7.หัวใจไม่ใช้เส้นขนาน # เฟื่องนคร
ผลงานเล่มที่ 7 โอ้วววววววววววว
จากใจนักเขียน : หัวใจไม่ใช้เส้นขนาน เฟื่องนคร
หากเรารักใครสักคนที่เขาไม่คิดจะรักเรา เพราะว่าเราไม่คู่ควรกับเขา เราจะเป็นอย่างไร?
‘เจ็บ’
‘รักก็ไม่ได้ ไม่ให้รักก็ไม่ได้’
นิยามเจ็บ ๆ คัน ๆ เจือรสหวานของนวนิยายเรื่องนี้ เกิดจากความบังเอิ้ญบังเอิญ ด้วยวันหนึ่งผมไปบ้านคนเคยสนิทกัน เห็นว่าพี่เขาคลั่งซีรีย์เกาหลี ผมจึงถามเขาว่า มีเรื่องไหนจะพอแนะนำได้บ้าง เอาที่พี่ชอบมาก ๆ ..ชอบที่สุดด้วยนะ
พี่เขายื่น In-soon is Pretty ให้..
เมื่อได้ดู อารมณ์สลดสะเทือนใจกับเรื่องราวหลากหลายไหลเข้ามา.. และน้ำตา+ความเครียด+ความสุข ก็คือรางวัลกับผลงานชิ้นนั้น แต่ว่าความผูกพันกันของสองพระนางที่มีมาแต่เด็ก ๆ ความแตกต่างกันทางสถานะทางสังคมในช่วงเติบใหญ่ มันมาเติบโตที่จิตใจของผมจนกลายเป็นแรงบันดาลใจ
ภาพความผูกพันกันมาก ๆ และเต็มไปด้วยความขัดแย้งของพระ-นางแบบไทยแท้จึงเกิดขึ้นพร้อมชื่อเรื่องที่ชวนให้สงสัย..
‘หัวใจ ไม่ใช้ เส้นขนาน’
เส้นขนาน คือเส้นสองเส้นที่มีระยะห่างเท่ากัน ไม่มีทางบรรจบกัน ถ้าเราวาดหัวใจเราใช้เส้นขนานไม่ได้แน่ ๆ..และถ้าคนสองคนคิดจะผูกเส้นชีวิตให้เป็นรูปหัวใจ ถ้าใช้เส้นขนาน ไม่มีวันไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน..
และประเด็นความผูกพันกันมาก ๆ ของพระ-นาง กับความขัดแย้งกันทางพฤติกรรมและวิถีชีวิตของนางเอก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมเขียนนางเอกมีแต่ความอ่อนแอต้องพึ่งคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ผลก็คือ มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในหมู่นักอ่านทั้งจากที่ Bloggang และเว็บสิรินดา..
บ้างก็ว่า นางเอกไม่น่ารัก บ้างก็เข้าใจและเห็นใจกับความไม่น่ารักนั้น บ้างก็ว่าผู้หญิงอย่างนี้ควรที่ผู้ชายดี ๆ จะมอบความภักดีให้หรือ..บ้างก็ว่าพระเอกโง่ ..คนดี ๆ ก็มี..ทำไมไม่รัก..
แต่ก็มีอยู่หนึ่งท่านที่อยู่แดนไกลและเข้าใจเห็นใจในความรักของตัวพระเอก จนถือเป็นกำลังใจให้กับผมคนที่สร้างสรรค์ชีวิตพวกเขาขึ้น....
