~*~ ฉันชื่อ จุงหลิง ~*~ ~*~ This's Me " Junghling " ~*~
<<
ธันวาคม 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 ธันวาคม 2551
 
 

Happy Birth Day หนังรัก ที่ทำให้รู้ว่าคำว่ารัก มีความหมายแค่ไหน

เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสไปดูหนังรักซึ้งๆ เรื่อง แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ขออนุญาตแสดงความเห็นของคนดูธรรมดาๆ ที่ไม่ใช่นักวิจารณ์นะคะ  แค่เป็นความรู้สึกอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆได้รับรู้อ่ะค่ะ


อย่างที่เห็นในตัวอย่างหนัง  ที่ตัดออกมาจนเรียกได้ว่าแทบไม่เหลืออะไรให้ลุ้น สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจไปดูอย่างแรกเลยก็คือ อนันดา ค่ะ  เราชอบอนันดาในการเล่นหนังแนวๆนี้ รวมถึงฝีมือจาก Me myself ของอ๊อพ พงษ์พัฒน์  ที่ยังสร้างความประทับใจให้เราอยู่ 


คำเตือน : ต่อไปนี้จะสปอย มาก ถึงมากที่สุด เรียกว่าเล่าเลยดีกว่า 555 ถ้าหนังตัวอย่างยังพอเหลืออะไรให้คุณคิดว่าจะลุ้นอยู่บ้าง ก็ปิดหน้านี้ไปเลยค่ะ แต่ถ้าคิดว่าไหนๆ ก็รู้เรื่องเกือบหมดอยู่แล้ว อยากรู้เพิ่มเติมในมุมของคนที่เข้าไปเป็นคนดูบ้างก็เชิญอ่านได้ค่ะ


ภาพรวมของหนังถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียวค่ะ  ช่วงต้นเรื่อง ภาพสวยทำเอาเรายิ้มไปได้ตลอด  แถมแอบเขิลเป็นบางฉาก ประมาณว่าคิดว่าตัวเองเป็นนางเอก  อนันดาเล่นได้น่ารักและเป็นธรรมชาติมาก บุคลิกดูคล้ายๆ สอน ในเรื่องสะบายดีหลวงพระบาง  ภาคทำงานในไทย ( แล้วเอาน้อยไปไว้ไหนเนี่ย )


โดยเฉพาะฉากที่โดนนางเอกจูบตอนดูฝนดาวตก แล้วเต็นท์ก็หัวเราะแบบคาดไม่ถึง เป็นสีหน้าแววตาที่ทำเอาเราเขิลแทนนางเอกเลย  ภาพมันสดใสและดูน่ารักมากๆ มีฉากตลกๆให้อมยิ้มได้หลายฉาก ทั้งตอนพระเอกบอกนางเอกว่าจะจีบ นางเอกทำปากเก่งเหมือนไม่เขิลแต่เท้านี่บิดเป็นเลขแปดเชียว


พอเริ่มเข้าพาร์ทกลางเรื่อง ตั้งแต่ บึ้ม.... รถชนสนั่นกลางสี่แยก  ทั้งๆที่รู้ล่วงหน้าว่านางเอกจะโดนรถชนแต่หนังก็ทำให้เราอดสะดุ้งเล็กๆไม่ได้ โดยเฉพาะสีหน้าช็อคของอนันดา มันได้ใจมากๆ ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย แต่เป็นอารมณ์ประมาณช็อค ดูแล้วเข้าใจอารมณ์ของพระเอกได้เลย โดยเฉพาะการ์ดที่ตกลงมาที่พื้นพร้อมเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ มันยิ่งดึงอารมณ์ให้อิน แอบน้ำตาซึมๆ ไปหนึ่งฉาก


