Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
6 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
6-7-51 มิตรภาพกลางทุ่งกระเจียว




มิตรภาพกลางทุ่งดอกกระเจียว


โดย โมริสา

1.

คุณเฟื่องบอกให้โมริสาทำหน้าที่เขียนเล่าเรื่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวแทน ในฐานะที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมานานจึงสมควรทำงานตอบแทนซะบ้าง (ชีวิตรันทด ประมาณนั้น)

ด้วยความสามารถที่มีน้อยนิด แต่มั่นใจเกินร้อยตามแบบอย่างของคุณเฟื่องเจ้าของบล็อก โมริสาจึงไม่รอช้า รีบปั่นต้นฉบับทันที เพราะกลัวคุณเฟื่องเปลี่ยนใจ

โมริสาจึงขอตั้งกระทู้นี้ว่ามิตรภาพกลางทุ่งดอกกระเจียว เพราะรู้สึกว่ามันจะบานมากกว่าดอกกระเจียวสีชมพูสดที่แซมอยู่กลางต้นหญ้าเพก อย่าถามนะว่ามีสายพันธุ์มาจากไหนหรือยัง เพราะข้าพเจ้าไม่ได้สนใจฟังคำอธิบายเลยสักนิด เพราะอะไรจะขอเล่าไปเรื่อยๆแล้วกัน

เรานัดเวลาตีห้าของเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเดินทางออกจากกรุงเทพฯ คณะของเราแบ่งเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกคือคณะ ส.ว. กลุ่มสองคือ ส.ส. กลุ่มสามคือค.ร.ม. ทั้งรถมีสิบสองชีวิตรวมโชเฟอร์เจ้าของรถ หุ่นล่ำ หล่อบาดใจ รวมไปถึงคารมคมคายไม่แพ้คนเป็นพี่ชาย คือมะเฟื่องของพวกเรา

เราไปถึงจุดนัดหมายตามที่เข้าใจว่าตรงข้ามโรงพยาบาลราชวิถี ก่อนตีห้านิดหน่อย

อ๊ะ ! ไม่เจอทั้งรถทั้งคน

เอ ? มันยังไงกันแน่วุ้ย ก็วันนั้นคุยกันว่าตรงข้ามโรงพยาบาลราชวิถีนี่น๊า อ๋อ หรือว่ารถยังมาไม่ถึง แล้วคุณเฟื่องของเราก็ยังไม่ตื่น คิดแบบเข้าข้างตัวเอง มั่นใจสุดๆว่าคุณเฟื่องนัดตรงจุดนี้

เราในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแล สว. กับครม.จึงโทรหาคุณเฟื่อง ได้ใจความว่า

“อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ! ”

ได้ยินแบบนั้น หัวใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ดีว่าคว้าหยิบขึ้นมาไว้ได้ทัน นึกในใจ เฮ้ย !เขาเป็นอะไรหว้า ถึงต้องไปอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล

แต่สุดท้ายประโยคหลังเขาชี้แจงมาว่า “ไม่ใช่...คุณลีก็ข้ามสะพานลอยมาสิ… ผมคอยอยู่ตรงตีนบันได”

เฮ้อ มะเฟื่องเอ้ย ทีหน้าทีหลังจะนัดเพื่อนไปเที่ยวแบบกระชับมิตรน่ะนะ อย่านัดหน้าห้องฉุกเฉินเชียว มันไม่งามตา งามใจ ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าห้อง แต่หันหน้าเข้าไปมองก็เห็นแล้วว่า อ้าว นั่นห้องฉุกเฉินอยู่ตรงหน้านี้เองนี่หว่า

แหะ แหะ โมริสามัวโม้ซะ ป่านนี้ยังไม่ได้ขึ้นรถเลย เพิ่งจะเดินมาถึงตรงตีนบันไดสะพานลอย

แหม..ก็นะ นานๆจะได้โอกาสสำแดงฝีมือสักครั้ง โมริสาก็ต้องขอเขียนแบบยืดตอนออกไปเพื่อเรียกเรทติ้งให้กระฉูด แล้วก็เรียกค่าต้นฉบับในแต่ละตอนให้ได้เพิ่มมากขึ้น แต่เท่าที่คิดออกเวลานี้นะ รู้สึกว่ากำลังทำหน้าที่แทนพี่เฟื่อง เพื่อให้พี่เฟื่องปั่นต้นฉบับให้เสร็จมากกว่าม้างงงง



โปรดติดตามตอนต่อไป................



2.

โมริสาพาคณะ สว. กับครม.ขึ้นสะพานลอยมาจนถึงอีกฝั่งอย่างเรียบร้อย นักเขียนฝีมือฉกาจของเรากำลังยืนคุยโทรศัพท์เสียงแจ้วๆแจ้งให้ทางปลายสายว่ารถอยู่ตรงไหน เราจึงเดินไปตามทางที่เขาชี้บอกว่ารถจอดอยู่ตรงทางเข้าหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ณ ที่นั้น เราเห็นชายหนุ่มหุ่นล่ำมาดเข้ม สวมเสื้อสีแดงยืนรอรับ แค่เห็นหน้าก็รู้ว่าน้องชายสุดหล่อของมะเฟื่อง ที่มั่นใจเพราะเคยเห็นในรูปที่เจ้าของบล็อกเคยนำมาลงให้ดู อีกอย่างเพราะคุณเฟื่องบอกไว้แล้ว (ฮา)

รถที่ใช้เดินทางในวันนี้เป็นรถตู้คันใหญ่ใหม่เอี่ยม ตอนที่ไปถึงคุณจุ๋มหรือธาริณีนั่งเม้าท์อยู่กับหญิงสาวแปลกหน้า แปลกยังไง เพราะเธอสวย น่ารักและสดใสกว่าเรา ไอ้เราตอนออกจากบ้านก็มั่นใจสุดๆแล้วนะว่าวันนี้สวยไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า พอนึกแบบนั้น เสียงใครบางคนบอกว่าก็ความสวยมันไปหมดแล้วไง เธอแนะนำตัวเองว่าชื่อสายชล เขียนมาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกคุณชลไว้ก่อนว่า โมริสาได้รับอนุญาตจากคุณเฟื่องให้บอกชื่อจริงได้ ถ้าจะมีการต่อว่ากัน ก็เชิญกดเบอร์โทรไปวีนได้ทุกเวลาตามสะดวก

เช้าวันนั้นเราได้รับหน้าที่ให้นั่งจ้อกับคุณจุ๋มแถวหน้าสุด คือนั่งข้างหนุ่มหล่อล่ำเจ้าของรถ ส่วนแถวกลางเป็นคณะสว. กับครม. แถวสุดท้ายเป็นสส. ชื่อคุณชลกับคุณกานต์ โดยมีคุณเฟื่องทำหน้าที่ดูแล เมื่อทุกคนมาอยู่บนรถครบ คณะทัวร์กระชับมิตรกระชากวัยจึงเริ่มเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายคือชัยภูมิ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อยู่ที่ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต เราวิ่งเส้นสระบุรีเลี้ยวขวา คุณจุ๋มที่นั่งอยู่ข้างๆชี้บอก เราก็ร้องอ๋ออออ สะพานนี้เองเหรอ แบบว่าเด็กกุงเต้บ บ้านอยู่แถวปาต้า ก็เลยรู้จักแต่กิงกอง เม่ยเคยไปตี้อื่นเลย

ขับมาได้สักชั่วโมง รถแวะปั๊มน้ำมันเพื่อให้ทุกคนได้ทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนเราก็เริ่มทำหน้าที่ผู้ช่วยแสนดี ไล่ล่าข่มขู่เรียกเก็บค่าเสียหายสำหรับการเดินทางไปแสวงหามิตรภาพในครั้งนี้ แต่ทุกคนก็ยินยอมโดยดี เมื่อเรามีหมูทอดแสนอร่อย ฝีมือคุณลี ที่คุณเฟื่องบอกว่าทำได้แค่เนี้ยเหรอ เขาชมค่ะ เขาชม คุณลีบอกตัวเองแบบนั้น เราแจกหมูทอดกับข้าวเหนียวแสนนุ่มร้อนควันกรุ่น(ฝีมือเด็กบ้านคุณจุ๋ม) เป็นอาหารว่าง เรียกว่าเป็นค่าปิดปากกันโวย พอรับข้าวเหนียวกับหมูทอดไปคนละกล่อง ทุกคนจึงก้มหน้าก้มตาวิเคราะห์กันอย่างจริงจัง และเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้ง

เราสองคน (หมายถึงคุณจุ๋มกับคุณลี ) คุยกันมาเรื่อยๆแต่ส่วนมาก คุณจุ๋มเธอจะแย่งเราพูดไม่ทัน หรือเธออยากฟังเราพร่ำก็ไม่รู้ เธอเลยปล่อยให้ข้าพเจ้าน้ำลายแตกฟองอยู่คนเดียว แต่พอเล่าชีวิตแสนรันทดในวัยดึกดำบรรพ์ เอ้ย ! ชีวิตแต่หนหลังให้เธอฟัง

โอววว น้ำตาเธอไหลเป็นทาง อืมมมม...ไอ้เราคิดในใจไอ้ที่น้ำตาไหลนี่ ซาบซึ้งกับเรื่องของเราจริงๆ หรือว่าเสียใจที่ทำมั้ยทำไมคุณเฟื่องถึงให้จุ๋มมานั่งตรงนี้ แล้วทำไมจุ๋มไม่บอกออกไปว่า จุ๋มไม่อยากฟังงงงงงง

โชคดีเป็นของคุณจุ๋มที่รถมาถึงร้านอาหารครูต้อตอนแปดโมงเช้า อ๊ะฮ๊า ! ข้าพเจ้าจะได้หม่ำ ส่วนคุณจุ๋มก็คงโล่งใจที่ไม่ต้องฟังเราเม้าท์ แต่ มันเช้าเกินไปสำหรับคณะของเรา ร้านจึงยังไม่เปิดให้บริการ เอาละสิที่นี้ คณะสว.ที่มาด้วย และคุย หัวเราะกันมาตลอดทาง เริ่มมีโวยว่า เห็นไหมนัดตีห้ามันเช้าเกินไปสำหรับการเดินทาง บอกแล้วว่าให้ออกตอนหกโมงเช้าก็ไม่เชื่อ

อ้าว ! เราร้องได้แค่นั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป...................



3.

