทักษิณมีข้ออ้างในการขอลี้ภัยได้ง่ายขึ้น

กล่าวคือ ไม่ว่าเสื้อแดงจะชนะ หรือ แพ้  คนที่มีแต่ win-win ก็คือทักษิณ

ถ้าเสื้อแดงชนะ ทักษิณก็สามารถกลับประเทศไทยได้ โดยอาจจะล้างมลทินและรื้อคดีมาพิจารณาใหม่จนอาจจะหลุดทุกคดีได้

ถ้าเสื้อแดงแพ้ ทักษิณก็จะสามารถขอลี้ภัยทางการเมืองอยู่ที่ประเทศที่ 3 ได้

เราไม่ได้หมายความว่าเสื้อแดงคือคนที่มาเพื่อทักษิณ  แต่ผลประโยชน์ทั้งหลายมันไปตกที่ทักษิณอย่างช่วยไม่ได้

ตอนนี้เราอยากให้ทุกๆสีกลับมาหยุดแล้วคิดใหม่อีกที ว่าที่เรียกร้องกันอยู่ตอนนี้ เรียกร้องอะไรและเพื่ออะไรที่แท้จริง จุดยืนจริงๆว่าประชาธิปไตยตรงไหนที่เรารู้สึกว่ามันผิด มันไม่ใช่จากที่ควรจะเป็น

ทำไมเราถึงไม่พยายามที่จะทำความเข้าใจและเสนอแนะแนวทางอย่างถูกต้องเหมาะสม และให้การศึกษาในเรื่องประชาธิปไตยอย่างจริงๆจังๆ  

การที่อภิสิทธิ์ลาออกวันนี้ แล้วคนอื่นขึ้นแทน เรื่องจะจบไหม มันจะกลายเป็นประชาธิปไตยหรือในเมื่อระบบมันยังเป็นแบบเดิม

ถ้าอภิสิทธิ์ยุบสภา การเลือกตั้งก็ยังคงเป็นระบบเดิมแบบเดิม คนที่เข้ามาก็หน้าเดิมๆ แล้วก็วนสู่วัฏจักรเดิมๆ มันก็ไม่จบอยู่ดี

เรามองว่าทำไมผู้ชุมนุมถึงไม่ยื่นข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาที่มากกว่าแค่การลาออกหรือยุบสภาละ ทำไมไม่ขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขการศึกษา หรือถ้าอยากเผยแพร่ประชาธิปไตยในแบบที่ตนเชื่อ ทำไมไม่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน อย่างสันติ ค่อยๆเผยแพร่ไปเรื่อยๆ มันอาจไม่ได้ผลใน 24 ชั่วโมง หรือ 7 วัน  มันอาจต้องใช้เวลาเป็นปี  แต่เราเชื่อว่าผลลัพท์ที่ได้มันจะยั่งยืนกว่าเยอะ

การ ดีเบท กันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสม เสื้อเหลือง เสื้อแดง มาดีเบทกันเลยในเรื่องอุดมการณ์และแนวทางประชาธิปไตยล้วนๆ ว่าประชาธิปไตยเสื้อเหลืองเป็นอย่างไร  เสื้อแดงเป็นอย่างไร จุดไหนเหมือน จุดไหนต่าง ให้ประชาชนตัดสิน อาจจะลงคะแนนเสียงหรืออะไรก็ตามแต่

ถ้าจุดไหนเหมือนกันก็ร่วมมือกันซะ ถ้าจุดไหนแตกต่างก็หาทางแก้และปรับให้เหมาะสมและอยู่ในจุดกึ่งกลางให้ได้ โดยรัฐบาลอาจทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน ในเรื่องสถานที่ การแก้ไขข้อกฏหมาย หรือ ในเรื่องนโยบาย

ทั้งแดง ทั้งเหลืองค่อยๆ ให้ความรู้กันไปเรื่อยๆ ให้ประชาชนตัดสินบนพื้นฐานของการได้รับข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ส่วนรัฐบาลตอนนี้หน้าที่หลักคือหันไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องก่อนดีไหม