เมื่อถึงโรงพยาบาลที่นางเอกก้านสมองตาย และหมอบอกว่ายังไงก็ไม่รอด อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ  เราเข้าใจพ่อแม่นางเอกนะ ที่จะถอดเครื่องช่วยหายใจออก เพราะไม่อยากทรมารลูกไว้  พ่อของเพื่อนเราก็ก้านสมองตายเหมือนกัน แล้วเพื่อนเราก็ตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจออกเพื่อปล่อยเค้าไป ไม่ใช่ว่าไม่รัก  แต่ปัจจัยหลายๆอย่างมันไม่สามารถรั้งไว้ได้ ด้วยค่ารักษาที่แพงหูฉี่ไหนจะการดูแลที่ไม่มีความหวัง  คล้ายๆ คนตายฆ่าคนเป็น  ดูเค้าทรมารไปเรื่อยๆ มันเจ็บปวดกว่าสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่   แต่สำหรับเต็นหนังก็สร้างเหตุผลรองรับให้เต็นมีความหวังมีความเชื่อว่านางเอกไม่ตาย ด้วยการให้เต็นเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของนางเอก  ซึ่งแน่นอนว่าเต็นเพียงคนเดียวที่เห็นจึงทำให้เต็นเป็นคนเดียวที่ปักใจเชื่อในความมีชีวิตอยู่ของนางเอก จนเป็นเหตุให้เต็นอาสาในการดูแลนางเอกแทนพ่อแม่ที่เชื่อหมอว่าลูกตายไปแล้ว


กลางๆเรื่อง มีความสับสนมากมายในตัวของเต็น ทั้งรายได้ที่ไม่เพียงพอกับการจ้างพยาบาลพิเศษ  ความเครียดและเวลาที่ทุ่มเทให้กับการดูแลนางเอกจนไม่สามารถทำงานได้  ความกดดันจากเพื่อนร่วมงาน หนังทำให้เรารู้ว่าเต็นก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนธรรมดาๆ ที่มีท้อบ้าง ไม่ใช่ผู้ชายที่วิเศษจากไหน  มีร้องไห้ มีเบื่อหน่าย มีท้อ และเครียดกับภาระที่แบกอยู่  และหนังก็พาให้เต็นผ่านเรื่องเหล่านี้และกลับมามีกำลังใจอีกครั้งกับข้อความในการ์ดที่เค้าไม่กล้าเปิดอ่านตั้งแต่เกิดเรื่อง


ข้อความที่บอกถึงของขวัญที่นางเอกจะมอบให้เต็น  คำสัญญาที่นางเอกเรียกร้องขอจากพระเอกว่าจะดูแลของขวัญไปตลอดชีวิต  พันธะสัญญาและความไว้ใจที่เภามอบให้เต็น มันทำให้เต็นมีกำลังใจอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองดีพอที่จะดูแลนางเอกไปตลอดชีวิต และดีพอที่จะเป็นแฟนนางเอก


หนังช่วงถัดจากนี้แหละ  ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะหลอน  จนเราบางครั้งนึกว่าตัวเองกำลังดูภาคแรกของหนังเรื่อง Memmory อยู่  ถ้าใครเคยดูเรื่อง Memmory ที่อนันดาเล่นกับใหม่ น่าจะจำได้ที่แฟนของอนันดาโดนรถชนตาย และอนันดาก็อยู่กับภาพหลอนเห็นแฟนตัวเองยังมีชีวิตอยู่ โดยเรื่องนั้นอนันดาต้องกินยาคุมประสาทไว้ แล้วต้องมองผ่านภาพหลอนต่างๆโดยไม่ใส่ใจกับมัน  แต่เรื่องนี้ เต็นต้องใช้ภาพหลอนเหล่านั้นในการหล่อเลี้ยงชีวิตให้มีความหวัง ให้มีกำลังใจในการดูแลสิ่งมีชีวิตที่เหมือนผัก  หลายๆฉาก หลายๆภาพ ในช่วงนี้ทำเอาเราน้ำตาไหลเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงที่เพลงเธอคือความฝันขึ้นมาได้อย่างเหมาะเจาะ


เรื่องขมวดปมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนตอนที่พ่อกับแม่มาเยี่ยมลูกสาว และภาพที่คนเป็นแม่เห็นผู้ชายคนที่ดูแลลูกตัวเองที่มีชีวิตเหมือนผักเปลี่ยนผ้าอนามัยให้ลูกสาวตัวเอง  ความกังวลของคนเป็นแม่ที่เรารับรู้คือความรู้สึกห่วงลูกของแม่ว่าจะทรมารแค่ไหน แล้วผู้ชายที่ดูแลลูกตัวเองคนนี้ทำอะไรกับลูกตัวเองบ้างหรือเปล่า จะมีอะไรไม่เหมาะไม่สมหรือไม่??  จนนำมาสู่การขอลูกสาวคืนเพื่อปล่อยให้เธอได้หลุดพ้นจากความทรมาร