คุณโชเฟอร์รูปหล่อของเราก็ดี๊ดี รีบบอกว่าไปทานข้าวเหนียวกับหมูทอดที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อยกันดีกว่าครับ ทุกคนในรถจึงเห็นด้วย และ คุณจุ๋มก็เลยต้องฟังเราพร่ำต่อไปอย่างจำใจ

คณะของเรามาถึงน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเป็นคณะแรก (อีกแล้ว) แต่ทุกคนก็ยินดีที่จะลงไปชื่นชมกับเสียงน้ำ สายลม เสียงนก เสียงกา และเสียงบ่นว่าหมูทอดไม่อร่อย(ครั้งที่สอง) จากคุณเฟื่อง

เราเดินลงไปดูน้ำตกกับคุณจุ๋ม ตามด้วยนายอาตี้ หนุ่มหล่อสุดในคณะของเรา รวมไปถึงสาวสวยอีกหนึ่งมิมิจัง แล้วก็คณะสว.เดินจับกลุ่มคุยกันหนุงหนิงชมธรรมชาติ

เรากับคุณจุ๋มเดินกลับขึ้นไปตรงศาลาอีกครั้ง มีคุณกานต์ คุณชล คุยอยู่กับหนุ่มเฟื่องที่วันนี้มาเป็นพิธีกรทอล์คโชว์โดยเฉพาะ เพราะพี่ท่านเอาแต่ทอล์ค ทอล์ค ทอร์ค คือกัด กัด กัดผู้ร่วมคณะอย่างเราผู้น่าสงสารอยู่ตลอด ให้ทำหมูทอดไปสามโล เพราะบอกว่าลำพังตัวเองฟาดคนเดียวก็ครึ่งโล บวกน้องด้วยอีกโลครึ่ง สรุปแล้วทอดไปสักสามโลน่าจะดีนะคุณลี ความดีก็ไม่ได้แถมยังโดนใส่ร้ายว่าหมูทอดไม่อร่อย

เขาว่ามันโนคาร์โนเนชั่น (สำนวนคุณจุ๋ม ไม่มีรสไม่มีชาติ) เสียดายว่าเขาไม่บอกแต่แรกว่าเค็มน้อยไปนิด ไม่งั้นเราก็จะบอกให้เขาเอาหมูทอดจิ้มแขนตัวเอง มันจะได้เค็มอย่างที่เขาต้องการ

ฮึ่ม ! เรื่องหมูทอดคงจะพูดไปอีกหลายทริปหรอก

เรามาสมทบกับคุณกานต์ คุณชลที่ศาลา คุณกานต์มีกล้องถ่ายรูปติดมืออยู่ตลอด ใครอย่าเผลอตัวเชียวนะ เธอเป็นกดชัตเตอร์แชะๆทันที เราหันไปเจอตอนเธอแอบถ่ายเรานั้น จินตนาการไปว่าเราเป็นพรีเซนเตอร์กล้องถ่ายรูปแคนนอน มายอิมเมส มายพอลล่า

อ่านมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งอาเจียนของเก่าออกเด็ดขาด ก็แหม คนเรานะ มันต้องมีบ้างงงง อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งละที่เคยอายุเท่าพอลล่า (ฮา)

คุณกานต์ถ่ายรูปได้สวยและมีฝีมือค่ะ ชาวกล้องเขาเรียกการถ่ายภาพแบบนี้ว่าแคนดิท (จำเขามาโม้อีกที) เธอถ่ายทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือเดินอยู่ข้างหลัง หรือข้างซ้ายแอนด์ข้างขวา

ถ่าย ถ่ายถ่าย กด กด กด จนเราต้องคว้ากล้องขึ้นมาดวลกับเธอ อ๊ะ อัลบัมรูปส่วนตัวของเราตอนนี้ ต่างมีภาพแสนประทับใจอยู่ไม่น้อยค่ะ

ส่วนคุณสายชลของเรา เธอยังแค่ยิ้มและไม่ค่อยพูด เรียกว่าเธอฟังพวกเราเมาท์ฝ่ายเดียว เช่น มะเฟื่องเผาคุณลีเรื่องหมูทอด

และก่อนที่สงครามปากจะลุกลามใหญ่โต คณะสว.ที่เดินสำรวจพื้นที่น้ำตกจนฉ่ำใจ พวกเธอร้องหากาแฟ เราจึงพร้อมใจกันชี้ไปที่ร้านค้าตรงลานจอดรถของน้ำตกเจ็ดสาวน้อย

ควันไฟสีขาวจากร้านค้ายังโขมง เพราะยังเช้าจัด คือเช้าจริงๆ ส่วนมากเขาจะติดไฟเตรียมปิ้งไก่ แต่บางร้านก็มีไก่ปิ้งสุกวางไว้แล้ว จากการสันนิษฐานของนรสีห์ เอ้ย ! ของคุณลี เชื่อว่าไก่บนเตาน่าจะเป็นของเมื่อวานอย่างแน่แท้ ฟันธง !

พวกเรายืนรอคณะ สว.ซื้อกาแฟอยู่ชั่วน้ำร้อนเดือด ใช่ค่ะ เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆร้านค้าเพิ่งจะติดไฟตั้งน้ำชงกาแฟให้คณะสว.ของเรา จากนั้นเราจึงเริ่มเดินทางต่อ

ถึงตรงนี้คุณเฟื่องสั่งทันที “คุณลีไปนั่งข้างหลังกับคุณกานต์ คุณชล ผมจะนั่งหน้าบอกทาง”

‘อ้าว ! ก็พี่หล่อล่ำของเรา ขับมาได้ตั้งแต่กรุงเทพฯ ไหงเกิดจะมาหลงทางกันตรงนี้ซะแล้ว’ คิดค่ะคิด ตรงนี้คุณลีคิดในใจ แต่คุณเฟื่องดันได้ยิน

“เออน่าคุณลีก็..ไปทำความรู้จักไว้..เพื่ออนาคตข้างหน้าของโมริสาไง” ได้ยินดังนั้น เราโผเข้ากอด? แอ๊ะ ! รู้นะว่าคิดไรอยู่ ?

เราโผกอดคุณจุ๋มค่ะ แบบว่าจำใจต้องไปเพราะหน้าที่นี้เพื่อชาติ เอ้ย เพื่ออนาคตของโมริสา (ว่าไปนั่น) คุณจุ๋มเธอก็ดี๊ดี กอดตอบเรา ประมาณว่า เออ..เอ็งไปนั่งข้างหลังก็ดีฟ่ะ ข้าไม่อยากฟังเรื่องของเอ้งงงงงงงอีกแว้ววววววววว

โปรดติดตามต่อ.....



4.

โมริสาขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลังสุด ขนาบข้างด้วยคุณสายชล กับคุณกานต์ เรายิ้มทักทายหลังจากที่แนะนำตัวกันตั้งแต่ตอนไล่ล่าค่าเดินทางตรงปั๊มน้ำมันแล้ว และเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา จึงเริ่มต้นการคุย เรานั่งกลางจึงต้องหันไปมาระหว่างคุณสายชล กับคุณกานต์ ฟังคุณสายชลคุย แล้วเราก็ต้องหันไปคุยกับคุณกานต์ด้วย ช่วงนั้นเราหันไปหันมา ในใจก็นึกว่า อืมมมม...ถ้าเราต้องทำอย่างนี้ไปทั้งวันตลอดการเดินทาง คอข้าพเจ้าคงหมุนได้รอบทิศทาง แบบระบบดอลบี้สเตอริโอของโรงหนังเอสเอฟซีนีม่า

โชคดีที่วันนั้นคุณกานต์เป็นฝ่ายฟังมากกว่า และปล่อยให้เราสัมภาษณ์คุณสายชลแทน อ๊ะฮ๊ะจะมีอะไรดีไปกว่าคุยถึงนวนิยายสองเรื่องของเรา ป่านนี้คุณชลอาจคิดว่า เอ๋อคุณเฟื่องนะคุณเฟื่องส่งคุณลีมาได้ยังงายยยยยยยยยยยย เธอถามแต่ว่าแรงรักฯเป็นไงบ้าง ในนามฯอ่านแล้วเป็นไงบ้าง อยากบอกคุณชลว่าการพูดคุยวันนั้น ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานขึ้นอีกเยอะ เพราะสารที่เราต้องการสื่อนั้น ไปถึงมือผู้บริโภคอย่างที่ต้องการ ถึงแม้จะไม่มากอย่างที่หวังก็เถอะ

จากนั้นเราผลัดกันคุยกับคุณชลซึ่งตอนแรกเข้าใจผิดนึกว่าเธอพูดไม่เก่ง แต่ที่ไหนได้ การคุยของเราออกรสมากขึ้นโดยเฉพาะเรายกหัวข้อการดูหนังขึ้นมาพูด หลังจากที่ถามความเห็นเรื่องนิยายจนหนำใจ โดยมีคุณกานต์นั่งยิ้มฟังอย่างเดียว แบบว่าออมแรงไว้ให้มากสุด



เรามาแวะที่ไร่องุ่นปภัสรา เถาองุ่นที่คิดว่าจะได้ดู กลับว่างเปล่า มีเพียงใบสีเหลืองๆกับนั่งร้านเป็นแถวยาวเหยียด เราซื้อน้ำองุ่นชิม ถ้าจะให้เปรียบกับที่ไร่องุ่นของสุพรรษาที่ชลบุรีละก็ ที่โน่นรสชาติดีกว่าเยอะเลย ที่นี่เราไม่ได้อะไรมาก เพราะเถาองุ่นไม่มีให้ดู ก็เลยพากันขึ้นรถมุ่งหน้าไปทุ่งดอกกระเจียวน่าจะดีที่สุด



คณะทัวร์กระชับมิตรของเรามาถึงบริเวณป่าหินงาม ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง ถ้าจำไม่ผิด คุณเฟื่องกับหนุ่มก้องพาไปทานข้าวกลางวันก่อน เพื่อเพิ่มกำลังสำหรับการเดินชมทุ่งกระเจียวอย่างสุขใจ

ร้านอาหารที่ว่าเป็นร้านเล็กๆชื่อร้านอะไรจำไม่ได้ เห็นคุณเฟื่องบอกว่าเจ้าของร้านนี้เป็นกิ๊กของโชเฟอร์รูปหล่อของเรา ไอ้เราก็ชะเง้อคอยดูว่าเจ้าของร้านจะสวยเพียงไหนหนอ แต่เราก็อดทนรอไม่ไหว เมื่ออาหารถูกมาวางตรงหน้าเป็นอย่างแรก หมูทอด ข้าวเหนียว แคบหมูกับน้ำพริกหนุ่ม เราก็ว่าหน้าตาคุ้นๆ ที่ไหนได้ของเราเอาไปเอง แต่เชื่อไหมว่าทุกคนก็ยังหยิบเข้าปากทั้งที่ไม่อร่อยตามที่คุณเฟื่องฟันธง

