Happy Birth Day หนังรัก ที่ทำให้รู้ว่าคำว่ารัก มีความหมายแค่ไหน
เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสไปดูหนังรักซึ้งๆ เรื่อง แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ขออนุญาตแสดงความเห็นของคนดูธรรมดาๆ ที่ไม่ใช่นักวิจารณ์นะคะ แค่เป็นความรู้สึกอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆได้รับรู้อ่ะค่ะ อย่างที่เห็นในตัวอย่างหนัง ที่ตัดออกมาจนเรียกได้ว่าแทบไม่เหลืออะไรให้ลุ้น สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจไปดูอย่างแรกเลยก็คือ อนันดา ค่ะ เราชอบอนันดาในการเล่นหนังแนวๆนี้ รวมถึงฝีมือจาก Me myself ของอ๊อพ พงษ์พัฒน์ ที่ยังสร้างความประทับใจให้เราอยู่ คำเตือน : ต่อไปนี้จะสปอย มาก ถึงมากที่สุด เรียกว่าเล่าเลยดีกว่า 555 ถ้าหนังตัวอย่างยังพอเหลืออะไรให้คุณคิดว่าจะลุ้นอยู่บ้าง ก็ปิดหน้านี้ไปเลยค่ะ แต่ถ้าคิดว่าไหนๆ ก็รู้เรื่องเกือบหมดอยู่แล้ว อยากรู้เพิ่มเติมในมุมของคนที่เข้าไปเป็นคนดูบ้างก็เชิญอ่านได้ค่ะ ภาพรวมของหนังถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียวค่ะ ช่วงต้นเรื่อง ภาพสวยทำเอาเรายิ้มไปได้ตลอด แถมแอบเขิลเป็นบางฉาก ประมาณว่าคิดว่าตัวเองเป็นนางเอก อนันดาเล่นได้น่ารักและเป็นธรรมชาติมาก บุคลิกดูคล้ายๆ สอน ในเรื่องสะบายดีหลวงพระบาง ภาคทำงานในไทย ( แล้วเอาน้อยไปไว้ไหนเนี่ย ) โดยเฉพาะฉากที่โดนนางเอกจูบตอนดูฝนดาวตก แล้วเต็นท์ก็หัวเราะแบบคาดไม่ถึง เป็นสีหน้าแววตาที่ทำเอาเราเขิลแทนนางเอกเลย ภาพมันสดใสและดูน่ารักมากๆ มีฉากตลกๆให้อมยิ้มได้หลายฉาก ทั้งตอนพระเอกบอกนางเอกว่าจะจีบ นางเอกทำปากเก่งเหมือนไม่เขิลแต่เท้านี่บิดเป็นเลขแปดเชียว พอเริ่มเข้าพาร์ทกลางเรื่อง ตั้งแต่ บึ้ม.... รถชนสนั่นกลางสี่แยก ทั้งๆที่รู้ล่วงหน้าว่านางเอกจะโดนรถชนแต่หนังก็ทำให้เราอดสะดุ้งเล็กๆไม่ได้ โดยเฉพาะสีหน้าช็อคของอนันดา มันได้ใจมากๆ ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย แต่เป็นอารมณ์ประมาณช็อค ดูแล้วเข้าใจอารมณ์ของพระเอกได้เลย โดยเฉพาะการ์ดที่ตกลงมาที่พื้นพร้อมเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ มันยิ่งดึงอารมณ์ให้อิน แอบน้ำตาซึมๆ ไปหนึ่งฉาก เมื่อถึงโรงพยาบาลที่นางเอกก้านสมองตาย และหมอบอกว่ายังไงก็ไม่รอด อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ เราเข้าใจพ่อแม่นางเอกนะ ที่จะถอดเครื่องช่วยหายใจออก เพราะไม่อยากทรมารลูกไว้ พ่อของเพื่อนเราก็ก้านสมองตายเหมือนกัน แล้วเพื่อนเราก็ตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจออกเพื่อปล่อยเค้าไป ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่ปัจจัยหลายๆอย่างมันไม่สามารถรั้งไว้ได้ ด้วยค่ารักษาที่แพงหูฉี่ไหนจะการดูแลที่ไม่มีความหวัง