ช่วงท้ายเรื่องในเรื่องการฟ้องร้องต่างๆ เป็นช่วงที่บีบคั้นจิตใจเรามาก มีคำถามของทนายอยู่หนึ่งประโยคที่สะท้อนความเป็นห่วงของครอบครัวนางเอกได้ดีมากๆ เป็นคำถามที่สร้างเหตุผลในการร้องขอลูกสาวคืนจากพระเอก ซึ่งแน่นอนว่าคำถามนั้นสร้างความบีบคั้นจิตใจของคนดูรวมถึงตัวละครที่เข้าข้างพระเอกไม่น้อย  ดูไปก็อดคิดหวังลึกๆว่าพระเอกจะชนะคดี ด้วยการดูแลที่พระเอกดูแลนางเอกมาโดยตลอด  แต่มีหรือที่ความรักของชายแปลกหน้าจะเทียบเท่าได้กับสิทธิ์ของความเป็นพ่อและแม่  แน่นอนพระเอกแพ้คดีนี้ ซึ่งฉากนี้เป็นหนึ่งในฉากที่บีบคั้นอารมณ์ที่สุดของหนัง เราร้องไห้มากที่สุดก็ฉากนี้แหละ


ตอนจบพ่อและแม่ของนางเอกต้องตัดสินใจปล่อยนางเอกจากความทรมาร ซึ่งภาพในหนังได้มีการใส่ปิศนาไว้ว่าในที่สุด นางเอกตายหรือไม่ จากสายตาของพ่อนางเอกที่มองพระเอกด้วยความเห็นใจ  และอัตราการหายใจที่ลดลงเรื่อยๆ ของนางเอก


ฉากจบของหนัง อาจไม่ใช่ฉากแฮปปี้เอนดิ้ง เหมือนในละครที่คนใกล้ตายลุกขึ้นมาวิ่งได้ เป็นปกติได้  แต่ก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก  หนังเรื่องนี้เราชอบตอนจบของหนังนะ ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันค่อนข้างจริง คือนางเอกไม่สามารถเป็นปกติ  แต่ก็ดีขึ้นได้เพราะการได้รับการดูแลที่ดีจากพระเอก และเราอดคิดไปเองไม่ได้ว่า นางเอกดีขึ้นได้ด้วยความรัก ( ถ้าฉากจบไม่ใช่ภาพหลอนของพระเอกนะ )  เราว่าฉากจบแบบนี้มันทำให้คนที่อยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ พระเอกมีกำลังใจในการดูแลใครสักคนที่เค้ารักมากขึ้น แม้มันจะมีความหวังเพียงน้อยนิด  แต่ชีวิตก็ต้องมีความหวังไม่ใช่เหรอ


สรุป หนังเรื่องนี้เราชอบมากๆ สำหรับเรามันไม่ใช่หนังเศร้า มีหลายฉากที่ทำให้เรายิ้มทั้งน้ำตา  แม้ว่าการตัดหนังโปรโมตอาจทำใหเรารู้เรื่องเกือบทั้งหมดตั้งแต่ก่อนดู  แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกไม่ใช่เนื้อเรื่องที่หักมุม หรือ สิ่งที่ต้องลุ้นอะไรในหนัง  แต่มันคือระหว่างทางของหนังต่างหาก  อารมณ์ของหนังที่พาเราไปตั้งแต่ต้นจนจบทั้งๆที่เราก็รู้เรื่องแทบทั้งเรื่อง แต่การแสดงที่ดีมากๆของอนันดาในเรื่องนี้ ประกอบกับภาพและบทที่ดี มันทำให้หนังดูเนียนและอิ่มในความรู้สึกของคนดูอย่างเรามากๆ


อยากให้ทุกคนได้ไปดูหนังเรื่องนี้ค่ะ  แล้วจะรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างน่าอยู่เหลือเกินอย่างน้อยถ้าไม่อยู่เพื่อตัวเอง ก็อยู่เพื่อคนที่รักเรา  และดูแลเค้าและรักเค้าก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้รักเค้า หรือบอกเค้าแล้วเค้าไม่สามารถรับรู้ได้อีกแล้ว


 




เธอคือความฝัน - พราว




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2551
9 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 22:13:56 น.
Counter : 835 Pageviews.

 

จะไปดูค่ะ

ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง ^^

 

โดย: ณ ราตรี 19 ธันวาคม 2551 16:50:25 น.  