จากนั้นมีส้มตำรสแซ่บ ต้มยำกุ้งตัวน้อย ปลาทับทิมย่างเกลือ ผัดผักรวมมิตร ปลาทับทิมทอด ไก่ทอดแช่น้ำปลา มื้อนั้นเรารู้สึกว่าอุดมไปด้วยธาตุไอโอดิน เพราะเค็มสะใจดีจริงๆ

ค่าเสียหายมื้อนั้นพันหนึ่งร้อยบาท ตอนแรกเราตกลงกันว่าจะหารสิบ แต่หนึ่งในคณะสว.ของเรา ยินดีเป็นเจ้าภาพให้กับทุกคน มื้อนั้นจึงมีรอยยิ้มของพวกเรานักช้อปของฟรี เป็นคำขอบคุณให้เธอ (เห็นไหมว่าไปกับคณสว.มันดีอย่างเนี้ย คุณเฟื่อง)

สุดท้ายก่อนออกจากร้านพวกเราได้เห็นกิ๊กของหนุ่มก้องสมใจ เอ่ออ่า ถ้าใครอยากเห็นว่าหน้าตาเธอสวยบาดจิตแค่ไหน ก็ขอเชิญไปที่ป่าหินงาม ส่วนชื่อร้านวานคุณเฟื่องบอกให้ที



จากนั้นเราพากันขึ้นรถเพื่อไปลงยังด่านหน้าของป่าหินงาม เราไม่รู้ว่าเสียค่าผ่านประตูเท่าไร เพราะลีดเดอร์เฟื่องของเราเป็นคนจัดการ เข้าไปแล้วก็ต้องไปรอขึ้นรถเพื่อพาไปยังจุดท่องเที่ยวอันดับแรก คณะของเรามีสิบเอ็ดคน เพราะหนุ่มก้องสมัครใจคอยอยู่ที่ร้านอาหารแทน คงเป็นเพราะกิ๊กคนนั้นแน่เลย

พวกเรา ต้องแยกกันนั่งรถของภายในอุทยาน เพราะนักท่องเที่ยวที่ใจเดียวกับเรามีอีกหลายร้อยชีวิต จุดที่ทางเจ้าหน้าที่ของอุทยานพานักท่องเที่ยวไปลงคือจุดชมวิวสุดแผ่นดิน เป็นหน้าผาสูงชันของเทือกเขาพังเหย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 846 เมตร

เรากับคุณจุ๋มนั่งรถมาด้วยกันพร้อมคุณเฟื่อง คุณสายชล มีคณะสว.อีกสี่ท่าน ยังขาดอีกสองคือหนุ่มหล่ออาตี้กับสาวสวยมิมิจัง และคุณกานต์ ระหว่างที่เรารอจะมีไกด์เยาวชนของอุทยานป่าหินงามเข้ามาแสดงตัว และบอกว่ามีหน้าที่พานักท่องเที่ยวเดินชมอุทยาน แห่งนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้น อยู่ที่เราพอใจจะให้ วันนั้นเราตกลงให้สาวน้อยนักเรียนมัธยมสองเป็นผู้บรรยายให้เรา ในคณะที่คณะสว.เลือกหนุ่มผิวเข้มมมมมมมมนักศึกษาปีหนึ่งเป็นผู้บรรยาย

วันนั้นคณะของเราจึงมีมัคคุเทศก์สองคน ระหว่างที่รอคุณเฟื่องหยิบร่มมากางแล้วเรียกให้ถ่ายรูป ไกด์เยาวชนของเราก็ยืนยิ้ม เราเลยบอกเธอว่าเนี่ยคนเนี้ยเป็นนักเขียนนะ แม่หนูคนนั้นหัวเราะก๊ากออกมา ทำอย่างกับว่าเราเล่าเรื่องตลก ไอ้เราก็เอ๊ะ! สงสัยเธอคงดีใจแน่เลย ถึงได้หัวเราะซะขนาดนั้น

เรายังบอกเธออีกว่า ไม่อยากได้ลายเซ็นเหรอ เธอก็ยังขำไม่หยุด จนคุณเฟื่องหันมาบอกว่าสงสัยไม่เชื่อแน่เลย ก็ท่าทางเพี้ยนแบบนี้ใครจะเชื่อว่าเขาคือนักเขียน ว่าแล้วก็กางร่มเดินฉับๆขึ้นบันไดปูนตรงไปยังจุดชมวิวสุดแผ่นดินอย่างสบายใจ แต่ในใจคงบ่นพึมว่าเออ อีกหน่อยถ้าขอลายเซ็นแล้วได้ยาก อย่ามาบ่นก็แล้วกัน



โปรดติดตามตอนต่อไป.....

5.

สุดแผ่นดินเป็นผาหินอยู่บนเทือกเขาพังเหย อย่าเข้าใจผิดว่าข้าพเจ้าเก่งจดจำทุกอย่างได้แม่น ที่รู้ก็เพราะอ่านจากเอกสารที่คุณเฟื่องเอามาแจก เขาบอกว่าผาหินแห่งนี้ เกิดจากการยกตัวของพื้นที่เป็นพื้นที่ราบสูงของทางภาคอีสาน เป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางกับภาคอีสาน จึงเรียกบริเวณนี้ว่าสุดแผ่นดิน ณ จุดนี้จะเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาพังเหย และพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จังหวัดลพบุรี ไกด์เยาวชนของเราบอกว่าถ้ายืนตรงจุดชมวิวนอกสุด และยื่นมือออกไปก็จะเป็นจังหวัดลพบุรี แต่เราดูสถานการณ์แล้ว ยังไงก็ขอยืนหดแขนอยู่ในเขตจังหวัดชัยภูมิน่าจะเซฟชีวิตตัวเองไปได้อีกหลายปี

เราผลัดกันถ่ายรูป แหละเหมือนเคย พวกเรายังคงเป็นนายและนางแบบของการถ่ายรูปแบบแคนดิทของคุณกานต์ ลืมบอกไปว่าอากาศดีมั่กมาก กำลังเย็นสบาย และวันนั้นแดดก็ไม่จัด ทำให้การเดินชมธรรมชาติในวันนี้เหมาะกับการหนุงหนิง จุ๋งจิ๋งที่สุด

เราถ่ายรูปกันจนหนำใจ ไกด์ทั้งสองจึงพาคณะของเราย้อนออกมาทางเดิม แต่เลี้ยวไปทางขวา เพื่อจะเดินผ่านป่าไปยังทุ่งดอกกระเจียว ป่าที่ว่าเป็นป่าโปร่งไม้ยืนต้นส่วนมากเป็นไม้เบญจพรรณ เราเดินแถวเรียงหนึ่งหรืออย่างมากไม่เกินสอง จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นทยอยเดินตามกันมาเรื่อยๆ บางกลุ่มเขาก็ไม่ใช้ไกด์คงไม่อยากเสียเงิน ในความเห็นของเราแล้ว นี่คือการกระจายรายได้ทางหนึ่ง และเป็นการส่งเสริมให้เขามีอาชีพไปในตัว อย่างน้อยการได้เรียนรู้ทางนี้ทำให้เยาวชนเหล่านี้ได้รู้ว่าเขาหรือเธอ จะเลือกเดินไปในเส้นทางไหน เรามองเยาวชนน้อยคนนี้แล้ว ทำให้เกิดตัวละครขึ้นมาอีกหนึ่งที่จะเขียนในเรื่องใหม่ (ต้องตีกันคุณเฟื่องไว้ก่อน)

วันนั้นเราเดินกันมาตามเส้นทางที่ไกด์พาเดินไปอย่างไม่เร่งร้อน อาจเป็นเพราะคณะของพวกเราคิดตรงกันว่าการเที่ยวคือการพักผ่อน ไม่สมควรเร่งร้อนให้เกินกว่าเหตุ จึงมีขบวนของนักท่องเที่ยวแซงขึ้นหน้า บ้างก็หยุดยืนรอฟัง เพราะไกด์พามายืนตรงจุดจุดหนึ่ง เดี๋ยวคุณเฟื่องคงลงภาพประกอบให้ดู ณ จุดนี้เขาบอกให้เราสูดหายใจเข้าไปหลายๆครั้ง เพราะตรงนี้เชื่อกันว่าเป็นจุดที่อากาศบริสุทธิ์ที่สุด ทุกคนในคณะจึงทำตาม เราเองก็สูดเข้าไปหลายครั้งจนเต็มปอด เพราะรู้ว่าเราคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีก

เพราะอะไร ? เพราะเราควรไปเที่ยวที่อื่นบ้างน่ะสิ เงินไม่ได้เหลือเฟือพอที่จะเสียมันไปอีกครั้ง เพื่อจะมาเที่ยวซ้ำแบบเดิมหรอกนะ (ของขึ้นตอนนี้ ขอบ่นนิดนึง)

ตรงนี้รู้สึกจะมีต้นปรงอายุร้อยปีอยู่ด้วย คุณเฟื่องเองยังแวะเข้าไปปลงอนิจจัง คุณกานต์เธอถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานมาเพียบเลบแหละ

ในคณะของเรารู้สึกว่าคุณเฟื่องจะสนุกกว่าเพื่อน แถมยังมีช่างภาพส่วนตัวตามติดตลอด (อิจฉานะ ถึงพูด) แต่คุณเฟื่องก็คงเถียงว่า คุณลีแหละสนุกมากกว่าเพื่อน

เราเดินกันไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งร้อน จนมาถึงบริเวณที่เป็นสะพานแคบๆหรือจะเรียกว่าทางเดินสำหรับคู่รักเดินชมทุ่งดอกกะเจียวก็ได้ เพราะทางแคบทำเหมือนลูกระนาดแต่ไม่ใช่ไม้ แล้วก็ไม่ใช่ปูน เราลงความเห็นว่าน่าจะเป็นพวกไฟเบอร์เนื้อแข็ง สะพานนี้ทอดยาว เพื่อใช้เป็นทางเดินชมดอกกระเจียว และเป็นทางเดินออกไปสู่ถนนข้างหน้า เพื่อต่อรถไปดูลานหินงามอีกที

ดอกกระเจียวเป็นพืชล้มลุก ประเภทหัว พบว่าเป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นเป็นไม้พื้นล่างของป่าเต็งรังซึ่งมีไม้เหียงเป็นไม้เด่น ในเอกสารที่เขาให้มา บอกว่ามันขึ้นกระจายอยู่ทั่วตั้งแต่ลานหินงามและบริเวณสุดแผ่นดิน แต่ที่พบมากที่สุดอยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยาน ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร เขายังบอกอีกว่า ดอกกระเจียวจะบานสะพรั่งในช่วงฤดูฝนของทุกปี และเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม จะมีมากที่สุด



6.

