| All Blog |
ปล่อยได้ก็ปล่อยไปเถอะ ชีวิตคนเรามันมีเรื่องราวผ่านมาเยอะแยะ ยังไม่รวมอารมณ์ ความคิดที่เกิดขึ้นทุกวินาทีในจิตใจอีก ยิ่งถ้าแก่กล้า อายุยิ่งเยอะไม่รู้จักสลัดทิ้งไปบ้าง คงต้องแบกอะไรต่อมิอะไรไว้ในหัว ในใจอีกมาก แล้วชีวิตจะเหลือช่องว่างให้เรามีความสุขได้ยังไง บางสิ่งที่น่าจะทิ้งๆไปบ้างรวบรวมดูน่าจะพอจัดหมวดหมู่ได้ อย่างแรก การแสวงหาการยอมรับจากผู้อื่น ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าคุณมีความชอบและไม่ชอบหรือมีความรู้สึกต่อสิ่งใดแล้วจะไม่มีวันจืดจางเปลี่ยนแปลงไปจากวินาทีแรกที่คุณรู้สึก และคุณมั่นใจว่าคนอื่นๆก็เป็นเช่นคุณ จงทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ใครต่อใครประทับใจ ถูกใจในตัวคุณได้เลย แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจแม้แต่ตัวคุณเอง ก็อย่าได้เสียเวลาเอาชีวิตคุณไปผูกติดกับความเห็นความรู้สึกของคนอื่นเลย เหนื่อยเปล่า เพราะนอกจากความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้คนจะไม่จีรังยั่งยืนแล้ว ผู้คนมักจะมีความคิดเห็นแตกต่าง มองต่างมุมในเรื่องเดียวกัน คุณไม่มีทางทำให้ทุกคนเห็นหรือยอมรับในสิ่งเดียวกัน ชีวิตของคุณ คนที่ควรจะมีสิทธิ์ในการยอมรับ ยกย่องชีวิตคุณก็ควรจะเป็นคุณเอง อย่าเสียเวลากับสิ่งที่เป็นไปได้ยากยิ่งและไม่จีรังยั่งยืน อย่างที่สอง ทิฐิ แปลงตามพจนานุกรมแปลว่า ความดื้อรั้น ความลำเอียง และความไม่ยืดหยุ่น อันนี้ค่อนข้างจะตรงข้ามกับข้อแรก คนละขั้วก็ว่าได้ จริงอยู่เราอาจมีความเห็นไม่เหมือนกันได้ แต่บางครั้งบางสถานการณ์มันมีเรื่องของความถูกผิด การที่จะยอมรับผิดไม่ได้ทำให้ตัวเราล่มสลาย หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต ในทางกลับกันการที่เรายอมรับในความผิด หรือความเห็นที่ไม่ได้รับการเลือกหรือการยอมรับ กลับทำให้เราโล่งสบาย เพราะเท่ากับเราละทิ้งความขัดแย้งในใจกับสิ่งรอบข้างเราไปได้ แม้บางครั้งไม่ได้มีเรื่องถูกผิด แต่มันทำให้สถานการณ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้น การทิ้งทิฐิ มีความยืดหยุ่นในใจก็สามารถทำให้เหตุการณ์สงบลงได้ ชีวิตก็มีความสุข อย่างที่สาม ความคาดหวังจากผู้อื่น จริงอยู่เคยมีคำสอนให้เราเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะได้เข้าใจคนอื่นว่ารู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร อยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อเราอย่างไร ก็ควรปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างนั้น มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะบางคน ไม่ได้มีคติคำสอนเหล่านี้อยู่ในใจเค้า เราอาจจะไม่ได้อย่างที่เราคาดหวัง เพราะฉะนั้นก็ต้องเผื่อใจไว้ ไม่ผิดหวัง ไม่ละทิ้งการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่อยากให้เขาปฏิบัติเรา อยากทำดีอะไร ทำไป คิดว่าทำเพื่อความสุขความสบายใจที่ได้ให้โอกาสเราได้ทำสิ่งดีๆ ทิ้งความคาดหวังจากผู้อื่น อย่างที่สี่ ความโกรธ ตอนที่เราไม่โกรธเราคงนึกออก ตอนเรากำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง เราไม่มีความสุขเลย แล้วการที่เราโกรธความผิดทุกอย่างที่พบเห็นโดยไม่รู้วิธีจัดการกับความโกรธ มันจะเปลี่ยนวิธิคิด วิธีมอง วิธีจัดการกับชีวิตของเราไปในทางที่แย่ลงเรื่อยๆ จงรู้จักการให้อภัย ทำให้ชินให้เป็นนิสัยแล้วความสุขจะอยู่ในมือของคุณ อย่างที่ห้า ความสมบูรณ์แบบ การทำงานจำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบตามที่วางไว้นอกจากจะเป็นการแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้บนบ่าแล้ว มันยังเป็นไปได้ยาก ชีวิตที่สมบูรณ์แบบไม่มี คนที่สมบูรณ์แบบไม่มี จำไว้ เราควรนิยามความสมบูรณ์แบบตามแบบฉบับของเรา เช่นวันที่สมบูรณ์แบบคือวันที่ได้อยู่กับครอบครัวที่รัก หรือวันที่ได้ทานมื้อเย็นอร่อยๆ หรือได้ออกกำลังกายเต็มที่ตามที่อยากให้เป็น อะไรที่ไม่ยากแต่มีคุณค่าในความรู้สึกในความทรงจำ ชีวิตที่สมบูรณ์แบบมันอยู่ที่คุณออกแบบมันต่างหาก เพราะมันคือชีวิตของคุณไง อย่างที่หก ความละโมภ หรือโลภ ความอยากได้อยากมีอยากเป็น มีได้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เราก้าวต่อไป แต่โดยทั่วไปแล้วอะไรก็ตามที่มันมากเกินกว่าความพอเพียง เช่นมีอำนาจต้องการอำนาจมากขึ้น มีเงินแต่ต้องการเงินมากขึ้น ถ้าย้อนกลับไปถามหาคำตอบของสิ่งที่ต้องการมากขึ้นจะพบว่ามันว่างเปล่าและไม่มีอะไรเลย นอกจากเพื่อเติมเต็มความรู้สึกในจิตใจเราทั้งสิ้น ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อตัวเองถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุข เราจะพบว่ามันไม่ได้มีอะไรมากมายจนต้องดิ้นรนเสาะแสวงหาเลย มันมีไม่ได้มากจริงๆ คุณรู้แล้วยัง ความสุขในชีวิตคุณจริงๆแล้วมันคืออะไร อย่างที่เจ็ด อดีต อดีตคือสิ่งที่มันเกิดไปแล้วผ่านไปแล้ว ปัจจุบันคือสิ่งที่กำลังทำ เพื่อให้อดีตที่ไม่เป็นอย่างที่คิด ได้เป็นอย่างที่คิด อย่าเอาตัวเราไปผูกติดกับเพื่อน หรือใครต่อใครที่ทำให้เรารู้สึกแย่ เพราะเรื่องแย่ๆเหล่านี้มันจบไปแล้ว ถ้าเรายังไม่หยุดคิด ตัดมันไม่ได้เท่ากับเราอนุญาตให้เพื่อนหรืออดีตแย่ๆเหล่านั้นมาทำร้ายเราเอง ครั้งแรกจริงอยู่เพื่อนหรือคนในอดีตเป็นคนทำร้ายเรา แต่ครั้งต่อๆมาที่เราหวลคิดถึงมันแล้วรู้สึกแย่กับมัน มันคือตัวเราเองที่ทำร้ายตัวเราต่างหาก ถ้ามันไม่ได้เป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตคุณอีกแล้ว คุณจะดึงรั้งมันกลับมาทำร้ายคุณอีกทำไม อย่างที่แปด ความไม่มั่นคง จริงอยู่โลกนี้มีคนที่ดีกว่าคุณ สวยหล่อกว่าคุณ รวยกว่าคุณ ทำงานหนักกว่าคุณ แต่ยังไงล่ะ คนเหล่านั้นไม่ใช่คุณ ความพอดีในตัวคุณที่มองผ่านตัวคุณและคนที่รักคุณต่างหากที่สำคัญกว่าสิ่งใดในโลก ทิ้งการเปรียบเทียบตัวคุณกับคนอื่นได้เลย โดยเฉพาะถ้ามันทำให้ชีวิตคุณไม่มีความสุข อย่างที่เก้า การควบคุม ถ้าคุณต้องคุมทุกอย่างในชีวิตให้อยู่หมัด บอกเลยมันต้องมีบางอย่างที่ไม่เป็นไปตามที่คุณควบคุม บางอย่างการควบคุมเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ไม่ควรเป็นสิ่งที่คุณต้องทำต้องเป็นตลอดเวลาเพราะมันจำทำให้คุณจิตตก ไม่ผ่อนคลายถ้าสิ่งต่างๆไม่เป็นไปอย่างที่ต้องเป็น จงยอมปล่อยให้มันเกิดบ้างในชีวิตคุณ ปล่อยและวางบ้าง จะได้มีแรงมีพลังในการก้าวไปอย่างมีความสุข   
|
jungbb
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Link |
|||||||||||||