 

อยากไปดูมากมายค่ะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: Lady_Jane 19 ธันวาคม 2551 23:46:18 น.  

 

บล็อคน่ารักมากมายนะครับพี่หลิง เพลงก็เพราะอ่า..อิอิ

 

โดย: นิคครับ IP: 203.144.187.19 20 ธันวาคม 2551 0:24:04 น.  

 

โธ่อี dok เอ้ยยยยย

 

โดย: คนเสื้อเหลือง IP: 125.24.232.8 10 เมษายน 2552 2:50:03 น.  

 

ความเห็นด้านบน

วันนี้เค้าตั้งกระทู้กลายเป็นกระทู้แนะนำ จนดิ้นตามมาด่าเค้าถึงในบล็อค แสดงความเถื่อนออกมา แล้วยังทำตัวอีแอบใช้ชื่อคนเสื้อเหลือง

นิสัยแบบนี้มันส่อว่ามีการศึกษามากน้อยเพียงไร และสิ่งที่กระทำก็กระทำกันมานานแล้วด้วย ผมไม่เคยลบข้อความพวกคุณในบล็อคผม จะเก็บเอาไว้ประจานให้คนอื่นเข้ามาดูว่าพวกสมุนแม้วมีนิสัยอย่างไร

 

โดย: sladday IP: 124.121.165.12 10 เมษายน 2552 21:59:04 น.  

 

ไอ้พวกม๊อบโกเต๊ก

แค้นไอ้พวกเสื้อเหลืองมาก ไอ้ หทารปฏิวัติย์ ด้วย

ประเทศชาติเศรษฐกิจอยู่มาดีๆแท้ๆ

ผมทำธุรกิจโรงแรมทางใต้ โดน สึนามิ มาก้อหนักแล้ว

กำลังพอจะฟื้น มาโดน ทหารปฏิวัติย์ กับ ม้อบเหลืองปิดสนามบิน ยิ่งไปกันใหญ่


แล้วถามหน่อยว่าต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากใครไม่มีเหลือง ไม่มีทหารปฏิวัติ จะมีแดงออกมาไหม

ผมเป้นเสื้อแดงเพราะผมแค้น มันทำธุรกิจผม ประเทศชาติเสียหาย แสนล้าน

ถ้าจะถามว่า แล้วแดงมาปิดถนนประท้วง ไม่เสียหายหรอ?


ก้อเสียหายไง แต่มันต้องยอม และไม่ได้เถื่อนไร้เหตุผลแบบ พธม ไม่มีระเบิด มีด นักรบ ห่าเหว พูดจาหยาบคาย

มันจำเป็นต้องทำ ไม่งั้นไอ้พวกหทารมันจะออกมาปฏิวัติอีกบ่อยๆ ประเทศตกอยุ่ภายใต้อำมาติย์แบบนี้ ก้อชิบหายสิ


ผมคนใต้ทำธุรกิจโรงแรม ชื่อ อัครพล 081-7789989

ใครอยากรู้ว่าทำไมต้องมาร่วมเสื้อแดง โทรมาถามได้

 

โดย: คุณมันสมุนไอ้ไอ้ลิ้มสินะ IP: 125.24.235.180 11 เมษายน 2552 12:30:39 น.  

 

เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ครับ

 

โดย: McMurphy 11 เมษายน 2552 13:13:57 น.  

 

เพลงเพราะค่ะ

ขอบคุณคุณเจ้าของบล็อก

 

โดย: TayoHall IP: 125.27.111.191 11 เมษายน 2552 16:46:17 น.  

 

555555555

เออนะ เอากันเข้าไป นี่เราไม่เคยเข้า blog ตัวเองนานมากจนไม่รู้เลยนะนี่ว่ามีคนตามมาให้พรเราถึงในนี้

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=junghling&month=19-12-2008&group=2&gblog=3

ขอแจ้งนิดนึงนะคะ ว่าหน้านั้นเราไว้ใช้พูดถึงเรื่องหนังค่ะ เรื่องสถานการณ์ในกระทู้จะอยู่ที่ Think About ขอให้ถูกกลุ่มด้วยนะคะ

เราไม่เคยสนับสนุนเสื้อเหลือง ไม่เคยเลย รวมถึงเสื้อแดงด้วย เราได้แต่ติดตามข่าวทั้งจากสีแดง สีเหลือง ฟังมันทุกฝ่ายแหละ