จากที่เราเดินกันเป็นหมู่คณะ พอเจอดอกกระเจียว เราก็เริ่มแตกกลุ่มกัน คุณจุ๋มที่เดินกับเรา กลับไปจับคู่กับคุณสายชล คงไม่อยากรอเราแวะถ่ายรูป ส่วนคุณกานต์เธอมีความสุขกับการถ่ายภาพแคนดิทอย่างมาก ส่วนหนุ่มอาตี้กับมิมิจังก็เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปดอกกระเจียว สลับกับการถ่ายรูปให้กันและกัน บางครั้งคณะสว.จะเรียกให้ไปถ่ายรูปให้บ้างก็ตามแต่ใครจะอยู่ใกล้ สำหรับโมริสา ก็เดินเรื่อยเปื่อย บางทีก็อยู่กลุ่มสว. บางทีก็อยู่กลุ่มสส. บางทีก็เดินกับคุณเฟื่อง บางทีก็อยู่กับดอกกระเจียวตามลำพัง รูปที่ได้จึงไม่สวยอย่างใจ เพราะดอกกระเจียวไม่เยอะอย่างที่อยากเห็น และไอ้ที่เยอะมันก็ไปอยู่เสียตั้งไกล มันไกลเกินกล้องดิจิตอลรุ่นกล้องฉลาดแต่คนถ่ายโง่จะซูมภาพไปถึง

เราเสียเวลาเดินอยู่ในทุ่งกระเจียวอยู่เป็นชั่วโมง อย่างไม่รู้ตัว วันนั้นอากาศดีไม่ร้อนจัด แดดไม่ออก บางคนอาจชอบเพราะไม่ร้อนมาก แต่สำหรับคนอยากไปเก็บภาพอย่างหนุ่มอาตี้บ่นออกมาว่าแดดไม่สวย เลยหันไปถ่ายรูปหวานใจแทน

คณะของเราออกมายืนคอยรถเพื่อจะต่อไปยังลานหินงาม อยู่พักใหญ่ รถที่แล่นในอุทยานมีไม่พอกับนักท่องเที่ยววันนั้น ทุกคนจึงพร้อมใจกันยืนเบียดสลับกับนั่งไปบนรถ เพราะขี้เกียจคอยเที่ยวต่อไปซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน

รถพาเราแล่นผ่านอุทยานมายังลานหินงาม ใช้เวลาไม่นาน แต่ไกด์บอกว่าระยะทางสี่กิโล และไม่สนับสนุนให้เดิน เพราะเรายังต้องไปเดินในบริเวณลานหินงามอีก

“ลานหินงามเป็นกลุ่มหินซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของอุทยาน เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะเนื้อหินทรายในส่วนที่อ่อนกว่าส่วนอื่นออก ใช้เวลานานนับล้านปี จึงก่อให้เกิดเป็นโขดหินรูปแปลกตา สวยงามน่าอัศจรรย์บนเนื้อที่ 10 ไร่ ซึ่งมีชื่อรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกกันไป” (อ้างอิง จากเอกสารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ)

ขอแนะนำว่า การมาเที่ยวที่นี่ ควรแต่งตัวด้วยชุดบุกป่าฝ่าดง และรองเท้าสมควรจะเป็นผ้าใบ หรือรัดส้น จะทำให้สะดวกต่อการเดิน และควรใช้บริการของมัคคุเทศก์เยาวชน เพราะข้อมูลและการเดินเทื่ยวในที่แห่งนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาเดินวน และย้อนไปมา

เท่าที่เดินตามไกด์ ทำให้เรารู้ว่าที่นี่เคยเป็นแม่น้ำ หรือต้นน้ำที่ใหญ่พอๆกับลำน้ำโขง เพราะมีลำธารสายเล็กๆ ขอย้ำว่าเล็กๆนะเล็กจริงๆ น้ำที่ไหลก็ใส ไกด์หยิบดินทรายตรงก้นลำธารให้ดู บอกว่าดินที่นี่เป็นดินที่เกิดจากการสลายตัวของหิน ส่วนหินเป็นหินชนิดเดียวกับหินโคราช มีอายุระหว่าง 180-230 ล้านปี ในยุคจูแรสสิก แลไทรแอสสิก

เราอ่านในเอกสารที่แจก เขาบอกว่าหมวดหินที่นี่มี 2 ประเภท คือหมวดหินภูพาน –เขาพระวิหาร และหมวดหินภูกระดึง และสันนิษฐานว่าเมื่อ 230 ล้านปี ก่อนการยกตัวของเปลือกโลก บริเวณสุดแผ่นดินเป็นทางแม่น้ำไหลผ่าน

ไกด์พาไปชมกลุ่มหินแรก เขาชี้ให้ดูแล้วบอกว่านั่นคือช้างเอราวัณ ทุกคนก็พยายามเพ่งมอง สำหรับเราแล้ว มองยังไงก็ไม่ใช่ช้าง โอววว แต่อย่าให้บอกเลยนะ ตอนนั้นมันจินตนาการไม่ออกจริงๆ

หินที่เรารู้สึกว่าเหมือนที่สุด และไม่ต้องจินตนาการเลยคือ หินรูปถ้วยฟุตบอลโลก อย่างที่เห็นในรูป นอกจากนั้นก็มีหินอีกหลากหลายรูปร่าง สำหรับเราเองนั้น ไม่ได้พิจารณามากนัก เพราะมัวแต่ปีนขึ้นปีนลง ตามเสียงเชียร์ของคุณเฟื่อง

ไอ้เรามันบ้ายอ แล้วก็บ้ายุ แล้วก็ประเภทเฟมินิสต์ สิทธิสตรีเสมอภาค ผู้ชายทำได้ สุภาพสตรีอย่างเราก็ต้องทำได้ด้วย บนโขดหินสูงที่คุณเฟื่องยืน จึงมีเราอยู่ด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เรายังชวนคุณจุ๋มให้ปีนตามขึ้นมา แล้วก็คะยั้นคะยอให้คุณสายชลปีนตามมาอีกคน แต่ต้องขออภัยที่ลงรูปให้ดูไม่ได้ เพราะเกรงว่าบล็อกของคุณเฟื่องจะร้อนแรงขึ้นมาด้วยฤทธิ์ของสาวไฟแรง(สูง)อย่างพวกเรา ก็นะถ้าใครอยากเจอตัวจริงของพวกเรา ก็มีทริปกระชับมิตร 2 ตามมาติดๆ เดี๋ยวค่อยว่ากันว่าทริปหน้าเราจะไปไหนต่อ



7.

สรุปแล้วเราอยู่ในอุทยานป่าหินงาม ร่วมสี่ชั่วโมง กลับออกมาอีกทีกี่โมงจำไม่ได้แล้ว แต่เหนื่อยแล้วก็เมื่อย แต่สิ่งที่ได้กลับมาด้วยคือความสุข และมิตรภาพของพวกเราชาวมะเฟื่องฮาเฮ หลังจากทุกคนมากันครบ เราขึ้นรถมุ่งหน้าไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คราวนี้เรามานั่งข้างหน้ากับคุณจุ๋มเหมือนเดิม ปล่อยให้มะเฟื่องลีดเดอร์ไปนั่งข้างหลังบ้าง แล้วรายการสัมภาษณ์โชเฟอร์หล่อล่ำของเราก็เริ่มต้นขึ้น เปรี้ยวปากมานาน เอ้ย ! ไม่ช่าย ไม่ใช่อย่างที่คิด หมายความว่าเปรี้ยวปากอยากถามมาตั้งก๊ะเช้าแล้วว่า เขามีนิสัยใจคออย่างไรในการดำเนินชีวิต และสนิทสนมกับพี่ชายเขามากน้อยแค่ไหน อีกย่างอยากรู้ว่าประวัติชีวิตของพี่ชายตัวดีเขาด้วย

เรากับคุณจุ๋มช่วยกันสัมภาษณ์ แต่ได้อะไรไม่มาก นอกจากว่าผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงต้องโทรตามโทรเช็คตลอด แล้วทำไมผู้หญิงไม่ชอบความจริง แต่พอโกหกกลับเชื่อในสิ่งที่เราพูด

เราก็บอกเขาว่าต้องดูด้วยว่าทำไมผู้หญิงถึงเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะสาเหตุมาจากผู้ชายหืออย่างไร วันนั้นเราถกเรื่องนี้กันไม่น้อย แต่สรุปสุดท้าย ต่างก็คิดไปในทางของแต่ละคน

รถใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆมาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เราไปถึงรถเที่ยวสุดท้ายที่จะพาไปชมสันเขื่อน เพิ่งจะแล่นออกไปแบบเส้นยาแดงผ่าสิบหก ไอ้เรานึกจะโดดขวางหน้าให้รถหยุด ก็ใจยังไม่ถึง อีกอย่างยังห่วงวัตถุโบราณที่บ้าน กลัวไม่มีใครดูแลจับวางจับตั้ง (ฮา)

คณะของเราเลยเดินเตร่ชมวิวในเขื่อนอยู่รอบๆ และสุดท้าย สี่สว.ของเราก็ร้องหิวข้าว เดี๋ยวเดียว เด็กหนุ่มผิวเกรียมแดด เสื้อยืดสีแดง ก็ตรงรี่เข้ามายื่นโบชัวร์ร้านอาหารให้ถึงมือ มีบัตรลดให้ด้วยนะ

เขาบอกว่าถ้าไปทานอาหารที่ร้านชาวเขื่อนของเขา จะได้สิทธิ์ซื้อกุ้งเผาจานละหนึ่งบาท ! อ่านไม่ผิดและได้ยินไม่ผิด กุ้งเผาจานละหนึ่งบาท เท่าที่เห็นในรูปมีหกตัว มะเฟื่องลีดเดอร์เลยต่อรองขอเป็นสองจานเพราะมากันสิบสองคน แล้วคุณคิดว่าเขาจะให้ไหม