ส่วนคดีความต่างๆก็จัดการให้ถูกต้อง โปร่งใส และประชาชนก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่จับใครทีก็ไปกดดันให้ปล่อยแล้ว นิติรัฐ จะทำงานได้อย่างไร

ถ้าประชาธิปไตยของเสื้อแดงไม่ได้หมายถึงทักษิณ และประชาธิปไตยของเสื้อเหลือง ไม่ใช่ ปชป.  มันน่าจะต้องมีทางออกสิ

นี่แหละความเห็นคนวงนอกที่มองประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่างเรา

จบแระ เหนื่อยมากๆกับบ้านเมืองตอนนี้

เราว่าเราเป็นกลางพอนะคะ ใครมาอ่านก็อย่ายัดเยียดสีไหนให้เราเลย เราพูดไปตามข้อมูลที่สมองน้อยๆเรามี  อาจขาดตกบกพร่อง หรือ เข้าใจตรงไหนผิดไปบ้างก็ชี้แจงแนะนำมาค่ะ อย่ามาหยาบคายหรือเสียดสีเรา ถ้ายังมีความเป็นสุภาพชนเหลืออยู่






Create Date : 14 เมษายน 2552
Last Update : 14 เมษายน 2552 2:36:36 น. 8 comments
Counter : 783 Pageviews.

 
I really like this block ka and I really like your opinions.


โดย: Ratt IP: 92.72.169.196 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:3:17:04 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ ดูข่าวแล้ว เห็นคนไทย ฆ่ากันเอง ใจหายเลยค่ะ หยุดเสียที ทั้งเหลือง หรือแดง สามัคคีกันดีกว่า ถ้าพวกท่านรัก นายหลวงของเรา ก็หยุดกันเถอะ สงสารท่าน ไม่ว่าคุณ จะอยู่ สีใด คุณคือคนไทย ประเทศไทยเรายับเยินจนไม่มีดีในสายตาต่างชาติเลย สามัคคีกันดีกว่า


โดย: แมงเม่า IP: 87.164.51.224 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:3:48:22 น.  