ถ้าจะว่าเราเป็นสาวกลิ้ม สาวกกะทิ เสื้อสีเหลือง แดง น้ำเงิน สีขี้ๆ อะไรที่ไหนก็ช่วยหาหลักฐานด้วย

อย่าทำตัวเป็นหมาโดนน้ำร้อนดิ้นพล่านๆ อย่างนี้ พฤติกรรมและวาจาที่แสดงออก ไม่ได้เป็นพฤติกรรมของคนที่จะอ้างตัวว่าเรียกร้องประชาธิปไตย ได้เลย

คุณ " ผมคนใต้ทำธุรกิจโรงแรม ชื่อ อัครพล 081-7789989 "

คุณว่าเราเสื้อเหลือง ช่วยหาเหตุผลสนับสนุนหน่อยสิค่ะว่าเราเหลืองตรงไหน เสื้อแดงประท้วงเราไม่ว่า แต่ถ้าทำความเดือดร้อนให้คนอื่นเราก็ด่าเราจะผิดเหรอค่ะ เราต้องเหลืองเหรอคะ

คุณเดือดร้อนเพราะเสื้อเหลืองคุณก็เลยเป็นเสื้อแดงสร้างความเดิอดร้อนให้คนอื่นต่อไป คุณคิดอย่างไรกัน แล้วมันทำให้ความเดือดร้อนของคุณมันน้อยเหรอค่ะ

เหมือนตอนนี้ที่เสื้อน้ำเงินบอกว่าเสื้อแดงทำน้ำเงินเดือดร้อน เค้าเลยต้องออกมาตอบโต้ แล้วเมื่อไหร่มันจะจบ ต่อไปก็มีเสื้อส้ม เสื้อชมพู เสื้อม่วง ไปเรื่อยๆ

คุณแค่หยุด เราเริ่มที่ใครไม่ได้แต่เราเริ่มที่ตัวเราได้ค่ะ คุณจะเรียกร้องอย่างสงบก็ทำไปค่ะ ไม่มีใครว่าคุณเลย ถ้าเสื้อแดงสงบ คนก็จะมองว่าเสื้อแดงดีกว่าเสื้อเหลือง แต่พอคุณทำเหมือนๆกัน มันก็ไม่ต่างอะไรกันหรอกค่ะ

แล้วจากการที่คุณสนับสนุนเสื้อแดง ล้มการประชุมอาเซียนโรงแรมคุณคนเค้าพักเยอะขึ้นไหมค่ะ ถามตัวเองดูค่ะ

 

โดย: *แชมพู* 12 เมษายน 2552 15:25:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

*แชมพู*
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงตัวเล็กๆ ( มั้ง ) ธรรมดามากๆคนนึง

วิ่งๆ วนๆ ในพันทิปมาก็ร่วม 8 ปีแระ ตั้งแต่ระบบสมาชิกยังไม่เคร่งขนาดนี้

เริ่มแรกก็อยู่ถนนนักเขียน หลังๆ ก็เป็นเจ้าไม่มีศาลวิ่งไปเรื่อย

ชื่อ log in ใช้ว่า *แชมพู* ก็เพราะเขิลที่จะบอกชื่อจริงต่อชาวประชา เลยแอบจิ๊กชื่อน้องสาวเพื่อนมาใช้ ไปๆมาๆ กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่อายแล้ว หน้าด้านแล้ว และที่สำคัญหลายๆคนก็รู้จักกันแล้วชื่อ log in จะเปลี่ยนก็ไม่ได้มันเป็นโลโก้ไปแล้วอ่ะ ก็เลยตามเลยเลยแล้วกัน

เป็นคนรักหมา บ้าเสียงเพลง ชอบดูหนัง สนใจทุกๆอย่างรอบตัว แล้วก็คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน แต่ยังไงก็ Positive Thinking นะ

ทำได้เกือบทุกอย่าง แต่ทำอะไรไม่ได้ดีสักอย่าง 55555 เข้าทำนองความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

ปัจจุบันเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาๆ อยากรวยบ้าง แต่ยังไม่สามารถ

แวะเวียนมาทักทายกันได้ทุกคนนะคะ

ปล. ขอขอบคุณ คุณประเสริฐ์ บัวสุวรรณ เจ้าของ Theme สวยๆ ที่ทำให้คนไร้ฝีมืออย่างเราได้ยืมมาใช้นะคะ ^-^
[Add *แชมพู*'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com