เราใช้เวลาชั่วอึดใจ ก็มานั่งในร้านชาวเขื่อน ร้านที่ว่ากุ้งเผาจานละหนึ่งบาทนั่นแหละ เราถามพนักงานว่ากุ้งตัวแค่ไหน เธอตอบว่าตามมาตรฐานกุ้งก้ามกรามทั่วไป ไอ้เราก็ลืมไปว่ามาตรฐานของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ของเรานั้นตัวต้องใหญ่ ขนาดหกตัวโล แต่ของที่ร้านนี้มันขนาดหกสิบตัวโลละมั้ง กุ้งเผาในจานจึงทำให้เราต้องนั่งท้าวคาง มองอย่างเข้าใจถึงเทคนิคการขายและโฆษณาชวนเชื่อเรียกลูกค้าแบบง่ายๆแต่ทำให้คนมากินต้องทำใจอย่างมาก

ดินเนอร์มื้อนั้นจึงมี ต้มยำปลากระทิง ปลาช่อนนึ่ง ขาหมูทอดกรอบ คุณมะเฟื่องของเราสั่งยำถั่วพูทุกครั้ง ทุกร้านที่ไป (ไม่รู้ว่าทำไมต้องยำถั่วพลู) แต่ขอโทษที่ที่นี่ไม่มี จึงได้ยำมะเขือยาวมาแทน มื้อนี้จึงเป็นมื้อกระชับมิตรที่อิ่มอร่อยมากกว่ามื้อกลางวัน เราหมดเวลาไปกับมื้อเย็นร่วมชั่วโมง จากนั้นเมื่อทุกคนพร้อมจึงเป็นหน้าที่ของโชเฟอร์ที่จะพาคณะของเรากลับบ้าน

เราหนีคุณจุ๋มมานั่งข้างหลัง เพื่อผลัดให้คุณเฟื่องไปนั่งข้างหน้าบ้าง แต่กลับเป็นว่า คุณเฟื่องมานั่งเบียดกับพวกเราตรงเบาะหลัง มีคุณกานต์ คุณสายชล นั่งริม เรากับคุณเฟื่องนั่งกลาง

ลีดเดอร์ของเราบอกว่าเพื่อวางแผนทริปกระชับมิตรต่อไปต่างหาก เพราะระหว่างมื้อเย็นนั้น คณะสี่สว.ของเราปรึกษากัน และให้คุณเฟื่องจัดทริปไปดูดอกบัวตองที่แม่ฮ่องสอนในพฤศจิกายน เราได้วันและเวลาที่แน่นอนแล้ว และรู้สึกว่าทริปนี้ของเราอาจต้องใช้รถถึงสองคัน เพราะแค่คุยกันวันนั้น สมาชิกของเราลงชื่อว่าไปด้วยแล้วแปดคน และมีที่สนใจติดต่อมาอีกสี่คน ก็ยังไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นจะมีสมาชิกเพิ่มอีกแค่ไหน ก็ถ้าใครสนใจทริปนี้ก็ติดต่อล่วงหน้ากันได้

เราจะเดินทางเย็นวันที่ 10 พฤศจิกายน และกลับถึงกรุงเทพฯ วันที่ 13 เราไปสามวันสองคืน เที่ยวแม่ฮ่องสอนแบบวงกลม ขอบอกว่างานนี้คุ้มจริงๆ

ส่วนทริปเล็กๆและใกล้สุดคือทริปไหว้พระเก้าวัด อุทัยธานี นครสวรรค์ แว่วว่าเหลืออีกไม่กี่ที่นั่ง เรากำหนดเดินทางกันวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2551 นัดเจอกันตีห้าเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่หน้าห้องฉุกเฉิน รู้สึกคุณเฟื่องจะเริ่มกระจายข่าวแล้ว เดี๋ยวจะก็อปมาลงไว้ตรงนี้ด้วย



สุดท้ายทริปกระชับมิตรของพวกเราสำเร็จลงด้วยความชื่นมื่นสุขสันต์ ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน โดยเฉพาะมะเฟื่องลีดเดอร์สุดเฮฮาของพวกเรา ขอบคุณคุณจุ๋มที่ตอบตกลงทันทีที่ทริปนี้เกิดขึ้น และขอบคุณไปถึงทริปไหว้พระเก้าวัดอีกด้วย และรวมไปถึงทริปแม่ฮ่องสอน เรียกว่าเธอตีตราจองหนึ่งที่นั่งไว้เลยทีเดียว

ขอบคุณคุณกานต์ช่างถ่ายภาพแคนดิทฝีมือเยี่ยม ผู้พูดน้อยแต่ฝีมือล้ำลึกนัก รูปแต่ละรูปที่ส่งมาโดนใจจริงๆว่าฝีมือไม่ธรรมดา ทริปไหว้พระเก้าวัด อุทัยธานี นครสวรรค์จึงมีเธอไปด้วยอีกครั้ง รู้สึกว่าคราวนี้เธอหาสมาชิกมาร่วมด้วยอีกสอง

ขอบคุณคุณสายชล สาวร่างเล็กสุดน่ารัก ความคิดเห็นที่มีต่อนวนิยายสองเรื่องของเรานั้น ช่วยทำให้เกิดกำลังใจในการทำงานชิ้นต่อๆไปเพิ่มมากขึ้น และรู้สึกดีมากๆที่มีคนเข้าใจการกระทำของมหาสมุทร กับการกระทำของใบบัว ในฉากกรีดหน้าอก เสียดายว่าทริปไหว้พระเธอไปด้วยไม่ได้ เพราะต้องกลับบ้าน ส่วนทริปดอกบัวตองที่แม่ฮ่องสอนนั้น เธอรับปากว่าไปแน่ เหมือนกับคุณกานต์

ขอบคุณคณะสี่สว.ของพวกเราที่ทำให้การเดินทางราบรื่น ไม่เรื่องมากเหมือนกับคณะสว.ทั่วไป ขอบคุณหนุ่มอาตี้กับสาวมิมิจังที่ทำให้ทริปกระชับมิตรของเราเต็มไปด้วยความหวานของคู่รัก พาให้ใครหลายคนอิจฉา

โดยเฉพาะมะเฟื่อง

ขอบคุณก้อง โชเฟอร์หนุ่มหล่อล่ำของพวกเรา ที่ตลอดการเดินทางขับรถด้วยความชำนาญและไม่ประมาท ทำให้พวกเราวางใจและสนุกสนานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

สุดท้ายขอบคุณคุณมะเฟื่องที่เป็นธุระจัดทริปนี้แบบตามใจคนอยากไปมากที่สุดคือเรา (คุณลี)จนได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันเป็นทริปแรก และเชื่อว่าคงมีอีกหลายทริปตามมา และขอบคุณไปถึงการพูดคุย เป็นกันเองกับทุกคน มุขที่ปล่อยออกมาตลอดวัน ทำให้ทุกคนในทริปฮากระจาย (แม้จะบอกว่าหมูทอดไม่อร่อยก็เถอะ)

สุดท้ายจริงๆขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่แวะเวียนมาที่บล็อกแห่งนี้ ความสุขน้อยนิดที่มี ที่ได้จากการอ่านตัวหนังสือในที่แห่งนี้ ขอยกความดีความชอบให้ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่คือ

คุณจุฬามณี เฟื่องนคร ชอนตะวัน หรือมะเฟื่องของพวกเรา



----------------------------------------------------------------


ทริปกระชับมิตร ครั้งที่ 2
20 กรกฎาคม 2551

ออกจาก กทม. ตีห้า อนุสาวรีย์ชัย

วัดธรรมามูลวรวิหาร สักการะหลวงพ่อธรรมจักร สำหรับวัดนี้ ถ้าใครที่ได้อ่าน อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง จะเป็นวัดที่สุริยา เล่าให้รุ่งโรจน์ฟังถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อธรรมจักรที่มีประวัติว่าลอยน้ำมาเหมือนกันหลวงพ่อโสธร และเป็นจุดที่ผู้แต่งอธิบายถึง การบนบานกับการอธิษฐานจิต
(อยู่บนเขาริมแม่น้ำเจ้าพระยา)

วัดท่าซุง.. หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วิหารแก้วร้อยเมตร

วัดสังกัตรัตนคีรี (เขาสะแกกรัง)

วัดปากคลองมะขามเฒ่า (หลวงปู่ศุข พระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์)

วัดโบถส์ ริมแม่น้ำสะแกกรัง

ทานอาหารกลางวันที่แพริมแม่น้ำสะแกกรัง..

----------------
นครสวรรค์ อีก 4 วัด

วัดคีรีวงศ์ พระจุฬามณีเจดีย์ ชมวิวเมืองนครสวรรค์มุมสูง(เขาดาวดึงส์)

วัดนครสวรรค์(วัดหัวเมือง) หลวงพ่อศรีสวรรค์คู่บ้านคู่เมือง

วัดจอมคีรีนาคพรต โบสถ์เทวดาสร้าง อยู่บนยอดเขาเหมือนกัน

วัดป่าสิริวัฒนา ในสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ อยู่อำเภอท่าตะโกแนะ อยู่บนยอดเขาเหมือนกันครับ แต่รถขึ้นถึง แล้วก็เดินอีกนิดหน่อย..

สรุปว่า มีเขาทั้งหมด 5 วัดครับ

ราคา 1200 บาท รวมอาหาร กลางวันและค่ำ

แจ้งไว้ให้ทราบล่วงหน้าครับ เผื่อสนใจเดินทางร่วมกันรับจำนวนจำกัด..


F_nakhon@hotmail.com
086-9299779







เริ่มต้น เรียงตามลำดับเวลาแล้วกันครับ

ยินดีต้อนรับ /พาหนะ อำนวนความสะดวก

..น้ำตกเจ็ดสาวน้อย มวกเหล็ก สระบุรี..




อีกรูป โดยฝีมือคุณกานต์



หมูทอดลองใจคน..ฮา..