คล้ายๆ คนตายฆ่าคนเป็น ดูเค้าทรมารไปเรื่อยๆ มันเจ็บปวดกว่าสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่สำหรับเต็นหนังก็สร้างเหตุผลรองรับให้เต็นมีความหวังมีความเชื่อว่านางเอกไม่ตาย ด้วยการให้เต็นเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของนางเอก ซึ่งแน่นอนว่าเต็นเพียงคนเดียวที่เห็นจึงทำให้เต็นเป็นคนเดียวที่ปักใจเชื่อในความมีชีวิตอยู่ของนางเอก จนเป็นเหตุให้เต็นอาสาในการดูแลนางเอกแทนพ่อแม่ที่เชื่อหมอว่าลูกตายไปแล้ว กลางๆเรื่อง มีความสับสนมากมายในตัวของเต็น ทั้งรายได้ที่ไม่เพียงพอกับการจ้างพยาบาลพิเศษ ความเครียดและเวลาที่ทุ่มเทให้กับการดูแลนางเอกจนไม่สามารถทำงานได้ ความกดดันจากเพื่อนร่วมงาน หนังทำให้เรารู้ว่าเต็นก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนธรรมดาๆ ที่มีท้อบ้าง ไม่ใช่ผู้ชายที่วิเศษจากไหน มีร้องไห้ มีเบื่อหน่าย มีท้อ และเครียดกับภาระที่แบกอยู่ และหนังก็พาให้เต็นผ่านเรื่องเหล่านี้และกลับมามีกำลังใจอีกครั้งกับข้อความในการ์ดที่เค้าไม่กล้าเปิดอ่านตั้งแต่เกิดเรื่อง ข้อความที่บอกถึงของขวัญที่นางเอกจะมอบให้เต็น คำสัญญาที่นางเอกเรียกร้องขอจากพระเอกว่าจะดูแลของขวัญไปตลอดชีวิต พันธะสัญญาและความไว้ใจที่เภามอบให้เต็น มันทำให้เต็นมีกำลังใจอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองดีพอที่จะดูแลนางเอกไปตลอดชีวิต และดีพอที่จะเป็นแฟนนางเอก หนังช่วงถัดจากนี้แหละ ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะหลอน จนเราบางครั้งนึกว่าตัวเองกำลังดูภาคแรกของหนังเรื่อง Memmory อยู่ ถ้าใครเคยดูเรื่อง Memmory ที่อนันดาเล่นกับใหม่ น่าจะจำได้ที่แฟนของอนันดาโดนรถชนตาย และอนันดาก็อยู่กับภาพหลอนเห็นแฟนตัวเองยังมีชีวิตอยู่ โดยเรื่องนั้นอนันดาต้องกินยาคุมประสาทไว้ แล้วต้องมองผ่านภาพหลอนต่างๆโดยไม่ใส่ใจกับมัน แต่เรื่องนี้ เต็นต้องใช้ภาพหลอนเหล่านั้นในการหล่อเลี้ยงชีวิตให้มีความหวัง ให้มีกำลังใจในการดูแลสิ่งมีชีวิตที่เหมือนผัก หลายๆฉาก หลายๆภาพ ในช่วงนี้ทำเอาเราน้ำตาไหลเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงที่เพลงเธอคือความฝันขึ้นมาได้อย่างเหมาะเจาะ เรื่องขมวดปมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนตอนที่พ่อกับแม่มาเยี่ยมลูกสาว และภาพที่คนเป็นแม่เห็นผู้ชายคนที่ดูแลลูกตัวเองที่มีชีวิตเหมือนผักเปลี่ยนผ้าอนามัยให้ลูกสาวตัวเอง ความกังวลของคนเป็นแม่ที่เรารับรู้คือความรู้สึกห่วงลูกของแม่ว่าจะทรมารแค่ไหน แล้วผู้ชายที่ดูแลลูกตัวเองคนนี้ทำอะไรกับลูกตัวเองบ้างหรือเปล่า จะมีอะไรไม่เหมาะไม่สมหรือไม่?? จนนำมาสู่การขอลูกสาวคืนเพื่อปล่อยให้เธอได้หลุดพ้นจากความทรมาร ช่วงท้ายเรื่องในเรื่องการฟ้องร้องต่างๆ เป็นช่วงที่บีบคั้นจิตใจเรามาก มีคำถามของทนายอยู่หนึ่งประโยคที่สะท้อนความเป็นห่วงของครอบครัวนางเอกได้ดีมากๆ เป็นคำถามที่สร้างเหตุผลในการร้องขอลูกสาวคืนจากพระเอก ซึ่งแน่นอนว่าคำถามนั้นสร้างความบีบคั้นจิตใจของคนดูรวมถึงตัวละครที่เข้าข้างพระเอกไม่น้อย ดูไปก็อดคิดหวังลึกๆว่าพระเอกจะชนะคดี ด้วยการดูแลที่พระเอกดูแลนางเอกมาโดยตลอด แต่มีหรือที่ความรักของชายแปลกหน้าจะเทียบเท่าได้กับสิทธิ์ของความเป็นพ่อและแม่ แน่นอนพระเอกแพ้คดีนี้ ซึ่งฉากนี้เป็นหนึ่งในฉากที่บีบคั้นอารมณ์ที่สุดของหนัง เราร้องไห้มากที่สุดก็ฉากนี้แหละ ตอนจบพ่อและแม่ของนางเอกต้องตัดสินใจปล่อยนางเอกจากความทรมาร ซึ่งภาพในหนังได้มีการใส่ปิศนาไว้ว่าในที่สุด นางเอกตายหรือไม่ จากสายตาของพ่อนางเอกที่มองพระเอกด้วยความเห็นใจ และอัตราการหายใจที่ลดลงเรื่อยๆ ของนางเอก ฉากจบของหนัง อาจไม่ใช่ฉากแฮปปี้เอนดิ้ง เหมือนในละครที่คนใกล้ตายลุกขึ้นมาวิ่งได้ เป็นปกติได้ แต่ก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก หนังเรื่องนี้เราชอบตอนจบของหนังนะ ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันค่อนข้างจริง คือนางเอกไม่สามารถเป็นปกติ แต่ก็ดีขึ้นได้เพราะการได้รับการดูแลที่ดีจากพระเอก และเราอดคิดไปเองไม่ได้ว่า นางเอกดีขึ้นได้ด้วยความรัก ( ถ้าฉากจบไม่ใช่ภาพหลอนของพระเอกนะ ) เราว่าฉากจบแบบนี้มันทำให้คนที่อยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ พระเอกมีกำลังใจในการดูแลใครสักคนที่เค้ารักมากขึ้น แม้มันจะมีความหวังเพียงน้อยนิด แต่ชีวิตก็ต้องมีความหวังไม่ใช่เหรอ สรุป หนังเรื่องนี้เราชอบมากๆ สำหรับเรามันไม่ใช่หนังเศร้า มีหลายฉากที่ทำให้เรายิ้มทั้งน้ำตา แม้ว่าการตัดหนังโปรโมตอาจทำใหเรารู้เรื่องเกือบทั้งหมดตั้งแต่ก่อนดู แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกไม่ใช่เนื้อเรื่องที่หักมุม หรือ สิ่งที่ต้องลุ้นอะไรในหนัง แต่มันคือระหว่างทางของหนังต่างหาก อารมณ์ของหนังที่พาเราไปตั้งแต่ต้นจนจบทั้งๆที่เราก็รู้เรื่องแทบทั้งเรื่อง แต่การแสดงที่ดีมากๆของอนันดาในเรื่องนี้ ประกอบกับภาพและบทที่ดี มันทำให้หนังดูเนียนและอิ่มในความรู้สึกของคนดูอย่างเรามากๆ อยากให้ทุกคนได้ไปดูหนังเรื่องนี้ค่ะ แล้วจะรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างน่าอยู่เหลือเกินอย่างน้อยถ้าไม่อยู่เพื่อตัวเอง ก็อยู่เพื่อคนที่รักเรา และดูแลเค้าและรักเค้าก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้รักเค้า หรือบอกเค้าแล้วเค้าไม่สามารถรับรู้ได้อีกแล้ว
Create Date : 19 ธันวาคม 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 22:13:56 น. |
Counter : 835 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง ^^