‘.. ผมเป็นคนไกลบ้าน กลับไทยปีละหน (บางปีสองหน) มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ผมได้อ่านเรื่อง หัวใจไม่ใช้เส้นขนาน พอดีว่าง ๆ ผมก็เลยเลื่อนดูบล็อกในถนนนักเขียนของเว็บ Pantip เล่น ๆ แล้วก็เลยได้มาอ่านเรื่องนี้เข้า ผมเริ่มอ่านตอนเย็นตั้งแต่ห้าโมงครึ่ง มาถึงตอนก่อนจะจบก็พอดีห้าทุ่ม หกชั่วโมงพอดี อ่านตอนแรกก็กะเอาแค่ขำ ๆ วันว่าง ๆ ไม่ได้หวังอะไร แต่พออ่านไปได้ซักครึ่งเรื่อง...ทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงชีวิตตัวเองที่มาเลื่อนลอยอยู่ต่างบ้านต่างเมือง.. บางทีที่ผมไม่ยอมกลับไปอยู่เมืองไทยซักที..มันคงเกี่ยว ๆ คล้าย ๆ กับนิยายเรื่องนี้เหมือนกัน.. มันทำให้ผมอยากรู้ตอนจบเป็นอย่างมาก คืนนั้นผมก็เลยส่งอีเมล์ขออ่านตอนจบจากผู้แต่ง และเมื่ออ่านจบแล้ว ผมก็ได้คิดว่า ...จริง ๆ แล้วชีวิตเราทุกคนคงไม่ได้โชคดีที่ได้ดูแลคนที่ตัวเองรักได้เหมือนพระเอกเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ ..การที่สันติได้พยายามทุ่มเท และก็ดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงที่ตัวเองรักปักใจอาจจะดูเหลือเชื่อ แต่ว่านั่นก็คือสิ่งที่ผมคิดจะทำ แต่ว่าไม่เคยทำ หรืออาจเคยทำแต่ว่าก็ไม่ได้ทุ่มเทเท่านั้น.. สำหรับอสมาภรณ์นั้นอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะความต่างทั้งทางสภาวะทางสังคม และทัศนคติในการดำเนินชีวิต ในตอนแรกเธออาจจะมองไม่เห็นสิ่งที่สันติทำให้ และคิดว่ามันไม่สำคัญ มากกว่านั้นเธออาจจะมองว่ามันน่าเบื่อ น่ารำคาญ ในส่วนตัวของสันติเอง ก็ไม่รู้ว่าต้นรักที่ปลูกในแบบฉบับของเขามันจะให้ดอกออกผลมาแบบไหน ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของอสมาภรณ์เอง การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของสันติเพื่อที่จะได้รักที่ต้องการ อาจจะดี หรือไม่ดีก็ได้ วิถีทางที่ทำให้สมหวังอาจจะมีเป็นร้อยสาย บังเอิญเหลือเกินที่สันติกับผมใช้วิธีเดียวกัน แต่มันต่างกันที่ผลลัพธ์... สันติชนะในที่สุด ส่วนผม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ บางทีผมอาจจะชนะก็ได้..ยินดีที่ได้อ่านนิยายที่บังเอิญเหมือนชีวิตจริงของผมเรื่องนี้ครับ...แวน’
สุดท้ายก็ขอโอกาสนักอ่านพิสูจน์กันเองว่า..พระเอกของผมโง่หรือฉลาด..หรือนางเอกดีพอที่ใครสักคนจะรักหรือไม่..
ขอบคุณ คุณลี(โมริสา) พี่ซอมพอ พี่จุ๋ม พี่น้อง พี่อมานี่และอีกหลาย ๆ ท่าน ที่ช่วยกันทำให้ ‘ เฟื่องนคร-ชอนตะวัน’ เข้มแข็งกล้าแกร่งสู้กับแรงลมบนถนนวรรณกรรมมาได้..
ขอบคุณบก.สมภพและบก.ปริม ที่ให้โอกาสและมั่นใจกับผลงานชื่อแปลก ๆ ไม่แนวตลาดจ๋าที่ค้างอยู่ในสต๊อกของผมทุกเรื่อง โดยไม่มีคำว่าทดลองตลาดก่อน และขอบคุณน้องซี(papamama555) ที่พรีเซ้นต์ปกออกมาได้ตรงกับเนื้อในของเรื่องเป็นที่สุด (สวยถูกอารมณ์ของเรื่อง เหมือนมานั่งอยู่ในใจนักเขียนครับ)
ฝากผลงานกับนามปากฝาแฝดนี้ด้วยครับ
เฟื่องนคร-ชอนตะวัน
Create Date : 03 กรกฎาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 4 สิงหาคม 2554 18:59:38 น. |
Counter : 1834 Pageviews. |
|
|
|
ต้องมีวันของมะเฟื่องซิ ไม่นานนี่แหละ
สู้ๆๆ