ขอเม้าหน่อยนะคุณโมริสา พูดถึงหมูทอดลองใจ..แล้วอยากเล่าเพิ่มเติม ต้องมีคนถามแน่ ๆเลยว่า ลองใจอย่างไร(ไม่รู้เขียนลองถูกหรือเปล่านะ) ..
..
คือเมื่อก่อนเวลาสับงานคุณโมริสา ผมก็จะพูดให้ฟังทางโทรศัพท์ว่า ดีไม่ดี อย่างไร จึงไม่เห็นสีหน้าท่าทาง รังสีอะไรทั้งสิ้น..แต่สำหรับผมเอง ถ้าใครมาสับงานเรา เหอะ เถียงคอเป็นเอ็น อย่างว่า มั่นใจสุด ๆ ..แบบที่มั่นใจก็เพราะเขียนเรื่องแรกก็ได้พิมพ์ครับ ก็เลย มันส์ใจไร้สติอยู่พักใหญ่..วกกลับมาที่เรื่องหมู.. ปกติ ถ้าแม่ทอดหมู ให้กินกับข้าวนี่ถือว่าเป้นอาหารจานวิเศษ นั่นหมายถึง หมูล้วน ๆ ไม่มีผัก ไม่มีเครื่องแกง มาให้หงุดหงิดหรือเผ็ดร้อน โดยปกติเนื้อหมูจะมีรสหวานนิด ๆ อยู่แล้วนะครับ..พอทอดออกมาจะได้กลิ่นหอมมาก่อนเลย พอกินแล้วจะหวาน ๆ เค็ม ๆ ติดปลายลิ้น..อยากกินให้หมดจานเล่น ๆ แต่มันคงไม่อิ่มแน่ ๆ ที่บ้านก็เลย ต้องแบ่งหมูให้คนละชิ้นสองชิ้น ตามจำนวนหมูที่ทอดกับลูกชายหญิงตาปริบ ๆ ไม่งั้นมีตีกัน..

หรืออย่างผม แม่รักมากหน่อย ช่วงแม่ทอดก็จะไปป้วนเปี้ยนแถว ๆ นั้นพอคะเนว่าหมูในจานเย็นพอจับไหวและแม่ก็เผลอ เราจะรีบคว้าแล้ววิ่งหนีออกมา..ถ้ากินแบบนี้จะอร่อยมาก ๆ..

ยิ่ง พี่กับน้องอยากกินแบบนี้บ้างแล้วแม่รู้ทัน เราจะยิ่งสะใจ..แฮ่

แต่ว่าหมูคุณลี กินแล้ว มันไม่อร่อย..
และตามมารยาท ก็คือ เขาอุตส่าห์ทำมาให้กินแล้ว พูดไปสองไพลเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง แต่ ช้า แต่ ด้วยอยากลองใจ ก็เลยบอกว่าไม่อร่อยตามความรู้สึก.. คุณลีเธอโมโหยกใหญ่ หาพวกใหญ่เลย ถามคนในบ้านด้วย คนในบ้านก็บอกว่า อร่อย
ทุกคนก็เลยบอกว่า อร่อย แต่เห็นทำหน้าปุเลี่ยน ๆ
ผมก็เลย เอ้า ลองเคี้ยวใหม่อีกรอบ มันก็ยัง...อือ แบบกินก็ได้ไม่กินต่อก็ได้..


แล้วทั้งวันคุณลีก็พยายามจะทำให้ผมเปลี่ยนคำพูดว่าอร่อยให้ได้

ตอนที่ลงมาจากเดินสามชั่วโมงแล้ว หิวโหย โรยแรง ก็คว้ามานั่งกินอีก ปรากฏว่ามันก็ยังอือ..อร่อยก็อร่อย..ก็เลยบอกว่าอร่อย..

แต่จริง ๆ มันก็ลิ้นเดิมหมูเหมือนเดิม...

จนกระทั่งนั่งรถกลับบ้านจากหมอชิตกลับนครสวรรค์ ด้วยเดินทางคนเดียว ผมก็ เอ ไปบอกของเขาไม่อร่อย เสียน้ำใจแย่เลยมั้งนะ..แต่มันก็ต้องบอกด้วยว่า ไม่อร่อยเราเพราะอะไร วันรุ่งขึ้นก็เลยโทรกลับไปบอกว่า มันไม่มีรสไม่ชาติ (no car no nation) มันไม่เค็ม จืด ๆ เฉย ๆ ไม่มีกลิ่น..

******
นึกถึงตรงนี้ผมก็นึกถึงงานเขียนทั้งของผมและของคุณลีเอง..
อย่างว่าพอคุ้นเคยกันแล้ว จะบอกว่าไม่ดีไม่ได้ ก็เกรงใจกันอีก..

บางทีการที่เราถูกสปอยบ่อย ๆ มันก็อาจทำให้เรา ไม่พัฒนางานตัวเองก็ได้มั้ง..

อย่างไร อย่าให้ความคุ้นเคยกัน ทำให้ผมมั่นใจตัวเองซะจน งานไม่ก้าวหน้า
มีอะไร ที่เห็นว่า น่าจะช่วยผมได้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็บอกกัน ที่อีเมลล์ก็ได้นะครับ ถ้าบอกแถว ๆ ผมก็เหมือนคุณลีแหละ รังสิอำมหิตเกิด แต่ถ้าที่เมลล์นี่..คงต้องเก็บกลับไปพิจารณายกใหญ่เลย..

เอ ตกลงหมูอร่อยหรือเปล่าหว่า..ให้แก้ตัวอีกรอบแล้วกัน..
เอาให้สุดฝีมือยายเลยนะ..

ปล. แค่หมูกระทะเดียวคงไม่ทำให้คุณลีหอบงานหนีออกจากบ้านหลังนี้นะ..
แหม เคยถูกสับงานหนักหนาสาหัสยังยิ้มได้เลยยยยยยยยยย


****
ดูรูปต่อไปดีกว่า..


ที่ไร่องุ่นมาลี เฮ้ย ไม่รู้มาลี จะมีไร่องุ่นตอนจบหรือเปล่า..
แต่นี่เป็นรูปที่เรียกว่าแคนดิด จากกล้องคุณกานต์ ที่ผมต้องแคนเซิ้ล ภาพที่มีหน้าคนออกทั้งหมด เหลือแต่ผลหมากรากไม้ จินตนการเอาเองนะว่าเราอยู่กันตรงไหนบ้าง..




เก้าอี้ดำในสวนกว้าง..

กำลังอ่านก้าวอี้ขาวในห้องแดงของ สุวรรณี สุคันธา..


"ฉันจะรักใครรอใครมันก็เรื่องของฉัน คุณไม่เกี่ยว ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน"

ประโยคเด็ด จากเรื่อง ตะวันลับฟ้า โสภาค สุวรรณที่ผมช้อบชอบ..
เกี่ยวอะไรกับรูปไหมหว่า..บางทีนะตาของเราอยู่ที่นี่ แต่ใจของเรา ไปไหนก็ไม่รู้..เขาเรียกว่า ไร้สติ หรือขาดสติเปล่าหว่า..

'มอร์นิ่ง กอรี่ มีหมอกบางในตอนเช้า'

ความรักของคุณหมอต้นกับจีจี้ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปลายปีมั้งกว่าจะได้ลงมือเขียน..

เอาดอกไม้ล่อไว้ก่อนครับ..



อุโมงต้นไม้..
ตามมาด้วยไร่ปสัสรา

ตกคำว่าองุ่นไปนะ..

****




แตรนางฟ้าครับ ที่ร้านอาหาร กิ๊กของน้องก้อง เค้า..
.
ไม่มีรูปที่ร้านอาหารมาฝากนะครับ เพราะ โนคาร์โนเนชั่นจนอยากลืม(อ้อหมูทอดคุณลีอร่อยกว่ามากทีเดียว)

ภาพล่างเป็นหม่ำ หม๊กจ๊ก.เอ้ย ..ไม่รู้ อาหารพื้นบ้านของเขา ผมไม่เคย รับประทานสักที แบบใจยังไม่ถึง ..แล้วก็เคยมีประสบการณ์ท้องเสียที่หนองคาย และอุบลราชธานี เพราะไม่คุ้นกับอาหารต่างถิ่นมาแล้วก็เลยต้องระมัดระวัง เป็นพิเศษ..เดี๋ยวไม่ได้แรด แล้วไม่คุ้มเงินคุ้มเวลา..

บอกไว้ก่อนนะ ไม่ใช่ถูก ๆนะนั่น..


ต่อมาตัดไปที่วิวสุดแผ่นดินเลยนะครับ..

..
แหม อยากจะบินบินไปได้อย่างนก..ฉันจะบินบินไปในนภา..

รักคุณเท่าฟ้า เหิรฟ้า....

ลุงแดง..ฮู้ววววววววววววววววว
(เมื่อไหร่มันจะคลอดวะ)
กลุ้ม..


คิดแล้วกลุ้ม คิดแล้วกลุ้ม คิดแล้วกลุ้ม กลุ้มใจ กลุ้มใจ กลุ้มใจ ...
(คิดถึงพุ่มพวงจังเลย)




คนแยะเชียวครับ..ผมไม่ชอบทุ่งกระเจียวของอุทยานแห่งชาติของป่าหินงามเพราะว่ามีการบังคับให้เดินแบบนี้และก็คนเยอะมาก ถ้าเป็นที่ทุ่งอุทยานแห่งชาติไทรทองจะสบาย ๆเดินไปเรื่อย ๆ หลายกม.กว่า แล้วก็เดินลัดทุ่งไปได้ด้วย ..แต่มันก็ไกลมาก ๆ แล้วก็เปลี่ยวด้วยครับ จะว่าอันตรายก็อันอยู่เหมือนกัน แต่ชอบที่แบบนั้นมากกว่า ดูเร้าใจดี..



บ้าบอคอแตก..

จริง ๆ นะ



ความสนุก มันอยู่ที่เราคิดและทำ..ถ้าคิดแล้วไม่ทำ ก็ไม่หนุก ยิ่งถ้าคิดแล้วไม่พูด ก็ไม่หนุกอีก..เพราะฉะนั้น ใครไปเที่ยวกับผม จะหัวเราะและหมั่นไส้อยากถีบได้ด้วยเหมอืนกัน..

ไม่รู้จริงเปล่า..




จากทุ่งกระเจียวเราก็นั่งรถคันนี้กลับมาที่ป่าหินงามครับ..


ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม..



จุดหมายไม่ไกลเกินจริง

หากวันใดอ่อนแอ ท้อแท้อย่าหวั่นไหว ขอให้ใจอย่าสิ้นหวัง ปัญหาแม้จะหนักก็คงไม่เกินกำลัง อยู่หยุดยั้ง ก้าวไป..



ไปดี หรือไม่ไปดี ..


