นี่อาจจะไม่ใช่คำถามสำหรับคนอื่นๆหลังจากที่ได้ชมไตรภาคในตำนานแห่งวงการภาพยนตร์เรื่องนี้
แต่สำหรับผม.... คำถามนี้ส่งเสียงดังรบกวนอยู่นานเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว
The Godfather เป็นภาพยนตร์ที่ถูกติดฉลากไว้ว่า ไม่ดูไม่ได้ สำหรับคอหนังไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนๆ
2 ภาคแรกได้รับคะแนนมหาชนนิยมสูงทะยานเป็นอันดับสองและสาม จาก IMDB ซึ่งเป็น Website ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานของคนทั่วโลก (เป็นรองเพียง The Shawshank Redemption เพียงเรื่องเดียว)
สาเหตุว่าทำไมมันถึงได้รับการอัญเชิญขึ้นหิ้งจากคนทั่วทุมมุมโลกในแง่การถ่ายทอดเรื่องราว การแสดง รวมทั้งความปราณีตของรังสรรค์ศิลปะชั้นเอก ผมขอไม่เลือกที่จะสาธยาย เพราะคงวิเคราะห์ได้ไม่ถึงเท่าตัวจริงในวงการที่ผลิตบทความที่คุณสามารถหาได้มากมายในจักรวาลอินเตอร์เนตนี้
แต่สิ่งที่ผมอยากจะชักชวนให้ขบคิด คือ คำถามที่ไม่ได้ยินจากภาพยนตรืประโยคสั้นๆที่รบกวนผมข้างบน
คุณได้ใช้ชีวิตอย่างที่คุณเลือกหรือยัง?
Don Vito Collione (ผลงานมาสเตอร์พีซระดับออสการ์จากนักแสดงดังผู้ล่วงลับ Marlon Brando) แสดงภาพพจน์ของความเป็น ผู้อิทธิพลอย่างชัดเจนยิ่งตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้เห็นเขา ภายใต้น้ำเสียงแหบกร้านที่ส่งคำพูดที่ดูนุ่มนวล นั้น มีความเฉียบขาดและเด็ดเดียวซ่อนตัวอยู่
.....ทุกสิ่งที่เขาต้องการ เขาต้องได้ ทุกคำพูดของเขาเป็นกายสิทธิ์ แม้ว่าดูเผินๆเราอาจจะไม่รู้สึกเช่นนั้นก็ตาม
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนเข้าหาเขา หวังว่าจะใช้เขาเป็นเครื่องมือที่จะช่วยขจัดปัญหาหรือความไม่สะดวกสบายในชีวิตแลกกับความศิโรราบนอบน้อมและหนี้บุญคุณ ซึ่งนั่นฉายให้เห็นสถานะความจริงว่าแท้จริงแล้วคนเหล่านั้นต่างหากที่กำลัง ถูกใช้
.........นั่นยิ่งทำให้เป็นแรงเสริมของความเป็นอิทธิพลที่แผ่ขยายกว้างขวางและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ......
แต่วาระสำคัญที่รบกวนจิตใจในช่วงบั้นปลายชีวิตมาเฟียของดอนอยู่เป็นเนืองๆ คือ การบ่มเพาะผู้สืบทอด
ซึ่งนั่นไม่ใช่ภารกิจที่ง่าย เพราะอาณาจักรตระกูลคอร์ลิโอเนไม่ว่าจะในมิติด้านธุรกิจ ด้านอิทธิพล หรือด้านครอบครัว ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการขับเคลื่อนของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น.....คนที่อยู่จุดสูงสุดของตระกูล
เขารู้ว่าเมื่อวันที่เขาหมดอำนาจลง คนภายนอกเหล่านั้น ล้วนจะต้องการกระชากทุกสิ่งจากตระกูลคอร์ลิโอเนเป็นเสี่ยงๆ มันจึงไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ หากแต่มีเรื่องความมั่นคง ความเป็นอยู่ ครอบครัว.... มันเป็นทุกอย่าง
ผู้สืบทอดจึงเป็นภารกิจชิ้นสุดท้ายของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง และตัวเลือกก็มีอยู่อย่างจำกัดเขา ไม่สามารถไว้ใจเลือกคนที่ไร้เลือดของเขาไหลเวียนอยู่ในร่างได้ ซึ่งภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวทำให้มีผู้สมัครที่ขาดคุณสมบัติอยู่ 3 หมายเลขด้วยกัน
หมายเลข 1 ซานติโน่ คอลลิโอเน่ หรือ ซันนี่พี่ชายคนโต มาพร้อมกับบุคลิกที่ก้าวร้าว หุนหันพลันแล่น ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ขยันสร้างศัตรู ใช้ชิวิตเสเพล เสพชีวิตของความเป็นเจ้าพ่อ ในภาพพจน์ที่ประขาชนทั่วๆไปเคยเข้าใจกัน บุคคลิกและกรอบความคิดเป็นละขั้วกับผู้เป็นพ่ออย่างชัดเจนแม้เขาจะยินดีอาสาทำตัวเป็นผู้สืบทอดอย่างชัดเจนก็ตาม
หมายเลข 2 เฟรดดี้ คอลลิโอเน่ มาพร้อมกับความอ่อนแอ หวั่นไหว ไม่กล้าและสติปัญญาที่ไม่ถึงมาตรฐาน
หมายเลข 3 ไมเคิล คอลลิโอเน่ น้องคนเล็กที่มีตรรกะ ไหวพริบภายใต้บุคคลิกนิ่งๆ สุขุม เขาบูชาความรัก มีความคิดความฝันเป็นของตัวเอง ความฝันที่สวนทางกับแวดล้อม ตรงกันข้ามก้บเส้นทางของผู้เป็นพ่อ
ลำพังถ้ารูปการเป็นลักษณะนี้ การค่อยๆขัดเกลาซันนี่ด้วยเหตุการณ์และเวลาคงจะเป็นความตั้งใจของดอน
แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป
.......เมื่อดอนถูกลอบยิงอาการสาหัส.......
เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่ในเทอมนี้ สถานการณ์...สร้างความรับผิดชอบ มากกว่า สถานการณ์กลับบีบคั้นให้ไมเคิลผู้น้องต้องจับปืน สวมบทมาเฟียเป็นครั้งแรก เพียงเพื่อปกป้องครอบครัวเอาไว้
เขาจำเป็นต้องเลือกเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่เขาอยากเลือก...........
และการเลือกครั้งนี้...ได้พลิกโฉมชีวิตเขาไปยังอีกด้านอย่างสิ้นเชิง
เขาต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นเส้นทางของความเป็นเจ้าพ่อที่ซิซิเลีย โดยที่เขาอาจจะไม่เต็มใจและอาจจะไม่ทันตั้งตัว
และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเจ้าพ่อ ทั้งเรื่องอาชญากรรม การทำธุรกิจ ศีลธรรม ครอบครัว การหักหลังและอีกแง่มุมที่แสนเข้มข้นในอีกสองภาคต่อมา
และเมื่อถึงจุดที่สะท้อนให้เห็นถึงการสนองตอบต่อปมของเขาเรื่องการกำหนดเส้นทางชีวิตในภาคสุดท้าย เมื่อถึงวัยที่ต้องเริ่มมองหาผู้สืบทอด มันก็ให้คำตอบบางอย่างกับเรา....
เมื่อลูกชายคนเดียวของเขามาขอโอกาสเขาในการกำหนดชีวิตของตัวเองเพื่อเป็นนักร้องโอเปร่าที่ใฝ่ฝัน ดอนที่แสดงอาการต่อต้านอย่างเด็ดขาดในครั้งแรกที่รู้ จู่ๆก็กลับยอมรับในความฝันต่างขั้วที่มิอาจยอมรับได้ของลูกชายราวกับว่าลืมบุคคลิกการไม่ยอมรับการปฎิเสธของเขาไปชั่วขณะ เหมือนตระหนักอะไรได้บางอย่าง และในที่สุดเขาก็ได้เปิดใจยอมรับกับการใช้ชีวิตที่ใฝ่ฝันของลูกชายเขา ด้วยกิริยาที่ยินดีจากจิตใจ
ในฉากสุดท้ายของเรื่อง...ภาพสั้นๆในลมหายใจสุดท้ายของดอนได้ถูกนำมาฉายผ่านความทรงจำของเขา วินาทีแห่งความรักที่บริสุทธิ์ไร้การสวมบทบาทมาเฟีย ชีวิตในฝันที่เขาได้สัมผัสมันแค่ในระยะสั้นๆ เป็นความสุขเล็กๆในเส้นทางของคนอื่นที่เขาใช้มาตลอดชีวิต
แม้เป็นชีวิตเจ้าพ่อที่เหมือนจะมีทุกอย่าง แต่เราพูดได้ไม่เต็มปากว่าเขามีความสุข
คุณได้ใช้ชีวิตอย่างที่คุณเลือกหรือยัง?
ตระกูลของคุณเป็นมาเฟียหรือเปล่า?
จำเป็นแค่ไหนที่ต้องมีภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สืบทอดให้ต้องรับผิดชอบ?
ถ้าคุณไม่มี....ผมก็ถือว่าเป็นความโชคดีประการหนึ่ง...ที่คุณมีอิสระ...
แต่คุณอิสระจริงๆหรือเปล่า?
อะไรบางอย่างบอกให้เราต้องเรียนดีๆ เรียนสูงๆในสายวิชาที่ได้รับความนิยม ได้รับการยอมรับและ ทำเงินได้
อะไรบางอย่างบอกให้เราเดินเข้าไปสมัครงานในบริษัทใหญ่ๆที่มีชื่อเสียง ที่ทำให้เราตอบคำถามทำงานที่ไหน? ได้อย่างไม่อายใคร
อะไรบางอย่างบอกให้เราต้องทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำกันในแบบที่คนอื่นเขาทำกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คนอื่นเขาได้กัน
อะไรบางอย่างบอกให้เราใช้ชีวิตภายใต้มาตรฐานและค่านิยมที่คนทั่วไปเขายึดถือ กินร้านนี้ ซื้อของที่ร้านนี้ เที่ยวที่นี่ ใช้รถยี่ห้อนี่
อะไรบางอย่างบอกให้เราต้องเดินบนเส้นทางที่ลึกๆแล้วเราก็รู้ตัวเองว่า เราไม่ได้มีความสุขและไม่ได้ต้องการอยู่บนเส้นทางนี้
คุณกำลังมี ค่านิยมสังคม เป็น เจ้าพ่อที่มองไม่เห็น อยู่หรือเปล่า ?
เส้นทางของคุณ ความฝันของคุณ อนาคตของคุณ....ชีวิตของคุณ คุณกำหนดเองได้...
แล้วคุณได้ใช้ชีวิตอย่างที่คุณเลือกหรือยัง?
.
.
.
.
เคยเป็นเจ้าพ่อมาเฟียแบบจำใจมาก่อนค่ะ
ด้วยเรื่องงาน ที่มักคิดว่ามันไม่ใช่
ทนทำไปเพราะเป็นเรื่องของปากท้อง
แต่ตอนนี้เต็มใจแล้ว
รักในสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกว่าไม่ต้องทน
แวะมาเจิมให้ค่ะพระเอก
แอมอร