 
สวัสดีครับ...โฮ..เล่นออกตัวว่าสมองน้อยๆแบบนี้แล้วใครจะกล้าล่ะครับ อิอิ เอาเป็นว่า ผมว่าเรื่องบางเรื่องการได้เสพแค่สื่อกับอดีตที่ผ่านมา ถ้าไม่ได้ผ่านระบบการกลั่นกรองข้อมูล หรือความรู้จากสิ่งเกิดขึ้นแล้วปล่อยผ่านโดยไม่ได้สังเกต ผมว่าตรงนี้ก็เป็นส่วนที่จะหยิบยกมาอ้างอิงได้มากมาย เพราะภาพหรือการกระทำที่จับต้องมันฟ้องตัวมันเองอยู่ หรืออะไรบางอย่างที่มีได้รับรู้ข้อมูลมาบนความไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง .....โฮ ผมว่ามีอีกมากมาย เพราะผมดูข้อมูลมานานพอดู โดยเฉพาะ คุณ แปะลิ้มที่อาศัยแค่ความเก๋าในชีวิต แล้วก็มีสื่อเป็นตัวช่วยหลัก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นซีดีที่ผมเคยฟัง ผมว่า...ศึกษาง่ายครับ งั้นสิ่งที่ว่าเหลืองกับแดง ความต่างฟ้ากับเหวโดยสิ้นเชิง หรือแม้กระทั่งที่โรงแรมพัทยาที่ไปทำกระจกเขาเสียหาย...ผมว่า เอาแค่ความคิดที่จะบุกเข้าไปในโรงแรม......ไม่มีความคิดนี้แน่นอนนี้ครับ ถามกลับว่า แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ...ลองหาที่มาที่ไปซิครับ คุณก็จะเข้าใจว่าทำไม ทำไมผมถึงบอกว่าเหลืองกับแดงเปรียบเทียบกันไม่ได้โดยสิ้นเชิงครับ แล้วที่สำคัญที่สุด ผมกลับมองว่าท่านนายกทักษิณ ไม่สามารถมีพลังสามารถขับจูงคลื่นคนเสื้อแดงได้มากมายหลอกครับ อิอิ คนอีสาน คนเหนือ ไม่ได้แตกต่างจากคนกรุงน่ะครับ โดยเฉพาะในแง่ของความคิด ผมว่าคนพวกนี้เขาไปไกลแล้วครับ ทั้งๆที่โดนASTV หล่อหลอมมาเป็นปีๆ แต่ก็สามารถกลับลำแยกแยะระหว่างคำว่าถูกผิดได้ไวพอดูครับ งั้นผมไม่ถือว่ามีความต่างเลยครับ ผมไม่คิดว่าคนกรุงจะฉลาดกว่าคนต่างจังหวัดหลอกครับ คนเรียนสูงสมองไม่ได้ถูกใช้ไปในทางที่ถูกต้องก็มีไม่น้อยครับ ส่วนท่านนายก ทักษิณ ถ้าท่านผิดจริงก็ว่าไปตามกฎหมายที่มีมาตราฐานที่คิดว่าสากลยอมรับดีกว่าครับ หรือสังคมส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักวิชาการ(ไม่ใช่จับฉลากมาน่ะครับ)ให้การยอมรับก็จบ ส่วนใครที่บุกยึดสถานที่ราชการหรือทำให้บ้านเมืองเสียหาย หรืออะไรมากมายที่เกิดขึ้น ก็จะต้องถูกดำเนินคดีเหมือนๆกันครับ ไม่มีการเอาแค่ภาษาดอกไม้ที่นิยมในปัจจุบันโดยผ่านหน้าก้องมาใช้ แล้วก็จบ ไม่ใช่ครับ ตรงโดนเหมือนกันครับ ...อิอิ...... บางครั้งอาจจะต้องเสียเวลาค้นหาประวัติในอดีตที่ผ่านมา ถ้าอยากจะรู้ความเป็นมา เพราะผมเชื่อว่าอย่างน้อยก็เป็นส่วนประกอบในการหา คำตอบของพฤติกรรมของคนบางคน คงแค่ฟังสิ่งที่พ่นอยู่หน้าจอหรือดูจากกระดาษสร้างสรรอย่างเดียวคงไม่ได้แน่นอนครับ เพราะภาพที่เห็นกับอดีตที่มีมา มันไม่สามารถเปรียบเทียบกันเลยก็ว่าได้ครับ อิอิ


โดย: 4444 IP: 58.9.29.151 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:3:53:35 น.  

 
Comment นี้ผมเพิ่งเม้นตอนเช้าในบล็อกคนเสื้อแดง

เขาเรียกตัวเองว่าเสื้อแดงเราก็ต้องเรียกแดงนะคับจะไปเรียกดำก็กระไร

OK LAAAAA

-------------------------------------------------------

วิธีนำรัดถะทำมะนูนปี40มาใช้

ต้องใช้สมองนำมันมาใช้

ไม่ใช่ใช้ความป่าเถื่อนที่ทักสินและคนเสื้อแดงทำอยู่คับ

ทั่วโลกเขาหัวเราะการกระทำของทักสินจนฟันจะหลุดแล้วคับ

ผมรู้ว่าคุณก็ทราบแต่ก้ไม่รู้จะดันทุรังเพื่ออะไร

สรุป

ใช้สมองสู้กันจะจบด้วยการตกผลึกทางความคิด

แต่ใช้กำลังสูกันก็จะตกนรกในเร็ววัน

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ประเทศจีนที่ใหญ่กว่าไทย70เท่า

แต่เขายังจำทนเอาความป่าเถื่อนของเสื้อแดงมาลงในทีวีทุกช่องเลย

รายได้การท่องเที่ยวมันหลายเปอร์เซ็นต์จากรายได้ของประเทศ


ความงามความมีคุณค่าของความเป็นไทย

เอาประชาธิปไตยและบวกหัวทักสินมาแลกเป็นร้อยเป็นพันทักสินก็เทียบไม่ได้เลยแม้แต่ปลายเล็บ

เฮียนซุนคับ (ไม่มีสังกัดสี)

ผมกลับไปเจอไอ้นัดถวุติ ไอ้จตุพร และ วีระ จะเดินไปเขกหัวคนละที





โดย: hiansoon วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:6:04:55 น.