ไม่ไปโดนดีแน่ เลยต้องไป เขาไปได้เราก็น่าจะไปได้นะ..



นั่นอะไรนั่นอะไร อ๊ะนั่นอะไร..จดหมายใครละส่งถึงเธอ..(เพลงยุคไหนหว่า)


ทุ่งกว้าง..มีหิน หลากหลายหิน..


แน่นอนว่า เราจะต้องป่ายปีนนนนนนนนนนนน


เพื่อ ชูมือขึ้นแล้วหมุน ๆ , หมุนติ้ว ๆ สนุกจะตาย..

จริงมีรูปเยอะแยะแต่ ทางทรามวัยบอกว่าห้ามเอาหน้ามาเสนอเด็ดขาดไม่งั้นเลิกไปด้วย..

มะเฟื่องก็เลย เบอร์หน้า เอ้ย เบอร์ห้าหน้าทนอยู่คนเดียว..




ไม่มีใครช่วย ก็เลยกลับดีกว่า..

กลับมาก็ยัง หาอะไรทำหนุก ๆ แบบล้น ๆ ตามเคย..

ไปไหนมาไหนกับมะเฟื่อง มีสองอย่างคือหนุกกับอาย.. เพราะ..เคยไปยืนออกสเต็ปเวลาเจอเพลงมันส์ ๆ ตามข้างถนนมาแล้ว เพื่อนกระจายเลย แหมก็ตรูอยากลองทำดูอ่ะ หรือไปหาต่อปากต่อคำกับแม่ค้า อันนี้ ช้อบชอบ ถ้าไม่ได้ของถูกก็ได้ของแถม.. ....

อิอิ อันนี้เขาให้เด็ก ๆ เล่น แต่อยากลองบ้างจังเลย..


หลับหูหลับตาแกว่างเอา มองใครได้ที่ไหน เจอแต่รอยยิ้ม และได้ยินแว่ว ๆจากไหนก็ไม่รู้ว่า..

กล้าเนอะ..
ทำไปด้าย..
...
...
..ผิดไปแล้วแต่ก็ยังยืนยันว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ..

...
กระเจียวครับ บางคนก็ซื้อกลับมาดูชมที่บ้านกันต่อ แต่มะเฟื่องไม่ซื้อ..





ได้เวลาเราก็มาที่เขื่อนป่าสัก หลับ ๆ ตื่น ๆ มาจนกระทั่งถึงครับ..
เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด ก็เลยต้องทาถู ๆ ด้วยยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ อ้าว มันตราถ้วยทองนี่หว่า..เฮ้ย..ผิดคอนเซ็ปจังหวัด ลพบุรีหมดเลย..


รูปเก็บตก..
หมูเจ้าปัญหา..
ตอนขาลงจากเขามา อร่อยขึ้นแฮะ สงสัยต้องมีการทิ้งไว้สักครู่..



อ้าว หมดแล้ว..อีกสองรูปครับ..

พี่ลิงลพบุรี กับลิงนครสวรรค์..



สำหรับลพบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่ตัวละครในชิงชัง ไปอาศัยทำมาค้าขายอยู่ แล้วปรากฏว่า ตอนที่ทางเอ็กแซก โทรมาติดต่อซื้อชิงชัง ไปสร้างละคร ก็บอกว่า พี่คนลพบุรี เห็นมีฉากลพบุรีก็เลย..อิอิ อยากได้ไปสร้างละคร เอ มันเกี่ยวกันไหมนี่..

แต่ขอบคุณเจ้าจ๋อนะครับ แหม เมื่อก่อนเอ็งเคยเยี่ยวรดตอนไปเดินเล่นสมัยยังเอาะ ๆ อยู่ โมโหไม่หาย ..อยากเอาหนังสติ๊กยิงให้ตกจากเสาไฟนักเชียว ..ด้วยนึกถึงเจ้าลิงนี่แหละเลยพาให้ตัวละครไปป้วนเปี้ยนอยู่ตรงนั้นซะ..

หมดแม็คแล้วครับ.. ดูแล้วมีความรู้สึกดี ๆ ก็ดีใจจัง แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหวก็ขออำภัยอย่างแรง ๆๆๆ สบายดี สวัสดี แล้วเจอกันกับทริป ดอกอะไรดีหว่า..

...เซี่ย เซี่ย หนี่..




Create Date : 06 กรกฎาคม 2551
Last Update : 28 กรกฎาคม 2551 9:08:41 น. 12 comments
Counter : 2280 Pageviews.

 
ประทับใจกับทริปนี้มากค่ะ แล้วก็กลับบ้านแบบตัวดำ คอดำ (เอ เหมือนกับปกติจะขาวยังไงก็ไม่รู้แฮะ)

อยากบอกให้ท่านนักเขียนทั้งสองทราบและระวังตัวเอาไว้ยว่า ข้าพเจ้ากำความลับของท่านเอาไว้หลายเรื่องมากกกก (ขอบอก) และจะเอาไว้เผาในโอกาสต่อไป อิ อิ



โดย: tarinee IP: 61.90.200.140 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:27:02 น.  

 
กำลังจะเข้ามาทวงรูปเชียว
ตื่นๆๆๆ อยากดูรูปคุณลี อยากเห็นว่าพอลล่าจะสวยได้เท่าคุณลีได้ไหม 555
เสียดายจริงๆที่ไม่ได้ไปกินฟรีด้วย เอ้ย ไม่ได้ไปเที่ยวด้วย ทริปหน้าต้องหาโอกาสไป (กินฟรี) ด้วยให้ได้ หุ หุ


โดย: จระเข้ IP: 124.157.157.106 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:31:12 น.  

 
ท่าทางสนุกกันน่าดูนะคะเนี่ย น่าอิจฉาเจงๆ และก็ให้เป็นห่วงคุณจุ๋มมากๆที่ต้องทนฟังคุณลีซะจนปวดหู อ๊ะอีกอย่างนะคะน้องเฟื่องพี่ว่าได้กินหมูไม่อร่อยของคุณลียังดีกว่าพี่นะคะที่ไม่มีโอกาสได้กิน แล้วที่บอกว่าคิดถึงพุ่มพวงน่ะ คิดถึงได้แต่อย่าตามไปล่ะ ไม่ดี เพราะพี่คงไม่ตามไปอ่านนิยายของน้องเฟื่องตอนอาศัยอยู่กับพุ่มพวงแน่นอน


โดย: พี่น้องค่ะ (หนึ่งมณี ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:42:31 น.  

 


พี่จุ๋ม ความลับของผมที่กำไว้ระวังจะเป็นบาดทะยักนะเอ้อ..เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน เพราะมันไม่ใช่แค่ความลับธรรมดา แต่มันเป็น ความลับลมคมใน เจ็บมือนาคายเดี๋ยวนี้เลย เราเตือนแล้วนะ..


โดย: F_nakhon วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:47:12 น.  

 
ขอแซวก่อนนะ คุณมะเฟื่อง

มันส์ใจไร้สติอยู่พักใหญ่ 555
น่าจะเป็นมั่นใจไร้สติ

จินตนการเอาเองนะว่าเราอยู่กันตรงไหนบ้าง.. เฮ่อๆ
จินตนาการนะ

หลับหูหลับตาแกว่างเอา ฮื่อๆ
แกว่งละมั้ง

เมื่อก่อนเอ็งเคยเยี่ยวรดตอนไปเดินเล่นสมัยยังเอาะ ๆ อยู่
คุณเฟื่อง ต้องเป็นเอ๊าะๆ

โชคดีนะเนี่ยสะกดชื่อน้องตัวเองถูก

ทู้กท่านอย่าไปเชื่อคุณมะเฟื่องค่า อันหมูทอดของคุณยายลีนั้น ข้าพเจ้าว่าอร่อยนา คุณเฟื่องหลอกจะให้คุณลีทำให้อีกทริปล่ะซิ โถ่

คุณจระเข้จ๋า สนใจทริปไหว้พระเก้าวัดมะล่ะ ไปเก็บรูปคุณลีไง นะ นะ





โดย: ่Jum IP: 61.90.200.140 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:40:19 น.  

 
คุณน้องขา มะต้องเป็นห่วงค่ะ คุณลีแกเขียนเกินจริงไปนิ้ด คุณลีคุยสนุกค่ะ (จริงๆ แล้วทั้งคุณยายลีและพ่อมะเฟื่องคุยเก่งทั้งคู่แหละค่ะ)

ส่วนความลับที่บอกว่ากำเอาไว้นั้นยังไงก็ไม่คลายเด็ดๆ
over my dead body ข้ามศพฉานไปก่อน 55555555


โดย: ่Jum IP: 61.90.200.140 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:50:29 น.  

 
พูดถึงหมูทอดลองใจทีไร ของขึ้นทู๊กที แล้วก็ทำให้ที่เคยมั่นใจเต็มร้อยว่าของเค้าอร่อยที่ซู๊ดดดดด
เปลี่ยนเป็นไม่แน่จัยยยยยยยยย

มะเฟื่อง อันความจริงน่ะชอบฟัง แต่จริงเกินไปมันฟังแล้วสะแลงหูเจงๆๆๆๆเร้ยยยยยยยยยยยยย
บอกตรงๆนะมะเฟื่อง ตอนโดนสับเรื่องนิยายยังไม่เฮิร์ทเท่านี้เลย เพราะรู้ว่าสมควรโดนสับโดนแก้

แต่นี่เรามั่นใจว่าอร่อย และเชื่ออย่างนั้นมาตั้งแต่เกิด อยู่ๆมีคนมาบอกว่ามันโนคาร์โนเนชั่น (ไม่มีรสชาติ)
มันรับไม่ด้ายยยยยยยยยยย

ต่อไปนี้คนที่กินอาหารข้าพเจ้าแล้วบอกว่าอร่อย คุณลีจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาพูดจริงงงงงงงงงงงงงง
ถึงคุณจุ๋มจะยืนยัน นั่งยัน นอนยันก็เถอะ

โอววว เขียนนิยายยังไม่ยากเท่าทำหมูทอดให้ถูกปากมะเฟื่องเลย

อย่ากระนั้นเลยต้องเรียกความมั่นใจกลับคืนมา
ทริปหน้าจึงไม่มีหมูทอดให้มะเฟื่องโขกสับอีกแล้ว
ขอเปลี่ยนเป็นมะเฟื่องทำมาเป็นแซมเปิ้ลหน่อยเหอะ
อยากรู้ว่าหมูทอดที่ว่าอร่อยนั้น มันจะ have car have nation (มีรสมีชาติ) แค่หนายยยยยยยยย



ส่วนคุณจุ๋มขา ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบบบบบบบบบ
อันฟามลับที่ว่านี่ สมควรแล้วที่จะกำไว้อย่างนั้น
ต่อให้ over my dead body ข้ามศพฉานนนไปก่อนก็เหอะ (ฮา)



โดย: คุณลี (โมริสา) IP: 125.24.75.11 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:51:31 น.  

 
โอ๊ยอิจฉามากๆๆๆๆๆ ทำกันได้ๆๆๆๆ เวลาเราอยู่เมืองไทยไม่จัดทริป ฮือๆๆๆๆๆๆคอยดูนะคราวหน้าถ้ามีโอกาสจะชวนไปแกะ ปู แทะกุ้งให้อร่อยเหาะไปเลย


โดย: ปารีนา IP: 80.220.22.237 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:39:18 น.  

 
เป็นทริปมิตรภาพจริงๆค่ะ สนุกสนานมากๆ ใครไม่ได้ไปด้วยน่าเสียดายมั๊กมั๊ก ถึงแม้ในกรุ๊ปจะมีทั้ง สว. (สาวสูงวัย) สส. (สาวสาว) และ ครม. (คู่รัก...) หาค่าพิสัยอายุแล้ว........ อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้นเอ๊ง !

คุณลีค่ะ หมูทอดลองใจเนี่ย กานต์ว่ามันอร่อยนะคะ ยิ่งกินกะข้าวเหนียวร้อนๆ รสหวานของข้าวติดลิ้นด้วยอร่อยนา แต่แปลกใจ หลายคนบอกว่าไม่อร่อยได้ไง


เรื่องภาพถ่าย คุณลีเยินยอมากปายค่ะ แค่มือใหม่หัดถ่าย คุณลีชมซ้า........ อายค่ะ

ส่วนที่อิจฉาคุณเฟื่องว่ามีช่างภาพตามติดตลอดน่ะ อย่าอิจฉาเลยค่ะ คุณเฟื่องแกหลงมาเป็นเหยื่อให้กานต์ฝึกฝีมือตะหาก ฮะ ฮะ ฮะ เพราะกานต์เล็งไปที่ใครเห็นหลบกันหมด เหลือแต่แกคนเดียวที่เล่นกะกล้อง ทริปนี้รูปคุณเฟื่องเลยเยอะสุด คือมันมีที่มาค่ะ ....... เพราะกานต์กะคุณเฟื่องเคยพูดคุยเรื่องการโพสต์ การจับมุมกล้องมาก่อนหน้านี้ วิพากษ์วิจารณ์รูปกันมาก่อนพอสมควร กานต์ชอบถ่ายภาพแบบ .....เล่าเรื่องด้วยภาพถ่าย ด้วยเป็นคนขี้เกียจเขียนบันทึก ชอบภาพแบบอิริยาบทธรรมชาติ ไม่ใช่ตัวแบบมายืนตัวแข็งทื่อหน้าป้าย หน้าจุดที่ต้องการ เว้นแต่โพสต์แบบเนียนๆกับจุดที่ต้องการ และมีความพยายามที่จะถ่ายสิ่งที่คนทั่วไปมองว่าธรรมดาซะเหลือเกิน ดึงให้ออกมาน่าสนใจ (กำลังหัดอยู่ค่ะ เพราะนางแบบที่สวยอยู่แล้ว ถ่ายแบบไหนมันก็สวยอยู่วันยังค่ำ แต่....ไอ้ที่ไม่สวยนี่ทำไงหว่า ? อะ อะ ไม่ได้ว่าคุณเฟื่องขี้เหร่น้า อย่าเข้าใจผิด) ส่วนคุณเฟื่อง ชอบที่จะถูกถ่ายรูป ชอบรูปที่มีชีวิตชีวา แต่แกหาตากล้องที่เดาใจแกยาก แกว่างั้น .. ... มันเลยโป๊ะเช๊ะ ลงตัวในทริปนี้ค่ะ แกโพสต์ไม่หยุด เราเลยกดชัตเตอร์ไม่ยั้งมือเหมือนกัน อิ อิ อิ เลยได้ภาพถ่ายมาศึกษาจุดเด่นจุดด้อยของงานเกือบเต็มแผ่นซีดี

ความฮา ความสนุกของคุณเฟื่องมีมากแค่ไหน คุณๆดูได้จากภาพค่ะ มีอีกภาพที่น่ารักมาก คุณเฟื่องแกไม่เอามาลงให้ดู เป็นแอ็ดชั่นแอบหลังต้นไม้น่ะคะ

ส่วนมวลสมาชิกอื่นก็มีในอิริยาบทน่ารักๆ แทบทุกคนค่ะ ภาพคุณลีอมยิ้มกับกล้อง คุณชลยิ้มแก้มยุ้ยตาหยี น่ารักซ้า คุณชลอิงแอบคุณจุ๋มดูแล้วอบอุ่น คู่รักหนุ่มหล่อนายอาตี้กะสาวมิมิ ทีมสว. หนุ่มก้องมาดเท่ห์ รูปมีเยอะค่ะ ใครอยากดูรูปคนไหนลองขอกับเจ้าตัวทางเมลค่ะ ทริปหน้าไหว้พระ จ.อุทัย กับนครสวรรค์ เชิญเพื่อนๆค่ะ " ความสนุกอยู่แค่เอื้อม...ไปกับเรา .... มะเฟื่องทัวร์ "



โดย: กานต์ IP: 125.24.214.242 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:41:17 น.  

 
ก่อนอื่นต้องขออภัย คุณน้องปารีนาของพี่นู๋ลี
ต้องบอกว่าขอเป็นโอกาสหน้าจริงๆ
นู๋ลีจะเลี้ยงดูอย่างดีจะเป็นคนพาไปแทะปูแกะกุ้งเองด้วย รับรองไม่ให้เสียชื่อนู๋ลีแน่นอน

ส่วนทริปดอกกระเจียวนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความคิดของสว.ญาติสนิทของนู๋ลี
พอดีเธอมีวันว่างในวันที่ 29 มิถุนายนพอดิบพอดี แล้วเธอก็บอกกะทันหัน เลยทำให้ขลุกขลัก แต่ไม่ขลุกขลิก
ใจอยากจะชวนคุณปาไปด้วยกัน เพราะรู้ว่ายังไงซะ
คุณปาต้องโดดขึ้นรถมากับพวกเราด้วยแน่ๆ
แต่ก็อย่างที่เห็น ด้วยเวลาจำกัดของสองฝ่าย
เราจึงขอเป็นโอกาสหน้า จะขอต้อนรับให้เต็มที่
ตอบแทนช็อคโกแลตสามกล่องใหญ่ที่มันหมดไปเรียบร้อยโรงเรียนนู๋ลีแล้วค่ะ



ขอตอบคุณกานต์บ้าง
สำหรับเรื่องหมูทอดลองใจ มีแต่มะเฟื่องคนเดียวเท่านั้นแหละค่ะที่บอกว่าไม่อร่อย
แล้วเขาคนเดียวนี่แหละที่ทำให้คุณลีขาดความมั่นใจไปโดยใช่เหตุ
โดนสับนิยายยังไม่เฮิร์ทเท่านี้เลยค่ะ นี่เขาก็บอกว่าวันที่ 20 ให้ลองทำไปใหม่
ประมาณว่าเป็นหมูทอดรีไรท์ เพระผ่านขบวนการขัดเกลาแก้ไขดัดแปลงเรียบร้อย
เหมือนกับนิยายของโมริสาที่เขารีไรท์ให้ไงคะ
คิดได้งัย ????

สำหรับทริปหน้าไหว้พระเก้าวัด ใครใจกล้าจะไปสนุกสุดเหวี่ยงกับเราก็เชิญนะคะ
มีช่างภาพฝีมือดีให้เสร็จสรรพ แล้วยังมีคนคอยเม้าท์เรื่องของคุณตอนกลับจากเที่ยวให้อีกด้วย
รับรองว่าไม่มีทัวร์ที่ไหนจะทำให้ท่านประทับใจเท่า
มะเฟื่องทัวร์อีกแล้ว

นำทีมโดยนักเขียนมือทอง เฟื่องนคร ชอนตะวัน
มีทีมงานเสริมโดยโมริสา นักหัดเขียนมือใหม่
ทำหน้าที่วิ่งไล่ต้อนทุกคนขึ้นรถค่ะ

โอยยยย คอแห้งงงงงงง

ป.ล. คุณสายชล คุณจุ๋มมายืนยันความสนุกหน่อยสิคะ
อ้อยืนยันเรื่องหมูทอดลองใจด้วยเด้อออออออ







โดย: คุณลี (โมริสา) IP: 125.24.38.210 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:49:18 น.  

 
คุณลีคะ

ทริปทุ่งกระเจียว สนุกค่ะ น่าเสียดายแทนผู้ืี่ที่ไม่ได้ไปด้วยกันเนอะ อากาศก็ไม่ร้อนด้วย (ขนาดไม่รอ้นกลับมาตัวดำ คอดำเชียว)

ท่าทางคุณลีจะโดนหลอกให้ทำหมูทอดรีไรท์ซะละมังคะ
ใครว่าไม่อร่อยคราวนี้คุณลีก็อย่าให้ทานซิคะ ให้นั่งมอง
เฉยๆ (อิ อิ)





โดย: Jum IP: 61.90.200.140 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:31:28 น.  

 
Gclub-royal ทางเลือกใหม่สำหรับนักเดิมพันที่ชื่นชอบ ความลุ้นระทึกตื่นเต้นไปกับเกมส์การเล่นที่ได้บรรยากาศจริง โดยมีการถ่ายทอดสดจากปอยเปดส่งตรงถึงท่าน
มีทั้ง บาคาร่า ปอกแปด ปอกเก้า และเกมส์อิเลกทอนิคอื่นๆอีกมากมาย สมัครวันนี้รับฟรี5%ทันที เราพร้อมบริการท่านด้วยใจตลอด 24 ชม. สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่
โทร 083-5414272,083-5424272 หรือ //www.royalclubs.com/gclub.html


โดย: gclub-royal IP: 124.157.224.127 วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:19:57:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

F_nakhon
Location :
นครสวรรค์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




email ถึงผู้เขียน

เฟื่องนคร : f_nakhon@hotmail.com
ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อก เป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน

-------------------


Friends' blogs
[Add F_nakhon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.