โดย: hiansoon วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:6:15:47 น.  

 
อ่านแล้วเห็นด้วยค่ะ ว่าคุณแชมพูมองอย่างเป็นกลางและมีเหตุมีผลอย่างแท้จริง แล้วก็อึ้งด้วยว่ามันจะเป็นเกมวินวินของทักษิณรึนี่
แต่สงสัยอยู่อย่างค่ะ ว่าถ้าเสื้อแดงแพ้ ทำไมทักษิณมีสิทธิ์ขอลี้ภัยทางการเมืองคะ ไม่เข้าใจตรงนี้อ่ะ โปรดให้ความประจ่างแก่คนสมองน้อยกว่าคนนี้ด้วยค่ะ


โดย: anchesa วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:10:51:15 น.  

 
ลองดูclipของทักษิณอันนี้
//video.mthai.com/player.php?id=6M1239639826M0

กับคุณสุทธิชัย หยุ่น นี้
//video.mthai.com/player.php?id=6M1239702124M0

แล้วน่าจะคิดได้บ้าง


โดย: คนไทย IP: 58.8.19.35 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:21:52:24 น.  

 
ขอแสดงความคิดเห็นแบบคนมีสีบ้าง ผมยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนกลาง เป็นคนมีสี แต่ผมก็ยอมรับฟังความเห็น และคิดตามเพื่อการรับรู้ความคิดของคนทั้งสองสี และผมก็ได้เห็นว่า คนทั้งสองสี ไม่ว่าจะถูกจ้างมาหรือไม่ก็ตาม หรือ ทำเพื่อใครคนใดคณะใดหรือไม่ก็ตาม ก็ล้วนต่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อความถูกต้อง (ตามความคิดของแต่ละสี) เหมือนกัน แม้ว่าวิธีการที่จะให้ได้มานั้นไม่ถูกต้องนักก็ตาม

ตามความคิดของผมนะ
1. เรื่องประชาธิปไตย
สิ่งที่ผมจะชี้ให้เห็นก็คือ ต่างฝ่ายก็ต่างมีข้อขัดแย้งในใจ เช่น พี่น้องแดงเห็นว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่ถูกต้อง อยู่ๆ จะมาล้มล้างง่ายๆ กันแบบนี้ไม่ได้แต่พี่น้องเหลืองกลับเห็นว่า เสียงที่ได้มาน่ะ มาจากการซื้อเสียง มาจากความไม่รู้ซะเป็นส่วนใหญ่ บวกกับความไม่โปร่งใสหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ตามที่ จขบ ได้กล่าวเอาไว้แล้ว จึงเป็นที่มาของการทะเลาะเบาะแว้งกัน

2. เรื่องความยุติธรรม
เรื่องของความยุติธรรมนั้น เป็นเรื่องที่คาใจผมมานานแล้ว ตั้งแต่คดียุบพรรค ที่ไม่ทันจะได้สอบปากคำพยานเพิ่ม ก็มีการสรุปให้ยุบพรรคซะแล้ว แหมทำเป็นวัยรุ่นไปได้ อีกทั้งเรื่องของการเลือกปฏิบัติ ทั้งเรื่องการยุบพรรค ที่บางพรรคถูกยุบ บางพรรครอดเฉย หรือเรื่องพี่น้องเหลืองที่การดำเนินคดีไปไม่ถึงไหน แต่คราวพี่น้องแดงกลับโดนคดีไปตามๆ กัน ดังนั้นจุดประสงค์ของผมที่อยากจะชี้ก็คือ ความค้างคาใจนี้ กลายเป็นข้ออ้างให้คุณทักษิณ ไม่ยอมกลับมารับการพิจารณาคดี หากสถาบันยุติธรรมของไทย สามารถแก้ข้อครหาเหล่านี้ได้แล้ว คุณทักษิณก็จะหมดข้ออ้างได้ จากนั้นก็ให้ตัดสินไปตามเนื้อผ้า ผิดก็ว่าตามผิด ถูกก็ว่าตามถูก (แต่ผมเชื่อว่าเค้าผิดจริง) ประชาชนก็จะไม่ต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับความยุติธรรมในสังคมไทยอีก

3. สุดท้าย อยากให้คนไทยอภัยให้กับความผิดพลาดของกันและกัน เพราะผมเชื่อว่า เราทุกคนต่างเคยทำความผิดในชีวิต ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย และที่สำคัญเราคือคนไทยเหมือนกัน สีเป็นแค่สิ่งที่เราอุปโลคขึ้นมาเอง ทั้งจากความตั้งใจและถูกทำให้เป็น แต่พอถอดสีออก ข้างใน เราก็เหมือนกัน ไม่มีใครอยากให้ประเทศช้าย่อยยับหรอกครับ มีแต่อยากให้เจริญก้าวหน้าเหมือนๆ กันหมด แต่สิ่งที่พบเห็นโดยเฉพาะในเวปบอร์ด มีแต่คำเยาะเย้ยถากถาง ซึ่งกันและกัน คิดซะว่า แค่ทะเลาะเรื่องแย่งของเล่นกัน วันนี้งอนกัน พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่ดีกว่า

สิ่งที่ควรใส่ใจคือ การแก้ปัญหาต่อไป ไม่ใช่มัวแต่สนใจความผิดพลาดจนลืมการแก้ปัญหา



โดย: Mary's Garden วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:12:17:23 น.  

 
ตามมาดูคุณจากราชดำเนิน ถ้าทุกคนมีสติอย่างคุณ บ้านเมืองก็คงไม่วุ่นวายขนาดนี้ แต่ละฝ่ายก็คิดว่าศาสดาของตนพูดจริงจึงเกิดความเชื่ออย่างงมงายไม่ฟังความเห็นของคนอื่น เสพสื่อที่คอยยุยงให้แตกแยกทุกวันจนติดและรับความคิดนั้นเข้ามาในสมองเคียดแค้นชิงชังกันอย่างไร้เหตุผล ในแต่ละครอบครัวเกิดความเครียด คุณเป็นตัวอย่างที่ดี ช่วยกันทำให้เพื่อนร่วมชาติกลับมายิ้มให้กันดีกว่าจริงไหมคะเราจะได้เห็นธงชาติไทยของเราปลิวไสวคู่กับประเทศตลอดไป


โดย: สุดสวย IP: 124.120.46.111 วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:2:41:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

*แชมพู*
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงตัวเล็กๆ ( มั้ง ) ธรรมดามากๆคนนึง

วิ่งๆ วนๆ ในพันทิปมาก็ร่วม 8 ปีแระ ตั้งแต่ระบบสมาชิกยังไม่เคร่งขนาดนี้

เริ่มแรกก็อยู่ถนนนักเขียน หลังๆ ก็เป็นเจ้าไม่มีศาลวิ่งไปเรื่อย

ชื่อ log in ใช้ว่า *แชมพู* ก็เพราะเขิลที่จะบอกชื่อจริงต่อชาวประชา เลยแอบจิ๊กชื่อน้องสาวเพื่อนมาใช้ ไปๆมาๆ กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่อายแล้ว หน้าด้านแล้ว และที่สำคัญหลายๆคนก็รู้จักกันแล้วชื่อ log in จะเปลี่ยนก็ไม่ได้มันเป็นโลโก้ไปแล้วอ่ะ ก็เลยตามเลยเลยแล้วกัน

เป็นคนรักหมา บ้าเสียงเพลง ชอบดูหนัง สนใจทุกๆอย่างรอบตัว แล้วก็คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน แต่ยังไงก็ Positive Thinking นะ

ทำได้เกือบทุกอย่าง แต่ทำอะไรไม่ได้ดีสักอย่าง 55555 เข้าทำนองความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

ปัจจุบันเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาๆ อยากรวยบ้าง แต่ยังไม่สามารถ

แวะเวียนมาทักทายกันได้ทุกคนนะคะ

ปล. ขอขอบคุณ คุณประเสริฐ์ บัวสุวรรณ เจ้าของ Theme สวยๆ ที่ทำให้คนไร้ฝีมืออย่างเราได้ยืมมาใช้นะคะ ^-^
[Add *แชมพู*'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com